Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket i live for music and what about you?
Group Blog
 
All blogs
 
เซ็งเป็ด ตอนที่19

"อ๋อ ไม่ต้องห่วงแม่ ผมมีพ่อครัวส่วนตัว" แม่หัวเราะบอกว่าถ้าไอ่อ้อยทำให้ผมท้องเสีย แม่จะตีให้
"แม่อยากคุยกับลูกอ้อยนะ ตามให้แม่หน่อย"
"โห แม่คุยกับหนูแป๊บเดียวเอง"
"นานะ ไปเหอะลูก"
ผมจำใจต้องเอาโทรศัพท์ไปยื่นให้ไอ่อ้อย

เพื่อนๆครับ ม้วนเสื่อกลับบ้านกันก่อนเถอะนะครับ อย่าลืมเอาขยะไปทิ้งด้วยนะ
พอดีแม่โทรตามไปกินข้าวแล้วอ่ะ นั่งเล่นหลาย ช.มเกิน
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาโพสแต่เช้าเลยครับ ถ้าเนทที่บ้านดีแล้ว
แต่คืนนี้ถ้าเนทใช้ได้ก็จะแวะมาโพสต่อนะครับ





แต่เอาเป็นว่าม้วนเสื่อกลับกันก่อนเลยนะครับ ไม่ต้องรอ เกรงใจ ฝนก็จะตกแล้ว เดี๋ยวไม่สบายเอานะครับ เป็นห่วงงง...................

"ไอ่อ้อย ไอ่อ้อย แม่กรูจะพูดด้วย" ผมตะโกนเรียกมัน
"คุณแม่ยายเหรอ แป๊บ กรูล้างมือเดี๋ยว" มันตะโกน ผมรีบปิดลำโพงทันที
"ไอ่สาดดด เดี๋ยวแม่กรูได้ยินหรอกแมร่ง" ผมต่อว่า พลางหันไปถามกับแม่
"แม่ แม่ได้ยินอะไรรึป่าวเมื่อกี้" ผมถาม
"ได้ยิน" แม่บอก ผมหน้าซีดทันที เลือดไหลลงไปอยู่หัวแม่ทีน ซวยแล้วกรู.....................










"แม่ได้ยินอะไรอ่ะ" ฮือๆ กลัวอ่ะ
"อ๋อ" ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
"เสียงเหมือนใครกดปุ่มโทรศัพท์เสียงดัง ตู๊ดๆ" เลียนแบบเหมือนมากแม่เรา
"เฮ้อออออ ผมถอนหายใจยาวววววววววววววว
........................................................................
"ครับแม่" ไอ่อ้อยมารับโทรศัพท์ ผมกระแซะไปใกล้ๆ เพื่อจะได้ฟังได้ถนัด มันหันมามอง ถอยหนีออกไป โบกมือไล่ให้ผมไปไกลๆ
"ไอ่เอี๊ย แม่กรูนะเว้ยสาดด " ผมทำเสียงเบาๆด่ามันกลัวแม่ได้ยิน แต่ก็ยังเดินตามไปฟัง
"อ๋อ ทำกับข้าวครับ" มันตอบ
".........................." แม่พูดอะไรไม่รู้ไม่ได้ยินอ่ะ
"ครับแม่ ท้องไม่ร่วงหรอก" แล้วมันก้หัวเราะ อะไรกันว่ะ 2 คนนี้ลับลมคมใน
"ไปมาแล้วครับ" ไอ่อ้อยว่า
"....................................................................."
"ก็คงมามั้งครับ พ่อไม่เคยพูดดีกับผม ครั้งนี้ยังชวนกินข้าวด้วย ผมว่าพ่อคงมาแหละครับ"
"................................................."
"ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้เป็ดบอกทางให้ แต่พี่เต้ยน่าจะรู้จัก แกก็คนยุดยา"
"..............................................."

"ได้ครับแม่....จะดูแลให้อย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยแม่" อ่าววกรูว่าแล้ววกมาเรื่องกรูอีกจนได้
"555555" อีกแล้ววว อะไรกันว่ะ 2คนนี้ เซ็งเป้ดว่ะ
"ครับแม่ สวัสดีครับ..จุ๊บ2ทีด้วย" โหเมิง กรูยังไม่พูดกับแม่กรูแบบนี้เลย แย่งซีนจริงๆ
"อ่ะ" มันยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมรับมาจะคุยกับแม่ต่อ
"แม่................แม่....อ้าว แม้!!!!!!!!!!!!!!!!" ฮือ แม่วางสายไปเลยอ่ะ ยังไม่จุ๊บๆ(เหมือนมัน)เลย
"โห่ แม่อ่ะ" ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ่อ้อย
"เด็กขี้อิจฉา" มันด่า พลางทำท่าเหมือนตัวเองชนะในเกมส์นี้
"กรอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
......................................................................
มันเล่าให้ฟังว่า แม่โทรมาถามเรื่องงานบวชว่าเตรียมตัวยังไง ตื่นเต้นมั๊ย แล้วก็ถามว่าไปหาพ่อมารึปล่าวแค่นั้นเองครับ ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจใดๆทั้งสิ้น ผมว่าแม่ก็คงยังอยากจะอุ้มหลานอยู่มั้ง แหะๆ
"เมิงมานั่งในครัวดิ" มันเชื้อเชิญ เพราะเห็นผมนั่งเล่นเกมส์มือถือคนเดียวอยู่นอกชาน
"ทำไม" ผมถาม
"มาเป็นกำลังใจให้กรูหน่อย" โห ทำกับข้าวนี่ยังกะหมอผ่าตัด
"เหอะ ตามบาย กรูนั่งนี่ปลอดภัยที่สุด" ผมปฏิเสธมันไป
"ตามใจ" มันตัดบท
ผมสารภาพว่า ตอนนั้นผมนั่งมองภาพที่มันกระวีกระวาดกับการทำกับข้าว ผมนั่งมอง พอมันไม่ยิ้ม ไม่พูด หน้ามันเศร้าลงทันที อาจเป็นเพราะตาที่เศร้าสะลึมสะลือของมันด้วยมั้ง แต่วันนี้ดูมันหงอยผิดปกติ หรือไม่บางทีผมเอง
ตะหากที่หงอยลงไปเอง เลยมองว่ามันหงอยไป

ผมทำเป็นนั่งเล่นเกมส์มือถือต่อไป แต่สายตาก็ยังคงเหลือบไปมองมันเป็นระยะ จริงๆแล้วนะ ผมว่ามันไม่เหมือนเกย์เลย ผมมองยังไงมันก็ไม่ใช่เกย์อ่ะ ท่าทางการพูดการจา จริตจะก้านต่างๆที่ชาวสีม่วงควรมี แต่มันดั้นไม่มีเลยอ่ะ แล้วทำม้ายยยทำไม มันถึงเอาเป็นเอาตายกับการที่จะเอาผมเป็นเมียให้ได้ .................คำว่าเมียที่มันเข้าใจมันแปลว่าอะไรกันแน่วะ....
"ไอ่เป็ด เสร็จแล้ว" ผมสะดุ้งผ่าง
"อะไรของเมิง ว่าวเหรอ" มุขลามกเด็ก ต่ำกว่า 18 อ่านผ่านไปเลยครับ
"กับข้าวเว้ย มาแ**กมา ๆๆ จุๆๆมาๆ" มันทำท่ากระดิกนิ้ว
"กรูไม่ใช่กระต่ายนะเว้ย"
"อย่าให้กรูออกแรง หรือต้องไปอุ้มมาแ**ก ป้อนให้ด้วยดีมั๊ย" มันทำท่าจะเดินมาหาผม ผมกระเด้งอย่างอัตโนมัติ
"ไม่ต้องเว้ย กรูไม่ได้ง่อย"
..........................................................................
กับข้าวง่ายๆสไตล์บ้านไร่ถูกจัดเรียงกับพื้น
1.ผัดผักบุ้งใส่หมู
2.ผัดพริกแกงหมูถั่วฝักยาว 2จานนี้เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต เพราะหั่นหมูเองกับมือ
3.ไข่เจียวบ้านนา มันว่าอย่างนั้น
จานข้าว 2 จานพร้อมช้อนแสตนเลสถูกมันจัดแล้วยื่นมาให้ ข้าวเปล่ามันก็แกะมาให้จากถุงที่น้ามันเอามาให้ สรุป ผมนั่งเฉยๆ แหะๆ...............................................

อาหารถูกวางอยู่บนพื้น แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยชินเลยดูเก้งก้าง อาจทำให้มันรำคาญลูกตา
"มานี่ ถือจานขึ้นเอามือรองข้างใต้แบบนี้ (แมร่งร้อนอ่ะ ข้าวมันร้อน) จะกินอะไรเมิงก็ตักใส่จาน ไม่มีส้อมนะ เอามือเขี่ยๆเอาก็ได้ แมร่ง ไอ่เด็กในเมืองเอ้ย"
"กรุไม่ได้แกล้งนี่หว่า สาดดด"
ผมตักกับข้าวใส่จาน ด้วยความหิวเลยตักเข้าใส่ปากทันที
"อ่า หู่ๆๆๆๆ" ผมเอามือปัดปาก
"ร้อนๆ" มันยื่นขันน้ำให้
"อ่ะ ปากพองกันพอดี กินขันเดียวกับกรูไม่เป็นไรนะโว้ย กรูไม่ได้เป็นไวรัส เอ ถึง แซด"
........................................................................
ผมสังเกตเห็นตอนมันกินข้าวมาหลายครั้งแล้ว มันจะกินเร็วมาก ผึบผับ ๆ แล้วก็ตักกับนิดเดียวอ่ะ ไข่เจียวนิดนึง มันกินข้าวตามเป็น 3-4 ช้อน ผมอ่ะ กินแต่กับ
"อ่ะ ไข่ เมิงกินเยอะๆ จะได้อ้วนๆ" มันตักไข่ให้ผมชิ้นเบ้อเร่อ ส่วนมันตักถั่วในผัดเผ็ดไปนิดเดียว
"ทำไมเมิงไม่กินกับมั่งหล่ะ" ผมถาม
"กินกับเยอะเปลือง....เมิงกินไปเหอะ" มันยังคงก้มหน้าก้มตากินถั่วฝักยาวต่อไป
"กรูกินไม่หมดหรอก แมร่ง เอาไป กินเนื้อ กินไข่ซะมั่ง จะได้ฉลาด" พอผมพูดถึงฉลาดนึกขึ้นได้
"อ่าวแล้วปลาไปไหนเหรอ กรูเห็นเมื่อกี้" ผมถาม
"กรูคืนน้ากรูไปแล้ว ขี้เกียจทำ มันยังไม่ตาย ฆ่ามันก่อนบวชบาปตายอ่า" มันว่า
"อ๋อ"ผมพยักหน้า และก็ยังคงเห็นมันกินผักบุ้งกับถั่วต่อไป ก็มามองจานตัวเอง หมูกับไข่จะล้นออกมานอกจานอยู่แล้ว
"อะไรของเมิงนักหนา ทำยังกะครอบครัวลำเค็ญ" ผมว่า
.........................................................................
"เฮ้อออ อิ่ม" ผมเอามือลูบท้องก่อนหงายหลังตึงลงไปนอนกับพื้น ตามองไปบนหลังจากกระเบื้อง โห จิ้งจก แถวนี้กินอะไรเป็นอาหารว่ะ ตัวเท่าแขน ไม่เห็นเหมือนจิ้งจกบ้านเราเลย เป็นจิ้งจกขาดสารอาหาร วันๆคงกินแต่มด
"555 ฝีมือกรู อร่อยใช่ป่าว" มันทำท่าภูมิใจ
"ปล่าว กรูหิว ตอนนั้นต่อให้กินรองเท้าหนังกรูก็ว่าอร่อยแล้วหล่ะ" ปากหมาไปหน่อย แต่จริงก็อร่อยๆจริงๆแหละ มันน่าจะไปเป็นพ่อครัวที่เมืองนอกกับผมเนอะ จะได้มีคนทำอาหารไทยให้กิน ว้าฮ่าๆๆ
ผมได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆ ยกหัวขึ้นมาดู
"อ่าว เฮ้ยกรูช่วยๆ" ผมรับลุกขึ้นช่วยมันเก็บจาน
"ไม่ต้อง นอนไปเหอะ เดี๋ยวกรูเอาไปล้างเอง" อืมมม ดีจริงๆจะได้นอนสบาย แต่ด้วยยังมียางอายอยู่บ้างเลยตามมันไปช่วยล้างจาน บ้านมันมีของที่จำเป็นๆอยู่ อาจเป็นเพราะก็ไม่ใช่บ้านร้างนิ ครอบครัวน้ามันก็มานอนบ่อยๆ
...........................................................................

