ตัณหา...เป็นเชื้อแห่งการได้ภพใหม่....



ตัณหา...เป็นเชื้อแห่งการได้ภพใหม่....




Create Date : 13 ธันวาคม 2555
Last Update : 13 ธันวาคม 2555 10:04:02 น.
Counter : 915 Pageviews.

0 comment
...ใครเป็นเทวดา ใครเป็นอสูร..ใครมีบริวารเป็นเทวดา เป็นอสูร...



อสุรสูตร
         [๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก๔ จำพวกเป็นไฉน
คือ บุคคลเป็นเช่นกับอสูร มีคนเช่นกับอสูรเป็นบริวารจำพวก ๑ เป็นเช่นกับอสูร แต่มีคนเช่น
กับเทวดาเป็นบริวารจำพวก ๑ เป็นเช่นกับเทวดา มีคนเช่นกับอสูรเป็นบริวารจำพวก ๑ เป็นเช่น
กับเทวดา มีคนเช่นกับเทวดาเป็นบริวารจำพวก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นเช่นกับอสูร
มีคนเช่นกับอสูรเป็นบริวารอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนทุศีล มีบาปธรรมแม้บริษัท
ของเขาก็เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม บุคคลเป็นเช่นกับอสูร มีคนเช่นกับอสูรเป็นบริวารอย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นเช่นกับอสูร แต่มีคนเช่นกับเทวดาเป็นบริวารอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม แต่บริษัทของเขาเป็นคนมีศีล มีกัลยาณธรรม
บุคคลเป็นเช่นกับอสูร แต่มีคนเช่นกับเทวดาเป็นบริวารอย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นเช่นกับเทวดา มีคนเช่นกับอสูรเป็นบริวารอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนมีศีล มีกัลยาณธรรม แต่บริษัทของเขาเป็นคนทุศีล มีบาปธรรม
 บุคคลเป็นคนเช่นกับเทวดา มีคนเช่นกับอสูรเป็นบริวาร อย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นเช่นกับเทวดา มีคนเช่นกับเทวดาเป็นบริวารอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนมีศีล มีกัลยาณธรรม แม้บริษัทของเขาก็เป็นคนมีศีล มีกัลยาณธรรม
บุคคลเป็นคนเช่นกับเทวดา มีคนเช่นกับเทวดาเป็นบริวารอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล
 ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๑

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

ข้อที่ ๙๑ หน้าที่ ๙๒

4 ประเภทนี้มีมากมายในสังคมบ้านเราครับ





Create Date : 12 ธันวาคม 2555
Last Update : 12 ธันวาคม 2555 9:50:31 น.
Counter : 1174 Pageviews.

0 comment
อาการดับแห่งทุกข์....

ชาติสิ้นแล้ว ไม่เกิดอีกแล้ว....



Create Date : 11 ธันวาคม 2555
Last Update : 11 ธันวาคม 2555 8:53:27 น.
Counter : 909 Pageviews.

1 comment
ฐานที่ตั้งของวิญญาณทั้ง 4
นี่คือที่ตั้งอาศัยแห่งวิญญาณ ทั้ง 4





Create Date : 10 ธันวาคม 2555
Last Update : 10 ธันวาคม 2555 11:06:10 น.
Counter : 984 Pageviews.

0 comment
ใครกำลังหลงในรูป..พิจารณาตรงนี้......


อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย
(ธรรมลักษณะ ๓ ประการของรูป : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ)
ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นอัสสาทะ (รสอร่อย) ของรูป? ภิกษุ ท. !
เหมือนอย่างว่านางสาวน้อยแห่งกษัตริย์ก็ดี นางสาวน้อยแห่งพราหมณ์ก็ดี หรือ
นางสาวน้อยแห่งคหบดีก็ดี ที่แสดงลักษณะว่ามีอายุสิบห้าปีก็ดี หรือสิบหกปีก็
ดี ซึ่งมีทรวดทรงไม่สูงนัก ไม่ต่ำนัก ไม่ผอมนัก ไม่อ้วนนัก ไม่ดำนัก ไม่ขาว
นัก ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น สีสรรวรรณะแห่งหญิงนั้น ย่อมงดงามอย่างยิ่ง
มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสที่อาศัยสีสรรวรรณะอัน
งดงามแล้วบังเกิดขึ้น อันใด, อันนั้น เป็ นอัสสาทะของรูป.
ภิกษุ ท. ! อะไร เป็น อาทีนวะ (โทษอันตํ่าทราม) ของรูป?
(ก) ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง)
นั่นแหละ โดยกาลต่อมา มีอายุได้ ๘๐ ปีบ้าง ๙๐ ปีบ้าง ชราทรุดโทรมแล้ว มี
หลังงอเหมือนโคปานสิแห่งหลังคา๑ มีกายคดไปคดมา มีไม้เท้ายันไปในเบื้องหน้า
เดินตัวสั่นเทิ้ม กระสับกระส่าย ผ่านวัยอันแข็งแกร่งไปแล้ว มีฟันหักแล้ว มี
ผมหงอกแล้ว มีผมตัดสั้นอย่างลวกๆ มีผิวหนังหย่อนยานและมีตัวเต็มไปด้วย
จุด. ภิกษุ ท. ! พวกเธอเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงาม
ที่มีมาแต่เดิม อันตราธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้วมิใช่หรือ? “อย่างนั้น
พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! นั่นคือ อาทีนวะของรูป.


