All Blog
"วิวาห์อลวน คนอลเวง" ... รีซอตโต้เห็ด
เวลานั่งดูรายการแข่งขันทำอาหารของพวกฝรั่ง ก็มักจะได้ยินคำว่า "รีซอตโต้" อยู่เนืองๆ เป็นการเอาข้าวสารมาผัดกับน้ำซุปจนสุกเป็นไตๆ แล้วเอามากินคู่กับอะไรก็ว่ากันไป 

วันนี้เลยอยากจะมาแชร์วิธีทำรีซอตโต้ ดูเผินๆก็เหมือนจะง่ายๆ เครื่องปรุงวัตถุดิบก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร แต่ถ้าจะว่าไปมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพียงแค่ต้องจับจุดให้ได้ ถ้าหากเข้าใจเทคนิคและวิธีทำอย่างแจ่มแจ้ง รับรองว่าจะต้องเอาข้าวสารไปผัดกินกับน้ำซุปอยู่เป็นเนืองๆแน่นอน 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าเมนู "รีซอตโต้" กันก่อน เชื่อว่าสามารถสืบย้อนไปได้ราวๆศตวรรษที่ 14 ของเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เรื่องราวเกิดขึ้น ณ โบสถ์แห่งหนึ่ง มีช่างทำกระจกและลูกมืออยู่คู่หนึ่ง ช่างทำกระจกมักจะกลั่นแกล้งลูกมือผู้นี้เป็นประจำ โดยมักจะแกล้งเรียกว่า "ไอ้หัวหญ้าฝรั่น" เพราะเส้นผมที่แดงแห้งและหยิกหยอยบนหัวนั่นเอง 

จนมีอยู่วันหนึ่ง ช่างทำกระจกจะจัดพิธีแต่งงานของตนที่โบสถ์แห่งนี้ ด้วยความเครียดแค้นของลูกมือที่ถูกกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำจึงคิดที่จะเอาคืน ณ วันงานพิธี ช่างทำกระจกได้สั่งให้พ่อครัวทำข้าวต้มเพื่อเลี้ยงคนในงาน แต่ลูกมือก็ได้แอบเอาหญ้าฝรั่นกำใหญ่ๆโรยใส่หม้อต้มข้าว สุดท้ายอาหารจานนี้ได้ถูกเสิร์ฟให้กับชาวเมืองผู้มาร่วมงาน แต่แทนที่ชาวเมืองจะพากันอ้วกแตกอ้วกแตนหรือแห่กันท้องเสียเพราะอาหารเป็นพิษ อาหารจานนั้นกลับอร่อยและเป็นที่ชื่นชอบของชาวเมืองกันเป็นอันมาก และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเมนูรีซอตโต้ และเป็นจุดจบความแค้นของลูกมือช่างทำกระจกนั่นเอง


ส่วนสำคัญที่สุดของรีซอตโต้ก็คือน้ำซุป วันนี้เตรียมง่ายๆแค่เอาซุปเห็ดก้อนยี่ห้อดังมาต้มในน้ำเดือดๆจนละลาย ใช้ประมาณ 2 ถ้วยตวง


เริ่มต้นผัดกันเลย ตั้งกระทะไฟปานกลาง ใส่เนยสักก้อนผัดแครอทสับ กระเทียมสับ หอมใหญ่สับ ก้านขึ้นฉ่ายสับ อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ผัดให้เข้ากันจนสุกหอม


ใส่ข้าวสารลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสง่ายๆด้วยเกลือเล็กน้อย เหล้าหรือไวน์ขาวสักหน่อย บีบมะนาวลงไปซักซีก
ข้าวสารแนะนะว่าเอาไปซาวให้สะอาดแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนสักครึ่งชั่วโมง
วันนี้ใช้ข้าวหอมมะลิธรรมดาประมาณ 1/2 ถ้วยตวง แต่จะใช้ข้าวอิตาลีเม็ดอ้วนๆได้ก็จะยิ่งดี 


