Street Hypnotherapist นักสะกดจิตบำบัดข้างถนน ^^
 

การสื่อสารของระบบประสาท (Neuro Linguistic)

ชื่อของ NLP นั้นได้มาจาก Alfred Habdank และ Skarbek Korzybsk โดยย่อมาจากคำว่า Neruo Linguistic Programming คำว่า Neruo นั้นหมายถึงระบบประสาทในร่างกาย ในขณะที่คำว่า Linguistic นั้นหมายถึงภาษาศาสตร์ ส่วนคำว่า Programming นั้นหมายถึงการจัดการทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบแน่นอน พอเอาคำสามคำนี้มารวมกันบางทีก็ดูจะยุ่งยากที่จะสรุปความหมายอยู่เหมือน หลายตำราก็นิยามความหมายแตกต่างกันออกไป สำหรับภาษาไทยโดยส่วนใหญ่จะแปลความหมายให้กับ NLP ว่า “โปรแกรมภาษาระบบประสาท”

การทำความรู้จักกับ NLP หรือโปรแกรมภาษาระบบประสาทที่ว่านี้ถ้าจะให้ดี ให้เข้าใจง่ายๆ เห็นจะต้องมาเริ่มกันที่คำว่า Neruo Linguistic หรือ “ภาษาของระบบประสาท” นี้เป็นอันดับแรก

อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าภาษาของระบบประสาท

สมมุติมีคนถามเราว่า “เย็นนี้เราจะทานอะไรกันดี” ความจริงแล้วกว่าจะได้คำตอบนี้ออกมามันมีหลายสิ่งหลายขั้นตอนเกิดขึ้นกับระบบประสาทในร่างกายของเรา ไม่ใช่ว่าถามปุ๊บคำตอบจะผุดขึ้นมาปั๊บเสียที่ไหน เช่นพอระบบประสาทสัมผัสทางหูของเรารับคำถามมาว่า “เย็นนี้เราจะทานอะไรกันดี” ทันใดนั้นเราก็อาจจะถามตัวเองในใจอีกครั้งว่า “ทานอะไรดีนะ” แล้วภาพของอาหารมื้อที่แล้วมันก็ลอยขึ้นมาในหัวเราเลยบอกกับตัวเองว่าอันนี้ไม่เอาแล้วเพิ่งกินมาตะกี้เอง แล้วภาพอาหาร ภาพร้านอาหารอีกนานาๆ ชนิดพร้อมกับกลิ่นและรสชาติของมันก็ถูกสร้างขึ้นมาในหัวของเราเป็นจำนวนมากเพื่อนำมาเปรียบเทียบกันว่าอะไรดีที่สุด ขั้นตอนการเปรียบเทียบนี้อาจจะทำให้เราต้องหยุดคิดไปช่วงเวลาหนึ่งจนในที่สุด ภาพของอาหาร รสชาติ กลิ่นของอาหารอย่างหนึ่งก็แสดงขึ้นมาอย่างชัดเจนมากที่สุด เราอาจจะบอกกับตัวเองอีกครั้งว่ากินไอ้นี่แหละดีที่สุดส่วนอย่างอื่นเอาไว้กินวันหลังก็แล้วกัน เมื่อมาถึงที่สุดนี้แล้วเราจึงตอบกลับคำถามนั้นออกไปด้วยถ้อยคำรวมไปถึงการแสดงท่าทางภาษากายประกอบไปอีกเล็กน้อย

กระบวนที่ดูเหมือนยุ่งยากวุ่นวายกินเวลานานนี้ความจริงแล้วอาจจะเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหรือเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น และทั้งหมดนี้เองที่เรียกว่า Neruo Linguistic หรือ “ภาษาของระบบประสาท”

หรืออาจจะแปลความหมายให้ชัดเจนกว่านั้นได้ว่า “การสื่อสารของระบบประสาท”

