A Calling from God : เสียงเรียกจากพระผู้สร้าง
"มวลมนุษย์ทั่วแผ่นดินโลกเอ๋ย
จงหันมาหาเราและรับการช่วยให้รอด
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก"

อิสยาห์ 45:22



"....จงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่"
วิวรณ์/Revelation 3:19



"เชิญมารับประทานขนมปังของเรา
และดื่มน้ำองุ่นที่เราได้ประสมไว้
จงทิ้งวิถีที่อ่อนต่อโลกของเจ้า แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่
จงดำเนินในวิถีแห่งความเข้าใจนั้นเถิด"
:
ความยำเกรงพระเยโฮวาห์เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา
การรู้จักองค์บริสุทธิ์ทำให้เกิดความเข้าใจ
เนื่องจากเรา วันเวลาของเจ้าจะยืนยาว
และปีเดือนแห่งชีวิตของเจ้าจะเพิ่มพูน
ถ้าเจ้าฉลาด สติปัญญาของเจ้าจะให้บำเหน็จแก่เจ้า
แต่ถ้าเจ้าเยาะเย้ย เจ้าก็จะทนทุกข์ตามลำพัง"

สุภาษิต 9:5-6,10-12


Note: เชิญมารับประทานขนมปังของเรา และดื่มน้ำองุ่นที่เราได้ประสมไว้
** รับประทานขนมปัง หมายถึงการศึกษาใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าหรือศึกษาพระคัมภีร์
** ดื่มเหล้าองุ่นที่พระเจ้าประสมไว้ เหล้าองุ่นที่พระเยซูกล่าวถึงนั้นคือพันธสัญญาใหม่ หมายความว่า ให้เราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ ตามแบบอย่างของการเชื่อฟัง ตามแบบอย่างของความรักของพระองค์




วิวรณ์/Revelation 3
พระคริสต์ทรงเคาะประตูใจของแต่ละคน
3:20 ดูเถิด เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเรา และเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้น และจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
3:21 ผู้ใดมีชัยชนะ(หมายถึงชัยชนะเหนือการล่อลวงของผีมารซาตาน หรือชนะใจตนเอง ใจบาปเพราะเราเกิดมาในความบาปและเราก็ที่อยู่ในความบาป) เราจะให้ผู้นั้นนั่งกับเราบนพระที่นั่งของเรา เหมือนกับที่เรามีชัยชนะแล้ว และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนพระที่นั่งของพระองค์


3:11 ดูเถิด เราจะมาโดยเร็ว จงยึดมั่นในสิ่งที่เจ้ามี เพื่อไม่ให้ผู้ใดชิงเอามงกุฎของเจ้าไปได้
3:12 ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะกระทำให้ผู้นั้นเป็นเสาในพระวิหารแห่งพระเจ้าของเรา และผู้นั้นจะไม่ออกไปภายนอกอีกเลย และเราจะจารึกพระนามพระเจ้าของเราไว้ที่ผู้นั้น และชื่อเมืองของพระเจ้าของเรา คือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ที่ลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเรา และเราจะจารึกนามใหม่ของเราไว้ที่ผู้นั้นด้วย

Note: โปรดสังเกตว่าพระเจ้าทรงเน้นย้ำให้เราเอาชนะมารซาตานหรือชนะใจที่ดื้อด้านของเรา ใจที่มืดบอดมองไม่เห็นพระเจ้า ใจที่เยาะเย้ยเรื่องราวของพระเจ้า ใจที่ถูกครอบงำด้วยเจ้าโลกคือซาตาน(Satan/Lucifer)และลูกสมุนของมัน(Demons) ใจที่คอยระแวงสงสัยว่าคนอื่นจะว่าเราบ้า

ก็จะสนใจไปทำไมล่ะ!! ในเมื่อชีวิตของเรา เราเองแต่ละคนที่จะต้องรับผิดชอบ พระเจ้าเตือนเราแล้ว พระองค์เองเป็นเจ้าของทั้งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก เป็นผู้เขียนกฎบัญญติให้เราเดินตาม และพระองค์ก็ให้อิสระแก่เราในการเลือกเดินด้วย พระเจ้าไม่เคยบังคับใคร



