Group Blog
 
All blogs
 

เนื่องมาจาก กระทู้ " สามีขี้งก "

สวัสดีค่า ผู้ติดตามผลงานแบบชั่วคราวและถาวร

วันนี้ยุ้ยเข้าไปอ่านกระทู้จากห้องไกลบ้าน เจอกระทู้นึง เขียนถึงสามีในทางที่ค่อนข้างงจะ Negative ขอโทษที่ต้องดัจริตใช้ไทยคำอังกฤษคำนึง เพราะเกรงว่าถ้าใช้ภาษาไทยในการออกความคิดเห็่นจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ว่าดิฉันแสดงทัศนคติที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

เกริ่นนิดนึง ตั้งหัวข้อมา ไม่ได้อยากจะประจาน หรือบอกว่าเจ้าของกระทู้นิสัยไม่ดี หรือยังไง ดิฉันในฐานะคนแสดงความคิดเห็นและเป็นคนไทยอีกคนหนึ่งที่แต่งงานกับสามีชาวต่างประเทศ มันก็ต้องมีบ้าง ที่บางทีกระทบกระทั่งกัน หรือแสดงความคิดเห็นที่มันขัดแย้งกัน แต่คู่ดิฉัน แย้งกันบ่อยคะ อันใหนที่เขาคิดว่ามันไม่เข้าท่า เขาก็จะแย้งและบอกเหตุผลมาแบบตรงไปตรงมา จนบางความเห็นทำเอาดิฉันโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และในทางกลับกัน บางทีดิฉันวิจารณ์ หรือแสดงทัศคติในแบบของดิฉันเอง ก็ทำให้เขา ฟึดฟัดได้เช่นกัน เราเรียกว่า Discuss คะ ไม่ใช่ Fight ในเมื่อความเห็นมันไม่ไปในทางเดียวกัน เราก็แยกย้ายกันไปทำอย่างอื่น ขืนคุยกันต่อไป ไม่วายต้องใส่นวมชกกันแน่นอนคะ เราสามารถเถียงกันได้ในทุกๆเรื่อง ยกตัวอย่าง เช่น อาหารการกิน การทำความสะอาด วิถีชีวิตแบบคนไทย หรือบางคราวยังรวมไปถึงการเมือง และในเรื่องทั่วๆไป

ขอออกตัวก่อนว่า ดิฉันไม่ใช่คนหัวดื้อ หรือรั้นหัวชนฝานะคะ ถ้ามีเหตุผลที่ดี บางคราวดิฉันก็ยอมจำนน และยอมรับว่ามันถูก หรือบางคราวที่ดิฉันมีเหตุผลที่ถูกต้องเขาก็ยอมรับเช่นกัน เราถึงอยู่ด้วยกันได้ และอย่างวันนี้ สามีออกใจ จะทำอาหารเย็น เขาเรียกดิฉันไปออกความเห็นว่า จะกินอย่างใหน มี 2 อย่างให้เลือก ดิฉันเลือกอย่างที่ 2 คะ เพราะมีข้าวในเมนูด้วย ดิฉันชอบกินข้าวคะ คนไทยนี่นา ข้าวมันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว เอาเป็นว่าตกลงคะ ดิฉันมีหน้าที่หุงข้าว ส่วนสามี ทำไก่งวงอบ และผักนึ่งใส่เนยด้วย อึ๋ยย.. แต่ช่างเหอะคะ ดิฉันได้ออกความเห็นไปแล้ว อย่างน้อยก็มีข้าวที่ดิฉันจะสามารถยัดลงท้องได้อยู่ โอ้ยนอกเรื่องทุกที แต่เราก็ยังขัดกันอยู่ดี ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สามีจะทำไข่คน คะ ไม่แน่ใจว่าเขียนยังไง แค่ตีไข่แค่นี้เองก็เป็นเรื่องจนได้คะ สามีหยิบเครื่องตีไข่ มาจากชั้น ต้องเสียบปลั๊ก และเตรียมอุปกรณ์ ดิฉันเห็นว่ามันยุ่งยากเหลือเกิน จึงเสนอความคิดว่า ใช้ ช้อนส้อมตี จะดีไหม แค่นั้นหละคะ เป็นเรื่องเลย จะต้องชักแม่น้ำทั้งสาย มาอธิบายว่า ในส่วนประกอบของไข่มีทั้งเนย และน้ำมัน และนม ซึ่งใช้ช้อนส้อมตีไข่ จะทำให้ไข่ไม่ฟู และเนยกับนม ก็จะไม่ผสมกับไข่ สรุปแล้วดิฉันพ่ายแพ้ด้วยหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่เขาดึงมาข่มดิฉัน แล้วความรู้แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน(นอก) อย่างดิฉัน จะไปสู้อะไรได้หละ สรุปเขาก็ใช้เครื่องตีนั่นแหละ เสร็จแล้วก็กองเอาไว้ให้ดิฉันเป็นคนทำความสะอาด เนี่ยแหละคะที่ดิฉันไม่ชอบเท่าไหร่นัก ใช้ส้อมตี ก็ล้างแค่ส้อมอย่างเดียว แต่นี่ต้องถอดปลั๊ก ถอดอุปกรณ์ทั้งหมดมาทำความสะอาดอีก เฮ้อ . . ที่จริงไม่ได้มีใครบังคับให้ดิฉันต้องทำหรอกคะ แค่ยัดใส่ลงไปในเครื่องล้างจานก็จบปัญหาแล้ว แต่ถ้าดิฉันไม่ทำ สามีดิฉันก็จะกองเอาไว้ในซิงก์ จนมันแห้ง เกาะสนิท แล้วล้างไม่ออก มาเป็นปัญหาให้ดิฉันต้องมาแงะออก จะทำให้ทำความสะอาดยากขึ้นคะ บางทีพวกถาดอลูมิเนียม ที่ใช้อบอาหาร มันล้างไม่ออก มีรอยคราบไหม้ สามีดิฉันก็จะบ่น ว่าดิฉันไม่ทำความสะอาดถาด ก่อนเอาลงไปล้าง ก็จะทำยังไงหละคะ คุณพี่เล่นกองไว้จนแห้ง ดิฉันทนเห็นความสกปรกไม่ได้ก็ต้องรีบตามล้างตามเก็บซากให้

ขอวกเข้าประเด็นดีกว่า ขืนต่อมีหวังได้พิมพ์จนเมื่อยแน่ เรื่องสามีนี่อีกยาวคะ ขอดองไว้ก่อน กับหัวข้อกระทู้ สามีขี้งก ดิฉันอ่านแล้วอยากจะออกความคิดเห็นจะแย่ แต่คิดไปคิดมาแล้ว ไม่ดีกว่า ดิฉันอยากจะวิจารณ์เขาแรงๆ อย่างใจดิฉันตั้งใจ แต่ก็อดสงสารไม่ได้ ผู้หญิงคนไทย เพิ่งแต่งงานกับสามีต่างประเทศเขา ได้ 5 เดือนและกำลังรอ กรีนการ์ด ดิฉันเข้าใจว่าเขาคงเดินทางเข้ามาด้วย วีซ่าคู่หมั้นเป็นอย่างแน่นอน แต่ช่างเหอะไม่ใช่ประเด็น เรื่องสำคัญของเขาคือเขาบ่นว่าสามีเขาขี้งก ให้เงินไว้ใช้จ่ายวันละ $20 เขาบ่นเพราะว่าอยากได้ที่มันมากไปกว่านี้ แต่น้องผู้หญิงคนนี้เขายังไม่มีรายได้ เพราะต้องรอ ใบโซเชียลเพื่อสามารถออกไปหางานทำได้ อย่างถูกกฏหมายอเมริกา น้องเขาบอกอีกด้วยว่า สามียืมสตังค์และไม่ยอมคืนด้วย และเขาเรียกสามีเขาว่ามันหน้าด้าน และที่แย่กว่านั้น เขาก็ทิ้งข้อความในกระทู้ของเขาด้วยว่า * แบบนี้สงสัยจะรักกันไม่นาน F_ck ! * อันนี้ไม่ใช่ความเห็นดิฉันนะ น้องเขาเขียนไว้ยังงี้จริงๆ ดิฉันอ่านเสร็จก็รีบเข้ามาอัพบลอคตัวเองเลยทันใด เพราะคิดในใจตอนแรกว่าจะอัพเดธนินทาสามีเสียหน่อย หลังจากทำเราหัวฟัดหัวเหวี่ยงเรื่องเครื่องตีไข่ตะกี้แล้ว เลยกลายเป็นขอเปลี่ยนหัวข้อมาเป็นเรื่องชาวบ้านแทน