ทุกๆ ครั้งที่เราเกิดสภาพอารมณ์ เกิดทัศนคติ เกิดความคิด ไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่องใดหรือกำหลังตอบสนองต่อสิ่งใดก็ตาม กระบวนการ Neruo Linguistic หรือ “การสื่อสารของระบบประสาท” มันจะเกิดขึ้นเสมอ

NLP นั้นเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยกระบวนการการสื่อสารของระบบประสาท เมื่อรู้ว่ากลไกการสื่อสารของระบบประสาทเป็นอย่างไรมันก็เป็นช่องทางให้เราสามารถที่จะติดต่อสื่อสารไปยังระบบประสาทของตัวเองหรือของใครก็ตามได้อย่างแม่นยำ




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2554 20:15:45 น.
Counter : 1775 Pageviews.  

ทำไม NLP จึงไม่ได้ผล

เคยมีคนถามว่า “อาจารย์ครับ ทำไม NLP จึงไม่ได้ผล” คำถามง่ายๆ แบบนี้ทำเอาสมองของของดิฉันช๊อตไปครู่หนึ่งก่อนที่ดิฉันจะถามเขากลับไปว่า “ทำอะไรล่ะที่ว่ามันไม่ได้ผล” คำตอบที่ดิฉันได้รับกลับมามันทำให้ดิฉันประหลาดใจกว่าคำถามแรกอยู่หลายช่วงตัวเพราะคนเริ่มต้นคำถามเขาตอบกลับมาว่า

“ผมก็ไม่ไม่ทราบครับ พอดีไปได้ยินอาจารย์อีกท่านหนึ่งเขาบอกว่า NLP มันไม่ได้ผล”

เจอเอาอีแบบนี้มันเหมือนกับมีคนถามดิฉันว่าทำไมรถยนตร์คันนั่นจึงวิ่งไม่ได้ ความจริงแล้วมีเหตุผลได้เป็นล้านข้อเลยกระมังที่จะทำให้รถยนตร์มันวิ่งไม่ได้ ตั้งแต่หัวเทียนบอด ไดสตาร์ทพัง เพลาขาด ยางแบน น้ำมันหมด หรือแม้แต่ไม่มีคนไปขับมันน่ะซิ

เรื่องของ NLP ก็เหมือนกัน

ความจริงแล้วกฏพื้นฐานของ NLP ที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จก็ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “ความสำเร็จนั้นย่อมเกิดขึ้นเมื่อปัจจัยมันสมบูรณ์พร้อม” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ หน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัว สุขภาพ หรือแม้แต่การใช้เทคนิค NLP เองทุกสิ่งมันจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ “ปัจจัยความสำเร็จมันอำนวยพร้อม” ก็เท่านั้น

หากปัจจัยความสำเร็จมันสมบูรณ์พร้อมเมื่อไหร่ ถึงไม่อยากจะสำเร็จมันก็สำเร็จของมันเองได้ง่ายๆ เหมือนกัน ดังนั้นสำหรับคำตอบของคำถามครอบจักรวาลนี้ก็คงต้องตอบแบบครอบจักรวาลกลับไปว่า ที่เขาว่า NLP ไม่ได้ผลหรือไม่สำเร็จนั้นน่ะ เขาทำอะไร และทำสำคัญ “ปัจจัยความสำเร็จ” ของมีพร้อมขนาดไหน

ปัจจัยความสำเร็จของ NLP คืออะไร ...เรื่องนี้จะว่าไปก็เป็นบทเรียนแรกๆ ที่นัก NLP ทุกคนจะต้องทราบ

ปัจจัยความสำเร็จของ NLP นั้นเรียกว่า “สี่เสาหลักของ NLP” (4 Pillars of NLP) เทคนิค (หรือบางทีก็เรียกว่าแพทเทิน) ใดๆ ก็ตามของ NLP จะไม่มีวันสำเร็จไปได้เลยหากขาดซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่เปรียบเสมือนเสาหลักทั้งสี่นี้ โดยเสาหลักทั้งสี่ที่ว่าจะประกอบไปด้วย

