Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket i live for music and what about you?
Group Blog
 
All blogs
 
เซ็งเป็ด ตอนที่16

"เมิงทิ้งกรู..........เมิงทิ้งกรูเหมือนที่พ่อทิ้งกรูที่วัด" มันเงยหน้ามาพูดแล้วก้มหน้าร้องไห้ต่อไป

ผมบอกตรงๆ ตอนนั้นใจผมเหมือนจะขาดใจ ผมหายใจไม่ออก ทันทีที่มันพูดคำนั้นจบ ผมก็คิดขึ้นมาทันทีว่า ในที่สุดผมก็เหมือนคนเลวอีกคนที่เข้ามาในชีวิตมัน ผมร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า ขอโทษคงไม่สาสมแล้วตอนนั้น...........


เราทั้งคู่นั่งกันอยู่หน้าป้ายรถเมล์ ซอย ม. สุโขทัย ผมจำที่นั่นขึ้นใจ ตอนนี้ก็ยังนึกถึง นึกถึงหน้าที่มันเงยขึ้นมาแล้วมีน้ำตานองหน้า
"เมิงทิ้งกรู เหมือนที่พ่อทิ้งกรูที่วัด" คำนี้เองที่ทำให้ผมน้ำตาไหล เป็นคำที่จะตอกย้ำผมไปตลอดว่า ผมได้ทำร้ายคนคนนึงได้ลึกสุดใจจริงๆ..........ช่วยด่าผมหน่อย ให้สาสมกับที่ผมทำกับมันT_T

.......................................................................
ผมยังคงนั่งเป็นเพื่อนมัน ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากทั้งผมและมัน ตี 1 กว่า รถวิ่งผ่านน้อยลงๆ ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่มันตอนนี้กับตอนแรกที่ผมรู้จักเป็นคนละคน คนที่นั่งอยู่ใกล้ผมนี้ตอนนี้คือคนที่นั่งร้องให้ เหมือนชีวิตนี้ไม่เหลือใครแล้ว ผมว่ามันคงอยากลืมเรื่องที่พ่อเอามันไปปล่อยวัด มันทำบ้า ทำตลก ทำให้ตัวเองมีความสุข เพื่อที่จะฝังความรู้สึกที่ทำร้ายตัวมันเองไว้ลึกๆ แล้วมันก็เกือบทำได้แล้ว จนกระทั่งผมเป็นคน เอาเท้าไปแกว่งให้ตะกอนในใจมันฟุ้งขึ้นมาอีก.............ผมผิดเอง
.............ผมนั่งร้องให้เป็นเพื่อนมัน ไม่ว่ามันจะนั่งอยู่นานแค่ไหนผมก็จะนั่งเป็นเพื่อนมัน...............กรูจะไม่ทิ้งเมิงไปไหนอีกแล้ว....................
....................................


คืนนี้ กรูจะอยู่กับเมิง ......แต่แค่คืนนี้ ที่เหลือ เมิงต้องเข้มแข็ง เพื่อตัวเมิงเอง


