ตอนที่ 12
สุนีย์มองบทความต่างๆมากมายอยู่ตรงหน้า ค่อยๆหยิบขึ้นมาอ่านช้าๆถึงพฤติกรรมรักร่วมเพศ แต่ไม่มีสมาธินักเมื่อภาพของโต้งลอยซ้อนเข้ามา สุนีย์มั่นใจว่าโต้งเป็นเกย์อย่างแน่นอน แต่เพราะอะไร และเหตุใดโต้งถึงเป็นเกย์ได้ คิดแล้วสุนีย์ก็ให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ จึงตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพี่ชายของกร

“ส่วนมากพวกรักร่วมเพศเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นของวัยรุ่นมากกว่า เขาแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องทางสังคม” พี่ชายของกรหยิบเอกสารอย่างหนึ่งส่งให้สุนีย์

“พี่ค้นข้อมูลได้เท่านี้แหละ นีย์ลองอ่านดู อาจจะได้คำตอบ ว่าแต่ทำไมถึงสนใจเรื่องนี้”

สุนีย์ไม่กล้าสบตาสายตาอีกฝ่ายนัก ไม่เหมือนครั้งที่เคยมาปรึกษาเรื่องของกรเมื่อหลายปีก่อน
“นีย์กำลังทำวิจัย ไม่รู้จะหาข้อมูลมาจากไหนก็เลยต้องรบกวนพี่เป็นธุระให้” หลังจากนั้นก็พูดคุยกันเล็กน้อย ส่วนมากจะเป็นการถามไถ่อาการของกรมากกว่า ก่อนที่สุนีย์จะขอตัวกลับไปโรงพยาบาลเยี่ยมไข้ลูกชาย

**************

โต้งพยายามลืมตาขึ้นรู้สึกหิวน้ำ ชายหนุ่มไม่ได้กดสัญญาณเรียกพยาบาล แต่กลับค่อยๆลุกจากเตียง เดินไปดื่มน้ำเองแล้วรูดม่านเปิดออกไป ยืนสูดอากาศริมระเบียง ภาพของมิวขณะเอ็กส์ประคองขึ้นรถแว๊บเข้ามาในสมอง เสียงประตูห้องเปิดออกมาเอ็กส์รีบปิดทันทีเมื่อรู้ว่าเข้าห้องผิด ขณะที่โต้งโผล่ออกมาจากระเบียงคลาดกันเพียงเล็กน้อย โต้งเดินไปที่ประตูแล้วออกจากห้องเดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก
เอ็กส์เปิดประตูห้องคนไข้ของมิว เห็นมิวอาการดีขึ้นก็สบายใจ บอกว่าวันนี้คงกลับบ้านได้

“ขอบใจมากนะเอ็กส์”
“ไม่เป็นไร มรึงพักผ่อนให้มากๆเถอะ” เอ็กส์ประคองบ่าทั้งสองข้างค่อยๆผลักให้มิวนอนลงกับเตียงช้าๆ ความใกล้ชิดกันห่างเพียงแค่ลมหายใจกั้น มิวรู้สึกประหลาดๆ ไม่ต่างจากเอ็กส์เช่นกันจนต้องหัวเราะกลบเกลื่อน
“ขำอะไรว่ะ!!” มิวถาม
“มิว…มรึงจำตอนเราเรียนวิชาพละตอนนั้นได้หรือเปล่า?”
“ตอนไหน?” มิวทำหน้างง เอ็กส์จึงเฉลยด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์แกมอมยิ้มเขินๆ
“ตอนที่กรูจูบกับมรึงตอนแรกไง”
“ไอ้บ้า!! มรึงเป็นอะไรของมรึง จู่ๆก็มาพูดกับกรูแบบนี้” มิวหันหลังไปอีกทางพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้า
“กรูอยากรู้ว่าถ้ากรูจูบกับมรึงตอนนี้ มรึงจะเอาลิ้นมาแหย่ปากกรูอีกหรือเปล่า?”


