32Then you will know the truth, and the truth will set you free." 32 你 們 必 曉 得 真 理 , 真 理 必 叫 你 們 得 以 自 由 。

ทูตแห่งความสว่าง???

ทูตแห่งความสว่าง???

แต่ข้าพเจ้าเกรงว่า
งูนั้นได้ล่อลวงนางเอวาด้วยอุบายฉันใด
จิตใจของท่านก็จะถูกล่อลวงให้หลงไปจากความสัตย์ซื่อ
และความบริสุทธิ์ต่อพระคริสต์ฉันนั้น.... 2โครินธ์ 11/3
ถึงซาตานเอง ก็ยังปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่างได้
เหตุฉะนั้นจึงไม่เป็นการแปลกอะไรที่คนรับใช้ของซาตานจะปลอมตัวเป็นคนรับใช้ของความชอบธรรม
ท้ายที่สุดเขาจะเป็นไปตามการกระทำของเขา .....2โครินธ์ 11/14-15

ทูตแห่งความสว่าง
อันนี้ฟังดูดี
ซาตานก็ยังปลอมตัวเป็นทูตของความสว่างได้
เฮ้ย อันนี้เริ่มน่ากลัว

......
ในปฐมกาล
งูได้ล่อลวงเอวาให้ไม่เชื่อฟังพระเจ้า โปรยคำพูดหวานหอม
“เจ้าจะไม่ตายจริงดอก เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่าเจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว” ....งูยุให้ใจหยิ่งผยองอยากทัดเทียมพระเจ้าในเอวากำเริบอย่างซาตาน
และยิ่งกว่านั้น มันยุแยงด้วยการขึ้นต้นการสนทนาด้วยยาพิษว่า “จริงหรือ??”


ความจริงแล้ว บทความนี้สืบเนื่องมาจากบทความเรื่องรูปเคารพ
ซึ่งมีเรื่องที่อยากเพิ่มเติมในอีกแง่มุมนึง ซึ่งก็คือบทความนี้

“ความสว่าง”
เรามักยอมรับทันทีว่า อะไรก็ตามที่มาในรูปแบบความสว่าง นั่นคือถูกต้องตามประสงค์ของพระเจ้า
“ความสว่าง”
อะไรก็ตามที่เข้าข่ายของความสว่าง เรามักอนุโลม หรือลืมบทบัญญัติที่เคร่งครัด ซึ่งพระเจ้าได้ทรงตรัสไว้แล้ว
“ความสว่าง”
ขอบคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าได้ทรงเตือนเราไว้แล้วว่า ...อย่าเพิ่งวางใจ ว่าถ้าเราเข้าใจว่าเป็น “ความสว่าง” แล้วมันจะเป็นความสว่างจริงๆ ....ตามพระประสงค์ของพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเตือนเราให้รู้ว่า มารมันปลอมตัวเป็นความสว่างด้วยเช่นกัน....

.....
มีเรื่องราวของผู้รับใช้พระเจ้าท่านนึงในพระคัมภีร์เดิม 1พงศ์กษัตริย์ บทที่13 อาจจะพอเป็นอุทาหรณ์ให้เราได้บ้าง
ผู้รับใช้ท่านนี้ เท่าที่ทราบคือไม่มีชื่อระบุไว้ บอกไว้เพียงว่า “คนของพระเจ้าซึ่งมาจากยูดาห์”
ผู้รับใช้ท่านนี้ถุกพระเจ้าใช้ให้ไปทำภารกิจชิ้นนึง เมื่อทำเสร็จ ก็มีคนเชื้อเชิญท่านให้พักอยู่ที่นั่นและว่าจะให้รางวัลท่านด้วย
แต่ท่านตอบกลับไปว่า
“ถ้าท่านจะให้สักครึ่งของราชสมบัติของท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ไปกับท่าน
และข้าพเจ้าจะไม่รับประทานขนมปังหรือดื่มน้ำในที่นี้ เพราะว่าพระวจจนะของพระเจ้าบัญชาข้าพเจ้าไว้อย่างนี้
*เจ้าอย่ากินขนมปังหรือดื่มน้ำหรือกลับไปตามทางที่เจ้ามานั้น*”

ดังนั้นท่านจึงไปเสียอีกทางหนึ่ง

เรื่องราวของท่านไปถึงหูผู้เผยพระวจจนะแก่คนหนึ่งแถวๆนั้น
ผู้เผยพระวจจนะแก่คนนั้นจะด้วยเหตผลกลใดมิทราบ ถึงขนาดรีบเดินทางไปให้เจอผู้มาจากยูดาห์ เพียงเพื่อเชิญไปพักที่บ้าน
ผู้มาจากยูดาห์ยังคงยืนกรานคำสั่งจากพระเจ้า และบอกว่าไม่ไป
ผู้เผยพระวจจนะแก่จึงบอกผู้มาจากยูดาห์ว่า

“ข้าพเจ้าก็เป็นผู้เผยพระวจจนะอย่างที่ท่านเป็นนั้นด้วย
มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาบอกข้าพเจ้าโดยพระวจจนะของพระเจ้าว่า
*จงนำเขากลับมากับเจ้า ยัเรือนของเจ้าเพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำ*”
แต่เขามุสาต่อท่าน
ดังนั้นท่านจึงไปกับเขา และได้รับประทานอาหารในเรือนของเขา และได้ดื่มน้ำ ....1 พงศ์กษัตริย์ 13/18-19


จากนั้นเป็นมาอย่างไรรบกวนไปอ่านกันเองนะครับ^^ ขี้เกียจพิม
แต่สรุปผลให้ฟังคือ

..ผู้มาจากยูดาห์ท่านนั้น ถูกสิงห์ฆ่าตายระหว่างกลับบ้าน.......


