Group Blog
 
All Blogs
 

หลังเลิกงานสถานการณ์แบบนี้จริงที่สุด ฮาๆ



หลังเลิกงานสถานการณ์แบบนี้จริงที่สุด ฮาๆ การ์ตูนขำๆ ของชีวิตคู่ อาจจะตรงกับชีวิตจริงของใครบ้างคน เรื่องราวที่คนโสดอาจจะไม่เข้าใจ การ์ตูนสนุกๆ จากเพจเฟสบุ๊คครับ


ขอบคุณการ์ตูนขำๆ จากเพจเฟสบุ๊คมึงอะคิดมาก






 

Create Date : 29 ตุลาคม 2560    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2560 3:36:07 น.
Counter : 1666 Pageviews.  

เตรียมตัวก่อนเกษียณและการออมเงิน



ถ้าจะเกษียณต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ?ถ้ามีคนถามมาแบบนี้ ก็คงจะเป็นอะไรที่หาคำตอบตายตัวได้ยาก เนื่องจากว่าคนเราก็ย่อมมีรสนิยมที่แตกต่างกัน ราคาของสินค้าแต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน คำตอบของแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไปยิ่งถ้าใครได้ลองวางแผนการเกษียณของตัวเองดูแล้ว ก็คงจะพบว่ามีตัวแปรมากมายในที่จะใช้คำนวณเงินที่เราต้องเตรียมตัวเพื่อการเกษียณ ไม่ว่าจะเป็น เงินที่ต้องออมต่อเดือน ผลตอบแทน อัตราเงินเฟ้อ อายุหลังเกษียณ หรือแม้กระทั้ง ไลฟ์สไตล์หลังเกษียณของแต่ละคน.ลองคิดแบบง่ายๆ ถ้าเรามีชีวิตอยู่หลังเกษียณ 20 ปี ด้วยราคาค่าครองชีพปัจจุบัน ไม่นับสวัสดิการบำนาญต่างๆ และ ยังไม่นับรวมเงินเฟ้ออีกประมาณ 3% ต่อปี ถ้าเรามีแค่รายจ่ายแบบพอประทังชีวิต ก็ไม่น่าเยอะมากเท่าไหร่นัก แค่เก็บเงินให้ได้สัก 2 ล้าน กับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นๆ อย่าง ค่าอาหาร ค่ายา ค่าสาธารนูปโภคต่างๆ ประมาณ 8,500 บาทต่อเดือน ก็น่าจะอยู่รอดไปได้แบบพอดีๆแต่ราคาค่าใช้จ่ายดังกล่าว ไม่ได้นับรวมเรื่องอะไรที่ใช้เพื่อความบันเทิงเลย ค่าอาหารก็น้อยนิด กินบุฟเฟ่ต์สักมื้อก็ไม่พอแล้ว อย่างงี้ชีวิตหลังเกษียณก็คงน่าเบื่อแย่ ถ้าน้องถุงเงินอยากมีชีวิตอยู่แบบสบายๆ มีความสุขกับการได้ไปเที่ยว ได้กินอาหารดีๆ แน่นอนว่าเงินที่ต้องออมก็ต้องเพิ่มขึ้น เผื่อค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปด้วย สัก 24,000 บาทต่อเดือน รวมๆ แล้วตอนอายุ 60 เงินเก็บก็ต้องมีประมาณ 5 ล้านกว่าบาทแต่ถ้าเรามีเงินถึง 16 ล้าน ในช่วงก่อนเกษียณ ชีวิตก็คงเป็นเหมือนดั่งราชาในวัยชรา การไปเที่ยวต่างประเทศสักปีละครั้งสองครั้งก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แถมยังสามารถจ้างผู้ดูแลช่วยเราในชีวิตประจำวัน คงจะสุขสบายสมดังรางวัลแห่งการทำงานมาทั้งชีวิต.แต่ก็อย่างที่บอกนะครับว่า ราคาที่คำนวณให้ดูข้างต้นเป็นราคาของค่าครองชีพในปัจจุบัน ถ้าเราจะเกษียณในอีก 30 ปี ก็ต้องคูณค่าเงินเฟ้ออีกปีละ 3% เข้าไปอีก และราคาข้างต้นเป็นการคำนวณผ่านช่วงอายุหลังเกษียณเพียง 20 ปี ถ้าเราอายุยืนกว่านั้น เงินที่คำนวณไว้ก็คงไม่พอแน่ๆ แถมทุกวันนี้ก็เทคโนโลยีการแพทย์ก็ยิ่งดีขึ้นเรื่องๆ การที่เราจะมีอายุยืนขึ้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ยากเลยยิ่งวางแผนเกษียณเร็วก็ยิ่งดีนะครับ เพราะจะทำให้เราเตรียมพร้อมเรื่องการเงินได้ทันไม่ขัดสน และการเก็บเงินตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะทำให้เราสามารถไปถึงเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูแลสุขภาพตัวเอง เพราะถึงแม้เราจะวางแผนเรื่องการเงินดีแค่ไหน แต่ถ้าสุขภาพไม่ดีนอกจากจะหมดเงินไปกับค่ารักษาพยาบาลแล้ว เงินหลังเกษียณที่เก็บไว้ก็อาจจะไม่ได้ใช้ด้วย


