All Blog
|
ตอนที่ 17 เสียงคนเดินเข้ามาด้านในตัวบ้าน มิวรีบเช็ดหน้าตาตัวเอง แล้วรีบเดินกลับไปที่โซฟา เกือบชนมายด์และมีนที่วิ่งสวนเข้ามา จนชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน ไม่มีการหยุดขอโทษจากเด็กทั้งสองคน เสี่ยเชนตะโกนเรียกหาภรรยาให้ออกไปเก็บถ้วยชามอาหารบนโต๊ะนั้น หญิงเปิดประตูห้องออกมา ยิ้มๆให้มิวเช่นเคย ตอนนี้มิวคงอ่านใจของเพื่อนสาวได้ยากกว่าเดิมนัก หญิงดูแกร่งขึ้น ความคิดอ่านของหญิงก็โตเกินวัย ข้อนี้เขารู้ดี แต่บางครั้งปัญหาบางอย่างก็ยากจะแก้ไข เช่นปัญหาของหญิงในเวลานี้ เดี๋ยวเราลงไปช่วย ผมเดินออกไปที่หน้าประตู หญิงรีบห้ามไว้ ไม่เป็นไรหรอกหญิง ดีกว่าให้เรานั่งอยู่เฉยๆ แค่นี้ก็อึดอัดจะแย่แล้ว อืม เราเข้าใจมิวนะ หญิงพูดเบาๆขณะก้มหน้าสวมรองเท้า เสี่ยเชนเดินเข้ามาเรียกมิวไปนั่งคุยด้วย มิวสบตากับหญิง อีกฝ่ายพยักหน้าให้ ที่โซฟาตัวเดิม มิวนั่งลงสองมือประสานกันตรงหน้านิ่ง รอลุ้นว่าผู้เป็นพ่อจะพูดว่าอย่างไร? แต่ต่างจากหญิงที่คอยชะโงกหน้ามองเข้ามาในบ้านอย่างเป็นห่วง เอ็งจะเอาอย่างไรกับชีวิตของเอ็ง!!ปล่อยเวลาทิ้งเหมือนคนไม่มีความคิด เอ็งเรียนจบมาก็นานแล้วนะไอ้มิว คิดจะทำการทำงานให้เป็นกิจลักษณะเหมือนลูกคนอื่นๆบ้างไม่ได้เหรอ? อายน้องมันบ้างสิ เลิกเรียนมาก็ไปขายตามตลาดนัดกับเพื่อนๆช่วยผ่อนค่าใช้จ่าย แต่เอ็งกลับเที่ยวตะลอนไปๆมาๆแบบนี้ ไหนเอ็งบอกป๊ามาสิ เอ็งจะเอาอย่างไรก็ว่ามา? เสี่ยเชนเอนหลังพิงกับโซฟา ขาข้างหนึ่งไขว้ในท่าที่สบาย แต่ดูเหมือนเรื่องราวที่นำมาคุยกันไม่สบายอย่างที่ท่านั่งนั้น แม้แต่มิวเองก็เหงื่อตกไหลตามซอกคอ ผมจะออกเทปครับ ตอนนี้ที่บริษัทกำลังประชุมกันอยู่ อีกไม่นานก็คงเป็นรูปร่างขึ้น ป๊าให้ผมอยู่กรุงเทพฯเถอะนะ มิวตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ สบตากับผู้เป็นพ่อ เสี่ยเชนถึงกับนั่งไม่ติด ลุกขึ้นเต้นผ่าง!! น้ำหน้าอย่างเอ็งเหรอจะออกเทป? เอ็งอย่าพูดโกหกป๊าไปวันๆ พอทีเถอะ ถ้าเอ็งคิดว่ามันดีก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก เสี่ยเชนเดินเข้าห้องปิดประตูเสียงดังโครม ป๊า!! มิวลุกขึ้นเรียก แต่เสี่ยเชนก็ไม่ฟัง ประตูห้องปิดสนิทลงเหมือนความหวังของมิวดับลงเช่นกัน ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง สายตาของมิวไม่เห็นอะไรอีกนอกจากเห็นมายด์กับมีนเกาะขอบกำแพงยืนแอบฟังอยู่อีกมุม ชายหนุ่มทิ้งตัวลงกับโซฟา จนแทบจะหมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะหายใจเข้าออก เขาไม่ได้รู้สึกโกรธป๊าสักนิด แต่รู้สึกน้อยใจขึ้นมา ทำไมป๊า!!ทำไมต้องเอาคนอื่นมาเปรียบกับผมด้วย!!