1. พลังของมิตรภาพ (Rapport) หัวใจหรือแก่นแท้ของคำว่ามิตรภาพนี้ก็คือการยอมรับและการไว้วางใจซึ่งกันและกัน หากขาดซึ่งสิ่งนี้ไปแล้วแต่ให้มีเทคนิคหรือแพทเทินขั้นเทพมาจากไหนก็จะไม่มีวันสำเร็จได้ เพราะการไม่ได้รับการยอมรับหรือการไว้ใจนั้นมันก็คือการถูกต่อต้านนั่นเอง ลองนึกถึงนักบำบัดที่ทำตัวไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับผู้รับการบำบัด ไม่ยิ้มแย้มไม่พูดไม่จา หรือเอาแต่พูดจาด้วยศัพท์ยากๆ ที่ไม่น่าจะมีใครเข้าใจนอกจากเขาคนเดียว เพียงแค่นี้ทุกอย่างมันก็จบเห่แล้ว

2. พลังจากระบบประสาทสัมผัสในร่างกาย (Power of Your Senses)NLP นั้นเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการสื่อสารกับระบบประสาทของมนุษย์ ดังนั้น NLP จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดึงศักยภาพของระบบประสาทมนุษย์มาใช้อย่างเต็มที่ ลองนึกถึงว่านัก NLP พยามพูดจาชักจูงด้วยเทคนิคต่างๆ แต่ผู้รับการบำบัดไม่สามารถใช้ระบบประสาทของเจาคล้อยตามได้ แบบนี้เทคนิคต่างๆ มันก็ไม่มีวันสำเร็จ ลองนึกนักบำบัดกำลังบอกให้ผู้รับการบำบัดนึกถึงภาพตัวเอง แต่ผู้รับการบำบัดกลับนึกไม่ออก หรือนึกออกก็ดันไปนึกถึงภาพอื่นๆ แบบนี้ก็จบเห่เหมือนกัน ดังนั้นแล้วการใช้เทคนิค NLP จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการตรวจสอบ หากตรวจสอบแล้วไม่ผ่านก็จะต้องมีกระบวนการฝึกหรือกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทเสียก่อน เมื่อการสื่อสารของระบบประสาทของผู้รับการบำบัดถึงพร้อมแล้ว เทคนิคต่างๆ มันจึงจะสามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่

3. ผลลัพท์ที่ต้องการ (Outcome Thinking) นอกจากจะต้องมีผลลัพท์ที่แน่นอนแล้ว ผลลัพท์นั้นจะต้องมีความเป็น "รูปธรรม" อีกด้วย ผลลัพท์ที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย มันไม่ต่างจากการขับรถไปยังสถานที่ๆ ไม่มีอยู่จริง ดังนั้นขับให้ตายมันก็ไม่มีวันไปถึง

4. ความยืดหยุ่น (Behavior Flexibility) ใน NLP นั้นมีเทคนิคหรือแพทเทินน์อยู่ประมาณ 200 กว่าแพทเทินสำหรับความต้องการหรือจุดประสงค์ต่างๆ และไม่ว่าเราจะเทคนิคหรือแพทเทินที่เราเลือกใช้จะเป็นตัวใดก็ตาม เราจะต้องแผนสำรองเสมอ ถ้ามันไม่ได้ผลก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องดันทุรังต่อไป นัก NLP ที่ดีจะต้องพร้อมที่จะพลิกแพลงสถานการณ์อยู่เสมอ การดันทุลังใช้เทคนิคที่มันไม่มีแววไม่ได้ผลก็เหมือนกับการบึ่งรถไปข้างหน้าทั้งๆ ที่เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันเป็นเหว รถไม่หัวทิ่มลงไปในเหวตายยกคันรถซิถึงเรียกว่าแปลก

