ตอนที่ 10
สุนีย์ก้าวเข้ามาที่ห้องของอธิการบดี อย่างแปลกใจ เมื่ออีกฝ่ายเรียกตัว หลังจากที่เธอเพิ่งสอนหมดคาบวิชา แม้วัยของเธอก้าวสู่เลขสี่แล้วก็ตาม วัยที่เพิ่มมากขึ้นไม่ได้ทำให้บุคลิกของเธอเปลี่ยนแปลงลงสักนิด ชุดเกาะอกตัวในสีฟ้าอ่อน ตัดกับสูทเสื้อนอกสีปีกแมลงทับ ทรงผมที่รวบปลายทุกเส้นรัดไว้ช่วงท้ายทอย เสริมให้เธอดูสง่าและสุขุมกว่าเดิม เวลาอยู่ที่ทำงานกับที่บ้านต่างกันอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่เธอแยกไม่ออกและมักนำกลับไปที่บ้านด้วยคือความเจ้าระเบียบและเข้มงวด สุนีย์เคาะประตูเบาๆ ก่อนจะเปิดเข้ามา อธิการเงยหน้าเชิญเธอนั่งลงกล่าวทักทายยิ้มๆ


“ยินดีกับเธอด้วยนะสุนีย์ งานวิจัยเรื่องการบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลของคณะภาควิชาสรีรวิทยาประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม” อธิการหญิงผู้สูงวัยกล่าวกับเธอน้ำเสียงนุ่มนวล จะว่าไปแล้วสุนีย์เองก็คุ้นเคยเป็นอย่างดีกับอธิการท่านนี้ เพราะช่วงที่เธอมีปัญหาครอบครัวเมื่อหลายปีก่อนก็ได้รับความเห็นใจและช่วยเหลือจากท่านผู้นี้
“ขอบคุณคะท่าน นีย์จะนำเรื่องนี้ไปบอกน้องๆในคณะด้วย” สุนีย์ยิ้ม ดีใจกับความสำเร็จของงานพิเศษที่ได้รับมาทำ แต่รอยยิ้มของสุนีย์ก็จางลงเมื่ออธิการขอให้ช่วยงานอีกอย่าง
“เป็นงานวิจัยเหมือนเดิม ชั้นรู้ว่าสุนีย์ทำได้แน่นอน” อธิการกล่าวยิ้มๆ สายตาที่มองสุนีย์มีความเชื่อมั่น
“เกี่ยวกับเรื่องอะไรคะ?”

“พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ”

สุนีย์หน้าซีดราวกับไร้เลือดไปหล่อเลี้ยง อย่างเห็นได้ชัด จนอธิการแปลกใจ สำหรับเธอไม่ใช่หัวข้อที่ไกลหรือยากต่อการค้นคว้าหาข้อมูลสักนิด แต่มันใกล้ตัวเธอเองจนอดหวั่นใจไม่ได้ สิ่งที่เธอพยายามหลีกหนีและไม่อยากรับรู้ กลับยิ่งสะกิดแผลในใจของเธอให้เจ็บลึก
“ทำไมรึสุนีย์? หรือว่ายากเกินไปสำหรับเธอ พูดกันตรงๆเลย ถึงอย่างไรชั้นก็เคารพการตัดสินใจของเธอ”
อธิการเอื้อมมือสัมผัสให้กำลังใจสุนีย์ เข้าใจว่าสุนีย์อาจจะเหนื่อยกับงานวิจัยที่เพิ่งผ่านพ้นไป สุนีย์นั่งนิ่งสักครู่ก่อนจะพยักหน้ารับปากจะทำงานวิจัยชิ้นนี้ต่อ อธิการยิ้มอย่างพอใจที่คนมีฝีมืออย่างสุนีย์ได้งานนี้ไปทำ ต่างจากความรู้สึกของอีกคนที่เดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกเบาโหวง...

