All Blog
"Back to basic ... Classic is the best" กับเมนู คลาสสิกสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า


สวัสดีครับ ... วันนี้เสือตะหลิวจะขอนำเสนอเมนูที่คอสายเส้นอิตาเลี่ยนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือเมนู สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า
แต่คาโบนาร่าของเราในวันนี้จะไม่ใช่คาโบนาร่าแบบทั่วๆไปแต่จะเป็น คาโบนาร่าสไตล์คลาสสิก ที่ทำง่ายมากๆแถมอร่อยมากๆเพราะจะไม่เลี่ยนและไม่มีความมันอะไรมากมายเหมือนคาโบนาร่าแบบปกติทั่วๆไปครับ

แรกสุดคนผสมไข่แดง(เฉพาะไข่แดงนะครับ)กับพาเมซานชีส อัตราส่วน ไข่แดง 1 ฟองต่อพาเมซาน 1 ช้อนชา หรืออาจจะ 2 ช้อนชาก็ได้ถ้าหากคุณเป็นสาย chesse hardcore

ต้มเส้นสปาเก็ตตี้กันต่อเลย ตั้งน้ำเดือดๆใส่เกลือกับน้ำมันพืชเล็กน้อย ต้มประมาณสัก 10 นาที ลองชิมดูถ้ามันหนึบๆแบบ AL DENTE ก็ถือว่าใช้ได้เอาออกมาสะเด็ดน้ำพักไว้ได้เลยครับ ส่วนน้ำต้มเส้นอย่าพึ่งทิ้งนะครับ เทใส่ถ้วยหรือชามอะไรเอาไว้ก่อน

ตั้งกระทะไฟปานกลาง พอร้อนได้ที่ใส่เบคอนลงไปผัดพร้อมกับกระเทียมสับและพริกไทยดำบด ผัดไปเรื่อยๆจนกว่าจะหอมและน้ำมันเบคอนออกมาเคลือบกระทะนะครับ

หลังจากนั้น ใส่เส้นลงไปผัดไวๆเลยครับ กะว่าเอาแค่ให้เส้นเคลือบน้ำมันเบคอนให้ทั่วๆ ก็ถือว่าใช้ได้ จากนั้นก็ปิดไฟยกกระทะออกจากเตาเลยครับ

รีบเทไข่ที่เราผสมพาเมซานเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกลงไปทันทีเลยครับ แล้วรีบๆคลุกผสมให้เข้ากัน จากนั้นก็ค่อยๆตักน้ำต้มเส้นที่เราเก็บไว้ใส่ไปเรื่อยๆคนไปเรื่อยๆทีละสักช้อนสองช้อนโต๊ะ คนไปเรื่อยๆใส่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ความครีมความมันในระดับที่เราต้องการ จากนั้นก็ตักใส่จานได้เลยครับ

โรยพาเมซานเป็นท๊อปปิ้งอีกสักรอบ ปิดท้ายด้วยพริกไทยดำบดก็เป็นอันเสร็จพร้อมรับประทานได้เลย

"ความหอมของน้ำมันเบคอน กับเนื้อสัมผัสของเส้นที่มีความนุ่มหนึบแบบ AL DENTE ผสานด้วยความมันของไข่แดงและพาเมซานชีส"
เมนูคาโบนาร่าจานนี้ทานแล้วรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมที่กำลังดี ไม่ถือว่าเลี่ยนจนเกินไปเพราะไม่ได้ใส่ครีมลงไปสักหยด ตัวพาเมซานและเบคอนมีระดับความเค็มที่พอดีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเติมเกลือเพิ่มแต่อย่างใด

สามารถติดตามอัพเดทสูตรอาหารและรีวิวอาหารอร่อยๆได้ทุกวันที่ facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี " นะครับ
ชอบกด ไลท์ ใช่กด แชร์ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5--228336354748332/?ref=br_tf&epa=SEARCH_BOX



Create Date : 21 มกราคม 2562
Last Update : 21 มกราคม 2562 17:56:37 น.
Counter : 1074 Pageviews.

