ตอนที่ 28





“น้าหญิง!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”

มายด์ตกใจเมื่อเห็นหญิงเปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมกับหม่าม๊า พวกเด็กๆพากันหน้าซีดไปตามๆกัน หญิงเดินเลยเข้าไปด้านในเบาเสียงเพลงลง เธอไม่อยากจะหักหน้าเด็กๆ และขณะเดียวกันเปิดเพลงเสียงดังมากๆหากหนวกหูหรือทำให้หม่าม๊าต้องหงุดหงิดอาการของหม่าม๊าเธอจะกำเริบอีก โลกของเธอกับโลกของเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันมันต่างๆกันมาก หรืออาจพูดได้ว่าชีวิตวัยรุ่นของเธอไม่เคยมีเลยเสียด้วยซ้ำไป หญิงเดินไปส่งหม่าม๊าที่ห้องแล้วกลับออกมา พลมองหน้าหญิงด้วยความพอใจ ขณะที่หญิงเดินเข้าห้องไป มายด์หยิกแก้มพลด้วยความหึงหวง ชายหนุ่มร้องโอยด้วยความเจ็บ

“รู้นะคิดอะไร? นั่นน้าหญิงนะ เมียของพ่อมายด์ ห้ามทำอะไรน่าเกลียดเชียวไม่งั้นมายด์เอาเรื่องแน่” มายด์ค้อนให้กับแฟนตัวเอง แล้วสนุกสนานต่อ เสียงประตูเปิดออกมาอีกครั้ง หญิงถามหาเสี่ยเชน

“ป๊าอยู่โรงพยาบาลพัทยา หมอบอกเป็นโรคหัวใจตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกโรงพยาบาลเอกชนเขาดูแลดี เดี๋ยวเย็นๆพวกหนูจะไปเยี่ยม น้าหญิงไปด้วยกันหรือเปล่า?” มายด์หันมาบอก หญิงหน้าชาทันที ทั้งโกรธ ทั้งตกใจที่เสี่ยเชนล้มหมอนนอนเสื่อเข้าโรงพยาบาลแบบนี้ลูกสาว-ลูกชายยังพากันสนุกสนานครื้นเครง เธอหุนหันกลับเข้าห้องจัดเตรียมซื้อผ้าใส่กระเป๋าไปพัทยาทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาให้เด็กๆหมดสนุกกันแม้แต่วินาทีเดียว โดยพาหม่าม๊าไปด้วย

  
ที่ห้องซ้อมดนตรี มิวกดเบอร์ต่อสายโทรศัพท์มือถือถึงโต้ง ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของปลายสายพร้อมกับร้องเพลงให้ฟัง ขณะว้อมเพลง เพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกัน โต้งเปิดเสียงให้กรได้ฟังด้วย แม้ตอนนี้จะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม


  
ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก หญิงโผไปที่เตียงของเสี่ยเชนทันที ใบหน้าดูซีดเซียวจากเดิมไปมาก หญิงน้ำตาคลอเบ้า ยืนมองสภาพของสามี ร่างกายที่ถูกพันธนาการด้วยสายไฟและสายสายน้ำเกลือ ระโยงระยางไปหมด มีสายอ็อกซิเจนต่อจากท่อเข้าปลายจมูกของผู้ป่วย เสี่ยนเชนนอนยาวเหยียดที่เตียงโดยมีผ้าห่มคลุมถึงหน้าอก


หญิงจัดแจงให้หม่าม๊าได้พักผ่อนจากการเดินทาง เธอรู้ว่าหม่าม๊าเหนื่อย แต่หญิงสูงวัยก็ไม่เคยปริปากให้ลูกสาวต้องห่วงหรือหนักใจ หญิงหันกลับไปเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆสามีด้วยความห่วงใย นึกโทษตัวเองที่เป็นสาเหตุให้สามีต้องเครียดและคิดมากจนอาการโรคหัวใจกำเริบ

“พยาบาลคะ อีกนานไหม?ที่คนไข้จะฟื้น”
หญิงหันไปถามพยาบาลที่กำลังเข้ามาดูแลความเรียบร้อยและอาการผู้ป่วย
“ไม่นานหรอกค่ะ เพิ่งให้ยานอนหลับไปสักพักหลังทานอาหารเสร็จ คุณเป็นญาติของคุณเชนใช่ไหมค่ะ?”
“ค่ะ ดิฉันเป็นภรรยาคุณเชน”
หญิงส่งยิ้มให้ พยาบาลผู้นั้นก็ยิ้มตอบเช่นกัน


“ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกเจ็บแผลบริเวณช่วงขาหนีบเล็กน้อยนะค่ะ เพราะผ่าตัดช่วงนั้นด้วย ไม่ต้องห่วงอาการของผู้ป่วยนะค่ะ ปลอดภัยแล้ว หากต้องการสิ่งใด กดสัญญาณที่หัวเตียงเรียกได้ตลอดเวลานะค่ะ”
พยาบาลบอก หญิงรู้สึกคลายความกังวลใจไปได้บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เข้ามาแทนที่คือค่ารักษา เพราะการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ราคาไม่ใช่ถูกเหมือนโรงพยาบาลของรัฐ หรือใช้สิทธิเบิกได้ แม้การรักษาและดูแลยิ่งดีมากเท่าไหร่ ค่ารักษาและการบริการนั้นก็ถูกบวกราคาเข้าไปเสร็จสรรพ หญิงหนักใจขึ้นมาทันที


เสี่ยเชนเริ่มรู้สึกตัวแล้ว หญิงเงยหน้าปาดน้ำตาออก ทำสีหน้าให้มีความสุขที่สุดเพื่อไม่ให้สามีต้องหนักใจ ทันทีที่เสี่ยเชนลืมตาขึ้น
“หญิงมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เสี่ยเชนสบตากับหญิงก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณ หญิงกุมมือของสามีไว้ ตอบเบาๆ

“มาได้สักพักแล้ว หญิงขอโทษนะเฮียที่ไม่ได้อยู่ดูแล เฮียไม่ต้องกังวลนะหมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว หญิงจะดูแลเฮียเอง” หญิงบอกจากความรู้สึกข้างใน เสี่ยเชนน้ำตาปริ่มขึ้นมา หม่าม๊าเดินเข้ามาที่ข้างๆเตียง เสี่ยเชนคลายมือจากหญิงเพื่อยกมือไหว้ คงเป็นครั้งแรกกระมัง ที่เสี่ยเชนไหว้บุพการีของเธอหากไม่นับตอนที่ไปขอขมาคราวนั้น

การกลับมาคราวนี้เธอเห็นถึงความสงบและเยือกเย็นของสามีอย่างชัดเจน สายตาที่มองหม่าม๊าของเธอถ่ายทอดออกมาอย่างจริงใจ จนเธอเองอดตื้นตันใจไปด้วยไม่ได้ หม่าม๊าบอกให้เสี่ยนเชนนอนพักผ่อนจะได้กลับบ้านเร็วๆ เสี่ยเชนยิ้มๆอยากกลับบ้านเร็วๆเหมือนกัน เพราะหญิงก็ได้กลับมาแล้ว โดยที่เขาไม่คิดว่าจะได้พบหน้าภรรยาของเขาเร็วขนาดนี้ ต่อไปนี้เขาคงตั้งหน้าตั้งตาบริหารกิจการโรงงานน้ำปลา และเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีสักที โรคหัวใจครานี้เหมือนทำให้เขาตายแล้วเกิดใหม่

หากเป็นอะไรไปเขาคงเสียใจที่ไม่ได้ลาแม้แต่ลูกๆของตัวเอง และคนที่เขารักสักคน เมื่อมีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมให้แต่ละวันเพียงแค่ผ่านพ้นไปแน่ๆ

“กลับบ้านพร้อมกันนะหญิง เฮียขอโทษที่ทำร้ายหญิง ต่อไปนี้เฮียจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”
“อย่าคิดมากไปเลย มันผ่านไปแล้วขอให้ผ่านไปเถอะ หญิงไม่โกรธเฮียนะ ช่วงเย็นๆเด็กๆก็คงมาเยี่ยมกัน” หญิงกล่าวยิ้มๆ หากแต่ไม่ทันสังเกตสายตาที่หม่นลงของเสี่ยเชนเมื่อนึกถึงเรื่องของลูกๆทั้งมายด์และมีนในยามนี้
ผู้ช่วยพยาบาลเข็นรถอาหารมาเสิร์ฟถึงปลายเตียง หญิงมองดูอาหารที่จัดแต่งใส่จานอย่างสวยงามพร้อมพลาสติกใสๆบางๆปิดป้องกันแมลงและฝุ่นละอองอย่างดี เป็นอาหารอ่อนๆสำหรับผู้ป่วยพักฝืนอยู่

