ลำ ดับการหลุดพ้น เมื่อเห็นไตรลักษณ์
ลำ ดับการหลุดพ้น เมื่อเห็นไตรลักษณ์ ภิกษุทั้งหลาย ! รูปเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง, สิ่งใดไม่เที่ยง
สิ่งนั้นเป็นทุกข์, สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้น นั่นไม่ใช่ของเรา(เนตำ มม)
นั่นไม่ใช่เป็นเรา (เนโสหมสฺมิ) นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
(น เมโส อตฺตา) : เธอทั้งหลายพึงเห็นข้อนั้นด้วยปัญญา
โดยชอบ ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ด้วยประการดังนี้.
(ในกรณีแห่ง เวทนา สังขาร และวิญญาณ ก็ตรัสอย่าง
เดียวกันกับในกรณีแห่งรูป ทุกประการ). ภิกษุทั้งหลาย !
เมื่อบุคคลเห็นข้อนั้นด้วยปัญญาโดยชอบตรงตาม
ที่เป็นจริงอย่างนี้, ปุพพันตานุทิฏฐิ1 ทั้งหลาย ย่อมไม่มี;
เมื่อปุพพันตานุทิฏฐิไม่มี, อปรันตานุทิฏฐิ2 ทั้งหลาย
ย่อมไม่มี; 1 ความเห็นที่ปรารภขันธ์ในเบื้องต้น หรือความเห็นที่เป็นไปในส่วนของอดีต
2 ความเห็นที่ปรารภขันธ์ในเบื้องปลาย หรือความเห็นที่เป็นไปในส่วนของอนาคต เมื่ออปรันตานุทิฏฐิไม่มี, ความยึดมั่นลูบคลำาอย่าง
แรงกล้าย่อมไม่มี;
เมื่อความยึดมั่นลูบคลำาอย่างแรงกล้าไม่มี, จิตย่อม
จางคลายกำาหนัดในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร
ในวิญญาณ; ยอ่ มหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่มี
ความยึดมั่นถือมั่น.
เพราะจิตหลุดพ้นแล้ว จิตจึงดำ รงอยู่;
เพราะเป็นจิตที่ดำ รงอยู่ จิตจึงยินดีร่าเริงด้วยดี;
เพราะเป็นจิตที่ยินดีร่าเริงด้วยดี จิตจึงไม่หวาดสะดุ้ง;
เมื่อไม่หวาดสะดุ้ง
ย่อมปรินิพพานเฉพาะตน นั่นเทียว.
เธอนั้นย่อมรู้ชัดว่า
“ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว,
กิจที่ควรทำ ได้ทำ สำ เร็จแล้ว,
กิจอื่นที่จะต้องทำ เพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
ดังนี้.ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๗/๙๓.
_/\\_