เตรียมตัวก่อนเกษียณและการออมเงิน


**ขอบคุณเนื้อหาคุณภาพจาก:



**ขอบคุณเนื้อหาคุณภาพจาก: เพจเฟสบุ๊ค Money Ideas


บทความที่น่าสนใจอื่นๆ: ติดตามได้ที่นี่




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2560    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2560 17:06:04 น.
Counter : 1217 Pageviews.  

ผ้าขนหนู การเลือกและดูแลรักษา เรื่องเล็กๆ แต่มีอะไรมากกว่านั้น





ผ้าขนหนูเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องใช้ทุกวัน เรียกได้ว่าต้องมีอย่างน้อยก็ 2-3 ครั้งขึ้นไปในแต่ละวันที่เราต้องได้ใช้และสัมผัสกับผ้าขนหนูไม่มากก็น้อย แต่คนส่วนใหญ่มองข้าม ไม่ใส่ใจ และไม่ให้ความสำคัญใดๆ เนื่องจากมองว่าผ้าขนหนูก็เหมือนๆ กันหมดไม่ได้เห็นความแตกต่างอะไรกัน แต่จริงๆ แล้วเรื่องของผ้าขนหนูมีอะไรมากกว่านั้น เคยสงสัยกันไหมว่าเราจะเลือกซื้อผ้าขนหนูที่ดีได้อย่างไรดูจากอะไร ขนาดที่แตกต่างกันเหมาะกับการใช้งานอย่างไร เราจะมีวิธีดูแลรักษาอย่างไร มีวิธีซักหรือทำความสะอาดอย่างไรและบ่อยแค่ไหน รวมถึงเมื่อใช้ไปนานผ้าขนหนูจะเริ่มไม่นุ่มแล้วจะทำอย่างไรให้กลับมานุ่มอย่างเคย

การเลือกซื้อผ้าขนหนู ควรเลือกเนื้อผ้าที่เป็นเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100% คุณภาพสูง เพราะให้ความนุ่มต่อการสัมผัสที่ผิวหน้าและผิวการได้ดีเยี่ยม ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ไม่มีเศษขุยเล็กๆ ติดผิวเมื่อใช้งาน และที่สำคัญที่ถือเป็นจุดเด่นของผ้าขนหนูก็คือ การดูดซับน้ำได้ดีเยี่ยมและยังระบายอากาศได้ดีทำให้ไม่เกิดกลิ่นอับและเชื้อราได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ผ้าขนหนูที่มีใยสังเคราะห์ผสมอยู่ไม่สามารถทำได้ดีเท่าเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100% คุณภาพสูงได้ หากดูในท้องตลาดก็จะพบว่าผ้าขนหนูระดับเกรดดีๆ หรือระดับพรีเมี่ยมทั้งหลายไม่ว่าจะยี่ห้อใด ก็จะผลิตจากผ้าฝ้ายธรรมชาติคุณภาพสูงทั้งสิ้น ส่วนผ้าขนหนูเกรดรองลงมาก็อาจจะผลิตด้วยผ้าฝ้ายที่มีคุณภาพรองลงมา ในการเลือกซื้อนั้นก็แล้วความต้องการหรือกำลังทรัพย์ของแต่ละคน สำหรับผ้าขนหนูที่ผลิตจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100% คุณภาพสูง แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าทั่วไปสักหน่อย แต่สำหรับบางคนเมื่อได้ลองใช้ก็จะรู้สึกถึงความแตกต่าง บางยี่ห้อมีการใส่สารช่วยป้องกันแบคทีเรียด้วยทำให้ปัญหาเรื่องกลิ่นอับและเชื้อราหมดไป อาจหาช่วงที่มีการลดราคาหรือช่วงจัดโปรโมชั่น ของเหล่าร้านค้าออนไลน์หรือห้างสรรพสินค้าเพื่อที่จะสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกลงก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง

ทีนี้มาดูกันด้วยเรื่องของประเภทของผ้าขนหนู คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าผ้าขนหนูก็เหมือนๆ กัน จะใช้ในกิจกรรมใดๆ ก็ได้ไม่แตกต่างกัน แต่จริงๆ คุณสมบัติที่แตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆ ของผ้าขนหนู ก็มีความเหมาะสมกับการใช้งานไม่เหมือนกัน และมีรายละเอียดอะไรมากกว่าที่คิด เริ่มจากขนาดของผ้าขนหนูมีอยู่หลากหลายขนาด การใช้งานก็แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผ้าขนหนูขนาดเล็ก ชนิดนี้เหมาะกับการเป็นผ้าเช็ดหน้าหรือไม่ก็เป็นผ้าเช็ดมือ, ผ้าขนหนูขนาดใหญ่ ชนิดนี้เหมาะสำหรับการเป็นผ้าเช็ดตัวหลังอาบน้ำ ซึ่งทุกคนก็คุ้นเคยกันดี, ผ้าขนหนูขนาดใหญ่พิเศษ ชนิดนี้เหมาะสำหรับนักกีฬาหรือผู้เล่นกีฬาทางน้ำที่ต้องการให้ผ้าสามารถซับน้ำได้มากและรวดเร็วกว่า ในประเทศเขตหนาว ผ้าขนหนูชนิดนี้ก็สามารถให้ความอบอุ่นให้กับนักกีฬาหลังแข่งเสร็จได้อีกด้วย, ผ้าขนหนูชนิดผ้าห่ม หลายคนก็เลือกใช้ผ้าห่มที่เป็นเนื้อผ้าขนหนู อาจเป็นเพราะอากาศร้อนๆ อย่างเมืองไทย หากใช้ผ้านวมในการห่มตอนนอนก็จะร้อนอบอ้าวเกินไป ผ้าห่มชนิดนี้จึงเหมาะสมและได้รับความนิยม

ต่อมามาดูถึงเรื่องการทำความสะอาดการเก็บรักษากันบ้าง สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อซื้อผ้าขนหนูมาใหม่ๆ คือ การซัก เนื่องจากผ้าขนหนูต้องสัมผัสกับผิวหน้าและผิวกายอยู่ทุกวัน ดังนั้นการซักผ้าขนหนูใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการกำจัดสารเคมีที่มีมาตั้งแต่ขั้นตอนผลิต รวมถึงเพื่อกำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ ในขึ้นตอนเก็บสต๊อกของร้านค้าต่างๆ หากต้องการให้ผ้าขนหนูสะอาดขึ้นอีก ก็สามารถซักด้วยน้ำอุ่นด้วยก็ได้ เมื่อใช้งานผ้าขนหนูไปสักระยะแล้ว ก็ต้องซักทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ถ้าหากใช้เช็ดตัวหรือเช็ดหน้าอยู่ทุกวัน ก็ควรซักทำความสะอาด 1 ครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากนั้นก็ควรตากในที่โล่งเพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นอับ อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนการซัก ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาซักผ้าขาว เพราะอาจจะทำลายความนุ่นของผ้าขนหนูได้ แต่หากต้องการขจัดคราบสกปรกหรือคราบดำคล้ำติดแน่นบนเนื้อผ้าขนหนูที่เกิดจากการใช้ไปนานๆ โดยเฉพาะกรณีที่ใช้เป็นผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ ก็อาจใช้เบกกิ้งโซดา สักครึ่งถ้วยหรือปริมาณที่เหมาะสม ใช้ร่วมกับผงซักฟอกปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซักให้ดีขึ้นได้ 

ปัญหาอีกข้อ เมื่อใช้ผ้าขนหนูไปนานๆ  จะพบว่าผ้าขนหนูเริ่มมีความแข็งกระด้างหรือไม่นุ่มเหมือนเคย นอกจากการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแล้ว อาจลองใช้น้ำส้มสายชู ด้วยการใช้น้ำส้มสายชูเล็กน้อยผสมกับน้ำหนึ่งในปริมาณมากที่สามารถนำผ้าขนหนูที่ผ่านการซักให้สะอาดแบบปกติมาแล้ว มาแช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชูนี้ หลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง และน้ำไปตากตามปกติ นี่ก็จะช่วยทำให้ผ้าขนหนูกลับมานุ่มขึ้นอีกครั้ง




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2560 14:42:03 น.
Counter : 859 Pageviews.  

