|
ใบ-คำร้อง
ผลรางวัลโนเบลเพี้ยน หรือ Ig nobel prize ประจำปี 2008 ออกมาแล้ว สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Ig nobel จะขออธิบายอย่างสั้น มันคือรางวัลสำหรับผู้ที่คิดค้น-ค้นพบทฤษฏีหรือผลการงานวิจัยที่ฟังแล้วต้องร้องประมาณว่า "อ้าว เหรอ เออ ว่ะ!!" แล้วก็ต้องขำคิกคักปิดท้ายประมาณ 7-8 คิก แน่นอนว่าผลงานวิจัยเหล่านี้ไม่ได้เท่เท่ารางวัลโนเบลจริงจัง แต่นักวิจัย-นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมส่งผลงาน Ig nobel ไม่ธรรมดาสักคน หรือ เอ...บางคนก็ธรรมดา ประมาณว่า... บางคนเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานทรงคุณค่ามาหลายต่อหลายชิ้น แต่บางคนก็เป็นเพียงคนไข้ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล หรือบางคนเป็นเพียงนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ที่บังเอิญไปเจอปรากฏการณ์ที่จุดชนวนความคิดเข้า วิจัยต่อยอดกันจนได้ผลสรุป แล้วบางคนก็เป็นแม่บ้าน เป็นแม่บ้านที่ได้รับรางวัลโนเบล (เพี้ยน) !
รางวัลปีนี้ผมชอบใจสาขาสันติภาพมากที่สุด เปล่าครับ, เขาไม่ได้คิดค้นแนวคิดสารพัดวิธีที่จะมาระงับความมาคุระหว่างจีน-สหรัฐ หรือแมว-หมา แต่คณะกรรมการจริยธรรมของรัฐบาลกลางสวิสเซอร์แลนด์เกี่ยวกับไบโอเทคที่ไม่ใช่มนุษย์ พร้อมกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เขาเรียกร้องสิทธิ ศักดิ์ศรี ของ 'พืช' ว่าควรถูกปกป้อง ดูแล และมีสิทธิในความปลอดภัยเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ ประมาณว่ามีญาติพี่น้องเป็นป่า เป็นเขา เป็นต้นไม้ ใบหญ้า ผมได้ยินแล้วคิดว่านี่มันเท่เกินไปกว่าที่จะเป็น Ig nobel รึเปล่า แต่ก็ช่างกรีนอะไรอย่างนี้ เหมาะกับกระแสที่โลกนี้แปดเปื้อนไปด้วยสีเขียว (ขอโทษ ไม่ใช่เขียวจากป่า แต่จากสีสกรีน)
เรื่องกรีนหรือไม่ไม่ใช่ประเด็น แต่ผมเคยคิดเล่นเล่นเหมือนกันว่า ต้นไม้ทุกต้นก็มีชีวิต มีความรู้สึกเหมือนกับคน ผมเสียวกระดูกอยู่นิดนิดเวลาที่ไปกินสุกี้แล้วเพื่อนหักผักกาดดังป๊อกละก็โยนลงหม้อน้ำต้ม แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งได้ดูหนังของ M.Night Shayamalan เรื่อง The happening ที่เกี่ยวกับการเอาคืนมนุษย์จากธรรมชาติยิ่งอิน!
