ความรักทำให้โลกหมุนไป
Group Blog
 
All blogs
 

Fun Science Projects

การทดลองเรื่องอากาศต้องการที่อยู่และมีแรงดัน ทำได้ง่ายๆโดยยัดกระดาษทิชชูลงไปที่ก้นแก้ว แล้วคว่ำแก้วลงไปตรงๆในนำ้ จะเห็นว่าอากาศดันไว้ไม่ยอมให้นำ้เข้าไป แต่นำ้ก็ดันอากาศจนอัดแน่นขึ้นยุบเข้าไปด้านในแก้วได้เล็กน้อย แต่นำ้ก็ไม่สามารถทำให้กระดาษเปียกได้






การหมุนของโลกและการเกิดกลางวันกลางคืน





การทดลองเรื่องการเกิดลม จากการที่สองจุดมีอุณหภูมิต่างกัน อากาศร้อนลอยขึ้นและอากาศเย็นกว่าพัดเข้ามาแทนที่ โดยสังเกตจากการเคลื่อนที่ของควันธูป




การทดลองที่ใช้อุปกรณ์จากญี่ปุ่น ที่นานมีจัดขึ้น แต่น้องซันไปได้ไม่กี่ครั้งก็บ่นไม่เอาแล้ว ทั้งๆที่บอกว่าอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถามไปมาก็ได้ความว่า นี่มันเหมือนของเด็กเล่น ซันอยากใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์แบบของจริงอะ



เรียนรู้เรื่องลม




อันนี้เรื่องเสียง




ส่วนอันนี้ขวดดีท็อกซ์ของปะป๊า ยืมมาเรียนเรื่องการรักษาระดับของผิวหน้าของนำ้ที่เท่ากันอยู่เสมอ โปรดสังเกตห้องแลป อิอิ




เรียนรู้เกี่ยวกับการผสมเกสรของดอกไม้



ดอกสมบูรณ์ มีทั้งกลีบดอก กลีบเลี้ยง เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย เรื่องนี้ไม่ค่อยอยากสอนแบบแยกส่วน โดยการฉีกดอกไม้เป็นส่วนๆแบบนี้เลย ในภาพนี้เป็นกิจกรรมที่ TK Park ช่วงวาเลนไทน์ ตอนที่ลูกฉีกทึ้งดอกไม้เพื่อหาส่วนประกอบต่างๆตามโจทย์นั้น แม่รู้สึกแย่ๆ เศร้าๆ โกรธๆ ยังไงไม่รู้ เราน่าจะเรียนรู้ว่าดอกไม้เป็นสิ่งสวยงาม มีคุณค่า มีประโยชน์ และมีชีวิต เราน่าจะให้ความเคารพกับธรรมชาติมากกว่านี้ เราจำเป็นต้องรู้ว่าดอกไม้มีเกสรอยู่ตรงไหนด้วยหรือ



ดอกสมบูรณ์เพศ มีเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย เกสรตัวผู้มีละอองเกสร ที่จะไปตกยังเกสรตัวเมีย แล้วจะงอกลงไปในรังไข่ด้านล่างต่อไป ไม่ได้ให้ลูกฉีกผ่ามาวาดรูปแต่อย่างใด แค่เด็ดมาก็เสียดายจะแย่แล้ว








อันนี้เอาถุงขยะมาขึงชามให้ตึง โรยเกลือบางๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียง



เสร็จแล้วก็ตะโกน AHHHHHH ลงไปดังๆบนชาม ระวังอย่าให้มีลมเป่าออกมา ก็จะเห็นเกลือเต้นระริกและจัดเรียงตัวกันเป็น pattern ตามความถี่ของเสียงเรา




ทำลูกข่าง color spin ดูว่าแสงที่เห็นเป็นสีขาวนั้น ที่จริงประกอบด้วยแสงสีต่างๆมากมาย