3 comment
มาโพสต์ไข่ กับ Poached egg แสนอร่อย


สวัสดีครับ ... วันหยุดไปเที่ยวไหนกันมาบ้างครับ
วันนี้เสือตะหลิวจะมาทำอาหารกันนะครับ
โดยเมนูในวันนี้จะเป็นเมนูไข่แสนง่ายแต่หน้าตาหน้าทาน ซึ่งก็คือเมนู Poached egg หรือ คนไทยมักเรียกกันติดปากว่า "ไข่ดาวน้ำ" ครับ

ไข่แดงเยิ้มๆ ห่อหุ้มด้วยไข่ขาวที่จับตัวกันเหมือนวุ้นนุ่มๆท๊อปปิ้งอยู่บนผักย่างหอมมันอมเปรี้ยวนิดๆ

อย่างแรกเราก็เริ่มจากการ seasoning ผักกันก่อนนะครับ
ใช้แค่เกลือ พริกไทย น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูเพียงเล็กน้อย และน้ำมันพืช คลุกเคล้ากับผักที่เตรียมไว้ได้เลยครับ

จากนั้นก็เอาผักมาย่างได้เลยครับ ย่างไฟปานกลางให้สุกหอมทั่วๆกันเลยนะครับ ย่างเสร็จก็เอามาพักไว้ได้เลยครับ

มาเตรียมไข่กันต่อ โดยเลือกเน้นเลือกไข่ที่สดๆเลยนะครับ สดแบบควักออกมาจากตูดไก่เลยได้ยิ่งดี 555
ตอกไข่ใส่ถ้วยใบเล็กๆพักไว้ก่อนนะครับ ตอนนี้อย่าให้ไข่แดงแตกเด็ดขาดเลยนะครับ เราจะมาเจาะไข่แดงกันทีหลัง 555

เอาไข่ไปกรองสักหน่อยก็ได้ครับ เพื่อแยกน้ำไข่ออกจากไข่ หาตะแกรงตาถี่ๆแล้วเทไข่ใส่เพื่อกรองน้ำไข่เหลวๆออก เราจะใช้แต่เนื้อไข่แบบเน้นๆครับ

หาหม้อหรือกระทะก้นลึกๆนะครับ ใส่น้ำเกือบเต็มแล้วใส่น้ำส้มสายชูสัก 1-2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟให้น้ำเดือด จากนั้นหลังจากน้ำเดือดก็เบาไฟลงให้อ่อนที่สุดเพื่อให้น้ำหยุดเดือดและนิ่งที่สุด จากนั้นก็คนน้ำเป็นวงกลมให้กลายเป็นวังน้ำวนไปเลยนะครับ

เทไข่ไก่ที่กรองเรียบร้อยแล้วลงไปตรงกลางวังน้ำวนเลยครับ จากนั้นก็รอสักประมาณ 3 นาที โดยที่อย่าไปยุ่งอะไรกับไข่เลยนะครับ

พอครบสามนาทีก็ค่อยๆช้อนไข่ออกมาสะเด็ดน้ำพักไว้เลยนะครับ

หลังจากสะเด็ดน้ำเรียบร้อยก็เอาไข่ที่ได้มาประกอบร่างรวมกับผักที่ย่างไว้เลยครับ โรยพริกไทยอีกสักเล็กน้อยแต่พองามก็เป็นอันเสร็จครับ

เจาะไข่แดงไปเลย!!!! 555
น้ำไข่แดงอุ่นๆจะทำหน้าที่เป็นซอสให้กับเมนูนี้ไปโดยอัตโนมัติ รสมันของไข่เข้ากันได้ดีกับผักย่างหอมๆที่อมเปรี้ยวนิดๆ


สามารถติดตามอัพเดทสูตรอาหารอื่นๆรวมถึงรีวิวร้านอาหารอร่อยๆได้ทุกวันที่ facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "
ชอบกด ไลค์ ใช่กด แชร์ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5--228336354748332/



Create Date : 14 มกราคม 2562
Last Update : 14 มกราคม 2562 17:56:07 น.
Counter : 2201 Pageviews.

