"If you only read the books that everyone else is reading, you can only think what everyone else is thinking." - Haruki Murakami
The Last Unicorn: Peter S. Beagle – หยุดหลอกตัวเองสักที




ชื่อ: The Last Unicorn
ผู้แต่ง: Peter S. Beagle
Genre: Fantasy
(ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1968)




ยูนิคอร์นสาวตัวหนึ่งอาศัยอยู่เดียวดายในป่ามานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ยูนิคอร์นเป็นอมตะ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยใส่ใจเรื่องเวลา สุนัขจิ้งจอก กวาง และสัตว์อื่นๆในป่าเกิด มีลูกหลาน แล้วก็ตายไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่ยูนิคอร์นยังอยู่ในป่านี้ที่เดิม

วันหนึ่งนายพรานสองคนเข้ามาในป่า ยูนิคอร์นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยากรู้อยากเห็น เพราะเธอมีชีวิตยืนยาวจนไม่รู้จะทำอะไรอื่นดีไปกว่านี้แล้ว เธอวิ่งเลียบเคียงไปกับม้าของพวกนายพราน แต่แน่นอนไม่มีใครเห็นเธอถ้าเธอไม่ต้องการให้พวกเขาเห็น ป่านี้เป็นของเธอและเธอก็รู้ดีว่าจะต้องพรางตัวอย่างไร

นายพราน 2 คนกำลังถกเถียงกันว่ายูนิคอร์นมีจริงหรือไม่

เธอจึงตระหนักว่าเผ่าพันธุ์ของเธออาจจะใกล้สูญพันธุ์เต็มทีแล้วเพราะไม่มีมนุษย์คนใดเคยเห็นยูนิคอร์นมานานนักหนา ยูนิคอร์นสาวจึงตัดสินใจเดินทางออกจากป่าทั้งๆที่ไม่เคยแม้แต่จะย่างกรายไปยังต้นไม้ต้นที่อยู่สุดชายป่า แต่เธอต้องไป ด้วยความหวังที่จะรู้ว่าเผ่าพันธุ์ของเธอที่เหลือหายไปไหน

เธอเดินทางช้าๆผ่านหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านเห็นเธอ พวกเขาคิดว่าเธอเป็นเพียงม้าแสนสวยสีขาว พวกเขาไม่รู้จักยูนิคอร์น หรือถึงรู้ พวกเขาก็ไม่คิดว่าเธอคือยูนิคอร์น เพราะยูนิคอร์นมีจริงที่ไหนกัน

เธอถูกจับตัวไปเข้าคาราวานเร่ร่อนระหว่างการเดินทาง ที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตหลายชนิดถูกจับใส่กรงโชว์ให้กับผู้เข้าชมอ้างว่าเป็น ‘สัตว์วิเศษ’ แม่หมอเจ้าของคาราวานมีเวทมนตร์ เธอใช้เวทย์ทำให้ผู้คนเห็นสุนัขธรรมดาเป็น Cyberus-หมาสามหัว ทำให้เห็นสิงโตเจ้าป่าเป็น Manticore-สัตว์ที่มีศีรษะเป็นคน ลำตัวเป็นสิงโต หางเป็นแมงป่อง

และทำให้พวกเขาเห็นยูนิคอร์น เป็นยูนิคอร์น



เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยประเด็นเรื่องความเชื่อ ทุกคนในเรื่องเชื่อแต่ในสิ่งที่ตนอยากเชื่อ พวกเขามีกรอบความคิดของตัวเองและปฏิเสธทุกสิ่งอย่างที่อยู่นอกเหนือกรอบนั้นแม้ความจริงจะทนโท่อยู่ตรงหน้า พวกเขาสร้างภาพลวงตาขึ้นหลอกตัวเองหรือไม่ก็หลอกคนอื่น บ้างรู้ว่านั่นไม่จริงแต่ก็ดึงดันจะเชื่อ บ้างไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือภาพลวงตาและเชื่อสนิทใจว่านั่นคือความเป็นจริงอันน่ารื่มรมย์แบบที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด

บางทีภาพลวงตานั่นก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป มันอาจทำให้เราได้เห็นมุมมองอะไรที่เราไม่เคยเห็น และสอนบทเรียนแสนวิเศษที่จะจารึกอยู่ในหัวใจเราไปตลอดชีวิตก็ได้