มาแยกประเด็นเป็นข้อๆเลยดีกว่าว่าดิฉันอยากจะให้ความเห็นจากกระทู้นี้ว่ายังไงบ้าง คนอื่นอาจจะคิดแตกต่างจากดิฉันนะคะ ไม่ว่ากันคะ เรื่องของความคิดเห็นนี่ ว่ากันไม่ได้อยู่แล้ว ร้อยพ่อพันแม่ คิดกันได้คนละอย่าง เป็นสิทธิของเขาคะ

  1. น้องเขาว่าสามีขี้งก
ดิฉันว่าสามีเขาไม่ได้ขี้งกหรอกคะ แต่ว่าน้องเขาคาดหวังเอาไว้สูงมากเกินไป ว่าจะต้องได้อะไรบ้าง จากการมาอยู่ต่างประเทศ เงิน $20 เอาไว้ติดกระเป๋ายามฉุกเฉิน ดิฉันก็ว่าไม่เลวนะ สำหรับคนที่เพิ่งมาอยู่ต่างประเทศใหม่ๆ และภาษา กับสถานที่ก็ยังไม่คุ้นเคย คุณเองก็ยังไม่มีรายได้ ต้องขอเงินจากสามี ดิฉันว่าสามีเขาก็ไม่เลว ถ้าเขางกจริงๆ เขาจะไม่ให้แม้แต่ เพนนีเดียว
ขอเสริมนิดนึง ดิฉันคิดว่า เขาจ่ายให้คุณมาเยอะมากพอแล้วหละคะ กว่าคุณจะเข้าประเทศมาได้ คิดเล่นๆว่าสามีคุณต้องทำเรื่องขอวีซ่าให้คุณเข้ามา เป็นเงินเท่าไหร่ ธรรมเนียมในการขอวีซ่าคู่หมั้น พอมาถึงอเมริกา คุณยังจะต้องจ่ายค่าวีซ่าในการปรับสถานะให้เป็น เรซิเดนส์อีก ค่าบ้านค่าอพาทเมนท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนต รวมถึงที่เขาเองก็ยังมีค่าใช้จ่ายโดยปรกติที่จะต้องจ่ายทุกเดือนอยู่แล้ว ไม่นับว่ารวมคุณเข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัวอีกคนหนึ่ง มันเงินทั้งนั้นเลยนะคะ อย่าคิดว่าเป็นภรรยาแล้วจะต้องอยู่สุขสบาย โดยให้สามีไปทำงานลำบากอยู่คนเดียว หาเลี้ยงคุณให้เป็นราชินี คุณแต่งงานเพราะว่าอะไรหละคะ นอกจากจะไม่ช่วยส่งเสริม ยังจะทำลายอีก แล้วแบบนี้ Relationship จะควรอยู่ในระดับใหนดีเนี่ย health or weak
  1. สามียืมสตังค์ไปแล้วไม่คืน เขาหน้าด้านไหม
จริงอยู่เงินนี้พ่อแม่คุณเอาไว้ให้คุณใช้ยามฉุกเฉินที่ต่างประเทศ แต่ในเมื่อคุณกับสามี ตกลงจะร่วมใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว การร่วมใช้ชีวิตคือการแชร์คะ แชร์ในทุกอย่าง ไม่ว่าความทุกข์ หรือความสุข เพราะฉะนั้นเงินคุณกับเงินเขา ก็คือกองเงินเดียวกัน ดิฉันเข้าใจถูกไหมคะ
เรื่องนี้แล้วแต่วิจารณญานของแต่ละคนคะ สมัยที่ดิฉันเป็นแฟนกับสามี เราไม่ได้อยู่ด้วยกันคะ เขาอยู่กับน้องชายที่มีลูกสาววัย 5 ขวบ และ หมา รวมเป็น 4 ชีวิต จริงๆก็ไม่ถึงกับแร้นแค้นอะไรนักหนาหรอก ถ้าน้องชายวัย 27 ขวบ ของเขาจะโตตามอายุหน่อย ก็คงจะอยู่แบบสบายๆ สามีดิฉันเป็นคนหาเงิน คนเดียว เพื่อเลี้ยงดู 4 ชีวิต อันนี้เรื่องจริงคะ ดิฉันยืนยันเพราะ เสาร์อาทิตย์ ดิฉันหยุดงานจะแวะไปหาแฟนดิฉันตลอด ทำให้รับรู้เรื่องแย่ๆมาโดยตลอด น้องชายสามี ไม่มีงานทำคะ แถมมีลูกสาว ที่จะต้องเข้า รร. อนุบาล ทำยังไงคะ รายได้ไม่มีแต่มีลูกด้วยเนี่ย ใครจะหาข้าวให้กิน ซื้อนมให้ จ่ายค่ารร. คือยังงี้คะ บางคนอาจจะบอกว่า โรงเรียนในอเมริกาไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หลานสาวของแฟนดิฉัน ยังอายุไม่ถึงเกณท์ในตอนนั้น ก็ต้องอยู่ Pre school ก็เหมือนรับเลี้ยงเด็กทั่วไปหละคะ ต้องมีนมกับขนมติดกระเป๋าไปด้วย ทุกครั้ง เมื่อพ่อไม่มีรายได้ ก็ต้องตกเป็นหน้าที่ของลุง ดิฉันก็เห็นใจ เสาร์อาทิตย์ก็ขอเสนอตัวไปซื้ออาหารไว้ให้ ดิฉันไม่ได้ชอบน้องชายเขาเท่าไหร่หรอกคะ แต่เห็นใจแฟน และหลานสาวตัวน้อย ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว
ทำไมดิฉันถึงไม่ชอบน้องชายของแฟนหรอคะ ไม่มีอะไรมากเลยคะ เขาไม่มีความรับผิดชอบ ขี้เกียจ และสกปรก ย้ายมาอยู่กับแฟนดิฉันเป็นเวลาเกือบปีนึง แต่ยังไม่มีงานทำ และไม่คิดจะออกไปหางานทำ อ้างว่าที่นี่ไม่มีงานอะไรดีๆให้เขาทำ เขาหมายถึงงานที่รายได้ค่อนข้างดีหน่อย งานตาม super market ต่างๆเขาไม่ทำหรอกคะ เพราะรายได้น้อยเกินไป สำหรับคนอย่างเขา ดูเอาเหอะ จนยังไม่เจียมตัวอีกนะ เพราะฉนั้น เวลา เกือบปีที่เขามาอาศัยอยู่กับสามีดิฉัน ไม่มีที่จะช่วยจ่ายค่าที่อยู่ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหารทุกอย่างตกเป็นของสามีดิฉันหมด โดยปริยาย ค่าโรงเรียนของหลาน สามีดิฉันก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบเช่นกัน โดยที่พ่อแท้ๆ มีหน้าที่นอนหลับ และพอตื่นขึ้นมาก็เล่นเนตแชทหาสาวๆเอาไว้คุยยามเหงา โทสับที่ดังอย่างไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งตี 3 และยามวิกาลก็จะแชทก๊อกแก๊กทั้งคืน ที่สำคัญ เลวมาก สูบบุหรี่ในห้อง ที่มีลูกสาวตัวเองนอนอยู่ โอโห..พูดละความดันเลือดพุ่ง นอกเรื่องทุกทีเลยเรา สามีเราเงินชักหน้าไม่ถึงหลังคะทีนี้ เราเป็นแฟนเห็นเค้าเดือดร้อนจะให้อยู่เฉยๆหรอคะ ไม่ได้อวดร่ำรวยอะไรหรอกคะ แต่ดิฉันก็พอที่จะมีเงินเก็บไว้บ้างจากการทำงาน เลยให้แฟน(ตอนนั้น) ยืม เขาก็ไม่ได้จะขอยืมหรอกคะ ดิฉันยัดเยียดให้เขาเองแหละ ทนไม่ได้หรอก ที่จะเห็นเขาไปรูดบัตรเครดิตเอาเงินสดใช้ พันนึงบ้าง ห้าร้อยบ้าง เขาก็คืนให้ทุกครั้งแหละ พร้อมดอกเบี้ยด้วย อิอิ แต่ว่า จากการที่ดิฉันหยิบยื่นน้ำใจให้เขาไป ทำให้เขาซาบซึ้งว่าดิฉันจริงใจกับเขาจริงๆ ในขณะที่เขากำลังลำบาก เพื่อน ๆ ก็ไม่มีใครจะช่วยเหลือ แต่ลึกๆแล้วดิฉันไม่ได้คาดว่าเขาจะคืนสตังค์ให้หรอก ให้หรือไม่ให้ ไม่สำคัญ เพราะดิฉันตั้งใจว่าจะช่วยเขา และนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลข้อนึงก็ได้ ที่เขาเลือกดิฉันเป็นภรรยา
  1. เรื่องเงิน เรื่องทอง สำคัญไหม สำหรับชีวิตคู่
สำคัญคะ ดิฉันยืนยันได้ ว่ามันสำคัญมาก ดิฉันทำงานคะ สามีดิฉันก็เป็นคนทำงาน อย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน ก่อนหน้าที่ดิฉันจะท้อง ดิฉันก็ทำงาน 2 ที่ด้วยซ้ำ 7 วันดิฉันเหมารวด เพราะว่าค่าใช้จ่ายมันไม่พอจริงๆ ดิฉันจึงจำเป็นต้องหาเงิน มาให้มันพอกับค่าครองชีพที่นี่ ตอนนั้นยังไม่ได้อยู่กับสามี เออ.. ดิฉันต้องหาเงินมาบำรุงค่าวีซ่าด้วยคะ ที่มันแพงก็อาจจะเป็นเพราะอันนี้ด้วยหละ ที่อยู่ ที่พัก น้ำมันรถ ค่ากิน ค่าอยู่ แต่ก็ยังพอจะมีช่วยเหลือทางบ้านที่เมืองไทยได้บ้างคะ จนกระทั่งแต่งงานกัน ดิฉันก็ย้ายมาอยู่กับสามี ตอนนี้น้องชายสามีถูกกำจัดไปแล้ว ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง และให้การสนับสนุน 5 5 5 เราเริ่มมีความเป็นอยู่ที่สบายขึ้นทั้งตัวและใจ ไม่ต้องคอยทำความสะอาดบ้านให้กับคนอื่นๆ ประกอบกับเราเองก็ทำงานด้วยทั้งคู่ ถึงแม้ดิฉันจะมีรายได้ที่ไม่ค่อยเยอะก็เหอะ แต่ก็อยู่กันได้อย่างสบายๆ เอ้อลืมบอกไปที่บอกว่าเงินสำคัญไหม สำหรับครอบครัว สำคัญคะ 2 คนใช้ชีวิตร่วมกัน รับผิดชอบชีวิตน้อยๆที่จะเกิดมาร่วมกัน เพราะฉนั้นดิฉันทนไม่ได้หรอกคะ ที่จะเห็นอีกคนนึงที่ดิฉันรัก ทำงานตัวเป็นเกลียว ดิฉันจึงเลือกที่จะทำงานตอนท้องจนถึง 7 เดือนถึงหยุดงานเนี่ยแหละคะ
  1. $20 ไว้ติดตัว น่าเกลียดไหม
ดิฉันว่าไม่น่าเกลียดหรอกคะ ลองคิดกลับกันว่าถ้าเขาไม่ให้ เขาผิดไหม ขอตอบว่าไม่ผิดคะ เงินของเขาหนิ แต่คุณอาจจะแย้งว่า ในเมื่อคุณเป็นภรรยา ก็มีสิทธิ์จะใช้เงินของสามี ถูกคะคุณมีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของสามีอย่างถูกต้อง อันนี้แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละครอบครัวว่ามีมาตรฐานของการใช้จ่ายกันอย่างไร ดูจากปัจจัยและความเหมาะสมด้วยคะ บางคนที่ไม่ได้ทำงาน หรือว่าสามีมีรายได้ที่ไม่มากนัก คุณจะใช้จ่าย วันละ $ 200 ไหวไหมคะ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ว่า มีดุลยพินิจมากแค่ใหน ค่าใช้จ่ายแต่ละบ้านไม่เหมือนกันคะ แต่ละครอบครัวเขามีรายได้ไม่เท่ากันจริงไหมหละ คนทำงานหาเงิน กับคนอยู่บ้านรอใช้เงิน มันต่างกันนะคะ คุณน้องขา เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง จะได้รู้ว่าบางทีมันก็ทำให้อีกคนหนึ่งเขาหนักใจเหมือนกัน ลองเอากลับไปคิดดูให้ดีๆ