1 comment
เหล่าเจ้ามือพึ่งระวัง เพราะวันนี้เค้าคือ " หมูเด้ง "


สวัสดีชาวสมาชิกทุกท่านนะครับ ขอโทษทีครับที่วันนี้พาดหัวกระทู้ซะล่อแหลม (555) แต่สรุปก็คือวันนี้ผมจะมาขอแชร์เมนู "หมูเด้ง" ซึ่งเป็นเมนูที่หาทานได้ตามร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไปโดยเฉพาะร้านก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ เป็นเมนูที่อร่อยมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นแผ่นหมูสับที่มีความเด้งคล้ายลูกชิ้นแต่ก็ยังคงความหยาบร่วนของความเป็นชิ้นหมูอยู่ ถ้ายังไงเรามาเริ่มกันเลยนะครับ

อยากแรกก็มาเริ่มหมักหมูกันก่อนนะครับ ส่วนผสมหลักๆต่อหมูบด 1 กิโลกรัมคือ ไข่ไก่ 1 ฟอง(เลือกเอาเฉพาะไข่ขาว) แป้งมัน 4-5 ช้อนโต๊ะ ผงฟู(ถ้ามี) 2-3 ช้อนชา ส่วนที่เหลือใครอยากจะปรุงรสอะไรเท่าไหร่ก็แล้วแต่เลยครับ พริกไทย กระเทียม เกลือ น้ำตาล น้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย เลือกเอาตามที่ถนัดเลยครับ แต่อย่าปรุงรสเยอะนักนะครับ เดี๋ยวหมูจะแฉะเกินไป ส่วนใครที่จะบดหมูเองผมก็ขอแนะนำว่า อัตราส่วนตามน้ำหนักเนื้อหมูกับมันหมู อยู่ที่ประมาณ 8:2 นะครับ

นวดผสมคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นก็แร๊ปเก็บไว้ในตู้เย็นช่องปกติสัก 2-3 ชั่วโมง หรือจะทิ้งไว้ค้างคืนก็ได้ครับ พอเห็นว่าเนื้อหมูกับส่วนผสมจับตัวกันแน่นดีแล้ว ก็เอาออกมาตำกับครกจนเนื้อหมูมีความฟู แต่ถ้าใครไม่ถนัดตำก็อาจจะใช้เครื่องตีขนมปังก็ได้ครับ หรือถ้าชอบงาน handmade ก็นวดพับทบไปเรื่อยๆแบบนวดขนมปังไปเลยครับ (555)

ทีนี้ก็ได้เวลาเอามาลวกน้ำร้อนแล้วครับ ตั้งไฟให้น้ำเดือดจากนั้นก็ลดไฟให้อ่อนสุดๆจนน้ำนิ่ง เราจะลวกหมูที่อุณหภูมิประมาณ 60-80 องศานะครับ ห้ามลวกในน้ำเดือดครับ ไม่งั้นหมูอาจจะระเบิดได้ (555)


หลังจากที่เตรียมน้ำจนได้ที่แล้ว ก็เอาเนื้อหมูมาปั้นเป็นแผ่นบางๆได้เลยครับ ค่อยๆหยอดไปทีละชิ้น ใช้เวลาลวกต่อชิ้นประมาณ 3-5 นาที ลองจับหมูดูครับ ถ้ารู้สึกเฟิร์มๆเด้งๆ ก็ถือว่าโอเคแล้ว

ลวกเสร็จก็เอาขึ้นมาพักสะเด็ดน้ำสักหน่อย อาจจะเอาคลุกกับน้ำมันพืชสักเล็กน้อยเพื่อให้ผิวของเนื้อหมูดูมีความฉ่ำก็เป็นอันเสร็จครับ หลังจากนี้ใครจะเอาไปผัด ทอด ต้ม ยำ ทำ แกง อะไร ก็แล้วแต่เลยครับ หรือจิ้มน้ำจิ้มกินทั้งอย่างนั้นเลยก็อร่อยฟินไปอีกแบบครับ เพียงเท่านี้เราก็จะได้เมนู "หมูเด้ง" ที่พอเอาเข้าปากก็อร่อยเคี้ยวเพลินเด้งไปเด้งมาพาเจ้ามือขยาดแล้วครับ (555)

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทีมงาน pantip และชาวสมาชิกทุกท่านที่ให้การสนับสนุนนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ

อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17

ไม่นานมานี้ผมลองทำ Fanpage ของตัวเองดู ลองเข้าไป search ดูใน facebook ได้นะครับ ชื่อ เสือตะหลิว "อาหาร กับ ชายชาตรี " ถ้าชอบกด ไลค์ ถ้าใช่กด แชร์ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ





Create Date : 05 มกราคม 2562
Last Update : 10 มกราคม 2562 22:14:16 น.
Counter : 3128 Pageviews.