**เลือกถูกและดำเนินชีวิตถูก สุดท้ายก็ไปเป็นสุขมีชีวิตนิรันดร์ในแผ่นดินสวรรค์

**เลือกผิดและดำเนินชีวิตผิดก็ไปมีวิญญาณนิรันดร์ในนรก

แท้จริง พระผู้สร้าง ไม่ได้มีพระประสงค์ที่จะสร้างมนุษย์มาให้ดำเนินชีวิตอย่างโดดเดี่ยว หรือปล่อยให้เราอยู่อย่างอดๆอยากๆ ที่เป็นอย่างนั้นเป็นผลมาจากฝีมือของเจ้าวิญญาณมืดดำที่เรามองไม่เห็นทั้งนั้น แม้การมีศัตรูที่มองเห็นเป็นตัวเป็นตนก็แย่พอเพียงแล้ว และจะแย่มากกว่านั้นสักเพียงใดที่เรายังมีศัตรูตัวฉกาจที่มองไม่เห็นตัวอีกด้วย

แท้ที่จริงนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีแผนการไว้ให้ทุกๆชีวิตที่พระองค์ทรงสร้างมาทีเดียว และพระองค์ทรงรัก เมตตาและอดทนนานต่อความบาปของมนุษย์มาช้านาน แต่เราทุกคนย่อมรู้ดีว่างานเลี้ยงย่อมมีการเลิกลา มีเริ่มต้น ก็มีตอนจบ ไม่แปลกหรอกที่ทำไมเราจึงลืมคิดเรื่องนี้ไป เพราะสิ่งแวดล้อมต่างๆในสังคมได้ชักจูงเราให้ออกนอกเส้นทางของพระเจ้ามาตั้งแต่วันแรกที่เราลืมตามมาดูโลกแล้ว เมื่อเติบโตมาก็ถูกหล่อหลอม ล่อลวงให้เราคุ้นเคยในความบาปต่างๆนาๆ จนเราเองก็ไม่รู้จักความจริง(The Truth)ของสรรพสิ่งและหลายสิ่งหลายอย่างนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง แต่มีการถูกสร้างขึ้นมา และก็มีผู้สร้างที่แท้จริงด้วย




...และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็บ้านเราเมืองเรานั้นดูจะเป็นปลายแถวซะจริงๆ รับเอาของเทียมเท็จมาเต็มๆเลยล่ะ ของเทียมเท็จแปลกปลอมที่มาจากอิยิปต์โบราณที่พวกเขาบูชาซาตานนั่น!! กลายพันธุ์มาเรื่อย จนยากที่จะสืบสาวราวเรื่องไปถึงต้นตอ สาวไปยังไงก็สาวไม่ถึงซะที เพราะมีกำแพงด้านภาษามาขวางกั้นอยู่ จนหลายต่อหลายชั่วอายุคนเลือกที่จะเลิกสนใจหรืออาจนึกไม่ถึงเลยก็อาจเป็นได้

เราทั้งหลายจึงเปรียบเสมือนลูกแกะที่หลงหายไปจากผู้เลี้ยงที่แท้ หลงหายไปจากบ้านแท้ของเรา หลงหายไปจากต้นกำเนิดของเราคือพระผู้ทรงสร้างทุกชีวิตในแผ่นดินโลก ชีวิตจึงเต็มไปด้วยความทุกข์ยาก ความสับสน ความยากลำบาก และเต็มไปด้วยสารพัดบาป หาทางออกไม่เจอ เจอแต่ทางตัน ชีวิตตกอยู่ในความมืด สิ้นหวัง ไร้กำลัง สิ้นหนทาง.... แม้ว่าลึกๆในใจของเราก็รู้กันว่ามีพระเจ้าอยู่.....อย่าปฏิเสธเลย เพราะพระเจ้าได้ใส่เรื่องของพระองค์ไว้ในจิตใจมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาอยู่แล้ว ดังที่มีบันทึกในพระธรรมฮีบรู/Hebrew 10:16 ว่า

"นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับเขาทั้งหลายภายหลังสมัยนั้น"
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส "เราจะบรรจุราชบัญญัติของเราไว้ในจิตใจ
ของเขาทั้งหลาย และจะจารึกมันไว้ที่ในดวงใจของเขาทั้งหลาย"


