All Blog
Hitomi no Saki ni มิตรภาพของเรา


Hitomi no Saki ni ของ Orange Range

ดูเพลงนี้แล้วรู้สึกดี มิตรภาพที่เราเกือบลืมไปแน่ะ..เผอิญดูซ๊รีส์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับการสร้างนักบินอวกาศแล้วเพลงนี้ประกอบซีรี่ส์ อีอย่างเมื่อดูท้ายเรื่องจะมีเพลงจบใช่ไหม ภาพประกอบเกี่ยวกับนักบินอวกาศความฝันที่จะก้าวไปสู่อีกดวงดาวหนึ่ง มันเป็นความฝันที่ตั้งใจสูง ..สมัยก่อนมีเพื่อนกลุ่มที่เรียนมัธยมด้วยกันตั้งเป็นกลุ่มแก๊ง..(ตอนนั้นคิดว่าเท่ห์อ่ะ)..แต่ไม่ได้ไปตบตีใคร แก๊งเรายึดกิจกรรม ทำงานห้อง งานโรงเรียนเวลาโดนหยามเราก็มารวมตัวกันใหญ่เข้าไว้มันจะได้กลัวเรา..ฮ่าๆๆ จริง ๆ ไม่มีอะไร แต่คู่อริส่วนใหญ่จะเป็นห้องคิง ห้องเก่ง..เราห้องรองก็เก่งเหมือนกัน..จำได้ว่างานที่ใหญ่มากและชวนเพื่อน ๆ มาร่วมกันทำก็คือ ละครวิทยาศาสตร์..ทำร่วมกันหมด ซึ่งเพื่อน ๆมันก็ดันยอม..(มันเชื่อใจตูได้ไงวะ)กว่าที่จะสำเร็จได้..ก็สร้างมิตรภาพดี ๆ สำหรับเพื่อน ๆทุกคน..คิดถึงเมื่อไหร่ก็มีความสุขยิ้มได้ทุกครั้งแม้ตอนนี้มันจะกลายเป็นเรื่องเด็ก ก็ตาม

"ถ้าพูดคำว่าไม่ เมื่อไหร่จะไปถึง"

คำ ๆ นี้จำไม่ได้แล้วว่าใครพูดหรืออาจจะอ่านจากหนังสือเล่มไหนซักเล่ม แต่มันมีความหมายดีมาก ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำอะไรได้ เหมือนในเพลง ๆ หนึ่งของญี่ป่นที่มีความหมายว่า แม้จะแพ้แต่ก็สุดยอดแล้ว เป็นคำปลอบใจที่ซึ้งมาก..การแพ้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจุดหนึ่ง..เราคิดว่าอย่างนั้นนะ

สมัยก่อนเรียนหนังสือในระดับมัธยม มีการแข่งขันกันสูง เรารู้สึกต้องได้ที่ดี ๆ อย่างที่พ่อกับแม่บอก..ต้องเก่งนะ..ไม่อย่างนั้นก็สอบเข้าที่ดี ๆไม่ได้..ทั้ง ๆที่..ช่วงม.ต้นก็เริ่มเห็นสิ่งที่ตัวเองเลือกเเล้ว...อยากเรียนศิลปะ..ลงทุนส่งขอโควต้าวิจิตรศิลป์ไปวิทยาลัยแห่งหนึ่งแต่..จะชะตาหรือความซวยก็ไม่รู้ เขาไม่เอา..เขาเอาผุ้ชายอ่ะ?..เลยจำต้องเรียนสายวิทย์ต่อไป..พอจะขึ้นม.4ก็กะเรียนสายภาษา..อ้าววววงงดันปิดสายนั้นซะงั้น..(ซวยจริง) ด้วยความเป็นเด็กและอะไรต่าง ๆ ก็ไม่เอื้ออำนวยเลยเรียนสายวิทย์ต่อไปและตั้งใจที่จะสอบเข้าในสิ่งที่พ่อต้องการ...ทั้ง ๆที่ดันยังไงตัวเองก็เริ่มไม่ไป..หัวไม่ไปเลย..อีกทั้งสมัยนั้นเป็นการสอบเอนทรานซ์แบบเก่า..ยังไม่มีการเปลี่ยนเหมือนปัจจุบัน(แกก็รุ่นสุดท้ายแหละวะ)..หวังสูงมาก..เพราะเริ่มเห็นสิ่งที่จะเป็นทางออกให้กับตัวเองเพราะรู้แล้วว่าไม่ชอบคณิต ไม่ชอบชีวะ ไม่ชอบฟิสิกส์ เราชอบสังคม ประวัติศาสตร์ ภาษาอังกฤษ..แต่ว่า..พ่ออยากให้เป็นนางพยาบาล?..ทางออกในการเอนทรานซ์คือเลือกคณะที่เอกภาษาทั้งหมด..อิๆๆ โดยไม่บอกใคร..แต่เพราะความที่อยู่ม.ปลายเล่นมากเกินไป..อ่านหนังสือก็ไม่ค่อยอ่าน เพราะคิดว่าการสอบคงไม่เท่าไหร่..เกรดเราก็ดีอยู่แล้ว..สอบไม่ติดซักที..โมโหตัวเอง..พาลให้ระบบการศึกษาซะงั้น..คิดว่าไปเรียนกฎหมายซะดีไหม..คิดการณ์ใหญ่หาทางไปแก้กฎหมายโน่นนน..(บ้าหรือเปล่า)

แต่มาคิดอีกที..ตอนนี้มีความสุขดี..เราเอนฯไม่ติดแต่ก็ได้เรียนเรื่องที่ไม่เคยเจอ..ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ..ได้เดินทางไปทั่ว..ใช้ความคิดในงานที่ทำ สร้างสรรค์งาน..เออ..ดีนะที่ได้เรียนที่นี่..(ไม่บอกว่าที่ไหน..อิๆ)

การแพ้ครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม้จะร้องไห้เป็นเผาเต่าอยู่หลายวันก็เหอะ..ถ้าไม่มีวันนั้นเราคงไม่รู้จักเพื่อน ๆที่อยู่กลุ่มเรา มิตรภาพที่ดี ๆ ความน่ารักแม้ว่าจะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยมานานแล้วแต่..เพื่อนก็ยังช่วยดูแลกันอย่างดี..ขอบคุณคร๊าบบบบ..ได้เรียนรู้ชีวิตการเรียนที่ไม่ได้มีแต่ทฤษฏี..รู้จักคุณครูประจำห้องที่บอกตอนเรียนจบว่า..ครูไม่เคยหวังให้นักศึกษาทุกคนได้เป็นนักข่าวผู้ยิ่งใหญ่..ไม่จำเป็นต้องเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อเสียง ไม่ต้องเป็นตากล้องระดับชาติ..ลูกศิษย์ครู..ขายลูกชิ้นแล้วประสบความสำเร็จก็ยิ่งใหญ่แล้ว...เอาตัวรอดให้ได้กับชีวิตปัจจุบันนี้..ประโยคนี้ฝังใจมาตลอด..นี่แหละคือความทรงจำที่ไม่เคยลืม..

แด่มิตรภาพของเพื่อน ๆ คุณครู และเพื่อนร่วมโลกทุกคนค่ะ



Create Date : 15 กรกฎาคม 2552
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 10:19:30 น.
Counter : 491 Pageviews.

1 comments
  
มาทักทายค่า
โดย: onedermore วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:50:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดนตรีในสายลม
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ฟังดนตรีไม่มีเสียงร้อง..บ่นเป็นตัวหนังสือมากกว่าพูด..