"เมิงอาบน้ำมั๊ย" มันถาม
"อาบดิ"ผมว่า
"ปะ อาบพร้อมกัน" มันชวน ในขณะกำลังเปลี่ยนผ้าขาวม้า
"ตามบาย กรูอาบทีหลังดีกว่า"ผมไม่กล้าอาบพร้อมมัน
"เมิงแน่ใจนะว่ากล้าอาบ" มันหันมามองตาผม ทำสายคามีเลศนัย
"กล้าดิ ทำไมจะไม่กล้า" ผมยืนกรานเสียงแข็ง
"แน่นะ ...........กรูเตือนเมิงแล้วนะ" อะไรของเมิงวะ ผมหวั่นๆใจ

"เมิงแน่ใจนะไอ่เป็ด ว่าจะกล้าอาบน้ำ ข้างนอกนั่นคนเดียวดึกๆแบบนี้" มันทำเสียงเหมือนรายการชั่วโมงพิศวง
..........................................................................
" ไอ่อ้อย " ผมตวาดลั่น ก่อนเดินไปเบิ๊ดกะโหลกมัน 1ที
"มองอะไรเมิง เดี๋ยวกรูก็ใส่ ชุดนอนอาบน้ำเลยแมร่ง" ยอมรับว่าเมื่อก่อนกับเพื่อนคนอื่นๆ แค่ถอดเสื้อต่อหน้าไม่เคยอาย ตอนอยู่มหาลัย ยังเคยเล่นไพ่แก้ผ้าด้วยซ้ำ(แพ้คนแรกเลย...เพราะเล่นไม่ถนัด แต่หลังจากนั้น กินเรียบ เป็นคนหัวไว คริๆ)
แต่กับไอ่อ้อยนี่มันยังไม่รู้ แค่ใส่เสื้อเชิ๊ตยังไม่กล้าปลดกระดุมเม็ดบนเลย
"เมิงจะอายกรูทำเอี๊ยอะไร ของกรูกับของเมิงก็หน้าตาเหมือนๆกันแหละ แมร่ง" แล้วมันก็เงียบไป............
"ว่าแต่ขอดูหน่อยดิว่า หน้าตาจะเหมือนกันขนาดไหน ไม่แน่เราอาจเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันก็ได้" มันทำตา
กรุ้มกริ่ม พลางมองมาที่น้องชายผม ผมมองตามสายตามัน
"ไอ่อ้อย ยากส์!!!!!!!!!!!" ผมกระโดดถีบมันทั้งผ้าขาวม้า แต่มันกระโดดออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ผมวิ่งไล่เตะตามหลังมัน พื้นบ้านทั้งตึงๆ
"เมิงตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
.......................................................................
ผมวิ่งตามันมากระชั้นชิด แต่ต้องหยุดกระทันหัน ข้างนอกมืดแล้ว ที่สำคัญมืดมากด้วยดีนะที่ผมเบรคทัน ไม่งั้นมีหวังหัวทิ่ม
"มืดหว่ะ เดี๋ยวกรูไปเอาเทียนมาให้" มันเดินหันหลังจะเข้าบ้าน
"ป๊าบ" เข้าให้ ผมเตะก้นมันไปทีนึง มันหันมองมองตาเขียว ก่อนจะทำมือเดี๋ยวเจอกรู
"หนาวว่ะ " ผมบ่นกับตัวเองพลางสั่น
เสียงจั๊กจั่นเรไร นกกลางคืนร้องให้ระงม นี่กรูกำลังแสดงหนัง มนต์รักลูกทุ่งอยู่ป่าวว่ะเนี๊ยะ ผมยืนมองอะไรเพลินๆ
"เป็ดดดดดดดดดดดดด"มีเสียงโหยหวนอยู่หลังท้ายทอย ผมหันไปขวับ
สะดุ้งสุดตัว
"เจ้ยยย" ก่อนจะกระโดดออกมา
"ไอ่อ้อย ไอ้บร้า ตกใจหมดกรู" ไอ่อ้อย มันเอาเทียนไขจ่อหน้า หน้ากลัวอยู่แล้ว ยิ่งหน้ากลัวไปอีก
"เดี๋ยวน้ำมันพรายก็ย้อยหรอกเมิง" ผมก้าวขาลงกระไดอย่างระมัดระวังโดยมีมันคอยเอาไฟส่องให้
"เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง" ผมบ่นพึมพำเล่นกับตัวเองเพราะนึกถึงพอดี
"เปลวเทียนให้แสง แต่กรูนี่แหละแสบมือ น้ำตาเทียนหยดใส่มือกรู" ผมหันไปมอง ก่อนหลังกลับเดินไปตามทางต่อ
ในที่สุดก็คลำทางมาเจอ โอ่งน้ำฝนตั้งเรียงรายตามชายคาบ้าน ไอ่อ้อยเลือกโอ่งที่มีพื้นปูนซีเมนซ์สี่เหลี่ยมยืนได้คนเดียวเป็นที่อาบ โอ่งใบอื่นคาดว่าจะเป็นโอ่งน้ำดื่มเลยไม่มีที่ยืน
"อ่าว แล้วกรูจะยืนตรงไหน" ผมถามเมื่อเห็นว่ามันจับจองที่ยืนซะแล้ว
"ก็ขึ้นมายืนกับกรูสิ สาดดด" มันกระเถิบให้มายืนที่ปูนกับมัน
"ไม่เอาอ่ะ" ผมส่ายหัวยิกๆ
"เมิงอย่าท่ามากได้มั๊ยสาด แมร่ง เดี๋ยวก็โดนงูกัดตายหรอก เล่นตัวอย่างกะผู้หญิง เหรอเมิงเป็นกะเทย" โห มันหยามกันอย่างงี้ผมยอมไม่ได้ครับท่าน หาว่าผมเป็นกะเทย แฟนเก่าผมก็พูดอย่างงี้ หลังจากนั้น ผมก็พิสูจน์ให้เธอเห็นว่า กรูเป็นผู้ชายเว้ย ว้าฮ่าๆๆๆ
"เออ ขยับไป" มันขยับที่ให้ผมยืนอีกนิด พลางก้มลงเปิดฝาโอ่ง มันก้มหน้าลงไปในโอ่ง
"เป็ดดดดดดดดด" เสียงสะท้อนออกมาจากโอ่ง ดังก้อง มันเงยหน้าขึ้น
"เมิงเล่นดูสิ" ผมทำหน้างง อะไรของมัน แต่ก็ก้มหน้าลงไปในโอ่ง
"เรียกรูทำเอี๊ยอารายยยยยยยยยย" ผมว่า อิๆ ขำตัวเอง ทำไปได้
"กรูรักเมิงงงงงงงงจังงงงงงงงงงงงง" ผมหันไปมองหน้า ยังไม่ชินกับอะไรแบบนี้ซะที
"อ่าว บอกดิ" มันใช้ให้ผมบอก
"เดี๋ยวเมิงพูดเสร็จกรูปิดฝาโอ่งเลย ไม่ให้มันออกไป ไม่มีใครได้ยินหรอก"
.........................................................................
อย่างที่บอกว่าผมรู้สึกดีกับมัน รู้สึกว่ามีความสุขที่อยู่กับมัน ปลอดภัย อบอุ่น ขำบ้าง แต่ถามว่า กับแฟนเก่าหล่ะ ผมว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อแฟนเก่ามันไม่เหมือนกับที่รู้สึกกับไอ่อ้อยน่ะ กับแฟนเก่า ผมอยากปกป้องเธอ อยากทำให้เธอมีความสุข อยากดูแลเธอ อยากที่จะเป็นผู้ให้ แล้วก็รู้สึกว่าเธอเป็นส่วนที่เติมเต็มในชีวิต แต่กับไอ่อ้อย ผมกลับรู้สึกว่าผมต้องการมัน ผมต้องการให้มันอยู่ใกล้ก็พอ ดูแลบ้าง ห่วงใยกันบ้างไม่ต้องมาก ผมมีความสุขที่อยู่กับมัน รู้สึกเหมือนไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำให้มันมีความสุข แต่ที่ทำออกไปมันทำมาจากความจริงใจล้วนๆไม่ได้ฝืนจะเป็นผู้ชายที่ดีแบบที่ทำกับแฟนเก่า กับไอ่อ้อยถึงมันจะไม่ใช่ส่วนที่เติมเต็มในชีวิตผม แต่มันก็เป็นเหมือนน้ำปลา สิ่งที่ผมขาดไม่ได้ในชีวิตนั่นเอง
........................................................................... "พูดสิ" มันพยายามข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า
"เอ้ยยๆๆๆ เดี๋ยวๆ เมิงไม่ได้บอกกรูว่าจะเล่นแบบนี้นิ" ผมยังคงเฉไฉ(โดนด่าเละแน่คราวนี้กรู)
"เหอะน่า กรูอยากฟัง นะๆ" มันคะยั้ยคะยอ
"เอ่อ ก็กรูไม่รู้จะบอกยังไงนี่หว่า แมร่ง" มันนิ่งไปพักนึง
ผมก็เงียบ
"งั้นเอางี้ มาเป่ายิ้งฉุบกัน ถ้าเมิงแพ้ แสดงว่าเมิงแพ้ใจกรู เมิงรักกรูแล้ว แค่นี้เมิงไม่ต้องพูดอะไรกรูก็รู้แล้ว(โห เข้าข้างตัวเองอิ๋บอ๋าย) แต่ถ้าเมิงชนะ กรูจะถือว่า กรูเอาชนะใจเมิงไม่ได้ กรูยอมแพ้" ตอนแรกๆ งง ต้องเรียบเรียงคำใหม่ในสมองซะนาน แล้วผมก็ตัดสินใจเล่นเกมส์ปัญญาอ่อนกับมันอีกครั้ง
.......................................................................