ตัวดิฉันเองไม่มีแม้แต่ดอลล่าร์ติดกระเป๋าเลย เพราะไม่ชอบพกเงินสดจริงๆ แต่เงินเดือนทุกๆเพนนี ดิฉันเป็นคนเก็บคะดิฉันสามารถใช้ได้ไม่มีลิมิต แต่ว่าดิฉันต้องเป็นรับผิดชอบ และใช้ดุลยพินิจในการจ่ายด้วย ว่าจะทำยังไงจะบริหารเงินจำนวนนี้ให้ลงตัว กับ 2 อาทิตย์ ให้พอกับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน (เงินเดือนสามีออกทุกๆ 2 สัปดาห์) ของดิฉันรับเงินสดและเงินเดือนออกทุกๆ 2 สัปดาห์เช่นเดียวกัน ส่วนเงินส่วนตัวของสามีดิฉันก็มีไว้ให้ใช้ส่วนตัวต่างหากอีก อาทิตย์ละ 500 จะเอาไปจ่ายอะไรก็เรื่องของเขาเหอะคะ ดิฉันไม่สนใจหรอก เราเองก็ยังมีเงินส่วนตัวที่เราไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เลยหนิว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เงินมันมีปีกคะ บินไปจากกระเป๋าเราโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยแฮะ ตอนนี้เราไม่มีงานทำ สามีเป็นคนที่หาเงินเข้าบ้านเพียงคนเดียว เพราะฉนั้นดิฉันต้องประหยัดมากขึ้นคะ ทำเพื่อลูกคะ
เพราะมีคนตัวเล็กๆ กำลังจะเกิดมา ให้พวกเรารับผิดชอบเพิ่มขึ้นอีก 1 ชีวิต เป็นครอบครัวของเราเอง ที่ไม่ใช่เงินของฉัน หรือเงินของเธออีกต่อไปแล้ว ดิฉันอยากเห็นครอบครัวของดิฉันเต็มไปด้วยความสุขคะ ไม่ใช่ของฉันคนเดียว หรือของสามีคนเดียว
  1. ผิดหวังไหม ที่อยู่ต่างประเทศแล้วไมได้สบายอย่างที่คิดเอาไว้
รู้สึกแค่แปลกใจนิดหน่อยแค่นั้น เพราะเคยคิดเอาไว้ว่ามาอยู่ต่างประเทศแล้ว คงจะร่ำรวยอย่างคนอื่นที่เขาไปทำงานต่างประเทศกัน โอโห เอาเข้าจริงๆ มันหน้ามือกับหลังมือชัดๆเลยเนี่ย เหนื่อยไหมกับการทำงาน เหนื่อยคะ เพราะดิฉันต้องเริ่มต้นใหม่หมด อย่าคิดว่าจะสบายเหมือนกับตอนทำงานที่เมืองไทย เฮ้อ แต่มาได้ขนาดนี้แล้ว จะถอยก็ยังไงอยู่ ดิฉันได้แต่คิดว่า เมื่ออะไรมันเข้าที่เข้าทาง เราคงจะมีโอกาศได้ทำงานดีๆสักวัน แล้วค่านิยมคนไทยเรา ได้สามีฝรั่ง จะต้องร่ำรวย สบายไม่ต้องออกไปทำงานก็มีเงินใช้ ได้ขับรถยุโรปคันเบ่อเริ่ม เป็นคุณนาย(หงอน) อยู่บ้าน ไปชอปปิ้งดูหนังฟังเพลงแก้เครียด บางคนเขาวาสนาดี ก็ได้สามีดี ร่ำรวยด้วย ไม่ได้ประชดใครนา อันนี้ยินดีกับเขาด้วยจริงๆ
เคยได้ยินไหมหละคะว่า แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้ แล้วแต่บุญเก่าของชาติที่แล้วคะ ใครที่ได้สามีรวยๆ ดิฉันก็ยินดี สาธุให้เขามีความสุขไปกับเงินทองที่มีมากมาย จนเหลือแบ่งไปให้คนที่เมืองไทยด้วย