คืนนั้นผมยังคงนั่งก้มหน้ามองเท้าตัวเองเป็นเพื่อนมัน นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้ตัวว่าด้วยพิษไข้ และอดนอน ทำให้ผมเริ่มเจ็บคอ ตัวเริ่มร้อน ตาเริ่มล้าๆ ลายๆ
.........................................................................
ผ่านไปสักพัก มันเงยหน้าขึ้น ตบบ่าผม
"ไปกันเถอะ กรูไม่เป็นไรแล้ว" ผมมองหน้ามัน ในใจนึกชื่นชม มันเข้มแข็งกว่าที่ผมคิด และมันจะต้องเข้มแข็งต่อไป มันเดินขึ้นรถ ผมเปิดเพลงเพื่อกลบความเงียบและเสียงหายใจของเราทั้งคู่
เพลง "ทำไมต้องเธอ" เวอร์ชั่นผู้หญิงร้องเปิดขึ้นมา ผมว่ามันไม่เหมาะกับช่วงเวลานี้ ผมเลยเปลี่ยน
"อย่าเปลี่ยน กรูจะฟัง" ผมมองหน้ามันก่อนที่หมุนคลื่นกลับมา
เสียงเพลงทำลายความเงียบไปได้เยอะ ผมขับรถผ่านสายวิภาวดียามตี 2 โดยที่ตัวเองก็ตัวร้อนผ่าว วูบๆ ไอร้อนออกมาจากตัว หันไปมองมันหลับตาพริ้ม ผมว่ามันคงอยากหลับไปเลย ไม่อยากตื่นมาก็ได้(คิดไปเอง).....................................เหลือบตาไปมองสนธิสัญญาสารภาพในกระเป๋า แล้วสะท้อนใจตัวเองมันจะต้องมาเจ็บอีกครั้งเพราะกระดาษชุดนั้นอีกเหรอ อยากจะดึงออกมาฉีกทิ้ง ผมไม่อยากให้มันรับรู้อะไรที่จะทำร้ายมันอีกแล้ว.....แต่ผมก็แค่คนเห็นแก่ตัว.คนนึง
...................ผมไปส่งมันที่ห้อง มันลงจากรถไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ผมอยากให้มันหันหลังมาด่า มาตีหัว มาชกปาก มาปล้ำ ผมคงจะรู้แย่น้อยกว่าที่มันทำอยู่นี้
ผมกลับมาถึงบ้าน กินพารา 2เม็ดก่อนนอน..........หลับไปพร้อมน้ำตา ที่ยังคงไหล......................

........ตื่นมาวันอาทิตย์ด้วยอาการไข้ขึ้น.....ผมโทรศัพท์ไปลางานกับพี่เต้ยอีกวัน พี่เต้ยด่ามา 2-3 คำ เรื่องต้องจัดเสก็ทใหม่ ด่าเสร็จแกก็ถามว่าไปหาหมอยัง....ด้วยความเป็นห่วง อือ ถึงจะด่าเก่งแต่ใจดี ผมลุกขึ้นมาต้มโจ๊ก แม่กลับมาตอนเย็น เปิดเวปพันทิพย์..................ตกใจที่กระทู้มีคนสนใจเยอะมาก ไม่คิดว่า ชีวิตคน 2 คนจะทำให้คนหัวเราะ ร้องไห้ไปด้วยได้ ผมเลยตัดสินใจไม่ออกไปไหนทั้งวัน นั่งพิมพ์เรื่องนี้ให้จบ......แต่มันไม่จบ
...................วันอาทิตย์ทั้งวัน ผมไม่ได้เจอมัน ไม่มีเสียงโทรศัพท์จากมัน ผมไม่รู้ว่ามันอ่านสิ่งที่ผมใส่ในกระเป๋าไปรึยัง ผมไม่รู้เลย
ตอนเย็นแม่กลับมา ผมลงไปนอนที่โซฟา แม่เอื้อมมือมาแตะที่แก้ม ที่หน้าผาก มือแม่อุ่น รู้สึกดีจัง
"ไม่สบายเหรอ..ลูก...." เสียงแม่อบอุ่นเสมอ เวลาไม่สบาย คนที่ผมอยากให้มาเช็ดตัวให้ที่สุดคือแม่ อยากให้แม่มาจับหน้า จับมือ ลูบขา มาถามว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน มันรู้สึกอุ่นใจ.........
"แม่" ผมลืมตาจ้องหน้าแม่
"ตาแดงมากเลยลูก ไปหาหมอมั๊ย" แม่มองผมด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรแม่ นอนอีกหน่อยก็หายแล้ว"
"งั้นแม่ไปต้มข้าวต้มให้นะ จะได้กินยา" แม่เอามือมาแตะที่หน้าผากผมอีกครั้ง..............ผมดึงมือแม่มาหอมตอนนั้น ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมร้องไห้โฮกับมือแม่เลยครับ ความรู้สึกเหมือนตอนเด็กๆที่ถูกเพื่อนแกล้ง แต่ไม่กล้าบอกใคร ไม่มีใครถามไม่มีใครสนใจ จนกลับบ้านแม่ถามว่าเป็นอะไรลูกแล้วผมก็จะร้องไห้สะอื้น............ผมตอนนั้นก็คือเด็กคนนั้นนั่นเอง................
ผมยังมีแม่ที่ผมร้องไห้ด้วยได้ คอยถามว่าเป็นอะไรมั๊ย ไม่สบายเหรอด้วยความเป็นห่วง แต่มัน............มันไม่มีใครเลย มันอยู่มาได้ยังไง ...........ผมสงสัย