เทคนิคการออมเงินที่ทุกคนทำได้ จะได้มีเงินเก็บนะ





หากคุณเป็นคนทำงาน และผ่านชีวิตการทำงานมาแล้วมากกว่า 5 ปีขึ้นไป อยากให้ลองสำรวจเงินเก็บในธนาคารของคุณดูว่ามีมากน้อยเพียงไร เชื่อว่ามีหลากคนเลยพบว่า ไม่มีเงินเก็บเลย! ใช้ไปเดือนชนเดือน บางคนหมดเงินไปกับสิ่งของที่ตัวเองอยากได้ สิ่งของที่ตัวเองคิดว่าต้องมี เช่น ของใช้แบรนด์เนม การผ่อนรถยนต์รถมอเตอร์ไซต์ การท่องเที่ยว เป็นต้น โดยคิดไปว่าขอสนุกก่อน การเก็บเงินไม่จำเป็นตอนนี้เพราะเดี๋ยวให้อายุ 30 ขึ้นไปแล้วค่อยเก็บเงิน โดยเฉพาะคนยุคใหม่ Gen Y หรือ Gen Z เหล่านี้ชีวิตช่างมีเรื่องให้ทำกันมากมายซะเหลือเกิน ก็ต้องมีรายจ่ายตามมามากเช่นกัน ถึงขนาดเด็กจบใหม่ เพิ่งได้งานทำ เงินเดือนไม่กี่หมื่นบาท ใช้กันโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่เหล่านี้เกิดมาในยุคที่พ่อแม่สร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะมั่นคง เป็นคนชั้นกลางของสังคมเต็มตัว และไม่ลำบากอะไร

แต่รู้หรือไม่ เมื่อคุณอยู่ในวัยทำงาน มีรายได้แต่ไม่มีการเก็บออมเงินเลย ใช้จ่ายอย่างสบายใจ เท่ากับเป็นการไร้วินัยทางการเงิน และเมื่อไร้วินัยทางการเงินไปนานๆ สิ่งที่ตามมาคือ การใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยขึ้นเรื่อย จนกระทั่งติดเป็นนิสัย จนในที่สุดก็ใช้จ่ายเกินตัว กู้หนี้ยืมสิน เพราะการฝึกเรื่องวินัยทางการเงินนั้นเป็นสิ่งที่ยากสำหรับคนกลุ่มนี้มาก วินัยการเก็บออมต้องถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กหรือวัยรุ่น หากไม่มีทัศนคติเช่นนี้มาตั้งแต่ต้น การจะมาฝึกตอนแก่ก็ยากยิ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยความพยายามอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้น ช่วงวัยหนุ่มสาว เพิ่งเริ่มทำงาน การฝึกการออมเงิน ใช้จ่ายอย่างมีวินัย จึงเป็นช่วงวัยที่เหมาะอย่างยิ่ง แล้วการออมเงินอย่างไรจึงได้ผลล่ะ ต่อไปนี้มาดูกัน

1.ปรับทัศนคติ
สิ่งแรกที่ต้องทำอย่างยิ่งคือการปรับทัศนคติของตัวเองก่อนว่า เราจะออมเงินไปทำไม อะไรคือเป้าหมายในชีวิตของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณต้องการมีเงินเก็บ 5 ล้านบาท ก่อนอายุ 30, คุณต้องการผ่อนคอนโดหรือบ้านให้หมดภายในอายุ 33, คุณต้องการมีเงินก้อนหนึ่งสำหรับนำไปทำธุรกิจของตัวเองตอนอายุ 35, คุณต้องการเก็บออมเงินเป็นทุนไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกในต่างประเทศให้ได้ก่อนอายุ 28 เป็นต้น สิ่งนี้สำคัญมากเพราะจะทำให้คุณมีเป้าหมาย เห็นลู่ทางในการก้าวเดินไป แต่เป้าหมายนี้ต้องเป็นสิ่งในฝันที่คุณต้องการจะไปจริงๆ เท่านั้น ไม่งั้นก็ยากที่จะผลัดดันตัวคุณไปได้ถึงเป้าหมาย สิ่งต่อมาที่ต้องทำคือ การปรับทัศนคติตัวเองให้เมื่อเห็นตัวเลขในบัญชีธนาคารที่เพิ่มขึ้นเป็นความสุขของคุณ เหมือนกับที่คุณได้ครอบครองของแบรนด์เนมแล้วมีความสุขยังไงก็อย่างนั้นแหละครับ ถ้าคุณทำได้สำเร็จ นี่จะทำให้คุณไม่มีความอยากเอาเงินออมของคุณไปซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตของคุณเลย คุณจะคิดแต่การทำยังไงก็ได้เพื่อให้ตัวเลขในบัญชีของคุณเพิ่มขึ้นโดยไม่ออกนอกลู่ เพื่อจะทำให้คุณไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างที่ตั้งใจไว้