ถูกฆ่าตายเพราะว่าเชื่อผู้ที่อ้างพระนามพระเจ้า
ตายเพราะนึกเอาว่านั่นมาจากพระเจ้า
ตายเพราะคิดว่านั่นน่าจะ มาจากความสว่างม้างงงง
ตายเพราะลืม หรือไม่สนใจสิ่งที่พระเจ้าทรงเตือนด้วยพระองค์เอง.....
ตายเพราะนึกว่านั่นน่าจะมาจากความสว่าง

.......
บางที ..อาจจะมีคนบางคนต้องลงนรกเพียงเพราะว่าเข้าใจผิดในความสว่างก็ได้......
อาจจะมีคนบางคนที่มั่นใจว่าตัวจะเป็นไปอย่างนึง ซึ่งโดยแท้แล้ว จะต้องไปอีกทางนึง... ซึ่งเขาไม่เคยรู้.......
อาจจะมีบางคนกำลังทำบางอย่างโดยเข้าใจว่านั่น ไม่เป็นไร ในสายพระเนตรของพระเจ้า ..โดยคิดเอาว่า เป็นเรื่องสว่างๆ คงไม่ได้ละเมิดคำเตือนของพระองค์มั้ง?

อะไรสำคัญกว่า ระหว่าง
คิดเอาว่าน่าจะ......
กับ
คำเตือนชัดๆจากพระเจ้า
๐๐๐๐๐๐๐๐๐


.......มาถึงคำถามที่น่าสนใจ
หมายสำคัญและการอิทธิฤทธิ์ เป็นเครื่องการันตีได้มั้ยว่ามาจากความสว่าง???

ปัจจุบันนี้ มีการอิทธิฤทธิ์มากมายหลายสาย มีในทุกๆนิกายทุกๆลัทธิ ทุกๆศาสนา
ยกตัวอย่าง คนใกล้ตัว พี่สาวผมเอง เป็นศิษย์วัดดังวัดหนึ่งซึ่งปฏิเสธพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์
คนนี้นี่ แฟนคลับตัวยงของเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์เลยก็ว่าได้ ...หมอดงหมดูนี่ของชอบ ถือเคล็ดถือฤกษ์ชอบนัก
แล้วเค้าก็ไปเจอ อิทธิฤทธิ์ อ่านใจบ้าง ทำนายอนาคตตรงเพ้ะบ้าง ถอดจิตบ้าง เยอะแยะสารพัด
....ด้วยหลักฐานเจอกับตาเหล่านี้ ...พี่สาวจึงฟันธง ว่านี่ล่ะ ของจริง ว่านี่ล่ะ “ความสว่าง” ของชีวิต
....คติง่ายๆที่พี่ยึดถือคือ ...แค่อัศจรรย์พอแล้ว ..ของจริงชัวร์ป้าบ ... อะไรก็ได้ที่อัศจรรย์ “น่าจะของจริง”
....เค้าฟันธง โดยไม่พิจารณาเลยว่า ....อัศจรรย์เหล่านั้น นำ “จิตแบบใด”มาสู่ผู้คนหรือแม้แต่ตัวเค้าเอง

แต่นั่นเค้าไม่ใช่คริสเตียนก็ปล่อยเค้า
แต่เรา คริสตชน
ต้องแยกให้ออกจากกัน อัศจรรย์ก็อัศจรรย์ ความรอดก็อีกเรื่องนึง
.......................

คนนอกกฎหมายนั้นจะมาโดยการดลบันดาลของซาตานพร้อมกับอิทธิฤทธิ์ต่างๆ และหมายสำคัญ และการอัศจรรย์
.......2เธสะโลนิกา 2/9

ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จ และผู้ทำนายเทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น
ทำหมายสำคัญอันใหญ่และการมหัศจรรย์
ล่อลวงแม้ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้หลง ถ้าเป็นได้...... มัทธิว24/24
ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น ทำหมายสำคัญและการมหัศจรรย์
เพื่อล่อลวงผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ .......มาระโก 13/21

หมายสำคัญและการอัศจรรย์ ไม่ใช่เครื่องการันตีว่านั่นจะมาจาก ..ความสว่าง....


ทวนอีกครั้งให้ขึ้นใจพวกเรา
“มาร ....ล่อลวง แม้ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ ....ถ้าเป็นได้”

อย่างที่ว่ากันว่า มารเหมือนสิงห์ร้าย คอยจ้องหาเหยื่อที่มันจะกัดกินได้
เราเข้าลักษณะของเหยื่อเมื่อไหร่ ก็ระวังตัวกันให้ดี

ขอพระเจ้าในพระนามพระเยซูคริสต์คุ้มครองเรา และขอให้เรามีจิตใจมีความถ่อมใจที่จะเข้าใจแยกแยะรู้ว่าสิ่งไหนมาจากพระองค์ สิ่งไหนมาจากคำลวง ขอเราเป็นดั่งลูกแกะที่ดี ที่จะรู้จักเสียงของพระผู้เลี้ยงของเราอย่างดี ขอพระเจ้าคุ้มครองเราครับ



Create Date : 13 กันยายน 2549
Last Update : 13 กันยายน 2549 23:43:49 น. 0 comments
Counter : 463 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เดียวดาย9อักษร
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เดียวดาย9อักษร's blog to your web]