|
เครื่องบันทึกเสีย
อุปกรณ์ที่ควรจะมีติดตัวไว้อย่างขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่ทำอาชีพสื่อ โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร จำเป็นต้องมี 'เครื่องบันทึกเสียง' ไว้บันทึกข้อมูลที่สมองก้อนเดียวไม่อาจจำได้หมด (หรือจำได้หมด..แต่คงจำไม่ทัน)
อาจจะดูห่างไกลจากชีวิตประจำวันของคนทั่วไป เครื่องบันทึกเสียงในความทรงจำของพวกเขาจึงเป็นเครื่องเล่นเทปอ้วนๆ ใช้เทปเปล่าม้วนละ 35 บาท เป็นสมุดบันทึกเสียง เมื่อการพูดคุย-สัมภาษณ์-สัมมนา-เสวนา-ปราศัย ผ่านไป 30 นาที เทปจบครบหน้าเสียง 'แป้ก' จนปุ่มเด้ง ก็ต้องเร่งกลับหน้าเทปให้ทันท่วงที ช้าไม่ได้-พลาดไม่ได้ เพราะข้อมูลสำคัญอาจโผล่มาช่วง 3-4 วินาทีนี้ก็ได้
เทปไม่พอก็ไม่ได้ ก็เลยต้องพกเทปกันเป็นกระบุง เหมือนคนดนตรีที่พกเทปพร้อมซาวน์บาวด์ไปนั่งฟังเพลงตามสยามเมื่อสิบปีก่อน
แต่เอาเข้าจริงแล้ว เด็กอายุช่วง 22-25 อย่างผมคงจำกันได้อยู่ ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่วัยรุ่น ม.ปลายเขานิยมอัดเพลงลงเทปไปให้คนที่ชอบพอกัน สมัยนั้นเทปลายต่างๆ ขายดิบขายดี ผมจำได้มีว่าเคยได้รับเทปสีน้ำเงินลายปลาโลมากระโดด ในนั้นบรรจุเพลงที่ผมจำได้ดี แม้ว่าเธอคนที่ให้เทปม้วนนั้นหายหน้าไปจากความทรงจำผมแล้วก็ตาม
แต่หลังจากนั้นม้วนเทปก็หายไปพร้อมกับ CD ที่เข้ามาแทนที่...
เข้าเรื่องต่อ-มีข้อเท็จจริงของการประกอบอาชีพที่ใกล้เคียงกันอย่าง นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ ่หากมองเชิงตื้น, เป็นอาชีพที่มีแก่นคล้ายกันคือรายงาน นำเสนอ ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการเขียน หากมองเิชิงลึก, ความว่องไวในการทำงาน กระบวนการทำงาน หรือแม้กระทั่งการขยับตัวก็ยังต่าง จนเรียกได้ว่าเป็นคนละศาสตร์ได้ไม่ขุ่นเคือง
การบันทึกเสียงสำหรับหนังสือพิมพ์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่นิยม เพราะทุกครั้งที่ได้รับหมายก็มีประเด็นที่ต้องเตรียมไปตักตวงอยู่แล้ว จดก็เพียงพอแล้ว อาศัยความสามารถของหูดี สมองดี ที่ต้องเอะใจกับประเด็นที่แปลกใหม่น่าสนใจ หลังจากนั้นก็เรียบเรียงเป็นแพทเทินของข่าว ที่อ่านง่าย กระชับ เรียงประเด็นสำคัญชัดเจน รวดเร็ว การถอดเทปต้องใช้เวลา หนังสือพิมพ์ไม่มีเวลามากขนาั้ดนั้นแน่