แม้กระนั้น เราทั้งหลายก็ถูกสิ่งล่อลวงต่างๆครอบงำจิตใจของเรา จนเราหลงลืมและไม่ใส่ใจที่จะนึกถึงพระองค์ผู้ทรงสร้าง และเราต่างก็มีชีวิตอยู่อย่างคุ้นเคยในความมืดบอด(มืดบอดฝ่ายวิญญาณ)ทั้งที่ตาเนื้อของเราปกติดี เราดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้การครอบครองและครอบงำของบรรดาผีมารซาตาน ผีร้ายวิญญาณชั่วไปโดยปริยาย แทบทุกอย่างในชีวิตของเรานั้นเราอยู่ในความบาปทั้งสิ้น ทั้งที่ชัดเจนและอำพราง เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์มาให้มีความผูกพันกับผู้สร้าง เมื่อเราหลงลืมผู้สร้าง ชีวิตของเราจึงมีแต่ความว่างเปล่า รู้สึกถึงการโหยหาตลอดเวลา จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่าหาอะไร มันไม่อิ่มในจิตใจซะที แม้บางคนที่ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองมากมายก็ตาม แต่ลึกๆนั้น เขาก็ยังรู้สึกถึงการขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดในชีวิตอยู่ตลอดเวลา คนเราจึงต้องหาสิ่งอื่นมาทดแทนส่วนนั้นในจิตใจของเรา จึงหันไปพึ่งศาสนาต่างๆ ไหว้รูปเคารพ ดูดวงโชคชะตาราศี ไหว้ผี ทรงเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆนาๆ ฯลฯ การกระทำเหล่านี้ยิ่งทำให้เราห่างไกลจากพระผู้สร้างมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดที่ฝักใฝ่ในการค้นหาความจริงด้วยหัวใจจริงๆแล้ว พระเจ้าทรงมองเห็น เพราะพระองค์ทรงตรวจดูจิตใจมนุษย์ทุกคนดังบันทึกไว้ในพระคัมภีร์

"เราคือพระเยโฮวาห์ตรวจค้นดูจิต และทดลองดูใจ
เพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขา
ตามผลแห่งการกระทำของเขา"

เยเรมีย์/Jeremiah 17:10


อ่านเพิ่มเติม://www.bloggang.com/viewblog.php?id=debunk&date=26-10-2009&group=1&gblog=32


เอาล่ะ เราทั้งหลายยังคงมีความหวัง เพราะพระเจ้าทรงตรัสไว้ว่า...
"คนที่เสาะหาเรา ก็พบเรา
เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสุดหัวใจของเจ้า"

สุภาษิต 8:17, เยเรมีย์/Jeremiah 29:13


พระองค์ทรงสัตย์ซื่อ และทำให้เป็นไปตามพระวจนะของพระองค์จริงๆ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่พบพระองค์อย่างแท้จริงแล้ว สรรเสริญพระเจ้า!!!




พระเยซูคริสต์นั้นทรงเชิญชวนให้เราทุกคนกลับมาหาพระองค์และพักสงบอยู่ในพระองค์ เพราะพระองค์นั้นทรงทราบดีว่าเราทั้งหลายที่เป็นมนุษย์ดำเนินชีวิตในโลกของความบาปนั้น นั้นมีชีวิตที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากเพียงใด บ้างก็ทุกข์ทรมานทางร่างกายจากความเจ็บป่วย บ้างก็ตกอยู่ในความทุกข์ทางจิตใจ บ้างก็ทั้งทางร่างกายและจิตใจ...


การเชื้อเชิญที่ยิ่งใหญ่
" บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา
และเราจะให้ท่านพักสงบ
จงรับแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนรู้จากเรา
เพราะว่าเราสุภาพและถ่อมใจ
แล้วจิตวิญญาณของท่านจะพักสงบ
เพราะแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา"

มัทธิว/Matthew 11:28-30



"บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา
และเราจะให้ท่านพักสงบ"
...หมายความว่าให้เรากลับมาหาพระองค์ด้วยหัวใจแห่งการเชื่อฟังพระองค์และอธิษฐานมอบวางภาระทั้งหมดทั้งสิ้นที่มีอยู่ในชีวิตของเราไว้ที่พระองค์ แล้วพระองค์เองจะเป็นผู้ดูแลทุกอย่างเอง คือเราต้องปล่อยจริงๆจากส่วนลึกในใจของเรา เชื่อมั่นในพระองค์อย่างสุดหัวใจ ไม่ต้องพยายามที่จะยึดสิ่งใดไว้ในใจ ให้ยอมศิโรราบต่อพระองค์ ยอมให้พระองค์Take over ชีวิตของเราไปเลย แล้วเมื่อเราไม่ต้องแบกภาระเองเราก็จะหายเหนื่อยและเป็นสุข