เรื่องดำเนินไปแบบเอื่อยๆ แต่มีประเด็นเหล่านี้สอดแทรกอยู่ตลอดเวลา อ่านจนจบแล้วเราประทับใจในการใช้สัญลักษณ์ของคนเขียนนะ แต่กลับไม่ประทับใจเนื้อเรื่องเท่าไหร่ มันไม่ complex เท่าไหร่ ตอนแรกที่เราอ่านเรื่องนี้ก็เพราะอยากรู้ว่ามันดังอะไรนักหนา อ่านจบก็ได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเนื้อเรื่องมันไม่ได้วี้ดว้ายกระตู้ฮู้วขนาดนั้น แต่ขายแนวคิดของคนเขียนมากกว่า ดังนั้นถ้าจะอ่านเอามันส์ ก็คงไม่มันส์แน่ๆอ่ะค่ะ เนื้อหามีอะไรให้ตีความเยอะมากนอกจากประเด็นที่ยกตัวอย่างไป แต่ปัญญามีแค่นี้ค่ะ 555+



***สปอยล์***


การที่ยูนิคอร์นถูกเสกให้เป็นมนุษย์เพื่อหนี ‘The Red Bull’ ทำให้เธอเปลี่ยนจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ มาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายได้ นั่นทำให้เธอมองโลกในมุมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เดิมทียูนิคอร์นไม่เคยมีความรัก เธอไม่เคยสนใจอะไรนอกจากตัวเองด้วยถือว่าตนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยที่สุดในโลก และไม่มีอะไรสลักสำคัญในชีวิตเพราะเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน แต่การที่เธอเป็นมนุษย์ทำให้เธอรู้ว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง รู้ว่าการอยากรักใครสักคนไปตลอดจนจบชีวิตลงด้วยกันให้ความรู้สึกแบบไหน เธอได้รู้ว่าเวลาคือสิ่งมีค่า ทั้งๆที่เธอจะไม่มีวันเรียนรู้ได้ในร่างอมตะของยูนิคอร์น ถึงขั้นที่เธอประกาศว่าจะไม่ยอมคืนร่างเดิมแต่จะอยู่กับเจ้าชายตลอดไป ถึงขั้นหลอกตัวเองได้สนิทใจว่าเธอคือเจ้าหญิงชาวมนุษย์และไม่เค๊ยไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นยูนิคอร์น

ปราสาทของ King Haggard ทำให้ยูนิคอร์นสูญเสียตัวตนของตัวเอง เราไม่เข้าใจตรงนี้นิดนึงว่าถ้าปราสาทมีเวทมนตร์นั้นทำไมถึงมีผลกับยูนิคอร์นคนเดียว คนอื่นไม่เห็นลืมเลยว่าตัวเองมาที่นี่ทำไมล่ะ? หรือการที่ยูนิคอร์นลืมว่าตัวเองเป็นใครเป็นผลจากการอยู่ในร่างเจ้าหญิง ไม่เกี่ยวอะไรกับปราสาท? หรือจริงๆแล้วมันเป็นเพราะความแห้งแล้งของ King Haggard ที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้น? ใครอ่านแล้วช่วยบอกที

King Haggard ราชานักสะสมยูนิคอร์น มีความสุขกับการเลี้ยงยูนิคอร์น ‘ไว้ดูเล่น’ โดยขังพวกมันเอาไว้ในทะเลหน้าปราสาท King Haggard เป็นคนเดียวที่เห็นยูนิคอร์นนับพันในฟองคลื่น เพราะเขา ‘เชื่อ’ และ ‘รู้’ ว่าพวกมันอยู่ตรงนั้น ดังนั้นเขาจึงบอกว่าเขาเห็นมันตลอดเวลา แต่เราคิดว่านั่นเป็นภาพลวงตาของ King Haggard เอง ยูนิคอร์นอยู่ในทะเลจริง แต่พวกมันไม่เคยขึ้นมาโลดแล่นอยู่บนฟองคลื่นแบบที่ King Haggard คิด เขาคิดไปเองว่าฟองคลื่นคือยูนิคอร์น และดังนั้นมันจึงเป็นฟองคลื่นที่สวยที่สุด ทั้งๆที่ความงามอยู่ในตัวฟองคลื่นเองอยู่แล้วและเขาก็เห็นมัน แต่เขาไม่เชื่อว่ามันเป็น ‘แค่’ ฟองคลื่นธรรมดา ยังปักใจเชื่อว่าเป็นเพราะยูนิคอร์นเท่านั้น มันจึงเป็น ‘ความจริง’ สำหรับเขา แต่ไม่ใช่สำหรับคนอื่น