คราวนี้มิวไม่ได้โกรธเอ็กส์เหมือนทุกๆครั้งแต่กลับเขินอายและขบขันไปกลับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา เอ็กส์เห็นมิวอารมณ์ดีก็เลยแกล้งจับมิวล็อคแล้วก้มหน้าลงจนแทบประชิดหน้ากัน มิวร้องก๊ากออกมาอย่างขำๆ จนเสียงดังออกไปนอกห้อง เป็นจังหวะเดียวที่โต้งเดินผ่านมาพอดี โต้งเห็นป้ายชื่อคนไข้หน้าห้องก้ตะลึงเมื่อเห็นเป็นชื่อมิวพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ จึงเปิดประตูเข้าไป อาการไข้ของมิวแทบจะหายขาดเป็นปลิดทิ้ง แต่อาการของโต้งแทบจะไข้ขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นเอ็กส์กำลังยื่นหน้าประกบจูบกับมิว ทั้งที่ความจริงแล้วทั้งคู่กำลังหยอกล้อกันเล่นนั่นเอง

“โต้ง!!”

“โต้ง เดี๋ยวก่อน ฟังเราอธิบายก่อน”

มิวตะโกนเรียกโต้ง ขณะที่อีกฝ่ายกึ่งเดิน กึ่งวิ่งไปที่ลิฟท์ชั้นล่าง เอ็กส์หน้าเศร้าลง รู้สึกสับสนกับตัวเอง มิววิ่งตามออกไปนอกห้องสวนกับสุนีย์ที่กำลังเดินไปห้องของโต้ง
“น้านีย์!!”
“มิว”
สุนีย์ทั้งแปลกใจและดีใจที่ได้เจอมิวอีกครั้ง สุนีย์มองรูปร่างของมิวอย่างชื่นชม มิวรู้สึกแปลกๆกับสายตาของสุนีย์ ความรู้สึกบางอย่างทำให้มิวรับรู้ว่าสายตาที่สำรวจนั้นมันอบอุ่นและแฝงไปด้วยความรัก ไม่ได้ดูชิงชังหรือตำหนิเขาเหมือนตอนที่สุนีย์มาหาที่บ้านเมื่อหลายปีก่อน
“มิวมาเยี่ยมโต้งเหรอ? โต้งเป็นอย่างไรบ้างคงหายดีแล้วใช่ไหม? ดีเลยน้าจะได้รับกลับบ้านพร้อมๆกัน” สุนีย์ยิ้มๆ มิวทำหน้าไม่ถูก เอ็กส์เดินตามออกมา สุนีย์มองแล้วปะติดปะต่อเรื่องราวเอง เข้าใจว่าเอ็กส์คือเพื่อนคนพิเศษของมิว สุนีย์ยังปักใจว่ามิวเป็นเกย์
“น้านีย์ครับ คือโต้งเขาเข้าใจผมผิดเรื่องเอ็กส์กับผม…เอ่อ..เราเป็นเพื่อนกันครับ”

มิวกลืนน้ำลายลงคอ พยายามเลี่ยงคำๆนี้ใช่ว่ามันจะเป็นความจริง แต่มันเป็นคำพูดหนึ่งที่มิวเคยพูดกับสุนีย์ ตอนที่สุนีย์มายุติความสัมพันธ์เรื่องเขาและโต้ง มิวตัดสินใจยืนยันคำพูดเดิมที่บอกกับสุนีย์ครั้งแรก สุนีย์โล่งอก
ที่ห้องไข้ของโต้ง สุนีย์ขอคุยกับมิวเป็นการส่วนตัว เอ็กส์เดินไปที่เคาท์เตอร์เพื่อเคลียร์ค่าใช้จ่าย