ผมตัดสินใจรับคำท้าจากข้าศึก เนื่องจากคิดว่าถ้าขืนยังเฉไฉต่อไปมีหวังโดนจับยัดโอ่งแน่
"เอาดิ กรูสู้ตาย" ผมปั้นมือ กะว่างานนี้เป็นไงเป็นกัน
ผมทำท่าเอาจริงเอาจัง เหยื่อแตกพลั๊กๆ ทั้งที่หนาว หันมองหน้าคู่ต่อสู้ มันยืนกอดอกเหมือนถือไพ่เหนือกว่า งานนี้เป็นไงเป็นกัน สวรรค์เท่านั้นที่จะกำหนด...
"กรูจะออกกรรไกร" อ้าวอะไรของเมิงเนี๊ยะผมงง
"อะไรของเมิงมาบอกกรูทำไม" ผมถาม ในใจนึกว่ามันจะมาไม้ไหน
"กรูบอกว่ากรูจะออกกรรไกร เมิงจะเชื่อกรูรึป่าวตามใจ"
โอ้ยยยยยยยย ตอนนั้นผมเครียดไปเลย เมิงเล่นเกมส์จิตวิทยากับกรูเหรอ ไอ่ hanibal เมิงเล่นอย่างงี้เมิงเอามีดมาจี้คอให้กรูบอกดีกว่า นี่มันไม่ใช่ชะตาสวรรค์แล้วนิหว่า นี่มันเมิงกำหนดเองนี่หว่า ไอ่เลววววววว
สับสนครับตอนนั้นจะเอาไงดี จะเชื่อมันดีรึปล่าว หรือว่ามันจะหลอกเอาอีก ถ้าผมออกฆ้อนไปแล้วมันออกกรรไกรจริงๆ ก็เท่ากับผมทำร้ายความรู้สึกมัน ทั้งที่รู้แล้วว่ามันจะออก กรรไกร แต่ถ้ามันออกกรรไกรแล้วผมออก กระดาษ ก็เท่ากับยอมรับว่าผมรักมันอะดิ ทั้งที่จริงๆมันอาจไม่ใช่รักแบบที่มันคิดก็ได้ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าที่มันพูดว่ารักน่ะ แค่ไหน แบบไหน
จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ในใจต่อสู้กันอย่างรุนแรงระหว่าง ฆ้อนกับกระดาษ เมิงคิดเกมส์เฮงซวยนี่ได้ไงว่ะ นี่มันไม่ใช่เกมส์ธรรมดา....................นี่มันเกมส์ชีวิต T-T
หลังจากภายในใจต่อสู้กันอย่างรุนแรงในที่สุดผมก็
"อ่ะๆ แน่ใจนะว่าจะออกไอ่ที่คิดจะออก" ผมชะงักกำลังจะทิ้งมือลงไปแล้ว
"อะไรเมิงอีกหล่ะ แน่ใจ กรูไม่เคยแน่ใจอะไรขนาดนี้" มันยิ้มแหยๆ เห็นหน้าตอนนั้นไม่ชัด เพราะเทียนเล่มเดียวก็ไม่ได้สว่างเท่าไหร่
"เมิงจะเอายัง" ผมถามอีกรอบเพราะ ยกมือจนเมื่อยแล้ว
"รอให้กรูนับก่อนนะ" เรื่องมากจริงๆเลย เดี๋ยวเมิงก็รู้ไอ่อ้อย ว้าฮ่าๆๆ
"พอกรูนับเสร็จนะเมิงเอาเลย" ผมชะงักอีกรอบ
"ไอ่บร้า เร็วๆ กรูหนาว.....หดหมดแล้ว" (ไม่ผ่าน กบวครับ)
"ก็ได้ๆ" ผมว่ามันคงหวั่นๆเหมือนกันแหละ ชะตาชีวิตเมิงกำลังจะสิ้นสุดแล้วไอ่อ้อย............ไปดีเถอะนะเพื่อน
........................................................

"1.................2.....................3" สิ้นเสียงมันนับ ผมทิ้งมือลงไปอย่างรวดเร็ว
"วิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว" แหะๆ จะบอกว่าตอนนั้นเงียบครับ ได้ยินแต่เสียงลม และเรไร
"เมิงแน่ใจแล้วเหรอ" มันก้มลงไปมองการตัดสินใจของผม
"อืม กรูแน่ใจ กรูบอกแล้วไงว่ากรูไม่เคยแน่ใจอะไรขนาดนี้" ผมบอก
มันเงยหน้ามายิ้มกับผม เราไม่พูดถึงมันอีกเลย

......................ผมเคยฟังเพลงว่า ความทุกข์ก็เหมือนเรากำหินแหละ ถ้าเรากำมันไว้ยิ่งแน่นเท่าไหร่เราก็ยิ่งเจ็บมือมากเท่านั้น ถ้าเราคลายมันออกเราก็เจ็บน้อยลง แต่ถ้าเราแบ เราก็จะไม่เจ็บเลย ผมเลย.............แบ
.........................................................................

ผมตัดสินใจในขณะนั้นว่า "ช่างเหอะ จะรักแบบไหน มันก็คงไม่สำคัญหรอก รักแม่ รักน้อง รักแฟน รักเพื่อน รักหมา รักแมว มันก็รักเหมือนกันแหละ จะบอกว่าผมไม่ได้รักมันก็คงไม่ใช่ ถ้าผมเลือกฆ้อนก็เท่ากับหลอกตัวเอง แถมยังทำร้ายมันอีก แต่เลือกที่จะเป็นผู้แพ้ แต่อย่างน้อยก็ได้บอกความรู้สึกจริงไปโดยไม่ต้องพูด แถมยังทำให้มันมีความสุข ไม่ต้องมีห่วงก่อนบวชมันก็คุ้มแหละวะ
หลังจากมันเห็นว่าผมแบ มือ ผมก็รีบเอามือเก็บทันที มันเองก็หันมายิ้ม แล้วไม่พูดอะไรกันอีก ลืมไปเลย 555 เพราะว่าถ้าขืนพูดอะไรมากกว่านี้มีหวังเลี่ยน อ๊วกแน่ รู้แค่นี้ก็พอแล้วว่ะ เน๊อะ อ้อยเน๊อะ
มันหันซ้ายหันขวาเพราะทำอะไรไม่ถูก มันก็ไม่ยอมพูดอะไรนอกจากอมยิ้ม (ก็ลองล้อกรูดิสาดดด กรูฟาดกับฝาโอ่งแน่เมิง)
"ไหนขันอ่ะ" ผมพูดกลั้นหัวเราะ
"โน่น" มันชี้ไปที่ตุ่มข้างๆ
ผมเอื้อมมือไปหยิบขันสังกะสี
"มีใบเดียวเหรอ"ผมยังคงเสียงสั่น อาจเพราะหนาว หรือไม่ก็เพราะ............
"อืม" มันพยักหน้า จะอาบยังไงหล่ะทีนี้
"พลัดกันอาบแล้วกัน" ผมว่า จากนั้นก็ก้มลงตักน้ำ เอามือจุ่มๆ แกว่งๆ สวดไปพลาง ไม่กล้าอาบ มันหนาวววววว
ผมยังคงยืนจะอาบ จะอาบ แต่มันทำใจไม่ได้ ก็มันหนาวอ่ะ
"เมื่อไหร่เมิงจะอาบเนี๊ยะ กรูหนาวแล้ว" ไอ่อ้อยบ่น
"เดี๋ยวดิ กรูทำใจก่อน" มันยังคงละล้าละลัง จะอาบๆ แต่ก็ยั้งมือไว้ก่อน บรื๋ออออออ
"แมร่ง ไอ่เอี๊ย มานี่" มันดึงขันไป สาดน้ำโครมเข้าหน้า
"เอ้ยยๆๆๆ" มันสาดเข้ามาอีกหลายขัน
"พอแล้วๆ หยุดๆ กรูหนาว บรื๋อออออ" ผมคางสั่นพับๆ
"หยุดได้ไงกรูไม่ใช่ไฟแดง" ไอ่เอี๊ย ผมยืนตัวสั่นหงักๆ มันจ้วงน้ำตักอาบอย่างไม่สะทกสะท้าน ผมยืนมองมัน อืม มีแผลเป็นที่หลังด้วยโดนใครฟันมาเนี๊ยะ ผมมองลงมาเรื่อยๆเพราะว่ามันหนาว ช่วงนั้นเลยหน้ามืด
"เจ้ยยยไอ่อ้อย เมิงเยี่ยวเหรอ" ผมกระโดดแผล๋วออกจากพื้นปูน
"ไอ่เอี๊ยสันดาน" ผมด่า

ขอแก้ข่าวอ่ะ ไม่ได้มองแบบนั้น แค่ผมหนาวอ่ะ ยืนกอดตัวเอง แล้วมันตื้อๆด้วย เห็นมันอาบน้ำแบบไม่กลัวหนาวก็เลยดูเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย จริงๆ สาบาน
.........................................................................
ผมกระโดดมายืนกอดตัวเองอยู่บนพื้นหญ้า
"ขึ้นมาดิ กรูเยี่ยวเสร็จแล้ว" มันยิ้ม
"ไอ่บร้า เมิงราดน้ำให้สะอาดเลยนะ กรูไม่อยากเป็นโรคฉี่หนู" ผมยืนกอด ปากสั่น
ผมขึ้นไปยืนที่เดิมอีก ทีนี้เราดันโดนตัวกันนิดหน่อย เนื้อโดนเนื้อ ผมเลยมีความรู้สึก...........................