แม่คงตกใจว่าผมเป็นอะไร เพราะตอนนั้นร้องไห้นานมาก
"ดีขึ้นรึยังลูก" แม่ถามเมื่อเห็นผมค่อยๆคลายมือจากแม่
"เป็นอะไรรึปล่าวให้แม่ฟังได้มั๊ย" แม่ถาม ผมอยากจะเล่าให้แม่ฟังใจจะขาด แต่ในเมื่อผมยังไม่รู้เลยว่าทำไมผมต้องร้องไห้เยอะขนาดนี้ ผมเล่าให้แม่ฟังไม่ถูก
"เปล่าแม่ แค่เหนื่อยๆ.............แม่" ผมเรียกแม่ ทั้งที่แม่อยู่ตรงหน้า
"อือ" แม่ตอบเรียบๆ
"แม่ถ้าหนูไปอยู่ที่โน่นแม่จะคิดถึงหนูมั๊ย"
"คิดถึงสิ เราไม่เคยอยู่ไกลๆกัน นานๆเลยนะ"
"แล้วแม่จะทำยังไงถ้าแม่คิดถึงหนู"
"แม่ก็จะโทรหาไง"
"แล้วถ้าหนูต้องทำงาน ต้องบิน ไม่ได้รับโทรศัพท์หล่ะ"
"แม่ก็จะเอารูปลูกมาดู" แม่ลูบหัวผมเบาๆ
"ลูกไม่ต้องห่วงแม่กับน้องหรอก เราอยู่กันได้ อย่าลืมว่าแม่อยู่มาได้ 10กว่าปีโดยที่ไม่มีพ่อ .....แม่อยู่ได้ ลูกก็ต้องอยู่ได้........ไปทำสิ่งที่ลูกชอบเถอะนะ ...แม่จะรออยู่ที่นี่แหละ".............เฮ้อออ แม่พูดยาวครับ แต่ผมจำได้ประมาณนี้น่ะ
"แม่" ผมยังคงเรียกแม่อีกครัง
"ถ้าให้ไอ่อ้อยเป็นลูกแม่อีกคนแม่จะว่าไง"......แม่หัวเราะ....................................


คืนวาน ผมเปิดโทรศัพท์ทิ้งไว้ทั้งคืนหวังในใจว่า มันโทรมา ผมจะได้ตื่นรับ
..................................ผมนอนรอโทรศัพท์เกือบตี 2 จึงผล๋อยหลับไปโดยไร้เสียงเรียกเข้า หมาจะเกิด :-)...
ตื่นมาวันนี้อากาศข้างนอกหม่นๆ เหมือนความรู้สึกผม รีบหยิบโทรศัพท์มาดูเผื่อมีเบอร์มันโทรมา