ตัวนี้เป็นการทำนกยูงรำแพนโชว์แสงสีจาก optical fiber ไม่ได้เน้นทฤษฎีอะไรมากมายแค่สร้างความน่าสนใจเกี่ยวกับแสงและการเดินทางของแสง





การหักเหของแสงทำให้เราเห็นหลอดบิดเยือนไป




ทำ flipbook ผีเสื้อน้อยขยับปีก เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับภาพและแสง และการรับรู้ทางประสาทสัมผัสของเราที่มีข้อจำกัด แต่ก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราเห็นเป็นภาพต่อเนื่องแบบดูหนังได้ ( click image to view vdo)




( click image to view vdo)




ทำสบู่แปลงร่าง โดยเอามาใส่ microwave ก้อนแรกสำเร็จเป็นรูปพิลึกดังภาพ



ก้อนที่สอง ไหม้อะ อิอิ





ส่วนนี่เป็นการทำภูเขาไฟระเบิด จากปฏิกิริยาเคมีของผงฟู กับนำ้ส้มสายชู ผสมกับนำ้ยาล้างจาน และสีผสมอาหาร




และนี่คือเจ้าหนอนผีเสื้อต้นพุดที่กินจุมากๆ เลี้ยงตั้งแต่เป็นเจ้าหนอนน้อยนุ่มนิ่ม สีเขียวสวย จนเมื่อจะเข้าดักแด้ก็เปลี่ยนเป็นสีนำ้ตาล พอเข้าดักแด้ก็มีเปลือกแข็งห่อหุ้มอยู่เป็นอาทิตย์ และเจาะออกมากลายเป็นผีเสื้อกลางคืนลายสวยไม่ใช่เล่น แต่ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน ว่ามันเป็นผีเสื้ออะไรกันแน่















Free TextEditor




 

Create Date : 18 กันยายน 2553    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2554 18:08:55 น.
Counter : 3674 Pageviews.  

trip บ้านบางปะกง

ไปเที่ยวที่บ้านบางปะกง เป็นรีสอร์ทริมนำ้ สวยสงบมากๆ มีต้นโกงกาง ต้นลำพู ที่ลูกได้ทำความรู้จัก และดื่มดำ่ไปกับธรรมชาติ


ดอกผลของต้นลำพู




ปลาตีน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ปลาตั้กเต้น



ปูตัวเล็กๆ ขุดรูที่พื้น และไต่ตามขอนไม้เต็มไปหมด



ในห้องใหญ่ของรีสอร์ทมีของใช้เก่าแก่เต็มไปหมด น้องซันไม่เคยเห็นเครื่องพิมพ์ดีด กับโทรศัพท์แบบหมุน ตื่นเต้นเล่นเพลินไปเลย











Free TextEditor




 

Create Date : 18 กันยายน 2553    
Last Update : 18 กันยายน 2553 22:32:50 น.
Counter : 690 Pageviews.  

day trip เกาะรัตนโกสินทร์

เที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์กับเพื่อนๆ



เที่ยวภูเขาทอง



พิพิธภัณฑ์ ร.4 ทำดีมากๆ น่าเสียดายไม่ค่อยมีคนสนใจไปเที่ยวกัน



วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง



ท่าทางไอติมจะน่าสนใจกว่าวัดนะเนี่ย











Free TextEditor




 

Create Date : 18 กันยายน 2553    
Last Update : 21 กันยายน 2553 21:26:45 น.
Counter : 706 Pageviews.  