สำหรับนิตยสารนั้น บางครั้งไม่มีประเด็น หรือมีก็เลือนลางมาก เรียกว่าพูดชื่อใครสักคนขึ้นมา หลังจาก เออ ออ เห็นว่าเจ๋งหรือเหมาะที่จะลงในเล่มก็ปลงใจสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งกินเวลาไม่ใช่เล่น บ้าง 1 ชั่วโมง บ้าง 2 บ้างลามปามไป 4 ก็มี จดประเด็นได้ แต่คำตกหล่น ครั้นจะอุตริสร้างประโยคขึ้นมาเองก็จะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ถูกสัมภาษณ์ได้
ดังนั้นเครื่องบันทึกเสียงจึงขาดเสียไม่ได้
ทุกวันนี้น้อยคนที่จะใช้เครื่องเล่นเทปอ้วนๆ อย่างที่ทุกท่านคิดถึงกัน แต่ก็ยังมีบ้างที่ใช้เครื่องแบบนั้นอยู่ เคยถามกันเล่นๆ เขาว่ามันถนัดและคุ้นมือดี แต่ส่วนใหญ่แล้ว พวกกระผมส่วนมากใช้เครื่องเล่น MP3 กันแล้ว เพราะส่วนใหญ่แล้วสามารถบันทึกเสียงได้ด้วย รวยหน่อยก็ iPod เครื่องเป็นหมื่น จนหน่อยก็เครื่องไม่กี่ร้อย 900-1,500 ก็มี ส่วนผมไม่รวย ค่อนไปทางจน ก็ต้องหาอะไรที่มันสะดวกในระดับนึง เครื่องละสี่พันน่าจะเหมาะและใช้ได้ดีแล้ว
หรือมีอีกชนิดหนึ่งที่เป็นเครื่องบันทึกเสียงโดยตรง ผมไม่รู้ว่ามันใช้กันยังไงและดีกว่ากันตรงไหน อาจจะชัดเจนกว่า และมีความสามารถในการบันทึุกเสียงมากกว่า แต่สิ่งที่เหมือนอย่างหนึ่งคือเสียงที่ได้จะเป็นไฟล์ดิจิตอล
ซึ่งเจ้าไฟล์ดิจิตอลนี่มันสะดวกสะบายกว่าเทปธรรมดาตรงที่ 1.ไม่ต้องพกเทปไปหลายๆ ม้วนกันเสีย หรือเทปไม่พอ บันทึกกันได้เ็ป็นวัน พูดจนลิงหลับ 2.ไม่ขัดจังหวะขณะเทปจบม้วน ไม่พลาดสักเสี้ยววินาที 3.ไม่กลัวน้ำ ไม่กลัวความร้อน 4.ไฟล์ที่ได้ก็สามารถนำเข้าโปรแกรมปรับเสียงให้ชัดเจนขึ้นไ้ด้ หรือทำให้ช้าลงได้ 5.การถอดเทปง่ายดาย ใช้ปุ่มบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องย้ายมือไปมาระหว่างเครื่องเล่นเทป(แต่ไม่ลดทอนความน่าเบื่อ) 6.ไม่เปลืองเงินค่าม้วนเทป
ข้อเสียมันก็มี 1.ไฟล์ดิจิตอลเป็นสิ่งไม่จีรัง เกิดเครื่อง MP3 เสียขึ้นมาก็ท่องว่า ชิปจะหายไปพร้อมไฟล์เสียงที่หายไป 2.การบันทึกเสียงที่ยาวนาน อาจจะทำให้การสัมภาษณ์ยืดเยื้อเกินความจำเป็น น้ำอาจท่วมเนื้อได้ 3.ซึ่งมันจะทำให้การถอดเทปยาวนาน 4.หากเป็นเครื่อง MP3 ที่ใช้การชาร์ตแบต มีโอกาสแบตหมดระหว่างสัมภาษณ์ได้-หมายความว่า ซวย
สิ่งที่ทำให้คนอาชีพอย่างผมผูกพันกับเครื่องอัดเสียง คือมันเป็นสิ่งที่ทำให้ได้งาน งานดีมีความสุข แบ่งเบาภาระในการทำงานได้มากโข ไม่ต้องเพ่งพินิจพิจารณาถึงความแม่นยำในการจดประเด็น สามารถปล่อยใจไปคิดคำถามต่อเนื่องอื่นๆ ได้มากมาย ระหว่างปล่อยใจนั้นก็ปล่อยให้เครื่องบันทึกเสียงทำหน้าที่ของมัน
แต่อีกเรื่องหนึ่งที่จะตามมาติดๆ คือการ 'ถอดเทป' หลายคนคงงงว่ามันคืออะไร?