…………………………………………………

ไม่มีเบอร์มันสักเบอร์ ผมเจอแต่ mms 1 ข้อความ เปิดออกอ่าน
---------------" When I am feeling blue" --------------
แล้วก็มีเสียงเมโลดี้เพลง ซึ่งเศร้ามากครับ ความรู้สึกผมเมื่อเช้าเศร้ามาก..........ข้อความถูกส่งมาจากไอ่อ้อย
ผมรีบเปิดคอม seach หาในข้อมูลเพลงนี้ทันที
ทันทีที่เมโลดีเพลงขึ้นผมเหมือนถูกสะกด ผมนั่งนิ่ง น้ำตาที่เคยเหือดแห้ง มันเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งฟังไปเรื่อยผมยิ่งน้ำตาไหลพราก กรูเข้าใจเมิงแล้วว่ะ อ้อย กรูเข้าใจเมิงจริงๆ ผมนั่งฟังเพลงนี้ถ้านับจากตอนเช้าจนถึงตอนนี้เกือบร้อยรอบ ถ้าตอนไหนที่อยากให้คนอ่านได้หัวเราะ ผมจะปิดมัน และเปิดวิทยุ แล้วผมก็จะกลับมาฟังเพลงนี้อีก
ผมอยากให้คนที่อ่านเข้าใจความรู้สึกผมตอนนี้เหลือเกิน และอยากให้เข้าใจความรู้สึกมันจากเพลงๆนี้ แต่สำหรับผมมันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อผมยังคงทำร้ายจิตใจมัน ผมไม่ควรได้รับความเห็นใจจากใครทั้งนั้น
.........................................................................


ระหว่างที่เพียรพิมพ์ข้อความให้เพื่อนอ่าน ผมพยายามโทรหามันเกือบร้อยรอบ รู้ทั้งรู้ว่ามันทำงาน ไม่ใช้โทรศัพท์ผมก็ยังโทร... ผมสังหรณ์ว่ามันจะอ่านสนธิสัญญาสารภาพแล้ว แต่ผมไม่สามารถเดาใจมันได้ว่ามันจะรู้สึกยังไง กรูไม่รู้ว่าเมิงคิดยังไง
ผมฝากข้อความไปนับสิบครั้ง
"อ้อย กรูอยากคุยกับเมิงนะสาดดดโทรหากรู ก่อนกรูเข้ากะนะ"
"อ้อย โทรหากรูด้วย กรูมีเรื่องจะคุย"
"อ้อย กรูอีกแล้วนะ เมิงคิดอะไรอยู่ กรูห่วงเมิงได้ยินมั๊ย โทรหากรูด้วย"
"อ้อย ถ้าได้รับข้อความนี้นะ กรูขอร้องโทรหากรูนะ"
"ไอ่สาด ไอ่เอี๊ย ถ้าเมิงไม่โทรหากรูนะ กรูจะ...(นึกไม่ออกเลยกดวางไป)"
ณ ตอนนี้ 16.30 โทรศัพท์ผมยังคงเงียบ ผมต้องไปเข้างานตอนทุ่มครึ่ง แล้วผมจะทำงานได้ยังไง

ผมตัดสินใจยื่นจดหมายลาออกวันนี้ ตอนไปทำงาน

หนังสือลาออกวางอยู่บนโต๊ะ ถามใจตัวเอง ถามแม่ อ่านความเห็นเพื่อนๆในนี้ มันเป็นการตัดสินใจที่ผมว่าลำบากที่สุดในชีวิต ยังมีคนอีกคนที่ผมอยากปรึกษา อยากคุย อยากถาม อยากรู้ว่ามันคิดยังไง อ้อย...กรูต้องการเมิงนะโว้ยตอนนี้ ไอ่เลวววววว


ผมลาออกคืนนี้ หลังจากคืนนี้ผมคงไม่ได้ไปทำงานอีก เพราะจะใช้วันลาสะสม ลาต่อเลย ผมอยากใช้ชีวิตที่นี่กับครอบครัวให้ได้มากที่สุด รวมทั้งเมิงด้วยนะอ้อย


กรูจะลาออกแล้ว เมิงโทรหากรูหน่อยได้มั๊ย T_T

ผมขอขอบคุณเพื่อนๆ และมิตรภาพจากในห้องนี้นะครับที่อยู่เป็นเพื่อนผม มาตลอด
บทสรุปมันคงมาถึงแล้วหล่ะครับ.......................
.........ผมควรจะจบมันได้แล้ว..............................