ขอตัวไปกินข้าวเย็นก่อนคะ สามีเรียกแล้ว ยังไงแวะมาออกความคิดเห็นกันไว้นะคะ ว่าคิดยังไงบ้าง ห้ามคอมเมนท์ด่าดิฉันนะคะ ดิฉันแค่ออกความเห็นแค่นั้น ใครไม่ให้เห็นด้วยก็ผ่านไปเลย ไม่ว่ากัน





 

Create Date : 30 กันยายน 2550    
Last Update : 11 มีนาคม 2552 0:45:43 น.
Counter : 1218 Pageviews.  

- - สิ่งสำคัญ - -



มีใครเคยคิดเล่นๆบ้างไหมคะ ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตแต่งงานคืออะไร งานวิวาห์เลิศหรูอลังการงานสร้าง ไม่ก็แหวนโครตเพชร 50 กะรัต รถยุโรปคันเท่าบ้านเท่าเมือง หรือไม่ก็บ้านพร้อมที่ดิน มีสระว่ายน้ำอยู่หลังบ้าน สิ่งพวกนี้หรือปล่าว ที่เราอยากได้ ดิฉันมีคำถามไว้อยู่ในใจคนเดียวมาตลอด ว่าเราต้องการ หรือ อยากได้อะไรบ้าง จากชีวิตการแต่งงาน
ย้อนกลับไป เมื่อวัยแรกรุ่น วาดฝันเอาไว้ ว่าอยากจะแต่งงานเมื่อเรียนจบให้เรียบร้อย อายุก็คงจะราวๆ ซัก 23 เห็นจะได้ แต่เอ๊ะเวลาผ่านไปจนเรียนหนังสือจบ ต้องหางานทำแล้วสิ จะเอาเวลาที่ใหนไปแต่งงานหละ แค่แฟนยังไม่มีทีท่าว่าจะโผล่เข้ามาในชีวิตเลย ดิฉันหมายถึงคนที่คบกันจริงจัง หวังจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนแก่จะเฒ่า มีไหมคะ ล้อมรอบไปด้วยเพื่อนฝูง และผู้คนมากมาย แต่รู้สึกเหมือนว่าเราไม่มีใคร และยังไม่เจอใครที่ใช่จริงๆ สักที
ผ่านช่วงความคิดสมัยเป็นวัยรุ่นพ้นไป เป็นวัยทำงาน พัฒนาการทางด้านความคิดของดิฉัน เริ่มเติบโตขึ้นเล็กน้อย เปลี่ยนจากคิดจะหาผู้ชายสักคนที่ใช่ ก็กลายเป็น หาผู้ชายสักคนที่มีความรับผิดชอบ ดูแลตัวเองได้ โอ้ย พิมไปยัง งงตัวเองไปด้วย ตกลงจุดประสงค์คืออะไรเนี่ย
คืองี้คะ มีเพื่อนดิฉันกำลังเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงาน ดิฉันก็ยินดีไปกับเขาด้วยอยู่หรอกคะ ถ้าเขาเจอคนที่พร้อมจะแชร์ชีวิตร่วมกันแล้วจริงๆ ในฐานะเพื่อน เราก็ต้องดีใจใช่ไหมหละ แต่ว่ามันมาสะกิดใจดิฉันตรงที่ว่า งานแต่งงานจะต้องเป็นพิธีที่เอิกเกริก ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง แหวนเพชรเม็ดเบ่อเริ่ม ด้วยราคางบประมาณ 1 หมื่น ดอลล่าร์สหรัฐ ไปหาสูตรคูณมาบวกลบกันเอาเอง ดิฉันไม่กล้าคิดเป็นเงินไทยหรอกคะ
ย้อนกลับมาหาตัวเอง งานแต่งงานของเราสองคน ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีหมายกำหนดการงานแต่งงาน ไม่มีดนตรี ไม่มีเหล้า ไม่มีอะไรซักอย่าง มีเพียงแหวน 2 วง ที่เราแลกกัน และบาทหลวงเป็นสักขีพยานในความรักของเราเท่านั้น ถามว่าเพียงพอไหม ดิฉันอยากได้งานที่เป็นพิธีใหญ่โต มีแขกรับเชิญเป็นพันคนไหม มีดอกไม้ เค้กก้อนโต เปิดแชมเปญฉลอง แล้วก็ใส่แหวนเพชรวูบวาบในงาน โชว์ให้แขกเหรื่อให้รับรู้ว่าดิฉันได้แต่งงานกับผู้ชายที่สุดแสนจะน่ารัก ทุ่มทุนสร้างขนาดใหน ในโรงแรมใหญ่ๆ ดิฉันอยากสิคะ ใครบ้างหละไม่ชอบ ดิฉันเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนก็ใฝ่ฝันจะใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวพองๆ ทั้งนั้น
แต่ในทางกลับกัน ถ้าจะให้ดิฉันเหนื่อยกับการจัดงานพิธี กะเกณท์คนที่จะมาร่วมงาน แจกการ์ด ยืนปั้นหน้าปั้นตารับแขกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยละก็ ดิฉันขอเลี่ยงดีกว่า บอกตรงๆว่าขี้เกียจคะ สามีก็เป็นคนไม่มีพิธีรีตองเช่นกัน เราสองคนก็เลยวิวาห์กันด้วยความไม่มีพิธีใดๆทั้งสิ้น
ไม่ได้เขียนเพื่อจะโอ้อวดใดๆทั้งสิ้น ชีวิตแต่งงานของดิฉันมีความสุขคะ ดิฉันเจอผู้ชายที่ดิฉันตามหามาตลอดทั้งชีวิต คนทีี่คิดว่าใช่ คนที่ฉันอยู่ด้วยแล้วมีความสุขใจ สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่เงินทอง ทรัพย์สิน หรือใดๆทั้งสิ้น นี่คงเป็นความเข้าใจกัน ตราบใดที่เราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แหวนเพชร 1 หมื่นดอลล่าร์ ก็ไม่สามารถทำต่อมอิจฉาริษยาของดิฉันแตกดังโพละได้อย่างแน่นอนคะ
ลองคิดเล่นๆดูว่า ใส่แหวนเพชร 1 วง มูลค่า 1 หมื่นดอลล่าร์ กับรถยนต์ 1 คัน เพิ่มเงินอีกนิดนึง คุณจะเลือกเอาอะไรคะ นานาจิตตังคะ ดิฉันไม่ได้บอกว่าความคิดของดิฉัน ถูกต้อง ทุกคนต้องเห็นด้วยตามดิฉันให้หมด

แต่ในมุมมองของดิฉัน ประเด็นอยู่ตรงที่ วัตถุกับจิตใจ อันใหนมีค่ามากกว่ากันสำหรับคุณ คุณต้องการความสุข ความรัก หรือว่า ความสบาย ความร่ำรวย ดิฉันล้มลุกคลุกคลานกับการตามหาความสุขมาบ่อยเหลือเกิน จนบางครั้งมันก็ท้อแท้ว่า เรายึดมั่นถือมั่นว่า เงินทองจะบันดาลความสุขมาให้เราจริงๆหรือ ข้อสรุปของตัวดิฉันที่ได้ เงินเป็นแค่ปัจจัยที่ช่วยเสริมให้คุณมีชีวิตที่สบายขึ้นเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งประกันได้ว่าชีวิตคุณจะมีความสุข แล้วคุณเองหละ หาข้อสรุปในตัวเองได้หรือว่า อันใหนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของคุณ ขอให้โชคดีและหาคำตอบให้ได้นะคะ




 

Create Date : 28 กันยายน 2550    
Last Update : 11 มีนาคม 2552 0:45:12 น.
Counter : 403 Pageviews.  