2.ลงมือทำ
ต่อไปก็ลงมือออมเงิน ซึ่งก็มีหลากหลายวิธีแล้วแต่บุคคลแล้ว แต่ก็มีวิธีต่างๆ ที่มีการแนะนำกันมากมาย คุณสามารถเลือกเทคนิคการเก็บเงินการออมเงินอันใดอันหนึ่งเพื่อไปประยุกต์ใช้ได้ตามสบายเลย หรือจะใช้ทั้งหมดก็ย่อมได้ (ถ้าสามารถ)

แบ่งเงินเก็บจากเงินเดือนในจำนวนที่แน่นอน วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ทำกันง่ายมากที่สุดหากมีเงินเดือน ส่วนที่ว่าจะหักเงินเดือนเป็นเงินออมสำหรับเก็บเท่าไรนั้น ขึ้นกับภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่จำเป็นของแต่ละคน ถ้ามีภาระมากก็หักน้อย ถ้ามีภาระน้อยก็หักมาก

ซื้อสินค้าเฉพาะที่มีโปรโมชั่น มีส่วนลด หรือมีการราคาเท่านั้น แน่นอนเมื่อคุณต้องการเก็บออมเงิน คุณก็ต้องประหยัดเงินให้มากที่สุด แน่นอนย่อมต้องไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ซื้อแต่สิ่งจำเป็นเท่านั้น แต่ในชีวิตจริงนอกจากซื้อของเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้นแล้ว บางครั้งคุณก็ต้องการของใช้ฟุ่มเฟือยบ้างเพื่อความสุขส่วนตัว เช่น รองเท้า กระเป๋า น้ำหอม เป็นต้น เพียงแต่ต้องซื้ออย่างพอเหมาะ ไม่จำเป็นต้องทำตามความนิยมหรือเทรนด์ ซื้อนานๆ ครั้งเพื่อให้เป็นของรางวัลให้กับตัวเอง วิธีการซื้อของที่ไม่ว่าจะเป็นของจำเป็นต้องใช้หรือของฟุ่มเฟือยที่อยากได้นานๆ ครั้ง ให้คุ้มค่า ประหยัดเงินในกระเป๋ากว่า คือ การซื้อของที่เฉพาะช่วงมีส่วนลดหรือโปรโมชั่น ไม่ว่าจะเป็นแบบซื้อจากห้างสรรพสินค้าก็มีช่วย Sales อยู่บ่อยๆ เราเลือกกันโดยเฉพาะช่วงเทศกาล วันสิ้นปี วันปีใหม่ และอื่นๆ หรือที่นิยมยอดฮิตในปัจจุบันคือการสั่งซื้อของออนไลน์ อันนี้ยิ่งง่ายในการหาส่วนลดต่างๆ หลายร้านค้าออนไลน์ก็จะทำการตลาดในส่วนนี้อยู่แล้ว เพื่อกระตุ้นยอดขายและจูงใจลูกค้า

ตั้งงบค่ากินของแต่ละวันเป็นจำนวนที่ไม่มากแต่ก็พอสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสามมื้ออย่างไม่ลำบาก เช่น ตั้งไว้จะต้องมีค่ากินไม่เกินวันละ 150 บาท