First few weeks

Smiley หลังจากเตรียมตัวเตรียมใจอยู่นาน ในที่สุดเราก็เริ่มลงมือโฮมสคูลกันซะที จัดการหาทำเลเหมาะๆได้ที่ชั้น 3 ของบ้าน จัดห้องใหม่ให้เป็นระเบียบและลงทุนซื้อโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นหนังสือ ฯลฯ ตั้งใจว่าจะเริ่มกัน 10 โมงเช้า สิ้นสุดวันตอนบ่าย 3 รวมพัก รวมเบรคต่างๆแล้ว เรียนสัปดาห์ละ 4 วัน เดือนละ 3 สัปดาห์ มีเลข ภาษาไทย ยืนพื้นทุกวันสำหรับปีแรกนี้ และมี ภาษาอังกฤษ และ fun science project และ fun art project สอดแทรกด้วย และตอนเย็นก็ขี่จักรยาน ตีแบดฯ ว่ายนำ้ เล่นบาสฯ ออกกำลังกายอย่างสนุกสนานในบริเวณของหมู่บ้านนั่นเอง โชคดีที่หมู่บ้านเราร่มรื่นและมี facility เหล่านี้อย่างพร้อมมูล SmileySmiley






Smiley ส่วนการเรียนรู้หลักด้านต่างๆจะทำเป็นแบบบูรณาการในรูปแบบ unit study คือสนใจเรื่องอะไรก็มาเรียนรู้กันในหัวข้อต่างๆเกี่ยวกับเรื่องนั้น เรื่องแรกที่คุณขอมาคือลูกอย่างเรียนรู้เรื่องแมงป่อง เราก็พยายามหาข้อมูลมาสอน ให้เชื่อมโยงกับวิชาต่างๆไปในตัว ทั้งวิทยาศาสตร์ (สัตว์พิษ วงจรชีวิต ห่วงโซ่อาหาร) ภูมิศาสตร์ (ถิ่นที่อยู่) ดาราศาสตร์ (กลุ่มดาวแมงป่อง) สุขศึกษา (ถ้าถูกกัด) สังคม (คนจีนกินแมงป่อง คนนอนกับแมงป่อง ทอฟฟี่แมงป่อง) ภาษาอังกฤษ (ข้อมูลที่เรียน) ศิลปะ (พับกระดาษเป็นรูปแมงป่อง) โดยใช้สื่อต่างๆทั้งหนังสือ worksheet internet DVD และพาไปดูแมงป่องตัวจริงที่จตุจักร (ก่อนไป เจ้าตัวดีจะขอซื้อแมงป่องมาเลี้ยงด้วย แต่พอไปเห็นแมงป่องช้างที่เขาขายตัวละ 50 บาทเข้าจริงๆก็กลัว โชคดีจริงๆ) วันนั้นเลยกลายเป็นว่าได้ Hamster กลับบ้านมาเลี้ยง 2 ตัว ชื่อเจ้า Lollipop กับ Peppermint ตอนนี้ตัวอ้วนปี๋เชียว Smiley










 



Smiley ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษเราให้ความสำคัญมากๆ เรากะว่าจะสอน English Grammar เอง ส่วน Conversation จ้างครูฝรั่งมาสอนสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 2 ชม. จะได้รักษาภาษาอังกฤษที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้วของลูกไม่ให้ดรอปไป ครูที่มาสอนชื่อไมเคิล เป็นคนอังกฤษ อายุประมาณ 25 ก็เข้ากันกับน้องซันได้ดี เน้นพูดคุยเล่นกัน สนุกสนาน ให้การเรียนรู้ภาษาเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ และทุกบ่ายวันศุกร์ ก็จะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่โรงเรียน Ascot ที่เคยอยู่มาก่อน ในช่วง Golden Time ไปเล่น ไปคุยกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกภาษา และมีสังคมเป็นเพื่อนในวัยไล่เลี่ยกันด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนต่างชาติที่เป็นเด็กโฮมสคูลเหมือนกันจาก Bangkokhomeschoolers Group ที่จะนัดเจอกันทุกอาทิตย์ถ้าเป็นไปได้ เด็กๆก็เล่นกัน พ่อแม่ก็อาจช่วยกันจัดกิจกรรมและแชร์ประสบการณ์กัน เป็นการส่งเสริมภาษาอังกฤษและการเข้าสังคมอีกทาง และเรายังตกลงกันว่าทุกวันจันทร์ พฤหัสฯ และอาทิตย์ ลูกจะดู UBC เป็นภาษาอังกฤษด้วย