“ช่วงนี้อยากให้ญาติดูแลเรื่องอาหารให้ผู้ป่วยหน่อยนะค่ะ ควรทานผักมากๆ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารมันๆทั้งหลาย แนะนำปลานึ่งนะค่ะ ถ้ามีเวลาก็ทำให้ผู้ป่วยทานได้” พยาบาลเดินเข้ามาตรวจวัดความดัน และปรับระดับเตียงจัดท่าทางของเสี่ยเชนให้อยู่ในอิริยาบทพร้อมรับประทานอาหาร หญิงยิ้มให้กับพยาบาลและสามี ก่อนจะป้อนข้าวให้หลังจากที่พยาบาลกลับแล้ว เสี่ยเชนเรียกหม่าม๊าให้ทานข้าวพร้อมกัน
“เฮียกินให้อิ่มเถอะ เดี๋ยวหญิงจะพาแม่ลงไปทานเอง สักพักเด็กๆก็คงมาถึงกันแล้ว”

***************
ที่โรงพยาบาลที่กรนอนรักาตัวอยู่ สุนีย์กลับจากมหาวิทยาลัยก็ตรงดิ่งมาเฝ้าสามีทันที โต้งเงยหน้าสบตากับแม่ เห็นถึงความห่วงใยที่แม่มีต่อพ่อแล้ว โต้งรู้สึกสงสารจับใจ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานสักกี่ปี สายตาของแม่และความรักที่มีต่อคนในครอบครัวไม่เคยจางหายไปไหน เขาจำได้ดีว่าเหตุการณืที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาตั้งแต่เด็กๆจนเป็นหนุ่ม คนที่ทำหน้าที่ “แม่”ได้ไม่เคยขาดตกบกพร่องเลย คือผู้หญิงตรงหน้านี้…โต้งนึกคิดถึงเหตุการณ์ในวันวานอีกครั้ง


เย็นวันนั้นหลังจากที่สุนีย์รับโต้งกลับเข้าบ้านช่วงเลิกเรียน ทั้งสองคนก็เห็นสภาพข้าวของแตกกระจาย โดยเฉพาะกรอบรูปที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ล่วงหล่นพื้น สุนีย์หันไปมองสามีที่นอนคอพับคออ่อนอยู่กับเก้าอี้ตัวยาวอย่างเอือมระอา ทั้งเข้าใจความรู้สึกสามีดี แต่ขณะเดียวกันก็อยากจะให้สามีได้ลุกขึ้นต่อสู้กับปัญหาไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการดื่ม ดื่ม และดื่มแบบนี้…โต้งเห็นผู้เป็นแม่ค่อยๆเก็บเศษกระจกช้าๆ จำได้ว่าเขาเองก็ช่วยแม่ด้วยการเก็บสำรับอาหารบนโต๊ะที่แม่เตรียมไว้ให้ก่อนออกจากบ้านตอนเช้า อาหารยังอยู่ครบโดยที่พ่อไม่ได้แตะต้องสักคำ โต้งมองพ่ออย่างหดหู่ กัดกรามจนขึ้นเป็นสันนูน เหมือนกักเก็บความรู้สึกในใจไว้….มันคือความเหงา…มันคือความว้าเหว่…มันคือความเศร้า…และมันคือความผิดหวังลึกๆ…


เขาหันไปมองพ่อช้าๆอีกครั้งแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ สุนีย์ชะงักขณะกวาดเศษกระจกทิ้งลงถังขยะ
“แม่ เอ่อ… ถ้าจะมีใครสักคนทำให้เค้าดีขึ้นล่ะ!!”
จำได้ว่าวันนั้นโต้งตัดสินใจพูดเรื่องจูนขึ้นมา หลังจากที่ความรู้สึกหนึ่งพุ่งจี๊ดขึ้นสมองเมื่อครู่…