งดซื้อกาแฟราคาแพง โดยเฉพาะพนักงานหนุ่มสาวออฟฟิศแล้ว เรียกได้ว่าดื่มกันทุกวัน ขั้นต่ำก็คนละแก้ว บางคนก็ 2 แก้วขึ้นไปก็มี กาแฟเหล่านี้แก้วหนึ่งราคาไม่ใช่ถูกๆ เลย ขายกันแก้วละ 70 บาทบ้าง กาแฟบางร้านโดยเฉพาะร้านชื่อดังขายขั้นต่ำกันแก้วละ 100 บาทกันเลยทีเดียว หากคำนวณกันดีๆ แล้ว ถ้าหากในหนึ่งเดือนคุณมีวันทำงานทั้งหมด 20 วัน คุณดื่มกาแฟราคาแพงเหล่านี้วันละ 1 แก้ว ราคาแก้วละ 70 บาท ในหนึ่งเดือนคุณต้องจ่ายทั้งหมด 1400 บาท หากคิดใน 1 ปี คุณต้องจ่ายค่ากาแฟเหล่านี้ถึงปีละ 16800 บาทเลยทีเดียว และยิ่งไปกว่านั้นหากคิดคำนวณไป 10 ปีล่ะ หมายความว่า คุณต้องจ่ายค่ากาแฟราคาแพงเหล่านี้ถึง 168,000 บาทเลยทีเดียว การงดกาแฟเหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดเงินอยู่มากโขเลย แต่หากคุณต้องกินกาแฟล่ะ หากไม่กินคุณก็จะรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนไม่สามารถทำงานได้ หากเป็นเช่นนี้ ทางออกหนึ่งคือการเลือกดื่มกาแฟโดยการทำเอง ซึ่งในปัจจุบันไม่ใช่เป็นเรื่องยากเลย มีทั้งเป็นแบบผงที่ต้องชงเองหรือแบบซองที่เป็นสำเร็จรูป ซึ่งเหล่านี้ราคาถูกกว่าหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

เก็บเหรียญเศษสตางค์ไว้ทั้งหมด ในแต่ละวันเมื่อใช้เงินสดใช้จ่าย แน่นอนต้องได้เงินท่อนที่เหรียญ วิธีการคือ เก็บเหรียญเงินทอนเหล่านั้นหยอดกระปุกเป็นเงินออมทั้งหมด หากนับกันรวมๆ ในแต่ละเดือน เหรียญที่ได้ก็ไม่ใช่มูลค่าน้อยๆ เลย




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2560 14:05:03 น.
Counter : 749 Pageviews.  

ครีมบำรุงผิว vs ผิวแห้งแพ้ง่าย





เมื่ออากาศหนาวมาเมื่อไร ปัญหาหนึ่งที่สาวๆ มักพบเจอเสมอทุกปีก็คือปัญหาผิวแห้ง และเมื่อผิวแห้งนานขึ้น ก็อาจจะกลายเป็นผิวแตกระคายเคือง ส่งผลถึงเรื่องความสวยงามและความกังวลใจในระยะยาวกันเลยทีเดียว วิธีแก้ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือ การใช้ครีมบำรุง แต่เนื่องด้วยในปัจจุบันมีครีมบำรุงผิวให้เลือกมากมายทั้งที่เป็นแบรนด์ดัง ไปจนถึงแบรนด์ใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดกันมากมาย ดังนั้นในการเลือกนั้น สาวๆ ควรเลือกครีมบำรุงสำหรับช่วยเยี่ยวยาผิวที่แห้งอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าสนใจศึกษาและจดจำนำเคล็ดลับนี้ไปใช้กับตัวเอง ยิ่งถ้าสาวๆ มีผิวที่แพ้ง่ายเข้าไปอีก นี่ก็ยิ่งต้องเลือกกันอย่างพิถีพิถันกันให้มากๆ เลย


หลักการพื้นฐานในการเลือกครีมบำรุงผิวแห้งที่บอบบางหรือแพ้ง่าย คือ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการเจือสี สารกันบูด และน้ำหอม นั่นเอง แม้ว่าครีมบำรุงผิวส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ล้วนมีสารเคมีเหล่านี้กันทั้งนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะหาครีมบำรุงผิวแบบปลอดภัยนี้ไม่ได้ แบรนด์ต่างๆ ทั้งหน้าใหม่และแบรนด์ชื่อดังหลายแบรนด์ มีให้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ให้เลือกใช้กันค่อนข้างมากแล้ว ส่วนถ้าเป็นการเลือกครีมกันแดดก็ควรเลือกครีมกันแดดชนิด Physical Sunscreen ที่จะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวต่อผู้ใช้ ขอบคุณเนื้อหาจาก https://www.facebook.com/jackysharesdiscounts/





 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2560 14:00:44 น.
Counter : 738 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

สมาชิกหมายเลข 1008458
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1008458's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.