เรื่องในนี้อาจจะจบแค่นี้
แต่
ชีวิตจริงของผมยังไม่รู้จะไปทางไหนต่อ
มันยังคงไม่โทรมา
ผมยังอยากคุยกับมัน
ยังอยากมานั่งเล่าความหลังเรื่องผมกับมันให้เพื่อนๆในนี้อ่านอ่าน (มันมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึง)
ยังอยากอ่าน คห.ที่ตลกๆของเพื่อนๆ
สำหรับบางคนที่สงสัยว่าตกลงผมคิดยังไงกับอ้อย

ถามผมว่าผมรักมันมั๊ย------- ตอนนี้ผมรักมัน
ห่วงมันมั๊ย----------------------มาก
หวงหล่ะ------------------------นิดหน่อย
แล้วเรื่องบนเตียง--------------ไม่เคยคิด
ถ้าต้องไกลจากมัน------------ผมคิดถึงมัน
ถ้ามันโกรธ---------------------ผมจะง้อ
ถ้ามันร้องไห้อีก---------------ผมจะร้องไห้เป็นเพื่อนมัน
ถ้ามันอยากกอดผม----------ผมจะกอดมันตอบ
ถ้ามันอยากสระผมให้ผม----ผมจะสระผมให้มันแทน
ผมแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนมัน ดูแลมัน
ถ้าทั้งหมดนี้ เอามาผสมรวมกันใส่ไมโครเวฟ กิ๊ง เอาออกมา กลายเป็นคำว่า ผมเป็นเกย์ งั้นผมยอมรับว่าตอนนี้ผมเป็นเกย์แล้ว ผมเป็นเกย์เพื่อมัน.......T_T

แต่สุดท้ายมันก็ต้องจบ ที่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผม
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาโดยตลอด ขอจบรายการเพียงแค่นี้
.
..
. ขอบคุณครับ









กรูไม่ใช่เกย์....จริงๆนะ..ฮือๆเลิกจีบกรูซะทีเหอะ (ผมเหนื่อยจริงๆ)


ผมเพิ่งกลับมาจากอยุธยา.... บ้านมัน ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย ผมขับรถ น้ำตาไหลทั้งขาไป.......
..................







...................
และขากลับ..............
ผมเหนื่อยครับ เหนื่อยจริงๆ หัวใจผมยังคงร่ำร้องอยากจะหามันให้เจอ แต่ร่างกายผมมันไม่ไหวแล้วครับ .........ผมเหนื่อย
กลับมาถึงบ้านเปิดคอม มาอ่านกระทู้ที่ตัวเองตั้งไว้ ยังคงมีเพื่อนคอยเป็นกำลังใจ ผมนั่งอ่าน ค.ห ของแต่ละคน ทุกคนร้องไห้เพราะเรื่องของผม เหมือนทุกคนเข้าใจความรู้สึกผม ผมตื้นตันใจจริงๆครับ น้ำตาผมไหลอีกครั้ง ดูเหมือนมันจะไม่มีวันหมดด้วยซ้ำ ผมร้องไห้ไปพร้อมๆกับ ค.หของเพื่อนๆ ผมร้องร้องไห้พร้อมๆกับพวกคุณ..........เหนื่อยจังเลย
.........................................................................
"อะไรของเมิงอีก จะลาออกอีกแล้ว" พี่เต้ยส่ายหน้า
"ครับพี่ ผมได้งานใหม่เป็น.....ที่"
"เออ ดี ลาออกกันให้หมด กรูก็ต้องทำแทนพวกเมิง" พี่เต้ยโยนจดหมายลาออกของผมลงบนโต๊ะ
"มีใครลาออกอีกเหรอครับ" ผมสงสัย
"ก็ไอ่อ้อยนะสิ พวกเมิงเป็นเอี๊ยอะไรกันหมด งานกรูเจ๊งหมด"
.......................................................................
ผมขาอ่อน ทรุดลงไปนั่งกับเก้าอี้ พี่เต้ยพูดอะไรอีกมากมาย แต่มันไม่เข้าหูผมเลย ภาพต่างๆเข้ามาในหัว อ้อยลาออก ลาออกเพราะอะไร ทำไมไม่บอกผม แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน ผมเป็นห่วง
"พี่เต้ย ผมขอกลับบ้านได้มั๊ย.....ผม...เอ่อ....ไม่ค่อยสบาย" ผมพูดโดยไม่ทันคิด เพราะใจตอนนั้นอยากไปหามันที่หอให้ได้
"นี่เมิง จะให้กรูกราบเท้าเมิงขอให้เมิงช่วยงานกรูก่อนมั๊ย" พี่เต้ยเรียกสติผมกลับมา
ใช่นี่หว่า ผมต้องทำงาน มันเป็นหน้าที่ของผม ถึงแม้ใจผมจะไม่ที่งานแล้วตอนนั้น แต่ผมต้องทำงาน มันเจ็บปวดมากครับ เจ็บจริงๆผมบอกไม่ถูก ผมเหมือนคนไม่มีวิญญาณ สติผมล่องลอย ผมจะอธิบายยังไงให้เข้าใจดี.................