2 comment
สวัสดีปีใหม่...ต้อนรับปีกุน กับเทคนิคการผัดข้าวแบบไม่ผลัดความอร่อยในเมนู "ข้าวผัดกุนเชียง"


สวัสดีปีใหม่ชาวสมาชิกทุกท่านนะครับ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ปีกุน ก็เลยอยากจะขอแชร์เมนูกุนๆกันสักหนึ่งเมนู กับเมนู "ข้าวผัดกุนเชียง" ที่อาจจะดูเหมือนง่ายแต่แฝงไปด้วยความอร่อย โดยสไตล์การผัดข้าวผัดของผมจะค่อนข้างแตกต่างจากการผัดข้าวทั่วไปอยู่เล็กน้อย ถ้ายังไงเรามาเริ่มกันเลยนะครับ

ก่อนอื่นก็เตรียมวัตถุดิบหลักๆง่ายพื้นๆกันก่อนนะครับ คือ ข้าวสวยค้างคืน กุนเชียงหั่นเต๋าลวก ไข่ไก่แบบแยกไข่แดงไข่ขาว กระเทียมและต้นหอมซอย

ตั้งกระทะไฟแรงใส่น้ำมันเล็กน้อย จากนั้นก็ใส่กระเทียมลงไปผัดพอเริ่มหอมก็จัดกุนเชียงลงไปผัดต่อแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันจนกุนเชียงเริ่มส่งกลิ่นหอมก็ตักออกมาพักไว้ก่อนนะครับ

ไม่รอช้ากระทะใบเดิมเลยครับ เทไข่ขาวลงไปผัดต่อ ผัดจนไข่ขาวเริ่มจับตัวและกระจายออกเป็นริ้วๆ จากนั้นก็ตักไข่ขาวออกมาพักไว้ก่อนได้เลยครับ

ยังไม่หนีไปไหนนะครับ กระทะใบเดิมร้อนๆใส่ไข่แดงที่ตีไว้ลงไปแล้วรีบยกกระทะออกจากเตาจากนั้นก็รีบคนให้ไข่แดงสุกแตกมันกระจายทั่วๆเลยครับ

ทีนี้ถึงคราวรวมญาติแล้วครับ กระทะที่ตีไข่แดงทิ้งไว้เมื่อกี้ ก็เอากลับมาตั้งเตาใหม่ แล้วรีบประเคนส่วนผสมที่เตรียมไว้ทั้งหมดลงไปเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นกุนเชียง ไข่ขาว และข้าวสวยค้างคืน ผัดไฟแรงให้กระจุยกระจายเข้ากันไปเลยครับ จากนั้นจึงปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวตามชอบ โรยพริกไทยสักหน่อย จากนั้นก็ผัดต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี

สุดท้ายพอส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว ก็โรยต้นหอมซอยลงไปแล้วดับไฟได้เลยครับ กระดกกระทะสัก 2-3 รอบ แล้วก็เทใส่จานเตรียมใส่ปากได้เลยครับ

ข้าวผัดสูตรของผมจะต่างจากข้าวผัดอื่นๆตรงที่จะแยกไข่แดงและไข่ขาวผัดต่างหาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสลงไปในข้าวโดยเนื้อไข่ขาวจะรู้สึกเหมือนเป็นวุ้นๆแห้งๆ ส่วนเนื้อไข่แดงจะให้เนื้อสัมผัสแบบเนื้อมันละเอียด ผนวกกับกุนเชียงเนื้อหวานมันนุ่มกำลังดี นี่ยังไม่รวมข้าวสวยหุงค้างคืนที่เอามาผัดจนร่วนแบบมันทุกเม็ดอีก รับรองว่าเมนูนี้อร่อยจริงไม่จิงโจ้แน่นอนครับ