เซ็งซะมีแท้ หนอ



เขียนมาจนเกือบจะเสร็จแล้ว รูปดันไฟล์ใหญ่เกินไป ให้กลับไปแก้ไขใหม่ แล้วข้อความที่เขียนเอาไว้หละ ดันหายไปด้วยกันหมด เฮ้อ .. เซ็ง

วันนี้มีแต่เรื่องเซ็งจังคะ แต่เช้าเลย ดิฉันกำลังนอนหลับสนิทมาก ตอน 6 โมงเช้าได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่ได้เอะใจ สามีลุกไปรับสาย ปรากฏว่าปลายสายเป็นเสียงผู้หญิง ดิฉันรู้ทันทีเลยว่าใครโทรมา ยัยคนนี้เป็นแฟนเก่าของสามีดิฉันเองคะ ดิฉันไม่ชอบหล่อนหรอก ไม่ได้หึงไม่ได้หวง แต่หล่อนชอบลุกล้ำสิทธิส่วนตัวของฉันมากเกินไป เลยไปจนถึง ความไม่มีมารยาทของหล่อน ที่แสดงออกอยู่เป็นเนืองๆ จนดิฉันชินชาและเริ่มรู้สึกไม่ถูกชะตาเท่าไหร่

ดิฉันเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลถึงขนาดจะเกลียดเขาเพียงเพราะว่าเขาเป็นแฟนเก่าหรอกนะคะ แต่ดิฉันรับไม่ได้จริงๆ ยัยคนนี้จะชอบมายึดพื้นที่ในเวลาส่วนตัวของพวกเรามากเกินไป คนที่น่าตำหนิด้วยอีกคนก็คือสามี รู้ทั้งรู้ดิฉันนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ ดันจะคุยโทรศัพท์ในห้องนอน คนที่ไม่อยากร่วมวงสนทนาด้วยก็เลยต้องตกกะไดพลอยโจรได้ยินทุกโสตประสาทหูของดิฉันเนี่ย ข่มตานอนต่อก็ไม่หลับแล้ว เสียงมันดังท่ามกลางความเงียบสงัด ทุกคนก็ยังหลับกันอยู่ทั้งนั้น 1 ชม.ผ่านไป ยังไม่หยุดคุยกัน ดิฉันทนไม่ไหวก็ลุกมาเข้าห้องน้ำ แกล้งปิดประตูใส่หน้าไป 1 ปัง คิดว่าจะสำนึก ยังคะ ยังไม่หยุด นี่ไม่แคร์กันบ้างเลยหรือไง ว่าฉันอยากนอนนะ (เว้ย) ดิฉันก็เลยประชดด้วยการมากระด๊อกกระแด๊กเอาน้ำไปรดต้นไม้ ตรงระเบียง พาหมาไปเดินตอนเช้า สะใจคะไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันเนี่ยหละ คาดว่าสามีคงรู้สึก วางหูไปแล้วหละ ดิฉันยังไม่ยอมพูดด้วย เปิดหน้าคอมพิวเตอร์ตรงไปที่บลอคแกงค์ทันทีเลย หายง่วงแล้วเรา วันนี้อากาศเย็นๆ ดิฉันต้องใส่เสื้อเพิ่มเพื่อความอบอุ่นในร่างกาย รู้สึกว่าคัดจมูกด้วย น่ากลัวจะเป็น Allergy อีกแล้ว มันมากับลมหนาว แทบทุกครั้งเลย สามีดิฉันกลับไปนอนต่อ ได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ทำให้ดิฉันยิ่งขุ่นข้องหมองใจกว่าเดิมอีก คอยดูเหอะ วันนี้จะไม่พูดด้วยทั้งวันเลย