หลังจากปรุงรสเสร็จ ก็ตักเอาน้ำซุปมาผัดกับข้าวทีช้อน ค่อยๆผัดทีละช้อน พอน้ำซุปงวดก็ค่อยใส่น้ำซุปใส่ลงไปผัดทีละช้อน ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆประมาณ 8-10 นาที ลองชิมเม็ดข้าวดู ถ้าเม็ดข้าวข้างนอกนิ่มแต่ตรงกลางเป็นไตๆแข็งๆก็ถือว่าใช้ได้ ลองนึกถึงเส้นพาสต้าแบบ al-dente ดู 


ผ่านไปประมาณ 10 นาที เม็ดข้าวเริ่มแตกมัน ผิวนุ่มแต่ตรงกลางยังเป็นไตๆ แบบนี้ถือว่าเป็น al-dente ใช้ได้แล้ว 


ปิดไฟยกกระทะออกจากเตาได้เลย ใส่เนยสักก้อน พาเมซานสักช้อนโต๊ะ หรือถ้าชอบมันๆก็ใส่ไปเลยอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ คลุกให้เข้ากันจากนั้นหาฝามาปิดกระทะไว้ 


เอาฝามาปิดกระทะไว้ รอประมาณ 2-3 นาทีค่อยเปิดฝาก็เป็นอันเสร็จ ตักใส่จานรอได้เลย 


วันนี้เรามาทำรีซอตโต้เห็ด ก็ต้องมีเห็ดย่างมาประดับบารมีสักหน่อย ง่ายๆแค่เอาเห็ดออรินจิมาผ่าตามยาว คลุกเคล้าด้วย เกลือ พริกไทย น้ำมันพืชเล็กน้อย 


จากนั้นเอามาย่างไฟแรงแค่ด้านละประมาณ 1-2 นาที ก็เอาไปประกอบร่างกับรีซอตโต้ได้เลย 


เรียบร้อยแล้วกับเมนู รีซอตโต้เห็ด เครื่องปรุงวัตถุดิบส่วนผสมมีไม่มาก แต่ต้องเข้าใจแล้วอาศัยเทคนิคในการทำสักหน่อย แค่นี้ก็จะได้เมนูรีซอตโต้แบบ fine-dining ที่ไม่ง้อร้านแล้ว 


เม็ดข้าวรีซอตโต้เนื้อหนึบๆมันๆแกนกลางเป็น al-dente หอมกลิ่นเห็ด เนย และชีส เสิร์ฟคู่กับเห็ดย่างเนื้อฉ่ำๆย่างไฟหอมๆ 
นี่แหละคือเมนูอาหารจากงานวิวาห์อลวนของคนอลเวง เลวร้ายกลับกลายเป็นดี และแล้วทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข 


facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "
 



Create Date : 15 กรกฎาคม 2563
Last Update : 15 กรกฎาคม 2563 8:09:14 น.
Counter : 896 Pageviews.

0 comment
ไม่ได้จะมาเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งใคร แต่จะมาทำ..... "เต้าหู้ทอดพริกเกลือ"
โบราณว่าไว้ ถ้าเกลียดใคร ให้เผาพริกเผาเกลือสาปส่ง แต่ถ้ารู้ว่า เผาพริกเผาเกลือ แล้วดันออกมาอร่อยขนาดนี้ ก็คงต้องยอมให้สาปส่งกันไป 55555

เท่าที่จำความได้ สืบย้อนไปสมัยเสือตะหลิวยังเป็นเด็ก เสือตะหลิวไม่เคยเห็นเมนูทอดพริกเกลือมาก่อน พึ่งจะมาได้ยินกันฮิตๆติดหู ก็เมื่อประมาณสิบยี่สิบปีก่อนนี้เอง 