ผมเอาของไปเก็บในล๊อคเกอร์ในห้องน้ำ ตามองเห็นล๊อกเกอร์มัน....รูปซีดานยังแปะ อยู่ ผมเปิดออกดู
.....................................












............มันว่างปล่าว หัวใจมันก็คงว่างปล่าวเหมือนล๊อกเกอร์ของมัน ผมเอามือลูบล๊อกเกอร์มันเบาๆ
...........................................................................

ผมไขกุญแจล๊อกเกอร์ของผมเพื่อจะเก็บกระเป๋า............ ทุกอย่างที่ผมทำตั่งแต่ก้าวเท้าเดิน พูดทักทาย เอื้อมมือเปิดล๊อกเกอร์ ล้วนมาจากการสั่งการของสมองทั้งสิ้น แต่หัวใจผมตอนนั้น มันเหมือนลูกลิงที่วิ่งตามหาแม่ของมัน มันลุกลี้ลุกลน กระวนกระวาย แต่ขณะเดียวกันกันก็ห่อเหี่ยวและโหยหา......................

.............ล๊อกเกอร์ผมเหมือนเดิมทุกอย่าง ยกเว้น.....










.


.

.
.
ซองจดหมายสีขาวที่สอดแนบอยู่ติดกับบานประตูล๊อกเกอร์
......................................มือผมสั่นเทา