“มิว หวังว่ามิวคงเข้าใจน้าแล้วนะเมื่อวันนั้นที่น้าคุยกับมิว ไม่โกรธนะใช่ไหม?”
“ไม่ครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของน้านีย์” มิวก้มหน้านิ่ง สุนีย์เดินมาบีบบ่าทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มคราวลูกอย่างสงสารและเข้าใจความรู้สึกนั้นเช่นกัน
“น้าจำได้ดีว่าพูดอะไรกับมิววันนั้น ตอนนี้โต้งก็เรียนจบแล้ว กำลังหางานทำ เก็บเงินและก็หาใครสักคนสร้างครอบครัวที่อบอุ่นอยู่ดูแลกันไปจนแก่จนเฒ่า….” สุนีย์มองผ่านแผ่นหลังของมิวไปเบื้องหน้า ต่างจากมิวก็ตรงที่ภาพเบื้องหน้าที่มองนั้น เลือนลางไม่ชัดเจนเพราะม่านน้ำตาเอ่อล้นอาบแก้มทั้งสองข้าง ขณะฟังสุนีย์พูด
“หัวอกของคนเป็นแม่นะมิว ที่น้าเลี้ยงลูกชายมา ก็อยากให้เขาเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง”
“ผมทำตามสัญญาที่รับปากน้านีย์อย่างเคร่งครัด ไม่ผิดสัญญานี่ครับ” มิวหันมารีบออกตัวก่อน เกรงว่าสุนีย์จะเข้าใจผิด สุนีย์มองหน้ามิวเล็กน้อย ยิ้มให้อย่างอบอุ่น


“น้ารู้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้าทนไม่ได้หรอก ที่เห็นลูกชายของน้าจะเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความทุกข์”
“โต้งมีเรื่องอะไรที่ต้องทุกข์ใจครับน้านีย์”
มิวถามด้วยความเป็นห่วงมากกว่าแค่ความอยากรู้
“โต้งทุกข์ใจมาก ที่ผ่านมามิวหลบหน้าเขาโดยตลอด โต้งโกรธน้ามากหาว่าน้าตีกรอบเขามากเกิน มิวรู้ไหม?ตลอดเวลาน้ารู้เพียงว่าน้าเป็นแม่ น้าต้องให้สิ่งที่ดีๆกับลูก แต่น้าไม่เคยเข้าใจความต้องการของลูกเลยว่าเขาต้องการสิ่งที่แม่หยิบยื่นหรือเปล่า? โต้งพยายามห่างจากน้าทุกทีๆ ด้วยการสอบเรียนต่อที่เชียงใหม่ และเขาก็มุมานะทำสำเร็จ เลือกคณะที่พ่อเขาอยากให้เรียน ทำคะแนนดีๆตามที่น้าคาดหวัง แต่พอเรียนจบโต้งมาบอกกับน้า ว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่น้าจะให้เขาทำตามใจตัวเอง”

“โต้งขออะไรกับน้านีย์ครับ”
“โต้งขอคบกับมิว”
“น้านีย์”

มิวตกใจกับคำบอกเล่าของสุนีย์ ไม่ต่างจากเอ็กส์ที่ได้ยินพอดีขณะเดินมาถึงหน้าห้อง เอ็กส์กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ถุงยาและใบเสร็จล่วงลงกับพื้นหน้าห้อง ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือลงไปเก็บช้าๆ และก็ช้าเกินกว่าที่โต้งจะเก็บขึ้นมาให้เสียก่อน เอ็กส์ตกใจอีกครั้งที่พบโต้ง คราวนี้เป็นการพบกันซึ่งๆหน้า
“เราขอคุยอะไรด้วยสิ” โต้งเอ่ยขึ้น เอ็กส์พยักหน้า มองโต้งอย่างไม่เข้าใจว่ามีเรื่องอะไรระหว่างเขาที่ต้องคุยกัน ภายในห้องคนไข้ สุนีย์หันมายิ้มๆให้กับมิวอีกครั้ง