Smiley ในช่วงแรกนี้ยังทำไม่ได้ตามแผนเท่าไหร่ ยังต้องปรับอีกมาก
ยังต้องเตือนสติตัวเองอยู่เสมอว่า "Education is not filling a bucket,
but lighting a fire." และรู้สึกว่าตัวเองได้ฝึกปฏิบัติธรรม
ไปพร้อมๆกับที่สอนและร่วมเรียนรู้ไปกับลูก
เพราะต้องมีสติกับความคิดและอารมณ์ของตัวเองมาก
และต้องปล่อยวางอยู่ตลอดเวลา เพราะเราจะมีความคาดหวังที่บางที่ไม่รู้ตัว
ในการเรียนการสอนกับลูกอยู่ตลอดเวลา
ต้องใช้หัวใจให้มากกว่าหรือใกล้เคียงกับการใช้สมอง ต้องพยายาม de-school
ตัวเอง ไม่งั้นไปไม่รอดแน่ เพราะลูกต้องการเล่น ต้องการสนุก อยู่ตลอดเวลา
ทำยังไงเราถึงจะหลอมรวมการเรียนรู้ให้ได้ทั้งความสนุก
และเนื้อหาความรู้ไปพร้อมๆกัน
ให้มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแทนคราบนำ้ตาและเสียงทอดถอนใจ
ซึ่งเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆในช่วงแรกๆนีี้ Smiley




 


Smiley อย่างไรก็ดี การเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเวลาเรียนเท่านั้น แต่เกิดขึ้นตลอดเวลาจริงๆ สังเกตได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ลูกดู UBC เล่นเกมส์คอมฯ (จำกัดไม่เกินวันละ 1 ชม.) เล่น board game เล่นกับเพื่อนบ้าน เล่นกับหมาหรือแฮมสเตอร์ ไปซื้อของ ไปเยี่ยมญาติ อ่านนิทานก่อนนอน ฯลฯ ลูกจะมีคำถามมาถาม หรือมาบอกเล่าเรื่องต่างๆที่เขาเรียนรู้มาอยู่เสมอ เป็นจุดหนึ่งที่เราเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ว่าการที่เด็กผ่อนคลาย ไม่เหนื่อย และมีเวลาว่างมาก ทำให้เขาละเอียดอ่อน รู้จักสังเกตและสนใจรายละเอียดต่างๆรอบตัวมากขึ้นมากทีเดียว





Free TextEditor




 

Create Date : 18 กันยายน 2553    
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 21:17:30 น.
Counter : 576 Pageviews.  

แนวทางการทำโฮมสคูล



การจัดการการเรียนรู้แบบบ้านเรียน

ด.ช. ตะวัน โตเจริญธนาผล
เกิดวันที่ 4 เมษายน 2545 อายุ 8 ปี

บิดา        อายุ 46 ปี การศึกษา ป.ตรี วิทยาศาสตร์ จุฬาฯ  ป. โท MIM มธ.      อาชีพ การตลาด (บริษัทเอกชน)
มารดา     อายุ 39 ปี การศึกษา ป.ตรี วิทยาศาสตร์ มหิดล ป. โท Sasin จุฬาฯ   อาชีพ แม่บ้าน