ดังนั้นสำหรับนัก NLP แล้ว ความสำเร็จหรือไม่สำเร็จมันจะขึ้นอยู่กับหลักสำคัญทั้งสี่นี้ ถ้าเมื่อไรก็ตามที่ NLP เกิด “แป๊ก” ขึ้นมา สิ่งแรกที่เราจะต้องทำคือไม่ต้องไปโทษว่า NLP มันไม่ดีอย่างไร แต่ไห้เร่งสำรวจดูว่าการใช้เทคนิค NLP ของเรามันสอดคล้องหรือขัดแย้งกับหลักสำคัญทั้งสี่นี้อย่างไรบ้าง

และถ้ามันมีส่วนที่เสาแหว่งหรือขาดหายไปซักต้นแล้ว เรื่องที่ว่า “ทำไม NLP จึงไม่ได้ผล” ก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2554 20:12:24 น.
Counter : 1270 Pageviews.  

โลกนี้ไม่มีความล้มเหลว

ในโลกนี้ไม่มีความล้มเหลว มีแต่ผลที่รับรับเท่านั้น หลักการข้อนี้ของเอ็นแอลพีนั้นง่ายและตรงไปตรงมามาก สำหรับเอ็นแอลพีแล้วความรู้สึกล้มเหลวใดๆ ก็ตามไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง เพราะมันเป็นเพียงความรู้สึกหรือสภาพอารมณ์ที่ถูกระบบประสาทสร้างขึ้นมาเท่านั้น และก็ดังที่กล่าวไปแล้วว่าแผนที่นั้นย่อมไม่ใช่พื้นที่จริง ดังนั้นสำหรับเหตุการณ์เดียวกันนี้หากเป็นบุคคลอื่นที่มีกลไกการตีความหมายแตกต่างออกไปเขาก็อาจจะไม่ได้ตีความหมายว่าเป็นการล้มเหลวก็ได้

ตัวอย่างเช่นถ้าวันนี้เราไปยืนขายแซนวิทอยู่หน้าตึกสำนักงานซักแห่งหนึ่ง จากเวลาห้าชั่วโมงคือตั้งแต่ตีห้ายันเก้าโมงเช้า แซนวิทห้าสิบชิ้นเราขายไปได้เพียงห้าชิ้นเท่านั้น แบบนี้เราความรู้สึกล้มเหลวก็อาจจะถูกสร้างขึ้นมาในระบบประสาททำให้เรารู้สึกท้อแท้ผิดหวัง เกิดความคิดว่าไม่เอาอีกแล้ว เสียเวลาแล้ว ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า ยืนขายตั้งนาน “ได้แค่ห้าชิ้น” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์ก็มีเพียงว่าวันนี้ใช้เวลาห้าชั่วโมงไปกับการขายแซนวิชไดดห้าชิ้น สำหรับเหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้นั้นมันยังไม่เกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป อาจจะขายได้น้อยลง ขายได้เท่าเดิม หรือขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่ชั่วโมงแรกก็ได้ใครจะไปรู้
และในเหตุการณ์เดียวกันนี้คนอื่นอาจจะมีสภาพอารมณ์และความคิดที่แตกต่างออกไป อาจจะตีความหมายว่าวันแรก “ขายได้ตั้งห้าชิ้น” ถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จก้าวของธุรกิจเล็กๆ ก็ได้อีกเหมือนกัน

ดังนั้นถ้าเกิดวันใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าล้มเหลวในเรื่องใดก็ตาม ขอให้ทราบทันทีเลยว่า มันเป็นเพียงแต่สภาพอารมณ์ที่เป็นผลมาจากการตีความของโปรแกรมในระบบประสาทของเราเท่านั้น เพราะในความเป็ยจริงแล้ว ความล้มเหลว ...“มันไม่มีจริง”




 

Create Date : 24 กันยายน 2554    
Last Update : 24 กันยายน 2554 11:54:36 น.
Counter : 653 Pageviews.  