“อย่าบอกนะว่ามิวไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับโต้ง ไม่ว่าวันนี้ลูกชายของน้าจะเป็นอะไร? คนเป็นแม่ก็คงต้องยอมเพื่อเห็นลูกของตัวเองมีความสุข โต้งเดินตามทิศทางที่น้าขีดไว้ให้ ต่างกันก็ตรงที่เขาเลือกที่จะเดินด้วยตัวเขาเอง และเขาก็พร้อมจะเดินไปกับมิว”

“ผม…เอ่อ…”

“หรือว่ามิวมีทางเดินของมิวแล้ว เพื่อนคนนั้นใช่มั้ย?” สุนีย์หมายถึงเอ็กส์ มิวรีบส่ายหน้าทันที แต่ที่มิวคิดคือสุนีย์คงเข้าใจผิดแล้ว เพราะตอนนี้โต้งเดินถูกทางที่สุนีย์วางไว้แต่เดิม และเลือกคนที่เดินเคียงข้าง เพื่อสร้างอนาคตที่อบอุ่นอย่างที่สุนีย์คาดหวังทุกประการ นั่นคือ “โดนัท”
ที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล โต้งถามตรงๆกับเอ็กส์เรื่องความสัมพันธ์กับมิว โต้งยอมรับกับเอ็กส์ว่าตัวเองเป็นเกย์ และชอบมิวมาตั้งแต่เรียนมัธยม
“ก็พอจะรู้ๆมาบ้าง แต่เรากับมิวก็เป็นเพื่อนกัน” เอ็กส์ตอบแบบไม่สบตากับโต้ง

“แต่ที่เราเห็น…มันไม่ใช่แค่เพื่อนเท่านั้น”

โต้งขึ้นเสียงดังลั่น เอ็กส์หันไปมองอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“นี่เหรอ?คือความรักของนายที่มีให้มิว นายกำลังดูถูกคนที่นายรัก รู้ตัวหรือเปล่า?” เอ็กส์ผลักอกโต้งจนเซ
“ถ้านายรักมิว เราก็ไม่ขัดขวาง แต่อย่ามากล่าวหามิวแบบนี้ นายคบกับมิวตั้งแต่เรียนมัธยมเราก็รู้ แต่นายเคยรู้มั้ยว่าเรากับมิวคบกันมานานแค่ไหน เรียนมาด้วยกัน กินนอนซ้อมดนตรีอยู่ด้วยกัน เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน แล้วนายล่ะ? นายไปอยู่ไหน? นายทิ้งให้มิวเหงาอยู่คนเดียวได้ไง แล้วผู้หญิงที่นายควงไปดูคอนเสิร์ตเมื่อวานก่อนล่ะ!!นายทำให้มิวเสียใจกี่ครั้ง กี่หนแล้ว นายยังกล้ามาเรียกร้องสิทธิ์จะคบกับมิวเป็นแฟนกับเราอีกงั้นเหรอ?.... โต้ง…” เอ็กส์ตบบ่าชายหนุ่มตรงหน้าเบาๆ แม้ตัวเองจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้างก็ตาม

“…กลับไปทบทวนดูตอนนี้ยังไม่สาย มิวมันขาดความรักมานานแล้ว ขอให้โชคดีว่ะ” พูดจบเท่านั้น เอ็กส์ก็หันหลังเดินลงบันไดจากไป ปล่อยให้โต้งนั่งทรุดตัวลงกับพื้น คิดอะไรลำพังคนเดียว

***************

ที่บริษัทค่ายเทปย่านอโศก พี่อ็อดกำลังเดินเข้าห้องทำงานเห็นพลอยนั่งด้านหน้าประตู จึงสั่งงานเพื่อเตรียมความพร้อมของโปรเจคใหม่ในปลายปี
“พลอย จัดคิวเวลาว่างแล้วโทร.นัดวงออกัสประชุมกับพี่หน่อย ให้มากันครบเลยนะ”
พลอยรับงานแล้วก็ดูตารางคิวก่อนจะโทรศัพท์ไปหามิวทันที

