|
เส้นทางแห่งการเรียนรู้ภายในตน ภาค 2 : ว่าด้วยกระบวนการมองคนด้วยใจอย่างใคร่ครวญ
ภาค 2 : มองคนด้วยใจอย่างใคร่ครวญ ว่าด้วย : กระบวนการวิเคราะห์ วิพากษ์ ผ่านมุมมองด้านใน
กระบวนการเรียนรู้ที่ 1 : วิพากษ์..วิจักขณ์ เวลาที่เรามองไปยังวิจักขณ์ เหมือนเรากำลังมองภาพสะท้อนตัวตนด้านในของเราเอง เพราะทุกสิ่งที่คุณวิจักขณ์ทำไม่ใช่เป็นการส่งผ่านคำตอบสำเร็จรูปมายังเรา หากเป็นการเปิดพื้นที่ให้เราได้เข้าไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเราเอง การนิ่งเฉย..การยิ้มรับ..การรับฟัง รวมถึงการร่วมเดินทางเข้าไปเรียนรู้กระบวนการภายในของแต่ละคน ล้วนเป็นท่าทีแห่งความเปิดเผยและเป็นมิตร ซึ่งเราจะสัมผัสได้ถึงความสัตย์ซื่อและจริงใจผ่านทุกคำพูดที่ออกมาของเขา วิจักขณ์จึงเป็นเหมือนกัลยาณมิตรที่พร้อมเปิดรับทุกผู้คนให้เข้ามาร่วมเดินทางด้วยกัน และด้วยท่าทีการเชื้อเชิญแบบนี้ก็ต้องบอกว่ายากแก่การปฏิเสธจริงๆ.. วิจักขณ์ยังเต็มไปด้วยคุณสมบัติในการเป็นศิลปินผู้พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางภายในของตนออกมาอย่างมีศิลปะ เราจะเห็นถึงการแสดงออกในอารมณ์ที่หลากหลายในตัวของวิจักขณ์ ทั้งสอดคล้องและขัดแย้งกันอยู่ในที ..จึงไม่น่าแปลกที่บางอารมณ์คุณจะเห็นเขาเหมือนเด็กเล็กๆ คนหนึ่งที่มีสายตาอันบริสุทธิ์ในการมองโลก แต่กับบางอารมณ์คุณอาจเห็นเขาเป็นผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน และในบางครั้งเขาจะกลายเป็นคนหนุ่มที่เต็มไปด้วยไฟแห่งการขับเคลื่อนชีวิตให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ..แต่ไม่ว่าวิจักขณ์จะเป็นหรือไม่เป็นอะไร คุณก็จะรู้สึกได้ว่าเขาเป็นเพื่อนที่น่าคบหาคนหนึ่งทีเดียว สิ่งที่วิจักขณ์กำลังพยายามทำมิใช่การบอกคำตอบของชีวิตให้คุณ วิจักขณ์จะไม่สรุป ตัดสินหรือตีความอะไรให้คุณทั้งนั้น หากแต่สิ่งที่เขากำลังทำคือการเชื้อเชิญให้คุณเข้าไปร่วมค้นหาคำตอบจากภายในตัวคุณเอง ดังนั้นอย่าถามว่าคุณจะได้อะไรจากวิจักขณ์ แต่ให้ถามตัวคุณเองเถิดว่าพร้อมจะตอบรับคำเชิญชวนของเขาหรือไม่ ?
กระบวนการเรียนรู้ที่ 2 : เธอคือกัลยาณมิตร จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเธอชื่อ กัญญา หรือ กัลยา กันแน่ แต่ใจมันผูกสมัครที่จะเรียกเธอว่า กัลยาณมิตร ไปเสียแล้ว ความที่เธอมีคุณสมบัติการเป็นมิตรที่ประเสริฐ มิตรผู้คอยชี้ทางแห่งการเดินทางภายใน และเป็นมิตรผู้พร้อมจะดึงเราให้กลับมาสู่ความเป็นจริงตรงหน้าในขณะที่เรากำลังหลงทางอยู่ในโลกแห่งความคิด คุณหลิ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานปกคลุมอยู่รอบตัว ดังนั้นเวลาที่เรามองไปที่เธอ..ฟังสิ่งที่เธอถ่ายทอดออกมา เราจะรู้สึกได้ถึงกระแสของพลังงานบางอย่างถูกส่งผ่านมาที่เราด้วย ซึ่งผมชอบที่จะเรียกมันว่า กระแสแห่งแรงบันดาลใจ มันคล้ายกับเวลาที่เราเกิดความลังเลที่จะทำอะไรซักอย่างแต่ขาดความเชื่อมั่น..กำลังตกอยู่ในภาวะของความไม่มั่นคงและหลักลอย เมื่อนั้นก็เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาผลักหลังเราและกระซิบบอกกับเราว่า อย่ากลัวไปเลย..ขอจงเชื่อมั่นในหัวใจของเราเถิด ซึ่งสิ่งนี้ได้ทำให้ความลังเลและไม่แน่ใจที่เคยมีอยู่พลันมลายหายไปเสียสิ้น คงเหลือไว้แต่ความกล้าหาญและความมั่นใจที่จะกระโจนเข้าไปลองดูกับมันซักตั้ง นอกจากนี้แล้วเราจะเห็นว่าคุณหลิ่งเป็นมนุษย์ที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกตนเองมากที่สุดคนหนึ่ง และไม่เคยลังเลเลยที่จะถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นออกมาให้ผู้เข้ารับการอบรมร่วมรับรู้ เหมือนเธอกำลังบอกกับพวกเราว่า อย่าตัดสินคนจากกรอบความคิดและสายตาที่คับแคบของตนเอง แต่ให้ใช้ใจมองเข้าไปให้ถึงความรู้สึกที่แท้ภายในของเขา สิ่งนี้ช่วยเสริมกระบวนการยอมรับซึ่งกันและกันของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี และมันทำให้เรารู้ว่า สงคราม และ ความขัดแย้ง นั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็นของโลกเลย หากแต่ คือ มิตรภาพ และการตระหนักรู้ใน คุณค่า ของเพื่อนมนุษย์ต่างหากที่สำคัญที่สุด คนที่มอบการเรียนรู้ที่มีคุณค่าแบบนี้ให้แก่คุณ ยังไม่เหมาะสมอีกหรือที่คุณจะเรียกเธอว่าเป็น กัลยาณมิตร ที่แท้ ?
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 14:35:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 196 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|