.........รู้สึกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยแฮะ ไม่สปาร์คเหมือนที่อาบน้ำกับแฟนเก่าเลย น้องชายผมก็ไม่ได้ดี๊ด๊าซะหน่อย เพราะไม่ได้ใส่ กกน อาบ .....อันนี้มันพิสูจน์ได้รึปล่าวว่าผมไม่ได้รักมันแบบชู้สาว
ส่วนมันผมไม่รู้ พอดีไม่ได้ก้มลงไปถามน้องชายมัน เลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่ก็คงไม่เหมือนกันแหละผมว่านะ .........
"หลังเมิงไปโดนอะไรมา" ผมถาม
"ตรงไหน" ผมหันมาถาม
"ตรงหลังไง" ผมว่า
"ก็ตรงไหนหล่ะมันมีหลายที่"
"นี่ไง" ผมเอามือลูบรอยแผลมัน
"จับนานๆสิ" อะไรของมันวะ
"แผลอะไร" ผมถามอีกครั้ง
"แผลเก่า" โห แมร่งคลองแสนแสบ มาเชียวเมิง
"555กรูล้อเล่น แผลกรูโดนฟันตอนเด็กๆน่ะ" มันว่า
"อืม" แล้วผมก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
..........................................................................

ผมอาบน้ำเสร็จ ไม่ได้ถูสบู่นะ เพราะไม่มี ไม่ต้องกลัวสบู่ตกกันหล่ะ (รู้นะคิดอะไรอยู่อ่ะ) รีบเดินฉับๆขึ้นมาบนบ้าน ปล่อยให้มันร้องเพลงต่อไป.....(แม่เรียกไปกินบัวลอยเจ้าเพื่อนยากแล้วอ่ะ สงสัยวันนี้ต้องจบไว้แค่นี้ก่อนดีกว่านะครับ พรุ่งนี้มาใหม่)............."แป๊บแม่" ผมตะโกน


ต่อๆ............
........................................................................
ผมรื้อกระเป๋าสะพายตัวเองจัดการแต่งตัว ตาเหลือบไปเห็น..................
"ไอ่อ้อย เอามาอีกแล้ว" หมอนเน่าคู่ชีพมันถูกซุกอยู่ใกล้ๆกับกองผ้าห่ม มันเอามาด้วยเหรอว่ะ โห สุดยอดเลย (เคยได้ยินว่าคนที่ติดหมอนเน่าเป็นคนขาดความรัก ความมั่นคง จริงป่าวไม่รู้)
"เมิงจะเอามาทำเอี๊ยอะไรว่ะ" ผมใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คีบหมอนใบนั้นออกมา พยายามให้อวัยวะในร่างกายของผมสัมผัสวัตถุอัสนตรายนั้นให้น้อยที่สุด แล้วก็เขวี้ยงออกไป
"เหอะ ปัญญาอ่อนจริงๆ" ผมบ่นกับตัวเอง
"พรึบ!!!!!!" ผ้าขาวม้าแห้งที่ไอ่อ้อยใช้เปลี่ยน ลอยมาจากไหนไม่รู้มาคลุมอยู่ที่หัวผม ไอ่บ้รานี่กวนทีนกรูจนวันสุดท้าย ผมกำลังจะดึงผ้าออก แว๊บบบบ คิดได้ มันเอาผ้าขาวม้าผืนนี้นุ่งมา ตอนนี้มาอยู่บนหัวผม แล้วทีนี้มันนุ่งอะไรอ่ะ เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมกำผ้าที่คลุมหัวอยู่นั้นอย่างแน่นหนา ผมไม่อยากเจอน้องชายมันนนนนนนนนน
...........................................................................

"เอ้ย โทดๆ" มันเดินมาดึงผ้าขาวม้าออก แต่ผมจับไว้แน่น อะไรของเมิงเนี๊ยะสาดดดดด พรุ่งนี้จะบวชแล้วนะโว้ย ผมคิดในใจ
"อ้าว เอ้ย ปล่อยสิวะ ปล่อยยยยย" แล้วมันก็ดึงหลุด
"แต่งตัวเสร็จรึยัง ถ้าเสร็จแล้ว ออกมานี่กับกรูหน่อย" ผมหันขวับ ลืมไปเลยว่ามันแก้ผ้าอยู่รึปล่าว
"ไปไหนอีกวะ" ผมหันไป อ่าว นุ่งกุงเกงแล้วเหรอ เฮ้อออ โล่งอก
"ตามมาเหอะน่า" มันว่าพลางเดินไปหยิบถุงก๊อบแก๊บที่น้ามันเอามาให้เมื่อตอนเย็น
.........................................................................



"อ้าว คุกเข่าสิ" มันดึงแขนผมให้คุกเข่าต่อหน้าหิ้งพระ และรูปแม่มัน
ผมทำหน้างงๆ เมิงจะสาบานรักกันที่นี่เลยเหรอ คิดเล่นๆขำๆ
"เมิงว่าตามกรูก็แล้วกันนะ" มันบอกก่อนหันไปจุดเทียน จุดธูป แล้วยื่นให้ผม ชุดนึงพร้อมพวงมาลัย
จากนั้นมันก็สวดมนต์ไป ผมสวดได้ก็เลยสวดตามไปเบาๆ
"แม่ ผมมาเยี่ยม" มันเงยหน้าขึ้นมามองรูปถ่ายแม่
"และจะมาบอกแม่ว่า พรุ่งนี้ผมจะบวชแล้วนะ จะบวชให้แม่ ..........................." แล้วมันก็เงียบไป
"ผมบอกกับหลวงตาว่าจะบวชให้แม่เท่ากับอายุของแม่" ผมหันไปมองมัน กำลังจะอ้าปากถามว่า อะไรนะ บวชเท่าอายุของแม่คืออะไร แต่ยังไม่ทันพูด
"หลวงตาบอกว่าจะบวชให้เอง พรุ่งนี้พ่อก็จะมาด้วย........................แม่.....แล้วนี่เพื่อนผม เพื่อนคนเดียวที่ผมรักที่สุด" ผมหันไปมองหน้ามันอีกที ไม่แน่ใจว่ามันจะพูดอะไรต่อ
"ผมพามาไหว้แม่นะ มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมรัก..... แม่ แต่ว่าอีกไม่กี่วันมันก็จะไปทำงาน
แล้ว......................................" มันเงียบไป เสียงหายใจดังฟืดฟาด ผมเงียบรอฟังสิ่งที่มันจะพูด
"ผมอยากให้แม่อวยพรเพื่อนของผมด้วย ขอให้มันมีความสุข ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และเป็นคนที่คนอื่นรักอย่างนี้ตลอดไปนะแม่" ผมก้มหน้าฟังสิ่งที่มันพูด ความรู้สึกไม่เหมือนแม่มันอวยพรเลย แต่เหมือนกับว่า มันอยากจะอวยพรผมมากกว่า...ผมตื้นตันใจบอกไม่ถูก กำมือแน่น..............................
"ต่อนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ผมจะอยู่ในผ้าเหลืองทำบุญไปให้แม่ อานิสงค์จะไปถึงแม่และคนที่ผมรัก................................................ขอให้แม่หมดห่วงผม ถ้าชาติหน้ามีจริง ผมจะไปเกิดเป็นลุกแม่อีก"
เฮ้ออออออ ผมเศร้าใจยังไงก็ไม่รู้ ทำมันเปลี่ยนอารมณ์เร็วอย่างนี้ ผมตั้งตัวไม่ทันเลย มันกราบ ผมกราบแล้วมันก็ยื่นมือมารับธูปกับพวงมาลัยผมไปปักที่กระธางธูป

"ง่วงนอนรึยัง" มันหันมาถามผม
ผมพยักหน้าน้อยๆ
"งั้นไปนอนก่อนไป กรูขอนั่งกับแม่กรูแป๊บ เดี๋ยวกรูตามไป
.........................................................................
ผมจัดแจงที่นอนเรียบร้อย โดยไม่ลืมจัดไว้ให้มันข้างๆ หันไปมองหมอนเน่าที่โดนเขวี้ยงไปอยู่มุมห้อง
"เฮ้อ" ผมลุกขึ้นไปหยิบหมอนเน่ามันมาจัดวางไว้พร้อมผ้าห่ม ก่อนปิดไฟ ล้มตัวลงนอน
ตายังคงเบิกโพลง
บวชเท่าอายุแม่ นี่มันนานแค่ไหน แล้วทำไมต้องอวยพรให้ด้วยวะ ผมนอนก่ายหน้าผาก วันนี้ทั้งวันมันต้องการแค่นี้เหรอ แค่ให้ผมมาไหว้แม่เหรอ ไม่ใช่มั้ง ผมว่าหลังจากที่ผม แบ มือเป็นกระดาษออกไป ผมโล่งใจนะ มันก็คงโล่งใจ เหมือนปลงๆ หรือไม่ก็เหมือนแค่อยากได้ยิน หรืออยากรู้แค่นั้นว่าผมคิดยังไง เมื่อได้รู้แล้ว ก้คงจะเดินจากไปอย่างสงบ..............................
ตาผมเริ่มหนัก ง่วงครับ เหนื่อยทั้งวัน จะหลับๆ
"วี่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" เสียงยุงทำผมต้องสะดุ้งตื่นจากการดำดิ่งสู่ภวังค์ทุกที ผมปัดป่ายไปทั่ว พอเงียบไปสักพัก เริ่มจะหลับ มันมาอีกแล้ว ชอบมาบินเล่นแถวหูอยู่เรื่อย ไม่เข้าใจจริงๆ ผมต้องสะดุ้งลุกขึ้นมาปัดอีก เป็นอยู่อย่างนี้ จนเกือบไม่ได้นอน ยากันยุงที่จุดไว้ก็เอาไม่อยู่ สงสัยแมร่งดื้อยา
" อ้าว ยังไม่นอนเหรอ" ผมลืมตาขึ้นมอง มันยืนจังก้าอยู่ในความมืด
"ยัง นอนไม่ได้ ยุงเยอะว่ะ ไม่มีมุ้งเหรอ" ผมถาม
"ไม่มีหรอก" มันตอบเสียงเรียบๆ เนือยๆ
"อืม" ผมตอบรับก่อนจะพลิกตัวตะแคงเข้าฝาห้อง
ได้ยินเสียง ก๊อกแก๊กๆ แล้วลมก็พัดผ่านตัว วูบๆ ยุงก็ไม่บินให้ได้ยินเสียงอีกแล้ว
ผมหันไปมอง
"เฮ้ย ทำอะไร" ผมลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นภาพ ไอ่อ้อย นั่งเอาเสื้อยืดมันปัดยุงให้
"นอนไปเหอะน่า" มันผลักผมให้นอนลงไป
"ไม่ต้องหรอก เมิงนอนเหอะ เดี๋ยวกรูก็หลับแล้ว" ผมว่า
"กรูยังไม่ง่วง เมิงนอนไปเหอะ กรูปัดยุงให้" มันยังคงยืนยัน
"บอกว่าไม่ต้องไง" ผมเสียงแข็ง เพราะสงสารมัน มันไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้
"กรูรับปากแม่เมิงแล้วว่า จะดูแลเมิง ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ให้กรูทำตามที่กรูรับปากเหอะว่ะ" มันว่า
ผมจนใจที่จะไปดื้อด้านกับมัน มันเต็มใจ ผมไม่เคยห้ามมันได้หากมันเต็มใจจะทำอะไรสักอย่าง ผมล้มตัวลงนอน รู้สึกอุ่นใจดีจัง มันนั่งเท้าคางมองผม อีกมือก็ปัดยุงไป
"บวชเท่าอายุแม่คืออะไรอ้อย" ผมถาม
"ก็บวชพรรษาเท่าอายุแม่" ผมพยักหน้าก่อนจะหลับตาพริ้ม ไม่รู้สึกเสียใจ หรืออยากร้องไห้เลย ไม่รู้เพราะอะไร อาจเป็นเพราะได้บอกสิ่งที่มันอยากฟังออกไปแล้วก็เป็นได้ และมันเองก็คงตระหนักดี แค่อยากได้ยินคำนี้ก็แค่นั้น เพราะว่ามันคงเป็นไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เราไม่มีทางเป็นมากกว่าเพื่อน เราแต่งงาน มีลูกกันไม่ได้......ที่เราทำได้คือรักกันด้วยความรู้สึก เมื่อในทางปฏิบัติมันจบสิ้นลงตรงคำสารภาพของผมแล้ว สำหรับมันก็คงจะมาถึงทางตัน ไปไหนต่อไม่ได้อีกแล้ว.........................กรูก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันว่ะอ้อย
ผมยังคงหลับตา สายลมอ่อนพัดผ่านร่างเบาๆ อืม ไม่มียุงมากวนใจอีกแล้ว ผมหลับได้อย่างสบายใจและอุ่นใจที่สุด............................................................