เหตุผลที่เลือกทำ homeschool

แม้ว่าลูกจะอยู่โรงเรียนนานาชาติที่ใกล้บ้านมาตั้งแต่เล็ก มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ครูและเพื่อนโดยรวมก็ดี แต่เราก็ยังเห็นว่าในเมื่อสามารถเลือกได้และมีศักยภาพที่จะทำได้ เราก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ครอบครัวของเรา เนื่องจากลูกรู้สึกเบื่อหน่ายมากกับการไปโรงเรียน และการต้องทนนั่งนิ่งๆ เงียบๆ ฟังครูสอนในเรื่องที่ไม่น่าสนุก ไม่น่าสนใจสำหรับเขา เป็นเวลานานๆ และยังต้องเสียเวลาเรียนเนื้อหาตามหลักสูตรต่างประเทศซึ่งหลายๆอย่างไม่เกี่ยวข้องกับคนไทยและสังคมไทย แถมยังได้เล่นน้อย อาหารกลางวันไม่ถูกปาก อาหารเช้าก็ต้องทานในรถ ทานได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตอนเย็นก็เหนื่อย หิวโซ ทานอาหาร junk food ระหว่างทางกลับบ้าน ไม่ชอบทำการบ้าน ต้องเข้านอนทั้งที่ยังไม่ง่วง รีบตื่นแต่เช้าทั้งที่ยังง่วงอยู่ เพื่อเข้าสู่วงจรเดิมๆทุกวัน ทำให้ลูกตั้งตารอวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เพื่อจะได้เล่นอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ระบบโรงเรียนทั่วไป ยังมีการเปรียบเทียบ แข่งขันกันเป็นเรื่องปกติ และสร้างแรงจูงใจเด็กด้วยรางวัลและการลงโทษ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ก็ขัดกับแนวความคิดที่ครอบครัวเราต้องการในการเลี้ยงดูลูก ทั้งยังบั่นทอนความกระตือรือร้น และความรักในการเรียนรู้ของเด็กด้วย

การทำ homeschool จะช่วยให้ลูกมีความสุขกับชีวิตวัยเด็กมากขึ้น มีเวลา มีอิสรภาพ ได้เล่น และได้รับการสนับสนุนในการค้นหาและพัฒนาศักยภาพเฉพาะตัวอย่างเต็มที่ โดยมีเด็กเป็นศูนย์กลาง ในบริบทที่เอื้อต่อการเรียนรู้และสอดคล้องกับธรรมชาติของเด็กมากกว่า เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ความสนุกสนาน อันมีผลโดยตรงต่อการเรียนรู้และความรักในการเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจในระยะยาว นอกจากนี้ยังได้ใช้เวลาใกล้ชิดกับพ่อแม่และครอบครัวมากขึ้น เสริมสร้างความมรัก ความอบอุ่น และซึมซับคุณค่าต่างๆที่สำคัญต่อชีวิต ที่ไม่ได้เป็นสิ่งที่จะได้รับจากโรงเรียนอีกด้วย และเป็นการเตรียมตัวเด็กของเราให้พร้อมที่สุดกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความก้าวหน้า และความเสื่อมถอยอย่างรวดเร็วของโลก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในทุกๆด้าน


แนวทางการทำ homeschool

จะเริ่มทำ homeschool อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ 1 กันยายน 2553 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีการศึกษาถ้ายังอยู่ในโรงเรียนเดิม โดยเทียบเท่ากับขึ้น ป. 3 และในปีแรกนี้ เพื่อปรับเวลาให้ตรงกับโรงเรียนหมู่บ้านเด็กที่ลงทะเบียนไว้ จะจบ ป. 3 ในเดือน กพ. - มีค. 2554 โดยได้วางแนวทางในการจัดบ้านเรียนไว้ดังนี้

ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง เรียนรู้บนพื้นฐานความชอบ ความสนใจ บุคลิกภาพ ความถนัด temperament ช่วงวัย พัฒนาการทางกาย จิตใจ อารมณ์ ความคิด และจัดให้สอดคล้องกับ life style จุดแข็ง และข้อจำกัดของครอบครัวด้วย

สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ที่เป็นมิตร ผ่อนคลาย (mode ปกติ vs mode ปกป้อง) สนุกสนาน น่าสนใจ ช่วยให้อยากเรียนรู้ เข้าใจง่าย จดจำได้ดี ได้นาน นำไปใช้ได้ โดยมีแม่เป็นผู้จัดการศึกษาหลักด้วยความรัก ความเข้าใจ