Swish Pattern

คำว่า Swish แปลว่าการทำให้เสียงดังเฟี้ยว เช่นเวลาเราเอาไม้เรียวหวดอย่างเร็ว เสียงของใม้ที่ได้จากการแหวกอากาศดังเฟี้ยวแบบนั้นแหละครับที่เรียกว่า Swish ส่วนคำว่า Pattern นั้นแปลว่าแบบแผน ซึ่งใน NLP จะหมายถึงพฤติกรรมที่กระทำซ้ำๆซากๆ เป็นปรกติวิสัยของแต่ละบุคคล

การทำ Swish Pattern นั้นเป็นการจิตนาการถึงภาพ เสียง และสัมผัสของพฤติกรรมเก่าที่เราต้องการแก้ไขและพฤติกรรมใหม่ที่เราต้องการปลูกฝังเข้าไปแทนที่ โดยจะให้ภาพของพฤติกรรมทั้งสองนี้สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยในระหว่างสลับภาพนี้จะมีการสร้างเสียง “เฟี้ยว” “วู๊ป” “พรึบ” หรือเสียงเอ็ฟเฟ็คอื่นๆ ที่ให้ความรู้สึกฉับพลันทันทีเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ภาพภายในเกิดการสลับสับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วทันที ซึ่งนี่ก็คือที่มาของคำว่า Swish ในเทคนิคนี้

อธิบายในการกลไกแล้ว Swish Pattern เป็นการพยามทำรหัสกระตุ้นสภาพอารมณ์หรือที่นัก NLP เรียกกันว่าการทำ Anchoring แบบหนึ่ง เพียงแต่ Anchoring นั้นเป็นการใช้ภาษาร่างกายหรือถ้อยคำเป็นตัวกระตุ้นให้ไปสู่สภาพอารม์ตามที่เราได้กำหนด แต่การ Swish Pattern นั้นกลับเป็นการใช้สภาพอารมณ์เก่าที่เราไม่พึงประสงค์ ไปกระตุ้นให้เกิดสภาพอารมณ์ใหม่ที่เราต้องการ

การจิตนาการถึงพฤติกรรมเก่าและใหม่สลับกันจะช่วยให้ระบบประสาทเกิดการเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงพฤติกรรมหรือสภาพอารมณ์ทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน ดังนั้นต่อไปเมื่อระบบประสาทกำลังจะสร้างพฤติกรรมเก่า พฤติกรรมใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้นมาเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อบวกเข้ากับแรงขับดันภายในที่ต้องจะพัฒนาตนเองแล้ว ก็มีแนวโน้มสูงที่บุคคลจะเลือกใช้พฤติกรรมใหม่แทนพฤติกรรมเก่า ซึ่งเมื่อเกิดเช่นนี้บ่อยเข้าก็ระบบประสาทก็จะจะเกิดการเรียนรู้และยอมรับต่อพฤติกรรมใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนไปสู่พฤติกรรมใหม่โยถาวรในที่สุด

//www.thaihypnosis.com




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2554 14:27:50 น.
Counter : 702 Pageviews.  

6 Step Reframe

อธิบายอย่างรวบรัดและตรงไปตรงมา เทคนิค 6 Step Reframe ใน NLP ก็คือเทคนิคการสะกดจิตตัวเอง (Self Hypnosis) แบบหนึ่งโดยเป็นแม่แบบ (Model) ที่ได้รับการถอดแบบมาจาก ดร.มิลตัน เอช. อีริคสัน ปรมาจารย์นักสะกดจิตบำบัดสมัยใหม่ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง

เทคนิค 6 Step Reframe เป็นเทคนิคที่นัก NLP ใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ให้เป็นพฤติกรรมใหม่ที่ส่งเสริมให้บุคลิกภาพหรือการดำเนินชีวิตพัฒนาไปสู่จุดที่ดีกว่า