แล้วคำถามก็คือ เมนูนี้มันมาจากไหน ใครเป็นคนคิด ถ้าถามเสือตะหลิวก็จะบอกว่า "ไม่รู้" แต่ถ้าให้เดาส่งๆก็น่าจะมาจากตามพวกภัตตาคารจีน อาจจะเกิดจากการที่ส่วนผสมหลักของเมนูนี้คือ กระเทียมเจียวทอดกรอบๆ แต่กระเทียมเจียวนั้นมักจะนำมาใช้ประกอบอาหารที่ไม่มีความเผ็ด อยู่มาวันหนึ่ง ก็อาจมีพ่อครัวหัวใสลองเอาพริกมาใส่ในกระเทียมเจียวกรอบๆดู ทำให้เกิดเป็นอาหารเมนูใหม่อย่าง "ทอดพริกเกลือ" หรือ "ผัดพริกเกลือ" ขึ้นมา 
พอร้านอื่นเห็นแบบนี้เข้าก็เลยเลียนแบบ จนเมนูทอดพริกเกลือกลายเป็นหนึ่งในเมนูติดร้านที่ร้านอาหารหลายๆร้านจำเป็นต้องมี

เมนูทอดพริกเกลือสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับวัตถุดิบหลายอย่างทั้ง ปลา กุ้ง หมึก หมูกรอบ รวมถึง "เต้าหู้" ซึ่งจะเป็นส่วนประกอบหลักของเมนูในวันนี้นี่เอง


เริ่มต้นง่ายๆเลยแค่ทอดกระเทียมเจียวให้เหลืองกรอบ เคล็ดลับง่ายๆก็แค่ สับกระเทียมไทยให้ละเอียดๆ จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันท่วมๆไฟอ่อนๆจนกว่าจะเหลืองกรอบ แล้วก็ตักออกมาสะเด็ดน้ำมันรอ
จากนั้นก็ทอดพริกสับแค่ให้ผิวพอมันๆแววๆ จากนั้นก็เอามาสะเด็ดน้ำมันรอไว้ 


คลุกผสมกระเทียมเจียว พริกทอด ต้นหอม ให้เข้ากัน
ปรุงรสด้วยเกลือตามชอบ
ถ้าชอบหวานก็เติมน้ำตาลเล็กน้อย 


วันนี้ใช้เต้าหู้ถั่วเหลืองหั่นเป็นเส้นๆ เอาไปลวกน้ำเดือดแค่ให้พอนิ่มๆ 


ทอดเต้าหู้ง่ายๆเลย แค่คลุกเต้าหู้กับแป้งชุบทอด จากนั้นก็นำไปชุบไข่ แล้วเอาลงทอดไฟกลาง จากนั้นพอเต้าหู้เริ่มเหลืองทั่วก็ค่อยเร่งไฟเป็นไฟแรง ทอดเสร็จก็พักสะเด็ดน้ำมันรอไว้ 


ประกอบร่างเลย แค่เอากระเทียมพริกเกลือที่เตรียมไว้ มาตักราดให้ทั่วๆเต้าหู้ที่ทอดเตรียมไว้ ก็เป็นอันเสร็จ
เต้าหู้ทอดกรอบนอกนุ่มใน เคล้ากับเครื่องพริกเกลือที่อบอวลไปด้วย กระเทียมเจียวกรอบๆ พริกทอดเผ็ดๆมันๆ รสชาติเค็มๆนัวๆเข้ากันอย่างดีกรอบหอมอร่อยอย่างลงตัว
ถ้าเผาพริกเผาเกลือมันรสชาติดีถึงเพียงนี้ 
จะสาปส่งแช่งชักหักกระดูกยังไง ชั้นก็ยินดีให้เธอเคืองโกรธ 55555 


facebook page : เสือตหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "
 



Create Date : 05 พฤษภาคม 2563
Last Update : 5 พฤษภาคม 2563 9:17:23 น.
Counter : 1926 Pageviews.