**********
หญิงมองปฎิทินอีกครั้งสลับกับนาฬิกาที่แขวนติดผนัง ราวกับต้องการหมุนเข็มนาฬิกาให้ถึงเวลาพลบค่ำเร็วๆ เหมือนมีสิ่งหนึ่งที่รอคอยอยู่ อดหยิบโทรศัพท์มือถือที่ส่งข้อความเมื่อเช้าขึ้นมาอ่านอีกครั้งไม่ได้ อ่านไปยิ้มไป
“ใจลอยเหรอ?” หม่าม๊าใช้ช้อนเคาะกับจานข้าว ขณะที่หญิงกำลังนั่งเหม่อคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่สยาม
“ม้า ม่าจำอามิวได้หรือเปล่า?” หญิงหันมาถาม พลางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กๆที่ตักเช็ดเม็ดข้าวที่ติดปากของมารดา
“อากระเทยมิว” หม่าม๊าหัวเราะ
“ม๊า...!!” หญิงทำหน้างอน ไม่พอใจ แต่เมื่อรู้ว่าทำอาการไม่ดีให้หม่าม้าก็ยิ้มๆ
“ม้าจำได้นี่นา แต่ม้าอย่าเรียกอามิวว่ากระเทยเชียวนะ อีไม่ได้เป็นสักหน่อย” หญิงตักข้าวป้อนให้คำสุดท้าย แล้วหันไปหยิบถุงยาหลังอาหารเตรียมให้หม่าม้า ในขณะเดียวกันหญิงรู้สึกอาการของมารดาดีขึ้นและสีหน้ามีความสุขมากกว่าแต่ก่อน หญิงสาวมองเม็ดยาในห่อถุงแล้วถอนหายใจเบาๆ จำนวนเม็ดยาเริ่มน้อยลง หญิงคิดถึงอาเฮียอยากให้ไปรับยาแล้วส่งธนาณัติมาให้ แต่นึกถึงคำพูดของอาเฮียแล้ว หญิงตัดใจขอเสี่ยเชนไปรับยาที่จังหวัดสระแก้วเอง

**********

หลังจากรับโดนัทที่สถานที่นัดหมายเรียบร้อยแล้ว โต้งก็พาโดนัทมาที่ร้านไอศครีม ฝั่งสยามเซ็นเตอร์เพราะดูเวลาแล้วยังอีกหลายชั่วโมงกว่างานคอนเสิร์ต The Love Of Siamฯ จะเริ่มขึ้น ที่ร้านไอศครีม โต้งนั่งตรงข้ามกับโดนัท หญิงสาวเขี่ยหน้าไอศกรีมเล่น ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะกลับจากเมืองนอก นี่คือโปรแกรมแรกที่เธอฝันมาโดยตลอดว่าต้องมาดูคอนเสิร์ตนี้กับโต้งเท่านั้น และวันนี้ก็มาถึงแล้ว

“ตอนนี้เราคบกันเป็นแฟนหรือเปล่า?” โดนัทตัดสินใจถาม โต้งค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวช้าๆตกใจกับคำถามตรงๆของหญิงสาว
“โดนัท...เอ่อ....คือว่าเรื่องนี้ไม่ใช่พูดเล่นๆเหมือนเรายังเด็กๆอยู่นะ”
“เด็กๆเหรอ? โดนัทไม่เด็กแล้วนะ พูดจริง” โดนัทรู้สึกขำเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของโต้ง แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้กับคำตอบของโต้งเพราะรู้สึกโต้งไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษกับเธอ ทั้งๆที่โดนัทให้ความสำคัญกับโต้งมากกว่าคนอื่น
“หลังๆโต้งดูเฉยชากับโดนัทจังเลย” โดนัทเริ่มระบายความรู้สึกน้อยใจออกมา แต่มันก็แค่การ “โยนหินถามทาง”ของเธอเท่านั้น อยากรู้จริงๆขึ้นมาว่าโต้งคิดกับเธออย่างไรกันแน่ ชายหนุ่มเหม่อมองออกไปที่กระจกใสด้านข้างของร้านที่ติดกับถนน กลุ่มเด็กๆวัยรุ่นเริ่มหนาตาขึ้นกว่าเดิม ไม่ค่อยได้สนใจคำถามของโดนัทเท่าไหร่ ยิ่งทำให้โดนัทน้อยใจมากกว่าเดิม จนโดนัทเรียกร้องเอาคำตอบอีกครั้ง
“เรา....” โต้งพูดอึกอักติดขัดอยู่ในลำคอ ทำให้โดนัทรู้สึกหน้าชา
“โต้งคิดอะไรอยู่” โดนัทถามตรงๆ โต้งสบตากับโดนัท กัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยเหมือนลืมตัวขณะใช้ความคิดเหมือนจะพูดบางอย่างออกมา แต่ก็ถอนหายใจไม่กล้าพูด