ผมไม่ใช่ลูกของป๊าหรือไง? มิวซุกหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเองอย่างเดียวดาย หญิงถือถ้วยชามเข้ามามองด้วยสายตาเห็นใจ แต่ไม่รู้จะเริ่มปลอบใจอย่างไร? หญิง แล้วคืนนี้เจอกันที่งานเลี้ยงนะ เรากลับก่อน มิวลุกขึ้นเดินจากไป หญิงรีบวิ่งไปดักหน้า "เดี๋ยวก่อนมิว ฟังเราก่อนนะ ป๊ารักมิวมากนะ แต่อาจจะแสดงออกมาไม่เป็น มิวต้องให้เวลาป๊าด้วย..." "พอเถอะหญิง เราปวดหัว ขอกลับไปพักก่อน แล้วเจอกัน" หญิงพยักหน้ายิ้มให้เจื่อนๆ แม้ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่ทั้งสองคนต่างก็เข้าใจความรู้สึกของกันและกัน หญิงเดินกลับเข้าไปในบ้าน โดยไม่เอ่ยปากเรียกเด็กทั้งสองช่วยเก็บของ ************ อีกมุมหนึ่งของจังหวัดระยอง รถเก๋งคันหรู เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงแรม ร่างระหงสูงของโดนัทปรากฎกายขึ้น ก่อนจะเดินตรงเข้าไปที่เคาท์เตอร์ สอบถามผู้เข้ามา เชคอิน ในช่วงที่ผ่านมา พนักงานต้อนรับสาวสวยเงยหน้าจากบัญชีที่จดรายชื่อผู้เข้าพักแจ้งว่าไม่พบชื่อที่ต้องการหา ก็มีโรงแรมเดียวไม่ใช่หรือคะที่อยู่ใกล้สถานีขนส่ง? โดนัทสอบถาม สีหน้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา แต่รายชื่อนี้หาไม่พบจริงๆ เป็นไปได้ไหมคะ?หากใช้รายชื่อของคนอื่นเปิดห้อง พนักงานกล่าวอย่างสุภาพ งั้น!!ขอฉันดูบัญชีรายชื่อหน่อย ขอประทานโทษด้วยคะ ทางโรงแรมขอสงวนสิทธิ์แจ้งรายชื่อผู้เข้าพัก ลองติดต่อทางมือถือจะสะดวกกว่ามั้ย พนักงานสาวพยายามช่วยเหลือด้วยวิธีอื่น โดนัทกระสับกระส่ายเพราะก่อนหน้านี้โทรศัพท์เข้าเครื่องของโต้งแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ประตูกระจกบานใหญ่เปิดออกเมื่อโต้งก้าวเข้ามาใกล้ โดนัทเห็นรีบวิ่งเข้าไปหาทันที ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งตกใจ โต้ง!!ทำไมไม่รับสายโดนัท หญิงสาวปรี่เข้าไปตัดพ้ออย่างน้อยใจ จนอีกฝ่ายต้องยิ้มแก้เก้อ โดนัทผมขอโทษ!!เมื่อครู่ไปเดินเล่นที่ตลาดนัดเสียงเพลงดังคงไม่ได้ยิน โต้งรีบหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู เห็นเบอร์ของหญิงสาวโชว์ที่หน้าจอหลายครั้ง เอ่อ!! โดนัทมาได้อย่างไร? โต้งพาโดนัทมานั่งที่โซฟาชุดเดิม โดนัทหันมาค้อนให้ชายหนุ่มชุดใหญ่ พูดเหมือนไม่อยากให้มา งั้นโดนัทกลับก็ได้นะ โดนัทหน้างอ ไม่ใช่ คือ คือโต้งไม่สะดวกพาไปเที่ยวไหน อีกอย่างโต้งมาธุระที่นี่ ไม่ได้มาเที่ยว เดี๋ยวพรุ่งนี้เสร็จธุระก็กลับแล้ว ชายหนุ่มพยายามอธิบายแม้ลึกๆจะหวั่นใจว่าหญิงสาวจะค้างที่โรงแรมด้วย หากรู้ว่ามากับมิวคงเป็นเรื่องขึ้นแน่ๆ โดนัทกลับกรุงเทพฯก่อนนะ โต้งเสร็จธุระแล้วจะรีบไปหาเลย โต้งกุมมือโดนัท เหมือนเป็นการขอร้อง หญิงสาวหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากความเสียใจที่ชายหนุ่มไม่มีท่าทางดีใจที่เห็นเธอมาระยอง