1 comment
กระเหรี่ยงก็มีของอร่อย ..... "สามชั้นย่างแจ่วกระเหรี่ยง"
เมื่อหลายเดือนก่อน เสือตะหลิวรู้สึกปวดเมื่อยแปลกๆ ก็เลยถือโอกาสแวะไปแช่น้ำพุร้อนเพื่อผ่อนคลาย น้ำพุร้อนแถวนั้นเป็นเขตหมู่บ้านกระเหรี่ยง มีของพื้นเมืองขายแบกะดินมากมาย 

ด้วยความที่ชอบทำอาหาร ตาจึงไปสะดุดเข้ากับพวกสมุนไพรพื้นเมืองต่างๆ หนึ่งในของเหล่านั้นก็คือ "พริกกระเหรี่ยง" กับ "เม็ดมะแขว่น" 
พริกกระเหรี่ยงนี่คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะขึ้นชื่อเรื่องความเผ็ดหอม เผ็ดจัด หอมจัด ฟุ้งไปจนถึงหูคนเมืองอย่างเราๆ 

แต่ที่น่าสนใจจริงๆคือ "ผลมะแขว่น" เป็นพื้นสมุนไพรพื้นเมืองทางแถบภาคตะวันตกของไทย มีอุดมสมบรูณ์ตลอดแนวยาวของเทือกเขาตะนาวศรี รูปร่างลักษณะจะคล้ายกับพริกไทยดำ แต่ลูกมะแขว่นแห้งจะดำและกลมเนียนราวไข่มุก อีกทั้งยังมีกลิ่นที่หอมฉุนกว่า จนใครหลายคนมักเรียกกันติดปากว่า "พริกหอม"
สรรพคุณของมะแขว่น นอกเหนือจากการสร้างรสชาติเผ็ดหอมให้อาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณในการบดสกัดน้ำมันนวดแก้ปวเมื่อย รวมถึงสามารถน้ำมาทำยากันยุงแบบธรรมชาติได้อีกด้วย

การนำมะแขว่นและพริกกระเหรี่ยงมาเป็นส่วนผสมในการทำน้ำจิ้มแจ่ว จะทำให้แจ่วมีกลิ่นที่หอมฉุนมากขึ้น รวมถึงมีความเผ็ดร้อนอย่างมีเอกลักษณ์ เข้ากันได้ดีมากๆกับสามชั้นย่างเนื้อหอมๆมันๆ

 
ง่ายๆเลยเริ่มจาก เอาพริกกระเหรี่ยงตากแห้งกับลูกมะแขว่นแห้งมาคั่วให้แห้งและส่งกลิ่นหอม 


จากนั้นจึงนำมาตำให้แหลก 


ผสมน้ำตาลกับน้ำปลาจนได้รสหวานเค็มที่ต้องการ 
ถ้าจะให้ดี ชาวบ้านแถวนั้นเค้าบอกว่าถ้าจะให้สุด ต้องใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล และใช้น้ำปลาร้าหมักสดแทนน้ำปลา 
จากนั้นค่อยบีบมะนาวลงไป แต่ถ้าใครมีน้ำมะขามเปียกคั้นเสร็จใหม่ๆ ก็ถือว่าลาภปากไปเลย 
ค่อยๆใส่ลงไปจนกว่าจะได้รสเปรี้ยวระดับที่ต้องการ 


คลุกส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไปเลย รวมถึงหอมแดงสับ ข้าวคั่วบด และผักชีฝรั่งสับ ตามชอบ 
โอเคแล้วสำหรับน้ำจิ้มแจ่วกระเหรี่ยงเผ็ดๆหอมๆ รสเข้มข้น 


วันนี้เราจะมาย่างหมูสามชั้นกัน แต่ถ้านำมาย่างกันเลยสดๆ ใครที่ฟันฟางไม่แข็งแรง คงจะต้องเคี้ยวเพลินกันข้ามวันแน่ๆ 
ถ้าอยากเคี้ยวหนังนุ่มๆก็แค่เอาสามชั้นทั้งชิ้นไปนึ่งก่อนสักชั่วโมงสองชั่วโมง แล้วค่อยเอามาย่าง 


ก่อนย่างก็เอาสามชั้นมาคลุกกับ กระเทียมบด พริกไทยบด รากผักชีบด แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วดำ น้ำมันหอย และเหล้า ตามชอบ 