ผมตื่นขึ้นมา เพราะเสียงไก่ขันจากที่ไหนสักแห่งไกลๆ มันไม่คุ้นหูเท่าไหร่ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อาจเป็นเพราะพื้นกระดานมันแข็งโป๊ก เลยทำให้เมื่อย หันไปมองข้างๆ ไอ่อ้อยไม่อยู่ หมอน ผ้าห่มทุกอย่างที่จัดไว้ เหมือนเดิมทุกอย่าง .........มันไม่ได้นอน

ผมลุกขึ้นจัดที่นอนก่อนจะเดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก อากาศที่นี่บริสุทธิ์จริงๆครับ ไม่ต้องซื้ออกซิเจนที่ไหนด้วย สบายปอดดีด้วย
ไอ่อ้อยยืนมือไพร่หลังอยู่ ผมเดินไปทัก
"เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ" ผมถามรู้สึกถึงบางสิ่งระหว่างเรากำลังเปลี่ยนไป
"อืมนอนไม่หลับ" มันตอบ ไม่มองหน้าผม
"จะไปกันกี่โมงหล่ะ" ผมถาม
"ไปอาบน้ำสิ อาบเสร็จก็ไปเลย" มันว่า
"อืมม ไม่อาบแล้วน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันพอ หนาวสาดดด เดี๋ยวโทรถามแม่ก่อน ว่าจะมายัง"
ผมตบบ่ามัน 2-3 ที ก่อนเดินไปโทรหาแม่
แม่มากับรถพี่เต้ย มีนุ่น มีป้าข้างบ้าน แม่บอกว่าพี่เต้ยหาทางมาถูก บอกแค่ชื่อวัดเดี๋ยวแดกถามทางเอา
........................................................................

ผมขับรถพามันกลับวัด เกือบจะ 7โมงมาถึงวัด ระหว่างทางมันเอาแต่นั่งเงียบ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน รู้สึกเหมือนมันห่างออกไป ทุกที ทุกที..............

จริงๆมันไม่ใช่เรื่องเศร้าอะไรหรอกครับ มันก็เหมือนเพื่อนเราคนนึงมาบอกว่าจะบวชสัก 10-20 ปี อาจแปลกใจบ้างแต่ก็ไม่ได้เศร้าใจอะไรมากกมายครับ ตอนแรกๆมีบ้างแต่หลังก็ไม่มีอะไร
ลองคิดในแง่ของผมนะครับ.....................
ผมมีเพื่อนคนนึงที่ผมรักมาก เป็นห่วงมาก ห่วงว่า ถ้าผมไม่อยู่ชีวิตมันจะเป็นไง มันไม่มีเพื่อนที่ไหนเลย มีแต่เพื่อนเละเทะ จะพามันไปทางมืดได้ทุกเมื่อ ญาติพี่น้องก็ไม่สนิท เหมือนไม่มีด้วยซ้ำ แล้วผมก็ห่วงสารพัด ห่วงว่ามันจะทำงานอะไร มันจะกลับไปเล่นบอล ไปกินเหล้า เล่นยาอีกมั๊ย ห่วงว่ามันจะหลงผิดหรือปล่าว ห่วงว่าถ้ามันมีปัญหาใครจะอยู่เคียงข้างมัน................ถ้าผมยังห่วงแบบนี้ ผมไม่มีทางไปทำงานได้แน่ครับ........................

แต่มาวันนึงวันที่ได้รู้ว่ามันจะบวช มันจะมีที่พึ่ง มันจะไม่กลับไปเล่นยา ติดเหล้าติดบอล ไปยกพวกตีกันอีก ถึงจะบวชไม่สึกก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็หมดห่วง เหมือนโล่งอกที่จะฝากเพื่อนคนนี้ไว้ใต้ร่มกาสาวพัทร....อย่างน้อยชีวิตมันก็ยังคงดำเนินต่อไปตามครรลองคลองธรรมได้ เพราะฉะนั้น ผมไม่อยากให้ใครต้องร้องไห้อ่ะ ครับ น่าจะยินดีกับมันดีกว่านะ


ระหว่างทาง เราขับรถแวะรับน้ามันมาด้วย พอมาถึงวัด ผมจอดรถสนิทกำลังจะหันไปถามมันว่า จะทำอะไรต่อ
ยังไม่ทันจะพูด มันเปิดประตูเดินออกไป ไม่หันมามองผมแม้แต่หางตา ผมเปิดประตูเดินตามไปห่าง ๆ
มันกับน้าเดินมาถึงกุฏิเจ้าอาวาส ผมเดินตามมา พยายามมองสบตามัน จะได้รู้ว่าผมควรทำยังไงต่อ แต่มันไม่เงยหน้ามามองผมเลย ผมนั่งลงที่ม้าหินอ่อน ห่างจากมันเหมือนกัน ก้มหน้าแคะเล็บ.......................
ผมรู้สึกเหมือน มันไม่ใช่คนเมื่อวาน มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมมันไม่คุยกับผมเหมือนที่คุย ที่เป็น ที่ทำเมื่อวาน
วันเดียวนี่คนเราเปลี่ยนได้ขนาดนี้เลยเหรอ............ผมเศร้าอ่ะ ผมทนนั่งเป็นอากาศธาตุต่อไปไม่ไหวแล้ว
ผมพยายามมองตามันหลายครั้ง แต่มันไม่แม้แต่จะชายตาแลผมเลยสักครั้งเดียว ผมแค่อยากให้มันรู้แค่นั้นเองว่า
"กรูนั่งอยู่ตรงนี้นะ กรูเป็นเพื่อนเมิงนะเว้ยยยยสาดดด"


ผมลุกขึ้นมาเดินเล่นหลังจากไม่อยากนั่งตรงนั้นอีกแล้ว สุดท้ายไม่มีที่ไปก็มานั่งแกล่วอยู่ที่รถตัวเอง รอแม่.......เมื่อไหร่จะมา.....


ผมกดโทรศัพท์จะโทรหาแม่ ก็พอดีที่รถพี่เต้ยเลี้ยวเข้ามาพอดี ผมลุกขึ้นเดินไปรับแม่ ไหว้แม่ ไหว้ ป้า ไหว้ พี่เต้ย ทักทายนุ่น
"ทำไมไม่ไปบวชกันบนดอยเลยวะ" พี่เต้ยมาถึงก็บ่น

"อ้อยหล่ะลูก" แม่ถาม
ผมชี้ไปที่ที่มันนั่งอยู่ เสียงรถอีกคันตามหลังมา ผมหันไปมอง
พ่อไอ่อ้อย โห แต่งตัวหล่อเชียววันนี้ ผมแอบยิ้มในใจ ดีใจแทนเพื่อนรักมัน
ผมไหว้พ่อกับแม่เลี้ยง ทั้งกลุ่มเดินไปที่กุฏิเจ้าอาวาส
เหลือผมนั่งอยู่ที่รถ ใต้ต้นมะขามคนเดียว ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนนอกยังไงไม่รู้


...................................................................
ผมนั่งเหม่อ ตามประสาคนไม่มีญาติ
"แฮ่ๆๆ " ไอ่กล้วย มาทำอะไรตรงนี้ว่ะ
"กล้วยมานั่งนี่มา" ผมหาเพื่อนนั่งคุยด้วย จนปัญญาต้องเป็นเมิงแล้วว่ะ ไอ่กล้วย สุดท้ายกรูกับเมิงก็ต้องมานั่งคุยกัน
"กินข้าวยัง" ผมถาม มันส่ายหน้า ยืนเล่นกิ่งไม้ของมันไป
"มานี่มา" ผมดึงตัวมันมานั่งบนตัก มันก็คงเหมือนไอ่อ้อยตอนเด็กๆมั้ง ผมคิดในใจ
"แม่ไปไหน" ผมถาม มันส่ายหน้า ส่ายหน้านี่ไม่รู้ว่าไม่มี หรือว่าไม่รู้ว่าใครเป็นแม่ หรือยังไง
"แล้วอยู่วัดกับใคร" ผมถาม
"หลวงตา" อืมมม พูดได้ด้วยแฮะ


ผมนั่งนึกไปเล่นๆ มาทีไรมันก็อยู่ที่วัดทุกที สงสัยเป็นหลานหลวงตามั้ง แล้วมันไม่เหงาเหรอ วันๆเล่นแต่กับไก่แจ้ กับหมาขี้เรื้อน พูดก็ยังไม่ชัด แล้วมันจะอยู่ยังไงเนี๊ยะ นึกแล้วก็สงสาร
"วันนี้กินหนมอีกป่าว" ผมถาม มันพยักหน้า
"ปะ" ผมลุกขึ้น จูงมือมัน
"พาพี่ไปซื้อหนมหน่อย พี่หิว" เออ หิวจริงๆอ่ะ ผมหันไปมองที่กุฏิ เห็นอ้อยกำลังกราบพ่อมัน แม่ผม น้า หลวงตาอยู่ ดอกไม้อยู่ในมือมัน .....ผมหันหลัง ไอ่กล้วยจูงมือเดินจากไป.............................................