นอกจากนี้คนเขียนยังนำเสนอประเด็นสัตว์สูญพันธุ์และระบบนิเวศน์ที่ถูกทำลายเพราะการที่สัตว์ชนิดนั้นหายไปจากระบบ แผ่นดินของ King Haggard แห้งแล้งหนักหนา แม้ชาวเมืองจะบอกว่าเป็นเพราะคำสาปของแม่มด แต่พอฝูงยูนิคอร์นถูกปล่อยออกมาจากทะเลแผ่นดินก็กลับอุดมสมบูรณ์ดังเดิมพร้อมๆกับที่ปราสาทของ King Haggard ถล่ม

หรือจริงๆแล้วคำสาปของแม่มดก็เป็นแค่ ‘ความเชื่อ’ ไม่ใช่ ‘ความจริง’ ถ้าหากว่าเราไม่เชื่อซะอย่างมันก็ไม่มีวันเป็น ‘ความจริง’ ไปได้


***จบสปอยล์***




ยิ่งเขียนยิ่งงง จบแค่นี้ดีกว่า เป็นหนังสือที่น่าอ่านอีกเล่มหนึ่งค่ะ ลองอ่านดูนะคะ แล้วจะได้แง่คิดอะไรดีๆ



แถมท้ายด้วยปกเวอร์ชั่นอื่นๆ (แต่เราชอบปก 40th Anniversary Edition ที่สุดเลย งามมาก กรี๊ดๆ เอามาทำเป็น wallpaper desktop เรียบร้อยแล้วด้วย ก๊าก~ เป็นคนตัดสินหนังสือที่ปก ตัดสินคนที่หน้าตาค่ะ นิสัยไม่ดีจริงๆเรา )




ปก DVD สำหรับภาพยนตร์การ์ตูน The Last Unicorn ค่ะ โนเนะสุดๆ ลายเส้นเหมือนญี่ปุ่นเลย แต่รู้สึกจะของตะวันตกเขานะ





Create Date : 11 เมษายน 2553
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2557 20:06:11 น. 6 comments
Counter : 3692 Pageviews.

 
หน้าปกเล่มที่มีเป็นสีฟ้าๆ สงสัยจะเก่ามากมาย ((ก็ซื้อมาเกินสิบปีแล้วนี่นะ ฮา))


โดย: Clear Ice วันที่: 11 เมษายน 2553 เวลา:10:39:36 น.  

 


โดย: thanitsita วันที่: 11 เมษายน 2553 เวลา:14:38:55 น.  

 
อยากอ่านอ่ะครับ
แต่ท่าจะไม่มีแบบแปลไทย


โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 11 เมษายน 2553 เวลา:14:54:30 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:0:19:03 น.  

 
เรื่องนี้เคยดูวิดีโอตอนเด็ก ดูแล้วดูอีก เพราะชอบมาก โตมาหน่อยก้ไปเจอหนังสือฉบับภาษาไทยที่ร้านหมอฟัน เก่ากึก กระดาษเหลือง หน้าปกหายไปแล้ว แต่ภาษาไทยแปลเพราะมาก อ่านแล้วลื่น ภาษาสวย เพราะมันตีพิมพ์นานมากแล้ว
ตอนนี้เลยไปหาซื้อฉบับภาษาอังกฤษอ่าน เล่มที่โชว์เล่มแรกนั่นเลย แต่ก็นึกเสียดาย ว่าน่าจะขอฉบับภาษาไทยหมอฟันมาเลย ตอนนี้หาภาษาไทยอยู่ อยากได้มากT_T


โดย: เบลล์ IP: 183.89.39.1 วันที่: 17 เมษายน 2553 เวลา:13:56:54 น.  

 
คุณ Clear Ice: ปกที่คุณไอซ์มีแบบไหนอ่ะคะ เอามาโชว์มั่งๆๆๆ

คุณไอซ์คุง: มีแปลไทยนะคะ ชื่อยูนิคอร์นตัวสุดท้าย แต่หาปกไม่ได้เลย นานชาติแล้ว

คุณเบลล์: อยากอ่านแบบภาษาไทยด้วยเหมือนกันค่ะ แต่หาไ่ม่ได้เลยเน้อ พิมพ์ครั้งสุดท้ายกี่ปีมาแล้วนี่ -*- แต่ภาษาอังกฤษเวอร์ชั่นนี้ปกสวยนะคะ อิอิ


โดย: @Dakki_Chan@ วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:17:20:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

@Dakki_Chan@
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add @Dakki_Chan@'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.