"....เป็ด....
เมิงไม่ต้องขอโทษกรูหรอก เมิงไม่ได้ทำอะไรผิด กรูต่างหากที่ต้องขอโทษเมิง ที่ไม่ยอมโทรหา ที่ต้องทำให้เมิงเป็นห่วง กรูอยากบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงกรู เมิงไปตามทางของเมิงเถอะ ชีวิตของเมิงกำลังจะไปได้ดี กรูไม่เสียใจที่เมิงไป แต่กรูไม่อยากเจอหน้าเมิงเพื่อบอกลา ชีวิตนี้กรูขอลาแม่กรูแค่คนเดียวเท่านั้นพอ กรูทำใจรับไม่ไหวจริงๆ.......เมิงไปเถอะ กรูยังอยู่...ที่ไหนสักแห่งนี่แหละ.... นะ
ขอบใจที่ทำให้ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าจะได้เจอเมิง มันมีความหมายกับกรูจริงๆ แล้วถึงวันหนึ่งวันที่กรูตื่นขึ้นมาแล้วไม่สามารถตอบตัวเองได้อีกต่อไปว่ากรูจะไปทำงานเพื่ออะไร กรูจะไม่ได้เจอเมิงอีก กรูจะไม่ได้นั่งกินข้าวกับเมิง ไปทำไฟล์กับเมิง กลับบ้านพร้อมเมิง นั่งคุยที่โต๊ะตัวเดิมกับเมิงอีกต่อไป กรูทำใจไม่ได้จริงๆ
อย่าให้กรูเป็นตัวถ่วงเมิงเลย ตอนนี้ชีวิตกรูเหลือศูนย์เหมือนที่เมิงเขียนในหนังสือที่ให้กรูอีกแล้ว.........แต่ชีวิตเมิงกำลังนับหนึ่ง ไปเถอะนะ ไม่ต้องห่วงกรู กรูจะอยู่ในที่ที่กรูควรอยู่ และเมิงเชื่อกรูได้เลยว่า......กรูไม่มีทางลืมเมิงเลย
ฝากขอบคุณคนที่มาตอบในหนังสือที่ให้กรูด้วยนะ ขอบคุณจริงๆ สำหรับกำลังใจ ว่างๆกรูจะเข้าไปอ่าน ขอให้กรูเข้มแข็งมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก่อน หนังสือที่เมิงให้จะอยู่เป็นเพื่อนกรูตลอดไป เพราะกรูอ่านมันทีไรกรูก็ได้หัวเราะทุกที มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้กรูนึกถึงเมิง ส่วนความรู้สึกที่กรูรู้สึกกับ เมิงคงได้รู้จากเพลงที่กรูส่งให้แล้วนะ ถึงมันจะน้ำเน่า ถึงมันจะเหมือนเด็กๆ แต่กรูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ กรูจะไม่พูดอะไรอีก
โชคดีนะ....เพื่อน(คนเดียวที่กรูรักที่สุด)
เมิงคงไม่มีวาสนาได้เป็นเมียกรูแล้วหล่ะ ฮ่าฮ่าๆ

ผมนั่งลงอ่าน จม มันซ้ำแล้วซ้ำอีก วนไปวนมา น้ำตาแมร่งไหลอีกจนได้ ผมเหมือนคนเสียสติไปแล้ว ทำไมมันเหมือนในละคร ใครประพันธ์บทละครเรื่องนี้ ผมสงสัย?... คุณใจร้ายมากที่เล่นตลกกับชีวิตผมอย่างนี้...........
เมื่อคืนผมแทบจะไม่อยู่ในออฟฟิส เพราะมันเงียบและเหงาเหลือเกิน ทุกที่ ผมเห็นเป็นภาพมันไปหมด ตรงโน่น มันเตะบอลอยู่ ที่ริมบึงมันนั่งรอผมอยู่ ที่canteen มันล้างช้อนให้ผมอยู่ ที่บอร์ดมันกะลังอ่านว่าใครจะทำงานกับมันอยู่ ประตูทางออก ที่จอกรถ ล๊อกเกอร์ แม้แต่โถเยี่ยวประจำ ล้วนมีแต่ความทรงจำเกี่ยวกับมันทั้งสิ้น....ผมไม่อยากเห็น ผมมานอนในรถในสนามเพื่อรอคำสั่งจากหัวหน้า
"กรูจะยัดเยียดความเป็นผัวให้เมิง"
"กรูซื้อน้ำเต้าหู้มาอยู่บนโต๊ะ กินให้หมดด้วย เสียดายของ"
"ไอ่สาดดด ไม่รอกรูเลยกรูหนักนะเว้ย"
"กรูเช็ดอ๊วก ซักผ้าให้เมิง"
"เมียกรูจะได้ไม่อายใครไง"
"เมิงผมสวยนะ ใช้แชมพูยี่ห้อไร"
"ขอกรูนอนกอดเมิงทั้งคืนได้ป่าววะ
"เมริงทิ้งกรู เหมือนที่พ่อพ่อกรูทิ้งกรูที่วัด"
"ไปกันเถอะ กรูไม่เป็นไรแล้ว"



Create Date : 23 เมษายน 2550
Last Update : 23 เมษายน 2550 22:08:21 น. 1 comments
Counter : 478 Pageviews.

 
เศร้ามาก ....พูดไม่ออก


โดย: JEn IP: 58.10.146.224 วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:21:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

deffyduck
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
Friends' blogs
[Add deffyduck's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.