เมื่อปีก่อนหรือปีไหนไม่แน่ใจ เคยเขียนเรื่องประมาณนี้ไว้เล่นเล่นใน MSN Space แล้วก็เซฟเก็บไว้ เขียนห่วยหน่อย แต่ไหนไหนก็ไหนไหน ลองอ่านกันหน่อยก็แล้วกัน
------
หลายวันก่อน ผมเดินอยู่ริมถนนแถวสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลาดพร้าวประตูที่ 2 ใกล้กับอาคารชื่อเข้าใจยาก 'จอดแล้วจร' วันนั้นฝนตกโปรยปราย ผมพกร่มไปแต่ไม่คิดกางออกมาใช้ เพราะฝนมันเบาเกินไปกว่าจะใช้ร่ม
ยืนรอรถเมล์ ที่มันนานนานจะผ่านมาสักคัน ในขณะที่รถโคตรติด ลมพัดควันมารมคน ถึงแม้จะค่ำจนไม่มีแสงแดด แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่ามีควันรถมากระทบหน้า ลมจากฝนพัดแรงบ้างเบาบ้าง ทุกครั้งที่แรงจัดต้นไม้ละแวกที่ผมยีนอยู่ก็หวั่นไหวไปกับกระแสลม
ต้นไม้ริมถนนใน กทม. แทบทุกต้นถูกตัดปลายยอดออก ผมเคยเห็นรถสีส้มส้มของ กทม. มาจัดแจงตัดมันเสียจนกุดอยู่บ่อย พวกเขาคงกลัวว่ามันจะไปเกี่ยวสายไฟฟ้าจนสร้างปัญหาให้กับประชาชนส่วนใหญ่ จริงอยู่ที่มันก็มีเหตุผลดี ไฟฟ้าดับสำหรับคนทั่วไปเดือดร้อนกว่าต้นไม้จะถูกตัดถูกโค่นลงสักต้น แต่มองแล้วมันไม่ค่อยสบายใจเท่าไร ไม่รู้ว่าต้นไม้มันอยากจะโตขึ้นไปอีกรึเปล่า มันอยากจะสูงขึ้นไปตามใจตัวเองแค่ไหน ต้นไม้เกิดมาเพื่อเติบใหญ่ เพื่อชูกิ่งก้านใบอย่างสง่างาม แต่กลับโดนมนุษย์กลัวไฟดับตัดหนทาง เฉือนความสูงของมันทิ้งเพื่อความปลอดภัยของตนเอง ทั้งที่เป็นคนนำมันเข้ามาไว้ในเมืองใหญ่ซึ่งไม่ใช่ที่ของมันแท้ ไม่สิ ที่ของมันนั่นละ มนุษย์ต่างหากที่อุตริแย่งชิงพื้นที่ของมันมาแบบหน้าด้านด้าน
แต่... ใครจะรู้ว่าต้นไม้ไม่ร้องไห้เพราะเจ็บ เมื่อมนุษย์ใช้เลื่อยไฟฟ้ากรีดตัวมันเพื่อไปทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้กระดาษทรายเบอร์ศูนย์กรีดกรายลากถูตามผิวของมัน ใครจะรู้ว่าต้นไม้ไม่เสียใจที่มนุษย์ไม่เหลียวแล ทั้งที่เป็นผู้นำมันมาปลูกอยู่ในบ้าน ปล่อยให้แห้งเฉาเน่าเปื่อย ใครจะรู้ว่าต้นไม้ร้อนแทบขาดใจเมื่อโดนโยนทิ้งลงไปยังหม้อสุกี้ ใครจะรู้ว่าต้นไม้ไม่ส่งเสียงร้องจนไม่มีเสียงเมื่อถูกมีดซอยร่างเสียแหลกเพื่อนำมาประกอบอาหาร
วันนั้นผมยืนมองต้นไม้ไหวขยับซ้ายขวาอาดอาด ไม่รู้ว่าเพราะแรงลม หรือเพราะมันกำลังคิด ว่าไอ้มนุษย์สันดานขี้เอาเปรียบอย่างผม จะไปเข้าใจอะไรพวกมันได้ ใครจะรู้
ปล.ลองคิดดูว่าถ้าต้นไม้มีชีวิตจริง...ทุกวันนี้เราก็อาศัยอยู่กับชิ้นส่วนศพ.. น่ากลัวพิลึก ------
Create Date : 19 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 19 ตุลาคม 2551 13:03:00 น. |
|
3 comments
|
Counter : 397 Pageviews. |
|
|
|
โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:18:38:11 น. |
|
|
|
โดย: katiib IP: 124.122.129.176 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:21:21:04 น. |
|
|
|
โดย: momo IP: 58.9.100.13 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:22:59:33 น. |
|
|
|
| |
|
เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น