ตั้งกระทะไฟแรงๆแล้วย่างไปเลยแค่ด้านละนาทีสองนาทีก็พอ เพราะสามชั้นมันสุกมาก่อนแล้ว เราแค่เอามาย่างเพื่อเอารสและกลิ่นเฉยๆ 


ย่างเสร็จก็เอามาหั่นแบ่งจัดใส่จานให้สวยงามตามชอบ 


หมูสามชั้นย่างหอมมันเนื้อหนังเปื่อยนุ่ม พอได้จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วกระเหรี่ยงเผ็ดๆหอมๆรสเปรี้ยวเค็มหวานเข้มข้น กลับไม่รู้สึกถึงเลี่ยนเลยสักนิด
นอกเหนือจากนำมาใส่น้ำจิ้มแจ่ว ผลมะแขว่นยังสามารถนำมาบดใส่ แกง ลาบ ผัดเผ็ด และน้ำพริก เพื่อเสริมรสจัดให้กับอาหารรสจ้านต่างๆ 
ถ้าใครได้มีโอกาสไปเจอผลมะแขว่นแห้ง เสือตะหลิวขอแนะนำให้ซื้อมาไว้ติดบ้าน เก็บได้นานเป็นเดือนๆ แถมยังสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย อีกทั้งยังราคาถูกมากๆเมื่อเทียบกับปริมาณ 
ลองดูครับ แล้วจะติดใจ..... 


facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "



Create Date : 28 เมษายน 2563
Last Update : 28 เมษายน 2563 8:51:26 น.
Counter : 1352 Pageviews.

2 comment
จีจี่จี้จี๊จี๋ อร่อยจริงไม่บ้าจี้ ..... "เซี่ยงจี๊คั่วถั่ว"
ไตหมูหรือที่หลายๆคนเรียกกันติดปากว่า "เซี่ยงจี๊" เป็นชิ้นส่วนของหมูที่มีความพิเศษอยู่ในตัว มีรส กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่มีเอกลักษณ์ จำเป็นต้องอาศัยทักษะในการปรุงที่ดี เพื่อสกัดเอาความอร่อยของเซี่ยงจี๊ออกมาจนถึงขีดสุด

เพราะเซียงจี๊คือส่วนของไต ไตมีหน้าที่กรองน้ำเสียที่อยู่ในร่างกาย เซียงจี๊จึงมีกลิ่นที่ค่อนข้างเหม็นสาบเหม็นฉุนเหมือนฉี่ แต่ในขณะเดียวกันเนื้อสัมผัสของเซียงจี๊นั้น ถ้าหากปรุงออกมาสุกพอดีๆจะมีความเด้งกรุบ คล้ายๆกับเวลาเรากินหมึกดองในเย็นตาโฟ ดังนั้นหัวใจสำคัญของการทำเซี่ยงจี๊ ก็คือการขจัดกลิ่นเหม็นและปรุงเซี่ยงจี๊ออกมาให้สุกพอดีๆไม่มากไม่น้อยจนเกินไป 

นอกจากนี้ชาวจีนเชื่อว่า กินอะไรก็บำรุงส่วนนั้น การกินเซี่ยงจี๊จึงเปรียบเสมือนการบำรุงไต ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ทำให้ระบบทางเดินปัสสาวะทำงานเป็นปกติ รวมถึงรักษาสมดุลย์ของระบบความดันและการทำงานของหัวใจอีกด้วย


เตรียมเซี่ยงจี๊ง่ายๆโดยการ ล้างผิวให้สะอาด จากนั้นผ่าครึ่งเซี่ยงจี๊ตามยาวแบบในรูป จากนั้นเอามีดคมๆ ขอย้ำว่าต้องคมมากๆ กดเนื้อเซียงจี๊ในแนวขนานกับพื้น แล้วจึงค่อยๆแล่เอาเยื่อขาวออกให้หมด แล่ออกเยอะๆแบบที่ไม่ต้องกลัวจะเสียเนื้อ จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นๆตามชอบ