การถอดเทปคือการแปรคำพูดที่เป็นเสียง ให้ออกมาในรูปแบบอักษร ผ่านเครื่องมือ ที่ใช้มือจริงๆ ไปจิ้มคีย์บอร์ด ใครไม่เคย แนะนำให้ลอง พูดกับเพื่อนแล้วลองมาถอดกันสักชั่วโมง เป็นช่วงการทำงานที่เขาว่ากันว่าเป็นช่วงที่น่าเบื่อที่สุด ผมเห็นด้วย! บางครั้งน่าเบื่อชนิดที่ว่าทำกันวันเดียวไม่ได้ ต้องเก็บไปทำกันที 3-4 วัน ยิ่งเทปยาวๆ ไม่ต้องพูดถึง ไม่อยากจะแตะ
แ่ต่หลายครั้งที่ผมได้แง่คิดดีๆ หรือข้อมูลที่รู้สึกว่าไม่เคยได้ยินจากการถอดเทป จากเสียงที่เจ้าเครื่อง MP3 นี่พูดให้ฟัง อาจเป็นเพราะความสะเพร่าที่ผมเองละเลยข้อมูลบางอย่างไประหว่างสัมภาษณ์ บางครั้งเป็นถ้อยคำที่ตรึงใจไม่อาจลืม บางครั้งเป็นแนวความคิด ที่อยากใช้ชีวิตต่อ
การทำอย่างนี้บ่อยๆ ทำให้ผมอยากทบทวนชีวิตที่ผ่านมา การเขียนไดอารี่ทุกวันเป็นส่วนหนึ่งจากผลกระทบ ขณะที่เราใช้ชีวิตไปแต่ละวัน ละเลยบางเรื่องไปอย่างช่วยไม่ได้ หากไม่ได้รับการระลึกถึง คงไม่มีทางนึกถึง ทั้งที่เรื่องบางเรื่องล้วนมีค่า กว่าเรื่องที่น่าจดจำในแต่ละวันอีก
เหมือนหนังที่กว่าจะดูเข้าใจ ก็ต้องรอบสอง รอบสาม เหมือนเพลงที่ยิ่งฟังมากรอบ ก็ยิ่งซึ้งกินใจ เหมือนหนังสือ ที่ต้องอ่านระหว่างบรรทัด รอบแล้ว รอบเล่า
เครื่องบันทึกเสียงบอกสิ่งที่มันไม่ได้บันทึกมาอย่างนั้นเหมือนกัน
เหมือนสายตา หู จมูก ปาก ทุกคนล้วนมีเครื่องบันทึกเสียงแบบที่ผมมีอยู่ ผมก็มีเครื่องบันทึกเสียงแบบที่ทุกคนมีอยู่เช่นกัน
อยู่ที่ใครจะทบทวน เปิดสิ่งที่ผ่านเข้ามาทบทวนดู อาจได้รู้ ว่าในฝุ่นมีอะไร แดดวันไหนบอกอะไรเราบ้าง ลมที่พัดมายามเย็น มันเย็นแท้แค่ไหน หรือน้ำที่อาบไป มันช่วยให้น้ำตาจากความเศร้าในแต่ละวันติดไหลไปตามท่อรึเปล่า
เร็วเข้านะครับ ก่อนที่เครื่องบันทึกมันจะเสีย จะพาลให้งานมันไม่ดีเสียเปล่าๆ
Create Date : 16 เมษายน 2551 |
Last Update : 16 เมษายน 2551 0:41:16 น. |
|
5 comments
|
Counter : 982 Pageviews. |
|
|
|
โดย: A-Chee วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:2:05:12 น. |
|
|
|
โดย: a_Qi วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:13:48:43 น. |
|
|
|
โดย: a_Qi วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:13:50:11 น. |
|
|
|
โดย: หญิงจ๊ะ วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:08:48 น. |
|
|
|
| |
|
อากาศร้อน ๆ ทำใจให้ร่ม ๆ นะจ๊ะ