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



เมื่อ 2 วันก่อน เป็นกำหนดหมายนัดจากคุณหมอถึงคุณนายรี ต้องไปฉีดวัคซีนอีกแล้ว ทีนี้เราเพิ่งย้ายจากที่อยู่เดิม เพราะฉนั้น หมอที่คุณนายรีเคยไปประจำทุกครั้งก็ต้องเปลี่ยนด้วย สาเหตุจริงๆเราก้ไม่อยากพาไปที่นั่นแล้วเหมือนกัน เพราะเค้าชาร์จทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งสำลีชุบแอลกอฮอลล์ ไม่มีความยุติธรรมเลย เราก็ไม่ค่อยชอบ แต่ไม่มีทางเลือก คลีนิคเก่า แค่พาเดินข้ามถนนก็ถึงแล้ว สะดวกคนพาไปนั่นเอง
จนเมื่อเราย้ายมาอยู่ทางเหนือของเมือง สามีก็เลยบอกให้ดิฉัน(อีกแล้ว) พาไปอีกที่นึง อยู่ใน Pets mart มีคลีนิคที่เพิ่งมาเปิด เราเองก็ชอบใจในราคาที่พอทนได้ ไม่แพง ไม่ถูกมากเกินไป ตกลงเป็นว่า เราพามาที่ใหม่นี่ละกัน คุณนายรียังไม่มีประกัน ก็ต้องทำประกันสุขภาพให้ก่อน เนี่ยหละคะ ชีวิตในอเมริกา เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ถ้าไม่มีประกันก็ เตรียมตัวเป็นหนี้ไปเลย ไม่เว้นแม้กระทั่งหมา คิดดูเหอะ เราทำประกันให้คุณนายไว้เพื่อครั้งต่อไปจะได้ไม่ต้องจ่ายค่ายา ค่าอาหาร ค่าอาบน้ำ ตัดเล็บ แปรงฟัน ในราคาเต็มเม็ดเต็มหน่วย รายละเอียดในประกัน ไว้จะเอามาคุยคราวหน้าละกัน
ไปถึง รพ. เราก็กรอกเอกสารไป เจ้าหน้าที่เขาจะต้องวัดน้ำหนัก แต่คุณนายนี่สิ ขัดขืนไม่ยอมเท่าเดียว ไม่ว่าจะเอาขนมมาล่อ แต่ก็เคี้ยวของเค้าตุ้ยๆ ไม่ใช่ไม่เอาทีเดียว แต่ไม่ยอมขึ้นวัดน้ำหนัก สงสัยกลัวเค้ารู้ว่าตัวเองอ้วนแน่ๆเลย จนเจ้าหน้าที่รำคาญ จับหล่อนขึ้นชั่งเลย อุ้มเอา ดูแล้วน่าสงสาร ดิฉันช่วยอุ้มไม่ได้ด้วยสิ ตัวหล่อนหนักเกินไป ขืนอุ้มไปมีหวังท้องแตกแน่ แค่ลากมาหาหมอก็งานหนักแล้ว
จากนั้นก็พาเราสองคน ไปนั่งรอในห้องคนไข้ ที่มีบรรยากาศเย็นยะเยือกสมกับเป็นห้องพักคนไข้จริงๆ ยัยรีคงรู้ สังเกตุได้จากท่าที กระวนกระวายใจของหล่อน ดูมีพิรุธ สงสัยจะจำเหตุการณ์คราวก่อนได้ หล่อนท้องเสีย เมื่อ 3 เดือนก่อน พวกเราต้องพามาหาหมอ หล่อนโดนจับตรวจเลือด แล้วก็ล้วงตูด อะจึ๋ยย.. มันเจ็บเนอะ เข้าใจ ๆๆ 5 5
แต่ทำยังไงได้หละ ก็หนูไม่สบายหนินา แต่คราวนี้เค้าแค่วัดอุณหภูมิเฉยๆ ยัดตูดอีกตามเคย ยัยรีไม่ยอมให้ตรวจหรอกเพราะว่ารู้ซึ้งถึงรสชาติความขมขื่นมาแล้ว ถึงแม้จะรับสินบนเป็นคุกกี้มาแล้วก็ตาม จะงอแงเสียอย่าง นั่งรอสักพัก คุณหมอก็มาตรวจต่อ ร่างกายปรกติ แข็งแรงคะ มีขนร่วงบ้างเพราะเป็นหน้าร้อน หล่อนต้องผลัดขน ทำยังกะฤดูใบไม้ร่วงเลยแฮะ หมอฉีดยาไป 2 เข็ม ควบคุมฮอร์โมนของหล่อน เพราะว่าหล่อนจะหงุดหงิดมาก ตามประสาสาววัยทอง จะต้องมีเคมีคอยควบคุม อยู่ทุกๆ 6 เดือน และก็วิตามินเสริมมาด้วย เพราะหล่อนเป็นสาวทึนทึกไม่มีลูก ไม่มีสามี แต่ทำหมัน เลยต้องอะไรไปเสริมสร้างฮอร์โมนในร่างกายเขาด้วย เอาเป็นว่าเราเข้าใจกันตามนี้ละกันเนอะ ไม่อธิบายแล้วปวดหัว
หลังจากนั้นพาคุณนายไป เสริมสวยคะ ต้องทำผม (อาบน้ำนั่นแหละ) ตัดเล็บ แปรงฟัน และปั่นหู ดูแล้ว น่าสนุกดีออก แต่คุณนายไม่ชอบอาบน้ำคะ เลยโหยหวนใหญ่ ดิฉันก็จำใจต้องทิ้งหล่อนไว้ที่นั่นคะ ขืนรอรับ คุณนายมีหวังไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เขาแน่ๆ 5 โมงเย็น สามีเลิกงานก็แวะมารับลูกสาว แถมมีบ่นด้วยว่า ยัยรีมันประจบซื้อขนมเยอะแยะ ก็ต้องซื้อแหละคะ พาเค้ามาฉีดยาแล้วก็ต้องเอาใจหน่อย ได้กระดูกรสนมมา 2 แท่ง แครกเกอร์อีก 2 ถุงใหญ่ ดิฉันเองก็ซื้ออาหารกระป๋องรสเนื้อวัวมาให้เอาไว้ผสมกับอาหารเม็ดคะ เพราะพักหลังนี้เริ่มเขี่ยๆอาหารแห้ง กะจะมากินอาหารไทยว่างั้นเหอะ หล่อนชอบกินข้าวนะ ดิฉันแอบเอาให้กินอยู่บ่อยๆ เวลาพ่อไม่อยู่บ้าน แต่ถ้าเห็นก็เป็นเรื่องคะ คุณชายจะโวยทันที หาว่าดิฉัน จะทำให้รีอานน่าเป็นพยาธิ มันจะเป็นพยาธิได้ยังไง หมาทั่วประเทศไทยเขาก็กินข้าวกันนินา ช่างเหอะ ขี้เกียจเถียงด้วย วันหลังไม่อยู่จะใส่น้ำปลาให้กินด้วยซ้ำไป เชอะ


ใกล้จะถึงงานเบบี้ชาวเวอร์แล้ว ดิฉันตื่นเต้นนิดหน่อย ท้องก็เหมือนจะใหญ่ขึ้นจากเดิมนิดนึง หน้าท้องก็แตกลาย น่าสงสารจริงๆเลยเรา คุณลูกชายสบายดีคะ แข็งแรง และหิวบ่อยด้วย ท่าทางจะตัวโตแฮะ
เพื่อนร่วมงานของสามีส่งอีเมลมาหา จะขอความร่วมมือ ทำเซอร์ไพรส์ปาตี้ ให้กับสามีดิฉัน และกำชับไว้ไม่ให้บอกสามีรู้ แต่ช้าไปแล้วคะ ดิฉัน งง ว่าใครส่งอีเมลมาหาก็เลยถามสามี ปรากฏว่าสามีอ่านไปเรียบร้อยแล้ว 5 5 5
ในเนื้อความบอกว่า จะมีปาตี้ วันก่อนงานเบบี้ชาวเวอร์ 1 วัน ที่ทำงาน เอ๊า.. ดิฉันเป็นคนท้อง แทนที่จะเซอไพรส์ฉัน กลับไปจัดให้สามี ประหลาดแท้ แต่ก็เหอะ ไปก็ไป กินเหล้าก็ไม่ได้ มันจะเป็นงานปาตี้ของลูกฉันยังไงยะ พวกนี้หาเรื่องจะกินกันแหงๆเลย มาหลอกใช้เราเป็นตัวต้นตัวตี ไปก็ไป ไปเอาของขวัญ ฮิ๊วววว



Note : คุณนายหอยทาก จะต้องโบกมืออำลาบลอคแกงค์ชั่วคราวแล้ว ต่อไปคงไม่มีใครมาคอยคอมเมนท์เราแน่ๆ ขอให้โชคดีนะน้อง ขอหื้อมีความสุขนักๆ ในอังกฤษ นะ น้องรัก







 

Create Date : 27 กันยายน 2550    
Last Update : 7 ตุลาคม 2550 1:17:39 น.
Counter : 614 Pageviews.  

ไม่มีหัวข้อจะเขียน

สวัสดีคะ
นึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี วันนี้ตื่นตั้งแต่ตี 5 พยายามข่มตานอนอีกรอบก็ไม่ไหว กลิ้งไปกลิ้งมา ก็ไม่ได้ผล เลยตื่นมาเคาะบอร์ดตอนเช้า สามีคงได้ยินเสียง คิดว่าเราไม่หลับไม่นอนอีกทั้งคืน ตื่นเช้ามาเลยขุ่นมัว ไม่ยอมพูดยอมจากับเรา ทักแต่นังรี ทำเป็นมองข้ามหัวเรา เชอะ ไม่ง้อหรอก ก็คนไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
ตอนบ่าย 2 ต้องพานังรีไปอาบน้ำกับ ฉีดยาอีก 2 เข็ม เสียเงินอีกแล้วนะคุณนาย พอได้ตื่นแต่เช้าเนี่ยก็ไม่รู้จะทำอะไรแฮะ เวลามันเหลือเยอะแยะไปหมดทั้งวันเลย ก็เลยขัดเตา เพราะสามีบ่นว่ามีเศษอาหารตกลงไป มันเหม็นไหม้ ตานี่ขี้บ่นแต่ไม่ยักช่วยทำความสะอาดแฮะ วกกลับมาต่อเรื่องจากตื่นเช้า ก็ทำหน้าที่ปรกติ พาหมาไปเดิน /ทำธุระ อะไรต่อมิอะไร หลังจากนั้นเราก็มาจัดการหาอาหารให้ทั้งคนทั้งหมาอิ่มท้องก่อน เพราะกองทัพเดินด้วยท้อง อันนี้เรื่องจริง หิวแล้วเนี่ย คนในท้องทั้งร้องทั้งถีบพลักๆ
ขัดเตาเสร็จ ก็โละเอาหัวเตามาแช่ คลอร๊อกซ์ไว้ ดูซิ มันจะยังสกปรกอยู่หรือป่าว ขนผ้ามาซัก เช็ดถูในครัว ดูดฝุ่นพรม และขนนังรีที่เกลื่อนนองท่วมพื้น น่ารำคาญจริงๆเลยเชียว เอาขยะไปทิ้ง ขัดห้องน้ำ แล้วก็มานั่งอัพบลอค เพราะเห็นว่าคุณนายเมย์กำลังอัพเดธเช่นกัน เฮ้อ ไม่รู้จะเขียนอะไรละ เซ็งสามีจริงๆ

ปล. ยืนไว้อาลัยให้ High speed Internet ของคุณนายหอยทาก และ Welcome to Dial-up again ความไว 0.5 กิโลม้า ต่อชั่วโมง 5 5 5 ขอให้มีความสุขในการเล่นเนตความเร็วต่ำ นะน้องรัก




 

Create Date : 25 กันยายน 2550    
Last Update : 11 มีนาคม 2552 0:36:49 น.
Counter : 439 Pageviews.  