ไอ่กล้วยท่าทางดีใจที่ได้ขนม เมิงไม่ดูบรรยากาศรอบข้างเลยเค้าซาบซึ้งกันขนาดไหน เด็กหนอเด็ก ผมนึกเอ็นดูมันขึ้นมาแล้วดิ
"เฮีย มาทำไรที่นี่อ่ะ แม่ให้มาตาม พี่อ้อยจะโกนหัวแล้ว....ป้าน้อยให้มาตาม" ป้าน้อยคือแม่มัน และป้าน้อยก็คือแม่ผม แต่ไม่เข้าใจมันจะเรียกป้าทำป้าอะไร
"เออ เดี๋ยวตามไป" ผมจูงมือไอ่กล้วยเดินตามน้องสาวมาที่ลานหน้ากุฏิ อืม ช่างเป็นงานที่สมถะ อะไรเช่นนี้ มีแม่ผม มีพ่อมัน มีพี่เต้ย มีแม่เลี้ยงมัน มีน้องชายมัน(มาทำตากรุ้มกริ่มน้องกรู เดี๋ยวเถอะเมิง เจอทีนพี่มันแล้วจะรู้สึก) มีนุ่น มัผม และที่ผมลืมสังเกตคือ พ่อมันถือรูปแม่มันมาด้วย ครอบครัวนี้เค้าแปลดๆกันเนอะ
....................................................................


ผมเดินตรงเข้าไปในกลุ่มคน อ้อยกำลังอยู่ในชุดผ้าขาวม้า นั่งก้มหน้านิ่ง.....


อ้อยเป็นคน ลึกซึ้งกว่าที่ผมคิดมากนัก บางทีสิ่งที่ผมคิดแทนมันแล้วพิมพ์ลงไป อ่านจะยังเป็นแค่ความคิดตื้นๆสำหรับมันก็ได้ ผมจำได้ตอนที่มันถามผมว่า
"เมิงสงสัยมั๊ยว่า ชาติที่แล้วเราต้องทำบุญร่วมกัน ไม่งั้นเราไม่มาผูกพันกันขนาดนี้หรอก เมิงดูคนที่เมิงเดินสวนตามถนน สะพานลอย หน้าเซเว่น หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานบางคน เรายังไม่ผูกพันขนาดนี้" ผมว่าผมไม่เคยคิดในเรื่องแบบนี้ แต่ไอ่อ้อย มันคิด ทุกเรื่องราว ทุกการกระทำ การแสดงออก ของมัน มันคิดก่อนที่จะทำผมว่านะ คงไม่มี
คนบร้าที่ไหน พูดได้น้ำเน่า แสดงออกได้ลิเก เล่นกับโอ่ง เล่นเป่ายิ้งฉุบบอกรัก มันละครเกินไป แต่มันคิด มันถึงทำ...........................................
"อ้าวเป็ด ไปไหนมา" แม่หันมาถาม ผมเหลือบไปมองอ้อย ตัวมันเปียก มันยังคงก้มหน้า มันคงไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ใกล้ๆมัน หรือมันรู้แต่แกล้งทำไม่รู้
"อ๋อไปกับน้องมาน่ะแม่" ผมชี้ไปที่ไอ่กล้วย มันยืนกอดขาผมแน่น
...................................................................
หลวงตายื่นมีดให้พ่อไอ่อ้อยตัดผมลูกชาย พ่อมันหน้าซีด ตาแดงเหมือนจะร้องไห้ ปากแกจะยิ้มแต่เหมือนฝืนๆ มันเลยดูเหมือน ปากแกสั่นระริก มือแกจับปอยผมไอ่อ้อย ขึ้นมากระจุกนึงก่อนลงมือตัด.
"ฉับ!!!!!!!" เส้นผมมาวางบนพาน หลังจากนั้นพ่อไอ่อ้อยก็เป็นอันหลั่งน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ ผมหันไปมองแม่เลี้ยง ก็ยืนกระซิกๆ ผมขนลุกซู่ หันไปมองหน้าไอ่อ้อย มันยังคงนิ่ง...............ไม่รู้มันคิดอะไรของมัน


หลวงตาถามหาคนตัดผมคนต่อไปซึ่งจริงๆมันควรจะเป็นแม่มัน แม่เมื่อแม่มันไม่มี หลวงตาเลยให้แม่เลี้ยงไอ่อ้อยตัดอีกกระจุกแทน
"เออ หลวงลุง " พ่อได้ไอ่พูดขึ้นมา
"ทางเราผมตัดไปแล้ว ทางแม่ให้คุณน้อย(แม่ผมเอง)ตัดแทนแล้วกันหลวงลุง" พ่อมันหันมาทางแม่ผม แม่ทำหน้างง แม่เลี้ยงไอ่อ้อยยิ้ม
แม่หันมามองหน้าผม ผมก็พยักหน้า ผมว่าลึกๆไอ่อ้อยมันก็คงอยากให้แม่ผมตัดด้วยเหมือนกัน
แม่รับมีดมา หยิบผมไปนิดเดียว 2-3 เส้นได้มั้ง สงสัยกลัวไอ่อ้อยเจ็บ หลวงตาเลยบอกว่า หยิบให้มันเยอะๆ อาตมาจะได้ไม่ต้องออกแรงโกนเยอะ แน๊ หลงตาก็ตลกเหมือนกันนี่นา
แม่ตัดผมไอ่อ้อยวางบนพานก่อนยื่นมีดให้หลวงตาทำการโกนต่อไป.........................................

หลวงตาบรรจงวางมีดลงบนหัวไอ่อ้อย ค่อยๆโกน ผมของมันร่วงลงมากองที่พื้น..................ผมมองตามเส้นผมเหล่านั้น มือผมชาจนสั่น
อ้อยเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เมิงคนเดิมอยู่ไหน ตอนนั้นผมพยายามมองไปที่ตาของมัน แต่ไร้ประโยชน์ มันยังคงสงบนิ่ง ผมของมันค่อยๆร่วงลงมาที่พื้น ผมมองตามทุกครั้งที่มันร่วงออกมา ความทรงจำเดิมๆที่ผ่านมากับมัน วิ่งพล่านในสมองผม เหมือนยืนอยู่บนตึก 20 ชั้น แล้วกระโดด วืดดดดดดดดดดดดดดด ลงมา แล้วกระเด้งขึ้นไปใหม่ เป็นอยู่อย่างนั้น กรูอยากสงบเหมือนเมิงจังตอนนี้ เมิงให้เวลากรูแค่วันเดียว เมิงใจร้ายจริงๆ ผมคิดในใจช่วงนั้น
วูบนั้นเองผมคิดอะไรไม่รู้ เดินเข้าไปใกล้มัน ก้มลงที่ข้างหู แล้วกระซิบ.......................บอกมันว่า
"อ้อย..................กรูขอผมเมิงเก็บไว้นะ" แล้วผมก็ก้มลงหยิบผมมันที่หล่นอยู่บนเท้ามัน ผมหยิบมันขึ้น พร้อมๆกับลูบเท้ามันเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
ผมมองตามันอีกครั้ง และครั้งนี้เองที่มันก้มหน้าลงมามองตาผม จ้องตาผมอย่างเต็มตา......................น้ำตามันไหลพราก เหมือนเขื่อนแตก เหมือนกับมันพยายามเก็บน้ำตาไว้คนเดียว พยายามกลั้นไว้ไม่ให้ใครเห็น คงกล้ำกลืนน่าดู ผมคิด ผมเงยหน้ามองมัน น้ำตาก็เอ่อ ขึ้นมา ผมค่อยลุกขึ้นยืนเก็บผมมันไว้ในถุงเสื้อ ก่อนจะถอยออกมา มันยังคงนั่งร้องไห้ ผมดูได้จากบ่าของมันกระตุกเป็นระยะเหมือนคนกำลังร้องไห้สะอื้น ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทนไม่ได้ที่จะเห็นภาพตรงหน้าอีกต่อไป ผมเงยหน้าขึ้นให้น้ำตามันไหลกลับเข้าไป แต่ตาเหลือบไปเห็น พ่อมันร้องไห้ แม่เลี้ยงก็ร้อง น้องผมก็สะอื้น พี่เต้ยยืนตาแดงก่ำแต่ยังคงยิ้ม ส่วนแม่ผมนั้นน้ำตาไหลพราก ผมกลั้นไม่อยู่จริงๆ ก็เลยเผลอ
"ฮือ" ออกไป เสียงฮือของผมนั่นเองทำให้แม่เขยิบมายืนข้างๆ จับมือผมไปลูบ.....................ผมร้องไห้กับมันอีกแล้ว.