การมอบวางภาระทั้งสิ้นไว้ที่พระองค์ไม่ได้หมายความว่าเราจะมานั่งอยู่เฉยๆ เหมือนลูกนกรอแม่นกเอาอาหารมาหย่อนใส่ปาก แต่เมื่อเราอธิษฐานมอบวางภาระทุกอย่างไว้ที่พระเจ้าแล้ว เราก็ทำกิจการงานของเราไปตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปกังวลอะไร ทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดและเต็มกำลังความสามารถที่เรามีด้วยคิดคำนึงในใจว่าพระองค์เป็นเจ้านายที่แท้จริงของเรา แล้วเราทำเพื่อถวายแด่พระองค์ด้วยจิตใจที่ชื่นชมยินดีในงานที่เราทำทุกอย่าง ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานที่ต่ำต้อยหรือเป็นงานในหน้าที่รับผิดชอบอันสูงส่งก็ตาม และพระองค์ทรงสัญญาว่า "จะให้เราจะหายเหนื่อยและเป็นสุข" (ผู้เรียบเรียงพบแล้วว่าเป็นจริงแน่นอน!!!)

"จงรับแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนรู้จากเรา เพราะว่าเราสุภาพและถ่อมใจ แล้วจิตวิญญาณของท่านจะพักสงบ เพราะแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา"....แอกของพระเยซูนั้นหมายถึงการดำเนินชีวิตในเส้นทางของพระเจ้า ถ่อมสุภาพ ถือปฏิบัติตามธรรมบัญญติ 10 ประการ และคำสอนอื่นๆของพระองค์ เช่น คำเทศนาบนภูเขาในมัทธิว 5, การเอื้อเฟื้อต่อผู้ขัดสน ในมัทธิว 6 เป็นต้น (ท่านสามารถศึกษาคำสอนของพระเยซูคริสต์ได้จาก 4 เล่มแรกของพระคัมภีร์ใหม่)

การรับแอกของพระเยซูนั้นเบาจริงๆ เพราะเราไม่ต้อง ไปซื้อดอกไม้ พวงมาลัย หรือต้องทำอาหารดีๆไปถวายพระเยซูเพราะพระองค์ไม่ต้องการแบบนั้น

พระองค์ต้องการเพียงจิตใจที่สัตย์ซื่อจากเรา จิตใจที่รักและยำเกรงพระองค์พระผู้สร้างของเราอย่างสุดหัวใจ จิตใจแห่งการเชื่อฟัง จิตใจแห่งการขอบพระคุณและถวายเกียรติแด่พระองค์สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา และการยอมมอบกายมอบชีวิตให้พระองค์เป็นผู้ดูแลเราทั้งหมดอย่างแท้จริง
โปรดดู://www.bloggang.com/viewblog.php?id=debunk&date=14-10-2009&group=1&gblog=24


Note:
1. การคุกเข่าอธิษฐาน แสดงถึงความถ่อมใจและการยอมเชื่อฟังของผู้กระทำ เมื่อเราอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้า การคุกเข่าเป็นสิ่งที่สมควรกระทำอย่างยิ่ง
2. โปรดอย่ารู้สึกอับอายเลยที่จะต้องทำ เพราะว่าเป็นเรื่องระหว่างเราแต่ละบุคคลกับพระเจ้าของเรา พระองค์ก็ปรารถนาที่จะให้เราพบพระองค์แต่เพียงลำพังในสถานที่ที่มิดชิดส่วนตัว เพื่อว่าเราจะมีใจจดจ่อจำเพาะพระองค์เท่านั้นจริงๆและเพื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์จะได้ทำงานในชีวิตของเราอย่างเต็มที่
3. การพึ่งพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าเราอ่อนแอจนต้องพึ่งผู้อื่น แต่หมายถึงการพึ่งพาอย่างถูกที่ถูกทางตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงสร้าง และพระเยโฮวาห์พระเยซูคริสต์นั้นก็ไม่ใช่บุคคลอื่น พระองค์เป็นพ่อที่แท้จริงของเราทุกคน พ่อที่รักเราและปรารถนาที่จะให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์
4. เมื่อเราอ่อนแอ..พระองค์จะทรงกระทำให้เราเข้มแข็งขึ้น แต่ถ้าเราอวดตัวว่าเราเข้มแข็งแล้วไม่พึ่งพาในพระองค์แต่กลับพึ่งตนเองหรือพึ่งพาความรู้ของตนเองเท่านั้น....เมื่อนั้นแหละที่เราอ่อนแอและจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปในที่สุด




พระผู้สร้างเรานั้นทรงรักและเมตตาพวกเราเสมอมา และอีกครั้งของการทรงเรียกที่ยิ่งใหญ่นั้น ปรากฎอยู่ใน..