*~ TaG ตามกระแส ~*

รับ TaG ~* มาจาก คุณนายหอยทาก ขอบอกตามตรงเลยคะ ดิฉันไม่รู้จักหรอก ว่ามันคืออะไร เห็นเค้า TaG ~* กันจัง พอมาเห็นของคุณนายเมย์ ดิฉันถึงเข้าใจ ว่ามันคือแบบสอบถามนี่เอง แปลกจริง ทำไมเรียก TaG ~* ที่มาเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่ช่างเหอะ อย่าช่างสงสัยนัก มาเริ่มต้นทำ TaG ~* ตามเขากันเลยละกัน ดิฉันก็หวังว่าดิฉันคงทำถูกขั้นตอนเช่นกันนะจ๊ะ

  • ชื่อเล่น
แม่บอกว่า ตอนเกิดใหม่ แม่ตั้งชื่อว่ากระแต เพราะคล้องกับน้องชาย ที่ชื่อตุลย์ แต่ไปอีกท่าไหนก็ไม่รู้ ถึงกลายเป็น " ยุ้ย " ไปได้หนิ

  • วันเกิด
ดิฉันเกิดวันที่ 1 เดือนมีนา พศ. นี่ไม่ระบุหรอกจ๊ะ อย่ามาหลอกถามอายุ

  • มี พี่-น้อง ไหม?
มีซิคะ น้องชายดิฉันชื่อ ตุลย์ แม่ตั้งชื่อนี้ให้เพราะว่าเกิดเดือนตุลาคม ก็เลยกลายเป็นชื่อ ตุลย์ แต่คนก็เรียกกันเพี้ยนไป จนกลายเป็น " ตูน " ในที่สุด น้องชายห่างกัน 3 ปี คะ

  • มีหลานหรือยัง?
ถ้าหลานจากพี่น้องพ่อแม่เดียวกันเนี่ย ยังไม่มีคะ เพราะดิฉันเป็นพี่สาวคนโต แต่ถ้าจะนับหลานจากลูกพี่ลูกน้องละก็ ดิฉันมีหลานผู้หญิง 1 คน อายุ ขวบครึ่ง และอยู่ในท้องอีก 1 อายุ 8 เดือน

  • พ่อ-แม่ทำงานอะไร
เอ๊ะ..จะอยากรู้ไปทำไมเนี่ยะ บอกก็ได้ คุณพ่อเสีย เมื่อ10 กว่าปีที่แล้วละค่า ส่วนคุณแม่รับราชการอยู่ ยังไม่เกษียณ นะจ๊ะ

  • สิ่งที่ชอบคืออะไร
สมัยก่อน สิ่งที่ดิฉันชอบที่สุดก็คือ เล่นอินเตอร์เนตคะ แต่ตอนนี้ที่ชอบเริ่มกระจัดกระจายหลายอย่าง เอานับจากสูงสุดก่อนละกัน ตอนนี้ชอบเครื่องสำอาง ทำกับข้าว ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสุนัข อะไรอีกดีหละ เยอะแยะจนเรียงไม่ถูกละ ทั่วไปตามประสาแม่บ้านหละ เขาชอบอะไรก็ชอบตามเขา เอ้อ.. ชอบท่องเวป pantip โดยเฉพาะ เพื่อนๆ ชาว Bloggang เนี่ยหละคะ

  • สิ่งที่เกลียด
เกลียดคนตอแหล ขี้โม้โอ้อวด เห็นแก่ตัว คะ อันนี้เกลียดมาก รองลงมาก็เกลียดคนจิตใจสกปรก เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบชาวบ้าน

  • มีสัตว์เลี้ยงไหม เป็นตัวอะไร และชื่ออะไร
แหม มีซิคะ ตอนนี้มี American Eskimo อยู่ตัวนึง ชื่อ Rhianna หรืออิอ้วน แล้วแต่อารมณ์คะ จริงๆแล้วที่บ้านเราไม่ได้นับว่าเขาเป็นสัตว์เลี้ยงคะ เลี้ยงเขาแบบสมาชิกคนนึงในครอบครัว เพราะรับอภิสิทธิ์สูงสุดมาจาก คุณแชนน่อน สามีดิฉันเองคะ

  • อาหารสุดโปรด
ดิฉันชอบอาหารไทย รสจัดๆ กินได้แทบทุกอย่าง ที่เป็นอาหารไทย ชอบที่สุดของเรียงลำดับเลยตามนี้นะคะ ชอบแกงส้มแป๊ะซะผักกะเฉดใส่ปลาช่อน รองลงมาเป็น อาหารประเภทยำ และส้มตำ ทั้งหลายแหล่ อาหารเหนือก็ชอบคะ ชอบกินแกงขนุน แกงหน่อไม้ ฝีมือคุณแม่ อร่อยเหาะ พูดละน้ำลายไหล อยากกลับเมืองไทย

  • ชอบสีอะไรมากที่สุด
ชอบสีฟ้า กับสีชมพู คะ

  • คิดว่าตัวเองเก่งในด้านใหน
ใช้เงินเก่งคะ อันนี้สามีบอกมา

  • ชอบอ่านหนังสือไหม
ชอบมากคะ อ่านเรื่องสั้น เรื่องยาว หนังสือแมกกาซีน การ์ตูน อ่านหมด ขอให้มีมาเหอะ เน้นบันเทิงแต่ไม่เน้นสาระ

  • หนังสือเล่มโปรด
ชอบอ่าน แมกกาซีนคะ ตอนนี้ Cosmopolitant , Allure ตีสูสีกันมา แล้วก็เป็นพวกหนังสือ ประเภทแต่งบ้านและสวน อะไรทำนองนี้แหละคะ อ่านเอาบันเทิงเช่นกัน ไม่เน้นสาระมากนัก

  • งานอดิเรก
ตอนนี้งานอดิเรกก็คือ เข้า Blog ดูซีรี่ส์ เรื่อง Law & Order ท่องเวปบอร์ดพันทิพย์ สะสมเครื่องสำอางเข้ากรุ แล้วก็หัดทำอาหารคะ

  • คุณมีปมด้อย มั๊ย แล้วปมด้อยของคุณคืออะไร
ปมด้อย เอ๊ะ.. นึกไม่ออกแฮะว่ามีหรือเปล่า ก็น่าจะมีนะ แต่ไม่ได้เอามาคิดว่าเป็นปมด้อยอะไรมากมายเท่าไหร่ สมัยก่อนชอบว่าตัวเองเกิดมามีกรรม ไม่สวยเหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่ม แต่ตอนนี้ลืมคิดไปแล้วหละคะ โชคดีแค่ใหนแล้วที่เกิดมาครบ 32 เนี่ย มีที่อยู่ มีอาหารกิน ไม่ลำบาก ก็ดีใจแล้วคะ

  • ชอบแต่งตัวแนวไหน
แล้วแต่อารมณ์คะ คึกคักหน่อย ก็พิถีพิถัน (สะกดถูกป่าววะเนี่ย) ถ้าขี้เกียจก็เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ออกแนวโส มม นิดหน่อย