ผมขอตัวแม่เดินออกมาจากตรงนั้น เพราะไม่ไหวจริงๆครับ เข่ามันจะทรุดเอาง่ายๆ น้องสาวผมยังคงถ่ายรูปเป็นระยะๆ ผมเดินไปถึงบ่อน้ำที่เป็นปูนหล่อเป็นแท่งสี่เหลี่ยมไว้เก็บน้ำฝน หลบเข้าไปตรงมุม ทรุดไปกองเลยครับ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดอย่างเดียวว่าออกมาให้หมด น้ำตามีเท่าไหร่ออกมาให้หมดแค่นั้นเอง หมดแล้วผมจะล้างหน้าล้างตา แล้วจะออกไปใหม่ คราวนี้จะมีแต่รอยยิ้มแห่งความตื้นตันเท่านั้น
ผมนั่งกุมหัวร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้
"พี่" ไอ่กล้วยจับบ่าผม ผมสะดุ้ง
"ทำไมร้องไห้" มันถาม ไอ่กล้วยเอ้ย เด็กอย่างเมิงจะรู้อะไร เมิงอ่ะร้องไห้ อยู่แค่ 2อย่าง ไม่หิวก็เจ็บ
"อ๋อ แมงเข้าตา" คาดว่ามุขนี้คงใช่ได้กับเด็ก
"ห้องน้ำอยู่ไหน" ผมถามไอ่อ้อย มันจับมือผมลุกขึ้นก็จะพาไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ
ผมมองในน้ำ ทำไมเยินจังวะกรู นี่มันงานมงคลเพื่อนแท้ๆ ผมไม่คิดหรอกว่ามันจะบวชนานกี่วัน กี่เดือน กี่ปี 10 ปี 20ปี หรือตลอดชีวิต ผมคิดว่ามาถึงตอนนี้มันก็คุ้มค่าแล้วหล่ะ กับการใช้ชีวิตกับเพื่อนอย่างมัน มิตรภาพที่จะหาได้ที่ไหนอีก..................................ผมพอใจแล้ว
.......................................................................
ผมเดินกลับไปด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้ม รู้ว่าทำได้ไม่ดี แต่อย่างน้อยมันก็ยังยิ้มได้แหละวะ
ไอ่อ้อย ตัวเหลืองเป็นไก่ต้มขมิ้น น้ำตามันคงแห้งไปแล้ว ผมมาข้างหลังมันเลยไม่รู้ มันอาบน้ำอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดขาวทั้งชุด
....................................................................
อย่างที่บอกว่าการบวชครั้งนี้เป็นการบวชที่สมถะที่สุด เราประหยัด เลยบวชเช้า แล้วเลี้ยงพระเพล มื้อเดียว ไม่มีคนนอกมีแต่พวกเรา
พ่อไอ่อ้อยได้ถือ ร่ม
แม่เลี้ยงถือ(จำไม่ได้ว่าเค้าเรียกอะไร)
น้องผมกับน้องมันถือพุ่มดอกไม้ (มันแว๊บมองน้องผมบ่อยๆ ลองดิเมิง ลองดู)
ผมเป็นคนถือ......................................................................




............ถือรูปถ่ายแม่มันครับ เพราะมันขอให้ผมถือให้
ส่วนแม่ผมถือหมอน (ตอนแรกมันมองตาผม แล้วมองไปที่หมอน แต่ผมถือไม่ได้หรอก มันผิดประเพณี จนมันบอกว่าให้ผมถือรูปแม่มันให้หน่อย ผมเลยได้ถือ)
..........................................................................
ที่เหลือก็จะเป็นพิธีกรรมทางศาสนาครับ ไม่อยากเขียนให้มันยาว
รู้แต่ว่าผมตัดใจจากท่านทันทีเมื่อเห็นพระอ้อยอยู่ในผ้าเหลือง
........ท่านสงบนิ่ง
........เยือกเย็น
.........ยิ้มละมุน
..........น้ำเสียงราบเรียบ
..........ดูมั่นคง
........และที่สำคัญ ดูห่างเหิน
ท่านมองต่ำตลอดเวลา พูดน้อยลงทันที ไม่เหลือเค้าของอ้อยคนเดิมอีกต่อไป แววตาเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงกวนประสาท ท่าทางกวนส้น ท่าเดินที่พร้อมจะหาเรื่องคนได้ตลอดเวลา อันตรธานหายไปทันที
.............นี่คือเหตุผลที่ทำไมผมถึงบอกว่า ผมได้สูญเสียเพื่อนไปแล้ว ความทรงจำของผมที่มีต่อมันในฐานะเพื่อนรักสิ้นสุดลงตั้งแต่วันนั้น ต่อไปผมก็จะมีพระองค์นี้เป็นที่พึ่งทางใจผมแทนที่จะมีเพื่อน ถึงมันไม่ต่างกัน แต่มันต่างกันจริงๆ


ผมกราบเท้าลาพระธรรมขโรภิกขุในเย็นวันนั้น ก่อนจะขับรถกลับบ้านด้วยความเหงาใจ when I am feeling blue ยังคงบรรเลงอยู่ในรถ และในใจผมตลอดไป ......................ผมจะคิดถึงท่านไม่ว่าท่านจะไปอยู่ที่ไหน เส้นผมของท่านถูกเก็บไว้ในสมุดบันทึกของท่านเป็นอย่างดี สิ่งที่เป็นความทรงจำที่จับต้องได้เกี่ยวกับตัวท่าน มันจะอยู่กับผมตลอดไปครับ..............................................

.........ไดอารี่จะไปอยู่ที่วัดเมื่อมันเดินทางมาถึงหน้าสุดท้าย ผมจะเอาไปคืนท่านที่วัด ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนต่อไปนี้ ไดอารี่เล่มนั้นจะไปคอยท่านอยู่ที่วัด.................................เผื่อวันนึงท่านจะกลับมาอ่านมันอีกครั้ง.....เผื่อวันนึง.....T-T
.
..
..............................The End จริงๆแล้วครับ ต่อไม่ได้แล้ว..................................
ขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ รู้มั๊ยว่าความรู้สึกที่เกิดกับทุกคนนี้ ผมเองเผชิญมันมาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมก็รู้สึกสับสนไม่ต่างจากพวกคุณนะครับ ไม่รู้จะดีใจ เสียใจดี รู้แต่ว่าเหงาจับใจ
..................มันยากแค่ไหนรู้มั๊ยครับ กับการที่ผมจะย้อนอดีตไปเล่าในสิ่งที่ผมอยากลืม ทุกฉากที่เล่า ผมต้องก้าวข้ามความรู้สึกที่กำลังพิมพ์ถึงแม้ผมจะอยากร้องไห้เมื่อคิดถึงคืนนั้น แต่ในเมื่อคืนนั้นจริงๆแล้วผมมีความสุข ผมสนุกผมก็จะต้องสื่อให้ทุกคนรู้ว่าผมสนุกมีความสุขจริงๆ บ่อยครั้งที่หายไปนานปล่อยให้เพื่อนๆรอ เพราะอะไรผมผมคงไม่ขอเล่าอีกแล้ว เหมือนตัวเองกำลังย้อนเวลา
................แต่พอมาถึงตอนที่ทำให้ผมเหงาจับใจ ผมผ่านมันมาแล้ว แต่ผมต้องเขียนความรู้สึกที่เคยรู้สึกอีกครั้ง มันค่อนข้างจะทรมาน สำหรับผม แต่ก็นะ เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว.................................
ยิ่งมาอ่าน คห เพื่อนอีกครั้งทีไรก็นะ T_Tทุกที..............ต่อนี้ไป ผมคงไม่ได้เข้ามาอีกนานนะครับ อยากพาแม่กับน้องไปเที่ยวที่ที่อยากไป
ยังไงเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้นะครับ ไม่ใช่เพื่อให้จดจำผม จดจำพระอ้อย หรือจดจำใครในนิยายเรื่องนี้ แต่เพื่อให้นิยายเรื่องนี้คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ความรักมันไม่สวยงามเสมอนะครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับผม ลาก่อนน้า ถ้ามีโอกาส....มีเวลา และจิตใจมั่นคงกว่านี้ ผมจะกลับมาเล่าเรื่องราวในไดของพระอ้อย แต่ตอนนี้ขอเก็บมันไว้ก่อนนะครับ ยังไม่อยากให้มันตอกย้ำไปมากกว่านี้
....................ขอบคุณครับ

จากคุณ : เซ็งเป็ด - [ 11 ก.ย. 49 14:06:12 A:125.25.154.150 X: TicketID:118628 ]



Create Date : 23 เมษายน 2550
Last Update : 23 เมษายน 2550 22:13:54 น. 24 comments
Counter : 1160 Pageviews.

 


โดย: lordoflife วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:22:30:55 น.  

 
คนรอบข้างหลายคนเคยเล่าให้ผมฟังว่า
มีเรื่องๆ หนึ่งในพันธุ์ทิพย์ ที่อยากให้ผมเข้าไปอ่าน
พวกเขาบอกว่า ผมต้องชอบแน่
ผมผลัดผ่อน
ด้วยหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตในช่วงนั้น
ทำให้ผมละเลยเรื่องราวดีๆ นี้ไป

วันนี้ ผมบังเอิญพลัดหลงเข้ามาในบล็อกของคุณ
ลองอ่านบทแรก บทที่สอง สาม สี่ ห้า...
ผมหยุดงานตรงหน้า
และไล่อ่านทุกบททุกตอนที่คุณเขียน

ตัวหนังสือของคุณมัน สวย หวานแล้วก็เศร้า
เศร้า...จนผมร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
ถือว่าเป็นเรื่องเล่าที่ดีที่สุดในต้นปีที่ผ่านมาเลยนะ

ผมหลงรักอ้อยกับเป็ดแล้วสิ

ปล.ผมเองก็มีความหลังกับเพลงในเรื่องนี้เหมือนกัน
ปล.อยากรู้จังครับ ว่าชีวิตของคุณในช่วงเวลาต่อมา เป็นอย่างไรบ้าง


โดย: แสง สีรุ้ง IP: 202.91.19.192 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:33:46 น.  

 
พี่เป้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เค้าอ่านเรื่องของพี่มาจากเพื่อนนนๆๆๆๆ

พี่คะๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่สองคนน่ารักมากเลย

อ่านตอนที่17แล้วน้ามตาไหลพรากๆ

พี่คะสงสารพี่อ้อย อยากให้พี่สองคนอยู่ด้วยกันตลอดไป

รักพี่ๆมากนะคะ ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ะพยายามต่อไปนะพี่สู้ๆ


โดย: ~YotakA~ IP: 58.147.122.60 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:01:43 น.  

 
นั่งอ่านตั้งเเต่หัวค่ำ จะตี 2 เเละ เพิ่งอ่านเสด ชอบมากเลยค่ะ

อ่านเเล้วคิดถึงเเม่เลยค่ะอยากโทรหาเเม่ตอนนี้เลย เเต่มันดึกเเล้ว(เวลาที่เมกา)

รออ่านตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: มาดามอุ้ย วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:36:22 น.  

 
รักคุณสองคนจังเลย
ขอให้ความรักทำให้โลกนี้สวยงามน่าอยู่
อย่างนี้ตลอดไป


โดย: คิคิจัง IP: 124.121.155.144 วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:01:41 น.  

 
ได้ยินเรื่องของพวกคุณมาจากเพื่อนที่เป็นนักข่าว ลองเข้าไปอ่านดูครับ มันมีทั้งสุข ทุกข์ และเศร้า ใช่อย่างที่คุณเป็นว่า ความรักมันไม่ได้สวยงามเสมอ เพียงแต่คุณทั้งสองคนได้ทำอะไรเพื่อความรักมาแล้ว ดีใจด้วยครับ มันเป็นกระทู้ของชีวิตที่น่าจดจำ


โดย: Eye doctor IP: 58.136.98.222 วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:14:41:15 น.  