(ข) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว
(ของตนเอง) นั่นแหละ อาพาธลง ได้รับทุกข์ทรมาณ เป็นไข้หนัก นอนกลิ้ง
เกลือกอยู่ในมูตรและคูถของตนเอง อันบุคคลต้องช่วยพยุงให้ลุกและนอน.
ภิกษุ ท. ! พวกเธอเข้าใจข้อความนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่
เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะของรูป.
(ค) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว
(ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ
ตายแล้ววันหนึ่ง บ้าง ตายแล้วสองวัน บ้าง ตายแล้วสามวัน บ้าง กำลังขึ้นพอง
บ้าง มีสีเขียว บ้าง มีหนองไหล บ้าง. ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะข้าใจความหมายนี้
อย่างไร : สีสันวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัด
แล้ว มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะ ของรูป.
(ง) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว
(ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ
ฝูงกาจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงแร้งจิกกินอยู่ บา้ ง อัน ฝูงตะกรุมจิกกินอยู่ บ้าง
อัน ฝูงสุนัขกัดกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงสุนัขจิ้งจอกกัดกินอยู่ บ้าง และอัน หมู่หนอน
ต่างชนิดบ่อนกินอยู่ บ้าง. ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร :
สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่
หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะของรูป.
(จ) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว
(ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ

เป็นร่างกระดูก ยังมีเนื้อและเลือด และยังมีเอ็นเป็ นเครื่องรึงรัดอยู่ บ้าง เป็น
ร่างกระดูกที่ ปราศจากเนื้อ แต่ยังมีเลือดเปื้อนอยู่ และยังมีเอ็นเป็ นเครื่องรึงรัด
ไว้บ้าง เป็นร่างกระดูกที่ปราศจากเนื้อและเลือด แต่ยังมีอ็นเป็นเครื่องรึงรัดไว้
บ้าง เป็นท่อนกระดูกที่ปราศจากเอ็นเป็นเครื่องรึงรัด กระจัดกระจายไปคนละ
ทิศละทาง คือกระดูกมือไปทางหนึ่ง กระดูกเท้าไปทางหนึ่ง กระดูกแข้งไปทาง
หนึ่ง กระดูกขาไปทางหนึ่ง กระดูกสะเอวไปทางหนึ่ง กระดูกข้อสันหลังไป
ทางหนึ่ง กระดูกสีข้างไปทางหนึ่ง กระดูกหน้าอกไปทางหนึ่ง กระดูกแขนไป
ทางหนึ่ง กระดูกไหล่ไปทางหนึ่ง กระดูกคอไปทางหนึ่ง กระดูกคางไปทาง
หนึ่ง ฟันไปทางหนึ่ง กระโหลกศีรษะไปทางหนึ่งบ้าง. ภิกษุ ท. ! พวกเธอ
จะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไป
แล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! แม้นั่น
ก็คืออาทีนวะของรูป.
(ฉ) ภิกษุ ท โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว
(ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ
เป็ นชิ้นกระดูก มีสีขาวดังสีสังข์ บ้าง เป็นชิ้นกระดูก กองเรี่ยรายอยู่นานเกิน
กว่าปีหนึ่งไปแล้ว บ้าง เป็นกระดูก เปื่อยผงละเอียดไปแล้ว บ้าง ภิกษุ ท. !
พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม
อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะของรูป.

ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นนิสสรณะ (อุบายเครื่องออก) จากรูป? ภิกษุ
ท. ! การนำออกเสียได้ซึ่งฉันทราคะ การละเสียได้ซึ่งฉันทราคะ ในรูปอัน
ใด, อันนั้น เป็ นนิสสรณะของรูป.
ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่ง
อัสสาทะแห่งรูปโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่งอาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะ
ด้วย ซึ่งนิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่; สมณะ
หรือพราหมณ์เหล่านั้นน่ะหรือ จักรอบรู้ซึ่งรูปด้วยตนเอง หรือว่าจักชวนผู้อื่น
ให้รอบรู้ซึ่งรูปเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้.
ภิกษุ ท. ! ส่วนสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด รู้ชัดตามความเป็ น
จริง ซึ่งอัสสาทะแห่งรูปโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่งอาทีนวะโดยความเป็น
อาทีนวะด้วย ซึ่งนิสสรณะโดยความเป็ นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น จักรอบรู้ซึ่งรูปด้วยตนเอง หรือว่าจักชวนผู้อื่นให้
รอบรู้ซึ่งรูปเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นเป็ นฐานะที่มีได้.
- มู. ม. ๑๒/๑๗๓ - ๑๗๕/๒๐๑ - ๒๐๔.



Create Date : 09 ธันวาคม 2555
Last Update : 9 ธันวาคม 2555 10:12:13 น.
Counter : 1354 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  

รู้ธรรม
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติ
ไว้แล้ว, จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัด
All Blog