  • คุณใส่นาฬิกาอะไร
ไม่ใส่คะ ขี้เกียจถอดออก 5 5 5

  • เพลงไหนที่สามารถสื่อความหมายเป็นคุณออกมาได้
นึกไม่ออกหว่า ว่าเพลงอะไร ที่สื่อความเป็นตัวเองได้ ไม่มีมั๊ง

  • กิจวัตรประจำวันของคุณเป็นไงบอกมาซิ
เอาตั้งแต่ตื่นแล้วกัน ปรกติจะตื่นประมาณ 9 โมงเช้า เพราะต้องรีบไปทำงาน แต่ตอนนี้อยู่บ้านเฉยๆ เวลาเลยเปลี่ยนไปเป็น ประมาณ 10 เห็นจะได้ พาคุณนายรี ไปทำธุระ แล้วเดินชมไม้ชมสวน แล้วก็กลับมา เปลี่ยนอาหารเปลี่ยนน้ำ กับ Treats ให้คุณนายเค้าทุกครั้งหลังจากไปเดินเสร็จ เป็นคนเราก็คงเป็นขนมหวานหลังอาหาร อะไรทำนองนั้นหละคะ หลังจากนั้นก็กลับเข้ามาสู่กิจวัตรของตัวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าแต่งตาอยู่บ้าน เหมือนคนโรคจิตเลยเนอะ หาอาหารประทังชีพตัวเองคะ แล้วก็เริ่มเปิดเพลง โมแสดดดดดดดดดดด ให้ลูกฟัง รสนิยมวิลัยเสียไม่มีเลย อันนี้หมอแนะนำมาคะ บอกว่าให้ลูกฟังเพลง จะได้เป็นคนอารมณ์ดีแจ่มใส หลังจากนั้นก็เปิดดูทีวี หาหนังดูเรื่อยเปื่อย ไม่งั้นก็อ่านหนังสือ แล้วแต่วันคะ นั่งคุยโทรศัพท์บ้าง ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนคุยด้วยหรอก เขาทำงานกันทั้งนั้น แล้วก็เริ่มท่องเนต เข้าเวปพันทิพย์ อ่านเวปบอร์ด เข้าบลอค ร้อยแปดพันเก้า บ่ายแก่ ๆ ก็เริ่มหากับข้าวเย็น รอสามีกลับบ้าน แล้วแต่อารมณ์อีกเหมือนกันคะ บางวันก็ไม่ทำ บางวันก็ทำ สามีกลับมาก็ราวๆ 6 โมงเย็น พาคุณนายรีไปทำธุระตอนเย็น เดินเล่นอีกนิดหน่อย ไปเชคตู้จดหมาย เชคดูบิลต่างๆ กินข้าวเย็นคะ แล้วก็รดน้ำต้นไม้ ค่ำหน่อยก็เล่นเนตอีกแล้ว เพราะสามีดิฉันพกงานกลับมาทำต่อที่บ้านเป็นประจำคะ 11 น. ซีรี่ส์โปรดมาแล้ว ต้องนั่งหน้าทีวี กันคะ พลาดไม่ได้ จะได้นอนตามปรกติประมาณ ตี 2 คะ พร้อมสามี เลิกงาน over time ที่ไม่ได้เงิน ก็ข่มตานอน หมุนเวียนแบบนี้แทบทุกวันคะ เปลี่ยนแปลงบ้างแล้วแต่สถานการณ์
-*- เป็นยังไงหละ ชีวิตประจำวันของดิฉัน ยาวสาแก่ใจเลยซิ -*-

  • แล้วถ้าเลือกได้อยากมีแฟนหน้าเหมือนใคร
ถ้าเลือกได้หรอ ขอเป็น พี่จอห์จ คูลนี่ย์ แล้วกัน แต่ชีวิตจริงคงหมดสิทธิ์จะไปเลือกใครแล้วหละ

  • แล้วถ้าพาบุคคลในข้อข้างบน ไปเดท 1 วันจะพาไปไหนแล้วจะพาไปทำอะไรบ้าง?
ดิฉันจะพาไปกิน ขนมจีนน้ำเงี้ยว แล้วหลังจากนั้น จะพาไปจก ส้มตำไก่ย่าง ใส่ปาร้าต่อนๆ ด้วย อร่อยนะยะ

  • คุณว่าคุณหน้าเหมือนใคร เอาแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆเลยนะ
เหมือนอิแม่ ขนาดเน้อจ้าว ใผๆก่ะว่าอั้น บ้างกะว่าหน้าเหมือนน้านาย น้องสาวของแม่

  • คำที่สามีใช้เรียกเป็นประจำ
สามีเรียก Yui ~* ออกเสียงชัดเจนด้วย บางทีก็เรียก mrs. grumpy

  • ชอบดูหนังมั้ย ? ชอบเรื่องอะไร ?
ชอบดิ ชอบหลายเรื่อง เยอะมาก อธิบายไม่พอหรอก

  • สิ่งที่ต้องทำก่อนนอน ถ้าไม่ทำแล้วนอนไม่หลับ
เชคยอดบัญชีออนไลน์
กับแปรงฟันก่อนนอน

  • คำฮิตติดปาก
poopie head / poo-poo ใช้เรียกรีอานน่า
silly / lazy bone ใช้เรียกสามี

  • ถ้าตกหลุมรักใครคนนึงอยู่ คุณจะบอกรักเค้าว่ายังไง แล้วเค้าคนนั้นชื่ออะไร ?
ความลับ เรื่องไรจะบอก เขิน

  • แล้วเค้าเป็นคนแบบไหน ตามความรู้สึกของคุณ ?
น่ารัก แน่นอนอยู่แล้ว

  • คนที่มาเยี่ยม Blog ของคุณบ่อยๆ มีอะไรอยากบอกพวกเค้ามั้ยล่ะ ?
ขอบคุณคะ ที่แวะมาเยี่ยม อยากให้แวะมาบ่อยๆ จะได้ไม่เหงา

  • แล้วกับคนที่ส่ง TAG มานี่ล่ะคุณจะบอกอะไรกับเค้า ?
ขอบคุณจ้าดนัก อิน้อง

  • แล้วจะบอกอะไรถึงคนที่ส่งTAG มาให้คุณมั้ย ?
บอกว่า forget me not

  • ในชีวิตนี้มีเรื่องให้ภูมิใจมั้ย ?
เรื่องภูมิใจในชีวิตมีไม่มากเท่าไหร่หรอก นับเอาเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยแล้วกัน ภูมิใจที่ไม่ต้องพึ่งพาแม่ หางานได้ด้วยตัวเองแล้ว ภูมิใจได้สามีดี ภฺมิใจมีครอบครัวที่รักเรา แม่/น้อง/ญาติๆ และภูมิใจจะได้เป็นแม่คน ไม่ใช่แม่ของหมา อีกต่อไปแล้ว

  • ตอนนี้คุณนึกถึงรายนามของคนที่คุณจะส่ง Tag ไปให้ 6 คนนั้นออกรึยัง แล้วใน 3 คนนั้นมีใครบ้างล่ะ ?
ไม่มั๊ง ไม่รู้จักใครแล้วหนิ นอกจากยัยเมย์ จะส่งไปให้ใครดีหละ เกรงใจเขา

  • ขอเหตุผลหน่อยสิว่าทำไมต้องส่งไปหาด้วย
เอ๊ะ.. ก็บอกว่าไม่ส่งแล้ว เกรงใจเขา พิมพ์ซะยาวเหยียดเลยดูดิ

  • ข้อสุดท้าย มีอะไรจะฝากถึงคนที่คุณกำลังจะส่ง Tag ไปหาเค้าบ้าง ?
ไม่มีจ้าว และขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน



สวัสดีคะ




 

Create Date : 21 กันยายน 2550    
Last Update : 11 มีนาคม 2552 0:28:51 น.
Counter : 467 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

dapumpkin
Location :
TEXAS United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





รักลูกที่สุด
Friends' blogs
[Add dapumpkin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.