แต่กลับมีท่าทีผลักไสเธอกลับกรุงเทพฯอีก สิ่งที่เธอพยายามคงไม่สำเร็จแน่ การที่จะมีใครสักคนมารักสำหรับคนอย่างเธอคงไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่การหาคนที่รักแท้ยากยิ่งกว่า หากโต้งรักโดนัทจริง ก็คงแสดงความรู้สึกมากกว่านี้ หญิงสาวประมวลภาพต่างๆตั้งแต่วัยมัธยมจนเรียนจบปริญญาตรี แทบไม่มีภาพใดๆในความทรงจำจะหวานชื่นสักครั้ง เหมือนเธอกำลังหลอกตัวเองไปวันๆ *************** ภาพที่มิวเห็นตรงหน้านั้นน้ำตาแทบร่วง "โต้ง" เสียงที่รอดออกมาจากไรฟันของชายหนุ่มเบาเหมือนกับร่างกายที่ใกล้จะทรุดลงกับพื้นอยู่ในขณะนี้ เขาพยายามพาร่างกายของตัวเองเดินผ่านโต้งและโดนัทขึ้นห้องเหมือนคนไร้ชีวิต ความรู้สึกไม่ต่างจากปลาที่ถูกไม้ทุบหัว มันเจ็บปวดและดิ้นรนเพื่อขอชีวิต สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความตาย ความรู้สึกก่อนหน้านี้มิวอยากกลับมาที่โรงแรม อยากอยู่กับโต้ง โต้งคือสิ่งเดียวสุดท้าย ที่เขาคิดถึงหลังจากไม่มีอาม่าเคียงข้างแล้ว ทุกครั้งที่เขาไม่สบายใจ ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะหลอกตัวเองว่าไม่มีโต้งแล้วก็ตาม เขาไม่สามารถหลอกใจตัวเองสำเร็จได้สักครั้ง ตอนนี้โต้งและมิวอยู่ใกล้ชิดกันแค่ปลายสัมหายใจสัมผัส แต่ดูห่างไกลออกไปทุกที "โต้ง!! นายคิดอะไรของนายกันแน่? เมื่อไหร่ที่นายจะเป็นตัวของตัวเอง เมื่อไหร่จะถึงเวลาที่นายกล้าตัดสินใจเสียที " แต่ตอนนี้มันไม่ใช่!! ไม่ว่าเขาจะไปทางไหน?ก็หนีความจริงไปไม่ได้ ความจริงที่มิวต้องช่วยกิจการของป๊า ความจริงที่มิวต้องทำใจเสียที ความจริงที่ผู้ชายจะรักกันไม่ได้ โต้งควรเดินตามทางที่ถูกต้องอย่างที่สุนีย์บอก ถึงเวลาที่มิวควรตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองสักที มิวหันไปมองภาพของหนุ่มสาวที่โซฟาอีกครั้งก่อนจะกดลิฟท์เพื่อขึ้นห้องพัก นั่นมิว!!มิววงออกัสใช่มั้ยโต้ง? โดนัทอุทานออกมาเมื่อเห็นมิวกำลังก้าวเข้าไปด้านในตัวลิฟท์ โต้งผงะตกใจรีบมองไปทางที่โดนัทบอก เห็นสายตาของมิวที่มองสบตาคู่นั้น ต่างเจ็บปวดด้วยกันทั้งสองฝ่าย แม้แต่โดนัทเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกันที่อ่านใจของโต้งออก โดยไม่ต้องฟังคำอธิบายใดๆ มิว! รอผมด้วย ฟังผมก่อน โต้งรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ทันที แม้ประตูลิฟท์จะปิดสนิทแล้วก็ตาม ชายหนุ่มรีบวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟเพื่อให้ทันก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิดออก โดนัทมองภาพนั้นแล้วอดกลั้นความรู้สึกขื่นขมของตัวเองไม่ได้ ค่อยๆเดินกลับไปที่รถอย่างเหม่อลอย นั่งที่เบาะด้านหน้าคนขับได้ก็ฟุบร้องไห้กับพวงมาลัยรถ อย่างไม่อายสายตาของผู้ใด