***************

ที่ระยอง หญิง เลี้ยวรถกลับเข้ามาที่บ้าน หลังจากพาหม่าม๊าไปรับยาที่จังหวัดสระแก้ว เห็นรถเก๋งไม่คุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้าน ไม่ทันไรก็ได้คำตอบเมื่อเห็นเสี่ยเชนเดินควงผู้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของรถคันต้องสงสัยดังกล่าว หญิงถึงกลับหน้าถอดสี เดินพาหม่าม๊าเลี่ยงเข้าประตูทางหลังบ้านทันที หลังจากพาหม่าม๊าเข้าห้องแล้ว หญิงก็ตรงดิ่งเข้าเล่นงานเสี่ยเชนทันทีเช่นกัน
“ก็แล้วทำไม เค้าก็แค่ผู้หญิงคั่นเวลาของเฮีย หญิงอย่าทำให้เป็นเรื่องนักเลย ”

“หญิงเนี๊ยนะ จะทำให้เป็นเรื่อง ถ้าเฮียไม่พามากกถึงในบ้าน หญิงจะไม่เดือดไม่แค้นถึงขนาดนี้หรอก เฮียทำกับหญิงเกินไปแล้วนะ” หญิงทุบตีเสี่ยเชนด้วยความโมโห เสี่ยเชนผลักหญิงล้มลงไปที่เตียง ส่วนตัวเองหันหลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
“จะออกไปหาผู้หญิงคนนั้นเหรอ?” หญิงถามพยายามสะกดกั้นความเสียใจไว้ข้างใน
“อย่ากำเริบให้มันมากนักนะ เฮียหมดเงินหมดทองไปเท่าไหร่แล้วที่ส่งหญิงเรียนจนจบ ถ้าหญิงคิดจะตอบแทนเฮีย ก็อย่าทำให้เฮียปวดหัวอีก”
“เฮีย!! เฮียพูดแบบนี้กับหญิงได้ไง!! เฮียจำไม่ได้เหรอ?ว่าที่หญิงตกอยู่ในสภาพแบบนี้เพราะใคร? เฮียใช่มั้ยที่ข่มขืนหญิง หลอกหญิงทุกอย่าง ได้สิ!!ถ้าหญิงมันทำปัญหาให้เฮียหนักใจนัก หญิงก็จะไป”
“ไปเลย!!แต่อย่าเอาสมบัติสักชิ้นของที่นี่ไปเชียวนะ ดูสิว่าจะไปรอดมั้ย!!” เสี่ยเชนปิดประตูห้องใส่ดังโครม หญิงสะอื้นปล่อยโฮออกมาสุดที่จะกลั้น ทรุดตัวลงกับเตียง
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น หญิงเงยหน้าถามว่าใคร?

“หม่าม๊าเอง!!”

เสียงนั้นตอบออกมาจากหน้าประตู หญิงปาดน้ำตาทิ้งจนแห้งหาย แล้วเดินไปเปิดประตู
“ม๊าหิวหรือเปล่า? หญิงยังไม่ได้หุงข้าวเลย”
“อาหญิง!! ม๊ากินอะไรไม่ลงหรอกเมื่อลูกร้องไห้แบบนี้” หม่าม๊ากอดลูกสาว ปลอบใจอยู่นาน หญิงถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ปล่อยให้มันไหลอีกครั้ง สงสารหม่าม๊าจับใจ แม้อาการทางประสาทของหม่าม๊าจะยังไม่หายเป็นปกติ แต่สายใยแห่งรักก็ไม่อาจพรางตาความรู้สึกของคนเป็นแม่ได้
“เฮียเขาไล่หญิงแล้วม๊า เขามีผู้หญิงคนอื่นแล้ว เขาไม่ต้องการหญิงแล้วใช่ไหม?”




Create Date : 19 กรกฎาคม 2551
Last Update : 20 กรกฎาคม 2551 12:41:03 น.
Counter : 300 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณหมอกมลชนก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."

บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี...


สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้