โดยสรุปแล้วการทำ 6 Step Reframe จะเป็นการสะกดจิตโดยชักนำให้ผู้ถูกสะกดจิตติดต่อเสื่อสารกับตัวตนภายในของเขาซึ่งก็คือ “จิตใต้สำนึก” (Subconscious Mind) นั้นเอง เพื่อให้จิตใต้สำนึกเกิดการเรียนรู้และยอมรับว่าพฤติกรรมเดิมนั้นไม่มีประโยชน์ หรือถึงมีประโยชน์ก็มีน้อยเห็นสมควรให้ยอมรับและสร้างพฤติกรรมใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมาแทนที่เพื่อการพัฒนาคุณภาพหรือความสำเร็จในชีวิตที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป โดยการทำ 6 Step Reframe จะมีขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้

1. ระบุความชัดเจน โดยระบุให้ชัดเจนว่าคุณ (หรือผู้รับการสะกดจิต) ต้องการแก้ไขพฤติกรรมใด หรือพฤติกรรมตัวใดคือปัญหาของคุณ

2. เซ็ทอัพระบบ ขั้นตอนนี้ทำการเชื่อมต่อจิตสำนึกเข้ากับจิตใต้สำนึก โดยจิตนาการถึงภาพ เสียง หรือสัมผัสที่เป็นการเสื่อสารตอบสนองออกมาจากส่วนลึก (จิตใต้สำนึก) ในตัวคุณ ยิ่งการตอบสนองจากภายในเสื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจนก็ยิ่งเป็นผลดีต่อการปฏิบัติภาระกิจของเร

3. ค้นหา ต่อไปเราจะถามต่อจิตใต้สำนึกของเราว่า พฤติกรรมเดิมนั้น จิตสำนึกเราเห็นว่าไม่ดีไม่มีประโยชน์ควรได้รับการปรับปรุง จิตใต้สำนึกนั้นมีความเห็นอย่างไร เห็นว่าพฤติกรรมนี้มีประโยชน์ต่อตัวเองหรือไม่อย่างไร (ขั้นตอนนี้เรากำลังสร้างการยอมรับในระดับจิตใต้สำนึกว่าพฤติกรรมเก่านั้นควรได้รับการเปลี่ยนแปลง

4. สร้างใหม่ เมื่อได้รับคำตอบจากจิตใต้สำนึกแล้วต่อไปเราจะถามกับจิตใต้สำนึกว่ามีพฤติกรรมใหม่แบบใดบ้างที่สามารถนำมาทดแทนพฤติกรรมเก่านี้ได้เพื่อให้ชีวิตของเราเจริญก้าวหน้าหรือมีความสุขความสำเร็จมากกว่าที่มีอยู่ หากจิตใต้สำนึกไม่ข้อเสนอใดๆ เราอาจจะเสนอพฤติกรรมใหม่ที่เราต้องการให้กับจิตใต้สำนึก

5. ตรวจสอบ ใช้จิตใต้สำนึกตรวจสอบดูอีครั้งว่าพฤติกรรมใหม่นั้นมีสิ่งใดที่อาจจะเป็นปัญหาหรือไม่ (ขั้นตอนนี้เรากำลังสร้างการยอมรับในระดับจิตใต้สำนึกว่าพฤติกรรมใหม่นั้นสมควรที่ได้รับการยอมรับ)

6. ยอมรับ ในขั้นตอนสุดท้ายนี้เราจะขอการยอมรับต่อพฤติกรรมใหม่ต่อจิตใต้สำนึก โดยให้จิตใต้สำนึกยอมรับเอาพฤติกรรมใหม่นี้มาใช้แทนที่พฤติกรรมเดิม




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2554 8:30:58 น.
Counter : 1060 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  
 
 

dear143
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




สาวตัวน้อย ๆ นักบำบัดด้วยการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อรักษาอาการป่วยโรคกาย โรคใจ ปวดหัวเรื้อรัง ไมเกรน เครียด หมกมุ่น ฟุ้งซ่าน อาการกลัว (phobia) ลดความอ้วน แก้ไขพฤติกรรม อกหักรักคุด ลืมแฟนไม่ได้ รักใครไม่เป็น การแ้ก้ไขที่จิตใต้สำนึกช่วยคุณได้ สอบถามไ้ด้ค่ะ hypno_therapist@hotmail.com
[Add dear143's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com