ร้องไห้เสียให้พอเถอะโดนัท มันคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะเสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่รัก คิดได้แบบนี้แล้วหญิงสาวก็ขับรถออกไปจากระยอง มันไม่ต่างจากความรู้สึกของผู้ขับนักที่เดินออกไปจากชีวิตของโต้ง ยิ่งรถมุ่งหน้าออกไปไกลเท่าไหร่ ความรู้สึกของหญิงสาวก็ไกลออกไปทุกที (โปรดติดตามอ่านต่อไปเร็วๆนี้) คุณออมสินบรรยายอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้เห็นมโนภาพเลยนะครับ ถือว่าดีมาก ตอนนี้อ่านแล้ว ไม่รู้สึกติดอะไรเท่าไหร่ แต่ข้องใจกับอุปนิสัยของป๊าจริงๆ อีกอย่างก็เรื่องสรรพนามที่ใช้แทนตัวผู้พูดนั่นแหละ บอกตรงๆว่าไม่ปลื้มนัก เวลาป๊าคุยกับมิว ป๊าแทนมิวว่าเอ็ง มิวแทนตัวเองว่าผม มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่มิวอยู่กับอาม่า อาม่าแทนตัวมิวด้วยคำว่าเพื่อน ถึงแม้มิวกับป๊าจะไม่ได้รักกันเหมือนที่มิวรักอาม่า แต่สรรพนามที่มิวแทนตัวเองก็ไม่น่าเป็นทางการเหินห่างยังไงไม่รู้ ป๊าก็เรียกลูกว่าไอ้มิว ซึ่งไม่ควรเป็นคำที่พ่อเรียกลูก ส่วนโต้ง เวลาเยกมิวก็แทนตัวเองว่าผม พอฟังแล้วเหมือนคนที่ไม่สนิทกันอย่างนั้นแหละ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะ อย่าว่ากันล่ะ ยังไงก็จะติดตามต่อไปนะครับ ขอบคุณที่มีฟิคให้อ่านนะ โดย: นิรมิตร IP: 58.9.17.181 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:10:36 น.
ต่อเร็วนะจ๊ะ
โดย: andy_kwan IP: 118.174.156.158 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:24:11 น.
นั่นไง ว่าแล้วเชียว มีความสุขมากครับที่ได้อ่าน แต่ก็อยากได้อ่านที่มันคลี่คลายโดยไวน่ะครับ
คุณออมสินเข้าใจให้ติดตามจริงๆนะครับเนี่ย ขอบคุณครับ เป็นกำลังใจให้อีกครับ โดย: a IP: 202.149.24.161 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:40:53 น.
มิวจะตัดสินใจยังไง
กลัวใจจริง ๆ เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะจ้ะ โดย: ป้าfc IP: 210.131.223.118 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:12:01 น.
ทำไมโต้งพูดกับมิว ต้องแทนว่า ผมด้วยอ่ะ
มานดูห่างๆๆกันยังไงก็ไม่รุ้ อ่านแล้ว อารมณ์มานขาด โดย: nices_life IP: 125.26.122.150 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:55:50 น.
|
คุณหมอกมลชนก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] "Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them." บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี... สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้ |
แวะเข้ามาดูก็เจอตอนใหม่พอดีเลย เดี๋ยวไปอ่านก่อนนะ
เข้าไปบอกที่ theprophet ให้แล้วนะ