ขอบคุณครับ.....และขอให้ชีวิตในปีนี้ของทุกท่านมีความอุดมสมบรูณ์ราวกับน้องหมูที่ตัวอ้วนท้วนนะครับ
หมูหมูหมูหมูหมู

ขอแนะนำเพิ่มเติมนะครับ พอดีผมลองทำ Fanpage ของตัวเองดู ลองเข้าไป search ดูใน facebook ได้นะครับ ชื่อ เสือตะหลิว "อาหาร กับ ชายชาตรี " ถ้าชอบกด ไลค์ ถ้าใช่กด แชร์ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5--228336354748332/






Create Date : 02 มกราคม 2562
Last Update : 10 มกราคม 2562 22:13:34 น.
Counter : 1030 Pageviews.

2 comment
Basic การทำน้ำสต็อค แสนง่าย กับ ซุปไข่สไตล์จีนฉบับส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่


สวัสดีครับ วันนี้จะมาขอแชร์เมนูสุดท้ายสำหรับปีนี้นะครับ เป็นเมนูที่ง่ายถึงง่ายมากๆ เป็นเหมือน basic พื้นฐานเริ่มต้นของการทำอาหารซึ่งก็คือ การทำน้ำสต็อคครับ โดยหลังจากที่เราเตรียมน้ำสต็อคเรียบร้อยแล้วเราก็จะนำน้ำสต็อคนั้นมาทำเมนูซุปแสนง่ายหนึ่งเมนูที่สามารถหาทานได้ตามร้านอาหารจีนทั่วทั้งโลกอย่างเมนู "ซุปไข่สไตล์จีน" ครับ

สำหรับการทำน้ำสต็อคนั้น ศัพท์การทำอาหารฝรั่งเศสจะเรียกว่า mirepoix(เมียค์-พัวค์) ซึ่งก็คือการทำน้ำสต็อคผัก โดยการทำน้ำสต็อคผักนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำสต็อคระดับร้านอาหารข้างถนนหรือร้านอาหาร fine-dining ระดับมิชลินสตาร์ ยังไงก็จะต้องเริ่มมาจากผัก 3 ชนิดก่อนครับ โดยจะประกอบไปด้วย หัวหอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย และแครอท อัตราปริมาณตามน้ำหนักเริ่มต้นจะอยู่ที่ หอมใหญ่ 2 ส่วน ขึ้นฉ่าย 1 ส่วน และ แครอท 1 ส่วน ซึ่งพอหลังจากนี้ถ้าใครอยากจะทำให้น้ำสต็อคมีความซับซ้อนขึ้นก็แล้วแต่เลยครับ อยากจะใส่ขิง กระเทียม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ไทม์ โรสแมรี่ หรือหญ้าฝรั่นก็ใส่ตามใจชอบได้เลยครับ หรือถ้าอยากทำสต็อคสัตว์ ก็เพียงแค่เพิ่มกระดูกสัตว์ลงไปเคี่ยวด้วยก็เป็นอันจบครับ

ทีนี้เรามาดูเมนูของวันนี้กันก่อนเลยนะครับ โดยเราจะเริ่มจากการล้างและหั่นผักที่เตรียมไว้กันก่อนเลยนะครับ ซึ่งจะมี หอมแขก ขึ้นฉ่าย และแครอท (ใช่ครับ...อ่านไม่ผิดครับ พอดีวันนี้ผมไปซื้อผักที่ร้านใกล้บ้านกะว่าจะซื้อหอมใหญ่ แต่ไม่รู้อะไรบันดาล หอมใหญ่หมดเหลือแต่หอมแขก ก็เลยแบบว่า เอาวะ ลองดูซักตั้ง...555) ผมจะใส่แค่ผัก 3 ชนิดนี้เท่านั้นนะครับ เพราะจะทำให้ดู basic ที่สุด ถ้าหากว่าใครอยากลองใส่อะไรเพิ่มก็แล้วแต่เลยครับ โดยหลังจากเตรียมผักเสร็จก็ตั้งเตารอน้ำเดือด แล้วใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไปเลยครับ

เคี่ยวผักในน้ำเดือดสักพัก จากนั้นลดไฟลงเป็นไฟอ่อนแล้วก็เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างนี้ถ้าหากมีฟองขึ้นเยอะ ก็ค่อยๆช้อนฟองออกนะครับ ลองเช็คดูที่เนื้อแครอทนะครับ ถ้าหากว่าแครอทเปื่อยแล้ว ก็เป็นอันเสร็จ กรองเอาผักออกให้เหลือแต่น้ำก็สามารถนำไปใช้ได้แล้วครับ น้ำสต็อคสามารถห่อเก็บไว้ในตู้เย็นช่องแช่แข็งได้เป็นอาทิตย์นะครับ ถ้าทำเยอะๆก็แบ่งไว้ใช้วันหลังได้ไม่มีปัญหาครับ

หลังจากที่เราได้น้ำสต็อคมาแล้ว เราก็จะเริ่มมาทำซุปกันต่อเลยนะครับ โดยเริ่มจากเอาน้ำสต็อคที่ได้มาตั้งไฟจนน้ำเดือดนะครับ แล้วปรุงรสด้วยเกลือตามชอบถ้าชอบเค็มหน่อยก็ใส่เยอะหน่อย จากนั้นนั้นก็ค่อยๆเทน้ำละลายแป้งมันหรือแป้งข้าวโพดลงไป พอได้ระดับความข้นที่ต้องการแล้วก็รีบยกกระทะออกจากเตาเลยครับ

ทีนี้ถึงจุดสำคัญแล้วครับ ค่อยๆเทไข่ที่ตีทิ้งไว้แล้วลงไปในซุป แล้วรีบๆคนเป็นวงกลมให้ไข่กระจายๆทั่วๆนะครับ (น้ำซุปประมาณ 2 ถ้วยตวงต่อไข่ 1 ฟองนะครับ) พอคนจนไข่กระจายทั่วๆกันดีแล้วก็รีบเอาซุปกลับไปตั้งเตาใหม่อีกรอบจนน้ำซุปเดือดอีกครั้งหนึ่งครับ

หลังจากซุปเดือดอีกรอบก็ตักใส่ถ้วยได้เลยครับ ตกแต่งด้วยต้นหอมซอยสักหน่อยหรือถ้าบ้านใครมีน้ำมันงาหรือน้ำมันพริกก็หยดไปสักช้อนชา ก็เป็นอันเสร็จครับ

"น้ำซุปหอมหวานน้ำต้มผัก รสชาติบางเบาสบายท้อง ใยไข่บางๆเหมือนผ้าไหมเนื้อสัมผัสอ่อนละมุนลิ้นเหมือนเส้นวุ้นบางๆที่ละลายในปาก ซดแล้วช่างชื่นใจและคล่องคอยิ่งนัก"
สูตรนี้เป็นสูตรแบบฉบับ basic มากๆเลยนะครับ ถ้าใครอยากลองใส่วัตถุดิบอื่นๆเพิ่มเติมอย่างพวกพืชผักสมุนไพรอื่นๆหรือแม้กระทั่งเนื้อสัตว์ก็จัดไปได้เต็มที่เลยครับ

สุดท้ายนี้เนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้ส่งท้ายปีของผม ก็ขอให้สมาชิกทุกท่าน มีชีวิตที่คล่องตัวและราบรื่นราวกับน้ำซุปที่ซดแล้วคล่องคอ มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองราวกับไข่ไก่ที่จะเติบโตไปเป็นแม่ไก่นะครับ

ขอบคุณมากครับ ... เจอกันกระทู้ใหม่อีกทีปีหน้าครับ
เพี้ยนสวัสดีเพี้ยนสวัสดีเพี้ยนสวัสดี

ขอแนะนำเพิ่มเติมนะครับ พอดีผมลองทำ Fanpage ของตัวเองดู ลองเข้าไป search ดูใน facebook ได้นะครับ ชื่อ เสือตะหลิว "อาหาร กับ ชายชาตรี " ถ้าชอบกด ไลค์ ถ้าใช่กด แชร์ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5--228336354748332/





Create Date : 27 ธันวาคม 2561
Last Update : 10 มกราคม 2562 22:13:04 น.
Counter : 819 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  

เสือตะหลิว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ผู้ชายธรรมดาๆที่รสชาติไม่ธรรมดา
just a man with a nice taste
New Comments