เอาเซียงจี๊ที่หั่นเป็นชิ้นๆมาแช่น้ำสะอาดประมาณ 15 นาที เพื่อให้ดูดน้ำและคายของเสีย


จากนั้นเทน้ำออกให้หมด ล้างให้สะอาด คลุกเกลือกับแป้งมันให้ทั่วๆเซี่ยงจี๊แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที


หลังจากหมักเสร็จ ก็ล้างน้ำออกให้หมดแป้ง แล้วแช่เซี่ยงจี๊ในนมสดประมาณ 3 ชั่วโมง


แช่เสร็จก็ล้างออกจนหมดนม เพียงเท่านี้เซี่ยงจี๊เราก็พร้อมปรุงแล้วครับ


เริ่มต้นปรุงง่ายๆ เอาเซี่ยงจี๊มาลวกในน้ำเดือดๆ ลวกแค่แป๊ปเดียวแค่พอให้สะดุ้งน้ำเฉยๆ ประมาณ 10 วินาทีก็พอ


จากนั้นตั้งน้ำมันเดือดๆแล้วใส่เซี่ยงจี๊ลงไปผ่านน้ำมันแค้ไม่เกิน 3 วินาทีก็พอ จากนั้นก็พักเซียงจี๊รอไว้ก่อน


วันนี้เราจะทำเซี่ยงจี๊คั่วถั่ว เราก็เพียงตั้งกระทะไฟกลาง น้ำมันเล็กน้อย ใส่ถั่วลิสงลงคั่วจนเริ่มเกรียมๆหอมๆ


ตักถั่วออกมาพักไว้ก่อน แล้วผัดกระเทียม พริกไทย และพริกขี้หนูหั่น ผัดให้เข้ากันจนหอม


จากนั้นปรุงรสด้วย 
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ 
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้า 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
น้ำตาล 1 ช้อนชา
จากนั้นเทน้ำลงไปแค่พอท่วมๆก้นกระทะ แล้วเทน้ำละลายแป้งมันลงไป แล้วเคี่ยวจนน้ำเริ่มข้น


รีบเทเซี่ยงจี๊กับถั่วที่เตรียมไว้ลงไป รีบผัดเร็วให้เข้ากัน ประมาณ 10-15 วินาที ปิดไฟโรยต้นหอมสักหน่อยก็เป็นอันเสร็จ


เรียบร้อยแล้วครับกับเมนู "เซี่ยงจี๊คั่วถั่ว" เซี่ยงจี๊ไร้กลิ่นเหม็นเนื้อกรุบๆเด้งๆผสานกับความกรอบมันของถั่ว คลุกเคล้าไปด้วยซอสรสมันๆเค็มๆหอมกลมกล่อม 
ทั้งอร่อยแถมช่วยบำรุงร่างกาย แบบนี้ต้องกินให้หมดห้ามเหลือเป็นอันขาด 55555


facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "
 



Create Date : 22 เมษายน 2563
Last Update : 22 เมษายน 2563 8:45:25 น.
Counter : 14636 Pageviews.

3 comment
บำรุงท้อง บำรุงไส้ ไปกับ ..... "ต้มยำกระเพาะหมู" กระทู้สนทนา
"กินอะไร ก็บำรุงส่วนนั้น" นี่เป็นความเชื่อของชาวจีนที่มีมาตั้งแต่ยุคโบราณกาล แน่นอนว่ามนุษย์เราทุกคนต้องกินทุกวัน กระเพาะอาหารจึงต้องทำงานทุกวัน กระเพาะมีหน้าที่ย่อยอาหาร ถ้าหากกระเพาะทำการดี ร่างกายก็จะสามารถรับสารอาหารได้เต็มที่ และเมื่อร่างกายรับสารอาหารได้เต็มที่ ร่างกายก็จะแข็งแรงสมบรูณ์ 