“ใคร!! ใครทำให้ใครดีขึ้น” สุนีย์ถาม ไม่เข้าใจที่ลูกชายพูด เสียงกรลุกขึ้นมาโวยวายว่าหนวกหู สุนีย์มองหน้ากร ก่อนจะหันกลับมามองที่ลูกชายเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ลูกชายพูด “เค้า” ในที่นี้ที่โต้งพูดหมายถึง กรผู้เป็นพ่อนั่นเอง..แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าใครจะมาช่วยให้สภาพบ้านตอนนี้ให้กลับเป็นบ้านที่น่าอยู่เหมือนเดิม

ภาพครานั้นเขาเห็นสายตาของผู้เป็นแม่แล้วสะเทือนใจ…ยิ่งสายตาตอนนี้ของแม่ก็ไม่ต่างจากนั้นมากนัก…แม่แบบกรับปัญหามากมายไว้ในสายตาและความรู้สึกเสมอมา…แม้แต่ตอนที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ยังเฝ้ารอคอยไม่ยอมเข้านอนเพื่ออยู่รอลูกชายกลับเข้ามาถึงหอพัก แม่ลงไปรับเขาถึงลานจอดรถเลยทีเดียว

“พลอยมาเยี่ยมหรือยัง?” สุนีย์หันมาถามโต้ง ขณะใช้หลังมือสัมผัสที่หน้าผากของกรเพื่อดูอาการไข้
“ยังครับ” โต้งตอบสั้นๆ
“อาหมอบอกว่าหัวใจพ่อหยุดเต้นหลายนาทีมาก?”
“แล้วทำไม!!” สุนีย์หันมาถามด้วยน้ำเสียงที่ดัง ไม่ได้ตะคอกใส่ลูกชาย แต่เป็นคำถามที่ไม่อยากได้ยินคำตอบมากกว่า
“ทำไม!! ทำไม!! ฉันไปทำบาปอะไรมานักหนา?” เป็นประโยคที่สุนีย์พูดขึ้น พร้อมๆกับซุกหน้าลงกับฝ่ามือของสามีที่ไม่ได้สติ คร่ำครวญ โต้งสงสารแม่จับใจ ลุกขึ้นเดินไปหา

ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออกมา พลอยมองภาพนั้นแล้วสะเทือนใจเล็กน้อย เตรียมจะถอยกลับแต่โต้งพยักหน้าให้เข้ามา พลอยเดินเข้ามาที่เตียงช้าๆ ใจเต้นระรัว สายตาจับจ้องที่กรอย่างไม่กระพริบ พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหล่เอ่อคลอเบ้า…ดูอาการของกรคราวนี้จะหนักหนายิ่งนัก หญิงสาวปลายตามองสุนีย์เล็กน้อย ตาแดงกร่ำขึ้นมา

“นี่คือสิ่งที่ฉันสมควรจะได้รับงั้นเหรอ?” น้ำตาของสุนีย์ไหลอาบทั้งสองแก้ม เงยหน้าถามลูกชายและหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาใกล้ๆ
“ทุกวันนี้ฉันยังทำไม่ดีพออีกหรือไง แล้วจะให้ฉันทำอะไรอีก จะเอาอะไรไปจากชีวิตของฉันอีก มาเอาชีวิตของฉันไปเถอะ?” สุนีย์ปล่อยโหออกมาพร้อมสะอื้อไห้ป่านใจแทบขาด เสียงร้องไห้ของสุนีย์ทำให้โต้งเดินออกจากห้องคนไข้ ไม่อาจให้ผู้เป็นแม่เห็นถึงความอ่อนแอของตัวเองได้ หรือเพราะไม่อาจเห็นความอ่อนแอของผู้เป็นแม่กันแน่ แต่ที่รู้ๆ ชายหนุ่มเองก็มีอาการเสียใจไปไม่น้อยกว่ากัน มิวเดินทางมาถึงโรงพยาบาล สวนกับโต้งที่หน้าลิฟท์ ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปหา ทั้งสองคนโผเข้าสวมกอดกัน ท่ามกลางสายตาของพยาบาลและผู้คนแถวนั้น

“มิว มิวอยู่กับโต้งนะ” ชายหนุ่มบอกกับชายในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงสั่นสะอื้น
“โต้ง!! เกิดอะไรขึ้น? เรา เราอยู่ตรงนี้แล้ว” มิวลูบหลังคนรักเบาๆ แล้วพาเดินออกไปจากบริเวณนั้น