ใช้แนวการศึกษาแบบองค์รวม เชื่อมโยงกาย, อารมณ์, สติปัญญา, จิตวิญญาณ และพัฒนาสมองทั้งสองด้าน เน้นความสนุกสนาน ซึ่งเป็นปัจจัยทางอารมณ์ที่สำคัญต่อการเรียนรู้ ใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย, ปัญญาปฎิบัติ, hands on experience, ดนตรี, โยคะ, สมาธิ, brain gym ฯลฯ

ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ใช้หนังสือที่ให้ความรู้ อ่านเพลิน มีภาพ สีสัน เหมาะกับวัย รวมทั้งหนังสือประเภท life book ที่ไม่ได้เป็นเพียงข้อเท็จจริง แต่มีชีวิตชีวา ปลุกเร้าความคิด สร้างแรงบันดาลใจ อ่านกันทุกวัน ทั้งอ่านให้ฟังและอ่านเอง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ, ทำ reading log

การเรียนรู้แขนงต่างๆ ยกเว้นคณิตศาสตร์ และ ภาษา จะเรียนรู้ผ่านหน่วยการเรียนรู้ย่อยเป็นเรื่องๆ (unit study) ตามแต่ความสนใจในแต่ละช่วง ซึ่งสามารถเชี่ือมโยงองค์ความรู้ไปสู่วิชาต่างๆได้ มีความยากง่าย ความลึกของเนื้อหา ความยาว และระยะเวลาในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน ขึ้นกับความสนใจของเด็กในขณะนั้น โดยจัดสรุปสิ่งที่สำคัญที่ได้เรียนรู้ไป ในรูปแบบของ lapbook ซึ่งจะใช้เป็น portfolio การเรียนรู้ในแต่ละปีด้วย

มีการจัดตารางเวลาเรียนส่วนหนึ่ง (structured class) คือ เลข และ ภาษา (ไทยและอังกฤษ) เนื่องจากต้องใช้เป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ด้านอื่นและในการดำเนินชีวิต โดยโครงสร้างตารางเวลาเรียน และกิจกรรมต่างๆ จะมีคร่าวๆ และปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นได้ ไม่แน่นเกินไป

ช่วงปีแรกจะเน้นภาษาไทยมากหน่อย เนื่องจากลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติมา ทำให้ภาษาไทยไม่่ค่อยคล่อง ส่วนภาษาอังกฤษพื้นฐานดีอยู่แล้ว จะเรียนเสริมกับครูเจ้าของภาษาเป็นการส่วนตัว เพื่อรักษาและพัฒนาระดับความรู้ภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่การพัฒนาการฟัง พูด อ่าน เขียน ทั่วไป ให้ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเสมือนยังอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ

มีการใช้สื่อ edutainment ต่างๆ เช่น online interactive lesson, vcd, computer game, board game ฯลฯ ตามความเหมาะสม

อาจมีการเรียนเสริมจากภายนอกเฉพาะด้านที่เด็กสนใจ เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ IT ฯลฯ

เข้าค่าย, ทัศนศึกษา, outing, play date, เยี่ยมญาติ, ท่องเที่ยว เพื่อเสริมสร้างการเข้าสังคม และการเรียนรู้ ซึ่งการที่เด็กได้พบเจอผู้คนที่แตกต่าง หลากหลาย ทั้งเด็กรุ่นเดียวกันและต่างรุ่นกัน รวมทั้งผู้ใหญ่ จะช่วยพัฒนาทักษะการเข้าสังคมได้เป็นอย่างดี แม้ว่าในจุดนี้จะมีคนส่วนใหญ่เป็นห่วงกันมากก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

ส่งเสริมการออกกำลังกาย เช่น free play, ว่ายนำ้, ตีแบดฯ, เล่่นบาส, ขี่จักรยาน ฯลฯ








Free TextEditor




 

Create Date : 18 กันยายน 2553    
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 21:17:41 น.
Counter : 1124 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

funfreeflow
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เราอาจไม่สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่เราสามารถทำสิ่งเล็กๆด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ได้ - Mother Teresa -

Life is Beautiful
Friends' blogs
[Add funfreeflow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.