เมนูบำรุงกระเพาะอาหารในวันนี้ก็คือ "ต้มยำกระเพาะหมู" แต่การนำกระเพาะหมูมาปรุงอาหารนั้น จำเป็นจะต้องมีกลวิธีการเตรียมกันสักหน่อย ถ้าหากแค่ล้างน้ำแล้วเอามาทำอาหารเลย คงจะได้เคี้ยวกันจนเยี่ยวเหนียวเป็นแน่ แต่ถ้าหากเตรียมกระเพาะหมูได้ถูกวิธีแล้ว ความเปื่อยนุ่มที่ผสานความนุ่มหนึบ จะเข้ากันได้ดีกับน้ำซุปแทบทุกประเภท รวมถึงน้ำซุปต้มยำอย่างแน่นอน


วันนี้ใช้กระเพาะหมูสดๆลูกโตๆสีชมพูอ่อนสวยๆ เอามาล้างนำให้สะอาดแล้วลอกเยื่อขาวๆตามผนังกระเพาะออกให้เยอะที่สุด

จากนั้นพลิกด้านกระเพาะ เอาด้านในออกมา แล้วล้างนำอีกรอบจนกว่าน้ำย่อยจะหมด จากนั้นขยำกระเพาะกับน้ำส้มสายและเกลือไปเรื่อยๆสลับกับล้างน้ำ ทำสลับกันไปเรื่อยๆประมาณ 10-15 นาที จนเมือกในกระเพาะหมูเกือบหมด


จากนั้นนำกระเพาะไปต้มในน้ำเดือดๆผสมน้ำส้มสายชู ประมาณ 5 นาที จากนั้นจึงนำมาล้างน้ำแล้วขูดเมือกที่เหลืออีกรอบอีกสักรอบ


หั่นข่าตะไคร้ใส่ลงหม้อน้ำ นำกระเพาะหมูลงต้มในน้ำเดือดๆต่อประมาณ 5 นาที จากนั้นลดไฟเป็นไฟอ่อนๆแล้วตุ๋นต่อไปอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง


หลังจากตุ๋นเสร็จอย่าเพิ่งเทน้ำทิ้ง เก็บไว้ก่อน ส่วนกระเพาะหมูก็เอามาหั่นเป็นท่อนๆตามชอบ


เตรียมน้ำซุปง่ายๆ แค่ใช้อัตราส่วน น้ำต้มกระเพาะหมู 1 ส่วน ต่อน้ำซุปกระดูกหมู 1 ส่วน ต้มให้เดือดแล้วใส่ข่า ตะไคร้ พริกขี้หนูทุบลงไปตามชอบ


จากนั้นใส่กระเพาะหมูที่เตรียมไว้ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาลตามชอบ


ปิดไฟแล้วใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปทันที จากนั้นค่อยๆบีบมะนาวลงไปทีละเรื่อยๆแบบบีบไปชิมไป จนกว่าจะได้ระดับความเปรี้ยวที่ต้องการ ก็เป็นอันเสร็จ


เรียบร้อยแล้วกับเมนูกระตุ้นและบำรุงระบบย่อยอาหาร กินแล้วช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ทำให้รู้สึกเจริญอาหาร เมื่อคนเรารู้สึกอยากอาหาร ก็แปลว่าร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นสมบรูณ์ขึ้น

น้ำซุปต้มยำแซ่บๆเปรี้ยวอมเค็มๆวหวานๆอย่างลงตัว ผสานกับความนุ่มๆหนึบของกระเพาะหมูที่ตุ๋นมาพอดีๆ ซดแล้วก็ซดอีก รู้ตัวอีกทีก็หมดหม้อซะแล้ว 55555


facebook page : เสือตะหลิว " อาหาร กับ ชายชาตรี "
 



Create Date : 15 เมษายน 2563
Last Update : 15 เมษายน 2563 8:23:31 น.
Counter : 1323 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  

เสือตะหลิว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ผู้ชายธรรมดาๆที่รสชาติไม่ธรรมดา
just a man with a nice taste
New Comments