ภายในห้อง สุนีย์มองหน้ากรด้วยความรักใคร่ ใบหน้าที่ซีดเซียวของสามีไม่ต่างจากใบหน้าของเธอขณะนี้ เสียงเครื่องช่วยหายใจและเครื่องอื่นๆยังคงทำหน้าที่ยื้อชีวิตของกรสุดความสามารถ อาหมอเดินเข้ามาพร้อมๆกับพยาบาลและแฟ้มประวิติในมือ


“จากวันนั้น จนถึงวันนี้ที่กรอยู่กับพวกเรามาก็นับว่าโชคดีมากนะ” อาหมอพูดกับสุนีย์ พร้อมๆกับตรวจดูอาการของกร สุนีย์เบือนหน้าไปทางอื่น หล่อนไม่อยากรับรู้รับฟังใดๆอีกเลย ขอเพียงสิ่งเดียวตอนนี้คือทางรอดของสามีเท่านั้น ไม่ว่าจะแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม อาหมอมองสุนีย์ด้วยความรู้สึกเห็นใจ กับปัญหาต่างๆที่ผู้เป็นน้องสะใภ้แบกรับมันไว้คนเดียว ยิ่งตอนนี้อาการของกรก็ทรุดลงไปมาก เพราะหยุดหายใจนานเกินห้านาที

ตามหลักของทางการแพทย์ หากหัวใจหยุดทำงานเพียงสาม ถึง สี่นาทีก็ถือว่าโคม่ามากแล้ว แต่เครสของกรถือว่าเกินกว่านั้น และร่างกายของกรก้ไม่ดีเหมือนคนทั่วไป โดยเฉพาะตับที่มีไม่ครบสมบูรณ์แบบนี้ โอกาสรอดมีน้อยถึงน้อยจริงๆ

“คงต้องหวังพึ่งปาฎิหารย์ก่อนถึงพรุ่งนี้เช้าเท่านั้น” อาหมอพูดเบาๆให้กับสุนีย์และพลอยได้ยิน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป อาหมอยิ้มให้กับสุนีย์เป็นการให้กำลังใจอีกครั้ง พลอยขยับตัวเข้าไปใกล้กับกร ก้มลงกราบที่หน้าอกช้าๆ น้ำตาไหลริน สุนีย์เบือนหน้าไปจากภาพที่เห็น…หล่อนเดินออกไปสูดลมหายใจที่ระเบียงด้านนอกราวกับคนไร้ความรู้สึก

(โปรดเตรียมเสียน้ำตาในตอนต่อไป)




Create Date : 22 กันยายน 2551
Last Update : 22 กันยายน 2551 19:33:34 น.
Counter : 338 Pageviews.

4 comments
  
ป้าขวัญมาให้กำลังใจนะ
เมื่อเรื่องร้ายๆผ่านไปแล้ว เรื่องดีๆก็จะตามมา
โดย: andy_kwan IP: 118.174.69.175 วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:22:44:43 น.
  
ก็เข้ามาให้กำลังใจทั้งสองครอบครัวเหมือนเดิมครับให้ผ่านไปให้ได้ทั้งโต้งและมิว
โดย: a IP: 202.149.25.233 วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:4:43:03 น.
  
สวัสดีครับ นายออมสินไม่รู้จำกันได้มั๊ยหายไปนาน(แค่20วันเอง)แวะมาทักทายให้หายคิดถึง ไม่แวะมานานแอบมีปาร์ตี้ก็ไม่บอกกันนะ มีเรื่องจะปรึกษาด้วยแหละขอทาง mail นะหวังว่าคงไม่รบกวนนะ
โดย: นายนล IP: 125.24.159.211 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:10:53:24 น.
  
ไม่ได้แวะมาเม้นต์ซะนาน เศร้าจัง

หมู่นี้ไม่รู้เป็นอะไร ฟิคที่ผมแต่งก็บรรยากาศมาคุเหมือนกัน

ของเพื่อนๆคนอื่นในบอร์ดโน้น ก็ทีท่าไม่ดี ไม่มีของใครหวานกันเลย

รีบมาต่อนะครับ จะรอให้มันเศร้าตายไปข้างนึงเลย
โดย: นิรมิตร IP: 58.9.20.248 วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:16:47:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณหมอกมลชนก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."

บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี...


สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้