“โต้งไม่ได้จริงจัง ที่จะคบกับเราอย่างแฟนใช่มั๊ย?” โดนัทเป็นฝ่ายถามตรงๆ โต้งที่หันหน้าออกไปดูวิวด้านนอกผ่านกระจกใสต้องรีบหันกลับมา
“ เรา...ไม่รู้เหมือนกัน ” โต้งพูดเบาๆรวบรวมความกล้าพูดออกมาเพียงเท่านั้น
“ทำไมล่ะโต้ง โต้งยังโกรธโดนัทอยู่เหรอ?ที่โดนัทว่าโต้งคราวนั้น” หญิงสาวจ้องหน้าชายหนุ่ม น้ำตาเล็กๆเอ่อล้นขอบตา โต้งนิ่งเงียบ ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกอับอาย และเหมือนจะรู้คำตอบ เหมือนที่ตัวเองคิดไว้แล้ว ไม่ทันที่จะได้ยินคำพูดจากปากของโต้ง โดนัทก็ลุกขึ้นวิ่งออกจากร้านไป
“เดี๋ยวโดนัท” โต้งคว้าข้อมือเอาไว้ โดนัทสะบัดหลุดแล้ววิ่งออกไป โต้งควักธนบัตรวางไว้ที่โต๊ะ รีบวิ่งตามออกไปทันที โดนัทกึ่งเดินกึ่งวิ่งร้องไห้ตามทาง โต้งคว้าแขนจากด้านหลังดึงให้โดนัทหยุดหนี
“ฟังก่อน เราขอเวลาหน่อย คือเรา ยังไม่พร้อม”
“หมายความว่าไง?” โดนัทหยุดกึก ถามอย่างไม่พอใจ
“ให้เราทำงาน มีเงินเดือนก่อนดีกว่ามั้ย แล้วคุยกันอีกครั้ง” โต้งเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว โดนัทยิ้มอย่างพึงพอใจกับคำตอบที่ได้รับ ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ใช่ตัดเยื่อใยเสียทีเดียว ทั้งสองเดินผ่ากลุ่มวัยรุ่น เบียดเสียดเข้าไปถึงหน้าเวที มีบ้างที่สายตาของโดนัทจะสบตากับหนุ่มๆวัยรุ่นคนอื่นๆหากมีโอกาสที่ผู้ชายเหล่านั้นมีทีท่าสนใจ ถ้าไม่ติดที่มีโต้งเดินจูงมือคงได้เข้ามาจีบเป็นแน่
งานเริ่มพอดี พิธีกรในงานเป็นนักจัดรายการวิทยุในเครือเดียวกัน ออกมาทักทายและเรียกความสนใจ ก่อนจะกล่าวเชิญพี่อ็อดและผู้สนับสนุนงานมาพูดหน้าเวที พูดถึงรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะนำเข้าสมทบทุนมูลนิธิเด็กโรคหัวใจ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และแล้วเวลาของคอนเสิร์ตก็ระเบิดการแสดงอย่างเป็นทางการด้วยศิลปินหน้าใหม่อย่าง “พี่ออฟ” ออกมาเป็นรายแรกเสียงกรี๊ดเรียกชื่อให้การต้อนรับอย่างหนาแน่นเพราะพี่ออฟเองก็มีแฟนคลับของตัวเองจากเวทีที่ประกวดมาก่อนหน้านี้


**********
สุนีย์ถือถุงอาหารเข้ามาในบ้านหลังจากกลับจากมหาวิทยาลัย แปลกใจที่เห็นกรกลับมาเร็วกว่าปกติ กรหอบงานมาทำที่บ้านด้วย เงยหน้าทักทายภรรยาเล็กน้อยแล้วก้มหน้าขีดเขียนบนกระดาษไขที่วางเต็มโต๊ะทำงานอย่างจริงจัง สุนีย์เดินเข้าครัว เตรียมอาหารมื้อเย็น
“คุณ ซื้อกับข้าวมาก็ไม่โทร.บอกก่อนดูสิจะกินกันหมดมั้ยเนี้ย?” เสียงดังออกมาจากครัว กรเงยหน้ายิ้มๆ สุนีย์เดินกลับออกมาพร้อมแก้วน้ำในมือยื่นให้สามี
“เบื่อฝีมือชั้นเหรอ? เห็นซื้อแต่พะโล้มากิน” สุนีย์ค้อนเล็กๆให้สามี กรรับแก้วน้ำถือไว้ แล้วยื่นส่งให้ภรรยา สุนีย์รับกลับมาอย่างไม่เข้าใจ
“คุณกลับมาเหนื่อยๆ น้ำแก้วนี้ผมยกให้คุณ” กรกุมมือของสุนีย์ที่ถือแก้วน้ำยกให้ดื่ม สุนีย์ยิ้มน้อยๆพร้อมกับดื่มน้ำจนหมดแก้ว
“คุณรู้มั้ย....” กรกอดภรรยาไว้หลวมๆ
“ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับคุณ จะไม่มีวันไหนที่ทำให้ผมเบื่อพะโล้ได้เลย” กรจูบเบาๆที่เส้นผมของภรรยา สุนีย์ยิ้มอย่างมีความสุข แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่สามีพูดก็ตาม สองแขนของสุนีย์จับแขนทั้งสองข้างของสามีที่โอบกอดเธอให้โอบรัดตัวเองไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม

**********

รถตู้สีดำคันใหญ่รุ่นล่าสุด วิ่งมาจอดแทบใกล้ๆด้านหลังเวที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งวิ่งไปเปิดประตูรถคันดังกล่าวแล้วกางแขนดักกลุ่มวัยรุ่นที่กรีดร้องเรียกชื่อของมิว สมาชิกวงออกัสนำโดยเอ็กส์ที่ก้าวลงจากรถตู้คันนั้นอย่างเร่งรีบตามด้วยคนอื่นๆ ส่วนด้านหน้าเวทีพี่ออฟยังคงสร้างความสนุกสนานให้กับแฟนเพลงอยู่ บางกลุ่มก็วิ่งกรูออกมาถ่ายรูปและเรียกชื่อของมิวและสมาชิกวงออกัส เสียงเด็กสาวคนหนึ่งร้องเรียกชื่อมิว ทำให้โต้งหันไปตามเสียงนั้น เป็นจังหวะพอดีที่มิวก้าวลงจากรถตู้ โต้งมองตามตาไม่กระพริบแม้จะเป็นช่วงจังหวะวินาทีเดียวก็ตาม มิวรีบวิ่งเข้าหลังเวทีเพื่อเตรียมตัวเป็นคิวต่อไป โดยที่ไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งใจจดจ่อรออยู่ด้านหน้าเวที

**********

หลังจากอาบน้ำ เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย สุนีย์นึกถึงคำพูดของการบอกว่าวันนี้โต้งไปดูคอนเสิร์ตจะกลับดึก สุนีย์สีหน้าเครียดขึ้นมาแต่กรบอกต่อว่าไปกับสาวๆ สีหน้าของเธอก็คลายกังวลลงได้บ้าง ก่อนลงไปชั้นล่าง สุนีย์อดไม่ได้ที่จะถือวิสาสะเปิดประตูห้องของลูกชาย ภาพตรงหน้า ห้องของโต้งดูเป็นระเบียบขึ้น นึกยิ้มกับการจัดห้องใหม่ของโต้งไม่ได้ จนสุนีย์ก้าวเข้ามาถึงกลางห้อง
“คิดได้ยังไงเปลี่ยนผ้าปูเตียงสีเขียว” สุนีย์พูดคนเดียวอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นลูกชายจัดห้องใหม่ด้วยการเปลี่ยนชุดเครื่องนอนเป็นสีเขียวหมด เครื่องใช้อื่นๆดูเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นกว่าเดิม ตุ๊กตาเซรามิคชิ้นใหญ่ที่ผู้ปั้นตั้งใจถ่ายทอดการประสูติพระกุมารออกมาอย่างปราณีต บรรจง ประดับด้วยไปดวงเล็กๆวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม
แล้วรอยยิ้มของสุนีย์ก็เจื่อนลงเมื่อหันกลับเพื่อจะออกจากห้อง ภาพขยายของโต้งและมิวถ่ายคู่กันในวันวานติดอยู่กลางประตูด้านใน เธอได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้เงียบๆคนเดียว
**********

โต้งเกาะขอบเวลา จ้องมองทางหลังฉากด้วยความรู้สึกมีความสุข อีกไม่ช้า เราจะได้พบกันแล้วใช่ไหม? มิว นายจะจำเราได้เหมือนเดิมหรือเปล่า? โต้งเฝ้าเพียรถามตัวเองซ้ำครั้งแล้ว ครั้งเล่า หากไม่ได้สนใจแววตาที่คอยมองของหญิงสาวข้างๆเลยสักนิด โดนัทเริ่มรู้ตัวว่า โต้งไม่ได้คิดกับเธอเหมือนที่เคยแอบคิด ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน? เธอก็มิอาจจะได้ใจของชายผู้นี้อย่างแน่นอน โดนัทพยายามเรียกร้องความสนใจจากโต้งอยู่บ่อยครั้ง แม้ตัวเองต้องละสายตาจากศิลปินที่ชื่นชอบด้านหน้าเวทีอยู่ก็ตาม
**********



Create Date : 19 กรกฎาคม 2551
Last Update : 20 กรกฎาคม 2551 12:40:29 น.
Counter : 266 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณหมอกมลชนก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."

บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี...


สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้