พระธรรมอิสยาห์/Isaiah 55

55:1 "โอ เชิญทุกคนที่กระหายจงมาถึงน้ำ และผู้ที่ไม่มีเงินมาซื้อกินเถิด มาซื้อน้ำองุ่นและน้ำนมเถิด โดยไม่ต้องเสียเงินเสียค่า
55:2 ทำไมเจ้าจึงใช้เงินของเจ้าเพื่อของซึ่งไม่ใช่อาหาร และใช้ผลแรงงานซื้อสิ่งซึ่งมิให้อิ่มใจ จงเอาใจใส่ฟังเรา และรับประทานของดี และให้จิตใจปีติยินดีในไขมัน
55:3 เอียงหูของเจ้า และมาหาเรา จงฟัง เพื่อจิตวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิต และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า คือความเมตตาอันแน่นอนของเราต่อดาวิด

55:6 จงแสวงหาพระเยโฮวาห์ เมื่อจะพบพระองค์ได้ จงทูลพระองค์ ขณะพระองค์ทรงอยู่ใกล้ (= จงแสวงหาพระเจ้า ขณะที่เรายังมีโอกาส หรือขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าเราจะหมดสิทธิ์เลือกทันทีที่เราหมดลมหายใจ!!)
55:7 ให้คนชั่วละทิ้งทางของเขา และคนไม่ชอบธรรมสละความคิดของเขา ให้เขากลับยังพระเยโฮวาห์ เพื่อพระองค์จะทรงเมตตาเขา และยังพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะทรงอภัยอย่างล้นเหลือ
55:8 เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา" พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้
55:9 "เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น
55:10 เพราะฝนและหิมะลงมาจากฟ้าสวรรค์ และไม่กลับที่นั่น เว้นแต่รดแผ่นดินโลก กระทำให้มันบังเกิดผลและแตกหน่อ อำนวยเมล็ดแก่ผู้หว่านและอาหารแก่ผู้กินฉันใด
55:11 คำของเราซึ่งออกไปจากปากของเราจะไม่กลับมาสู่เราเปล่า แต่จะสัมฤทธิ์ผลซึ่งเรามุ่งหมายไว้ และให้สิ่งซึ่งเราใช้ไปทำนั้นจำเริญขึ้นฉันนั้น
55:12 เพราะเจ้าจะออกไปด้วยความชื่นบาน และถูกนำไปด้วยสันติภาพ ภูเขาและเนินเขาจะเปล่งเสียงร้องเพลงข้างหน้าเจ้า และต้นไม้ทั้งสิ้นในท้องทุ่งจะตบมือของมัน
55:13 แทนต้นหนามใหญ่ ต้นสนสามใบจะงอกขึ้น แทนต้นหนามย่อย ต้นน้ำมันเขียวจะงอกขึ้นและแด่พระเยโฮวาห์ มันจะเป็นชื่อ เพื่อเป็นหมายสำคัญนิรันดร์ ซึ่งจะไม่ถูกตัดออกเลย"

ตอบสนองต่อการทรงเรียก โปรดดู:
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=debunk&month=23-10-2009&group=1&gblog=29







โปรดทราบ: เนื่องจากไม่มีการตัดต่อวิดีโอใหม่ จึงขอเรียนท่านผู้อ่านให้ทราบถึงภาพในเพลงนี้ที่ไม่ควรใช้เป็นตัวอย่างสำหรับผู้เชื่อในพระเจ้า เป็นภาพพระอาทิตย์ในไม้กางเขนในช่วง 0.21 และ 0.35 นาที


MAY GOD BLESS ALL OF YOU






Create Date : 15 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2552 12:36:16 น.
Counter : 4799 Pageviews.

0 comments

Narno7
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



โยบ 38 / Job 38


38:4 เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา

38:4 Where wast thou when I laid the foundations of the earth? declare, if thou hast understanding.

38:7 ในเมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน

38:7 When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy


"I am a spirit that live in a body and communicate and perceive the exterior world through my soul."

"This world is not my home. I am here on a mission. Not all of children of God have or will come on this earth but I was chosen. Not all who come fulfill their mission and purpose for being here. Through the Cross of Jesus, I enter into the Kingdom of God. And as a daughter of God, my mission is to bring Heaven to earth."

New Comments
All Blog