 
ผม อ่าน แล้ว ทั้ง หัวเราะ แต่ ร้องไห้ มาก กว่า ไม่ รู้ เกิดมาจะมีใครรักผมได้เหมือน พระอ้อย บางหรือป่าวหนอ ใยไงก็จะติดตามเรื่องนี้ต่อไปคับ ใหอ เหอ ร้องไห้ตาบวมเลย


โดย: เก๋ บานาน่า IP: 58.8.104.137 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:22:46 น.  

 
เพิ่งจะซื้อหนังสือมาอ่านอ่ะค่ะ ชอบมากมาย ชอบพระอ้อยอ่า เหอๆ น่าอิจฉาจังเลย มีคนมารักขนาดนี้


โดย: เฟย์ IP: 117.47.88.104 วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:15:12:59 น.  

 
ดีคับพี่ทั้ง2คน พี่เป็ดผมอยากรู้ว่า หลวงอ้อยสึกหรือยางคับ

ผมยางหวังหั้ยพี่ทั้2คน กลับมารักและผูกพันกันเหมือนเดิมนะคับ พี่ช่วยตอบหั้ยผมด้วยนะคับ


โดย: NuTSuNaKunG IP: 117.47.110.197 วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:10:54:29 น.  

 
หนุกดีครับ
อ่านตามที่เพื่อนแนะนำ
เป็นความรักดีๆที่มีในโลกนี้
...


โดย: Rabbit IP: 58.9.26.184 วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:18:33:09 น.  

 
อ่านถึงตอน7ค่ะ...แต่ขอหยุดไว้ก่อนนะค่ะ...จะไปซื้อหนังสือของคุณมาอ่านค่ะ
สนุกมากค่ะ


โดย: Cholesterol IP: 58.8.86.108 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:11:09:00 น.  

 
อ่านจบแล้ว..ร้องไห้เลยค่ะมันเศร้ามากเลย


โดย: Cholesterol IP: 124.157.150.26 วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:13:12:10 น.  

 
อ่านจบแล้วเหมือนกัน

ใช้เวลาอ่านแค่สองวันเองอ่ะ

สนุกจนวางไม่ลงเลย

แล้วก้อเศร้ามากด้วย

แต่อยากจะบอกว่ากว่าจะได้มา

หนังสือหาซื้อยากโครตๆๆเลย

ไปที่ไหนที่ไหนก้อหมด

โชคดีที่วันนั้นหนังสือยังไม่หมด

ขอบคุนพี่เป็ดและก้อพระอ้อยนะคร้าบบ

ที่มีประสบการณ์ดีดีให้ทุกคนได้อ่าน

แล้วก้อซึ้งไปกับมัน

ขอบคุนมาก ขอบคุนจิงๆๆ

รวมทั้งครอบครัวพี่เป็ดด้วยคร้าบที่เข้าใจลูก เหอะๆๆ


โดย: ยาริส IP: 203.118.117.124 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:20:22:47 น.  

 
ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อ่านเรื่องของพี่ทั้งสองคน ผมอ่านตั้งแต่เช้าจนค่ำ ปกติแล้วผมจะไม่อ่านนิยาย แต่พอผมได้อ่าน ผมก็นึกได้ว่าความรัก มันไม่อารายมากำหนดเราได้ เราเป็นคนกำหนดเอง ถึงไม่ใช่เกย์ก็สามารถรักเพื่อนผู้ชายได้ใช่ปะคับ เป็นเรื่องที่ผมร้องไห้ได้สะใจจริงๆๆๆคับ ผมอยากรู้จังเลยคับว่าพี่ๆๆทั้งสองคนทำอารายอยู่


โดย: บอม IP: 124.121.13.248 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:06:39 น.  

 
อ่านแล้ว ครับ ตอนแรกไม่รู้หรอกครับ ว่ามันมีอยู่พันทิพย์ แต่ ไปที่B2Sสะดุดคำว่าเซ็งเป้ด จับอ่านดู แค่นั้น แหละ ซื้อเลยอ่านแล้ว ครับ จบในวันเดียว หมด ทิชชูไปเยอะครับ น้ำคาไหล พรากกๆๆดีใจจังครับ ว่าโลกของเรายังสามารถ สร้างความรักอันสวยงามเช่นนี้ได้ ผมอ่านไปก้นึกถึงภาพ ของทั้ง2 ว่าทำไม มันงดงามเช่นนี้ อนุภาพ ของความรัก ช่างใหญ่ยิ่ง และตอนนี้ ผมซื้อ เล่มที่เป็น ไดอารี่ ของพระอ้อยมาอ่านปแล้ว ครับ ไม่แพ้กัน ครับ สนุก และได้รับรู้มุมของพระอ้อยว่าทำไม? น่าสงสารมาก เลยแนะนำเพื่อนๆๆอ่าน สรุป หนังสือ เกลี้ยงทุกแผง ขายดี หรือ ส่ง คืน แต่ พอถาม หมด รอสั่งซื้อ ทั้ง 2เล่มเลย ขอบคุณโลกที่สร้าง ความรักขึ้นมา มีโอกาศ อยากให้มันเป็นหนัง ฮ่าๆๆๆๆๆๆคาดหวังมากไปป่าวหว่า GTH หลงมาอ่านด้วยเหอะ


โดย: บาส IP: 124.120.141.176 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:06:34 น.  

 
ซื้อหนังสือมาอ่านแล้วคับทั้งสองเล่มเล ย ตอนแรกอ่านในเนตก่อน กวาจะจบหมด ผ้าเช็ดหน้าเปียกชุ่ม แล้วก้อไม่รู้ว่ามีหนังสือขายอ่ะ แต่อ่านไปอ่านมาเข้าเวปหลายๆเวปจึงรู้ว่ามีทำเปนหนังสือด้วย แต่ก้อมีเปนบางที่อ่ะที่ยังมีขายอยู่ แต่พอดีไปเจอร้านซีเอ็ดบุ๊คเค้ามีบริการรับจองหนังสือเลย ลองถามเค้าดูแล้วผมก้อเลยได้มาทั้งสองเล่มอ่ะคับ ดีใจสุดๆๆๆอ่ะ


โดย: tee IP: 124.120.242.202 วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:9:06:39 น.  

 
อ่านพึ่งอ่านอ่าน คับ 2เล่มเลย
ไม่อยากอ่านให้จบกลัวเศร้า
อยากรู้ความเปนยุตอนปัจจุบัน
ของพี่ทั้งสองมาก
ขอให้รักกันเหมือนเดิม
นะคับ


โดย: ดีคับ IP: 124.121.41.23 วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:22:30:23 น.  

 
อ่านจบทั้งสองเล่มแล้วครับ

ทำไมไม่แฮปปี้เลยล่ะครับ

ตอนนี้พี่ๆไปไหนแล้วครับ

กลับมาทักทายกันบ้างนะครับ

รอฟังข่าว คุณเป็ด กะคุณอ้อยอยู่นะครับ


โดย: โคนันคุง IP: 202.176.117.110 วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:0:08:28 น.  

 

ความรักที่ยิ่งใหญ่มาจากใจที่มั่นคง

ขอบคุณนะคับพี่เป็ด...ที่เล่าเรื่องของพี่ให้พวกเราฟัง

ขอบคุณ พี่อ้อย...ที่รักพี่เป็ด..และทำให้ทุกคนที่ได้อ่าน..บทความนี้

ได้รู้ความรักที่..ไม่หวังผลตอบแทนมีบนโลกใบนี้จริงๆ

ขอบคุณ..แฟนเก่าผมคับ..เค้าเป็นคนส่งเรื่องนี้ให้ผมอ่าน..........

ขอบคุณเค้า...ที่ยังคิดถึงผม...แล้วผมก่อยัง..รักและ...จะทำให้ได้อย่างพี่เป็ดนะคับ....

สุดท้ายขอให้พี่เป็ดและท่าน..มีคความสุข..ประสบผลสำเร็จ..ได้เป็นเพอเซอร์เลยนะ...
เดี่ยวผมจะตามไปเป็นสจ๊วต..พี่..เป็ดว่างๆ แวะมาเม้นความเห็นคุยกันบ้างนะคับผม...

...รอพี่เป็ด..มาร้อยคำพูดเป็นตัวหนังสือให้พวกเราได้อ่านอีกนะคับ...


โดย: ความรัก...คือ..สิ่งที่สวยงาม...ผมเชื่อว่า..เป็ดกะพระอ้อยก็คิดเหมือนผม... IP: 218.63.237.79 วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:22:30:06 น.  

 
ผมอ่านจบแล้ว ซึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กินใจมากกกกกกกกกกก

อยากรู้จังว่าตอนนี้ชีวิตของพวกคุณๆเป็นไงกันบ้าง


โดย: chai-paath IP: 202.12.97.116 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:38:16 น.  

 
เป็นอะไรที่สวยงานมากๆ
อ่านเเล้วทำให้มีความสุข
ทั้งยิ้ม หัวเรอะ ซึ้ง
แทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีความรักอย่างงี้จิง
ขอบคุณมากๆ คราบ


โดย: รักที่ไม่เคบพบ IP: 124.122.158.142 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:15:59 น.  

 
ดีครับพี่เป็ด...ความรักแบบนี้มีมากมายน่ะครับ...ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมความรักแบบนี้ต้องมีความเป็นไปในทางที่ผิดหวังเสมอ(อันนี้หมายถึงความรักที่มันผิดจากความปกติน่ะครับ)..มีความสุขครับที่ได้อ่า...ร้องให้ไปด้วย..หัวเราะไปด้วย...ผมคิดว่ามันก้อเป็นความรักทีี่น่าจะเกิดขึ้นมามากๆนะ..อย่างน้อยก้อทำให้ตัวเองมีความสุข..คนอื่นก้อมีความสุข....


โดย: kengkaad IP: 202.12.73.6 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:29:55 น.  

 
ดีจัยที่ด้ายอ่านคับสนุกมาก ผมชื่อต้นนะคับ อ่านแล้วผมร้องไห้ตามตลอดเลยอ่าคับ
มายรุผมเปนรายอ่าคับ
อินมากไปป่าวมายรุ

คนที่รักและศรัทธาในรักแท้


โดย: weeraphon2011@hotmail.com IP: 171.4.104.19 วันที่: 10 ธันวาคม 2554 เวลา:19:33:23 น.  

 
ขอเฟสบุ๊คพี่ด้วยด้ายป่าวคับ
หรือว่าหัยพี่แอดไปที่เฟสผมเลยก้อด้าย
weeraphon2011@hotmail.com คับ


โดย: weeraphon2011@hotmail.com IP: 171.4.104.19 วันที่: 10 ธันวาคม 2554 เวลา:19:39:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

deffyduck
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
Friends' blogs
[Add deffyduck's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.