วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

วิจารณ์หนัง : Need For Speed นักแข่งรถบ้านนอก



สำหรับเด็กผู้ชายที่ชอบเล่นเกมส์ หลายคนคงเคยเล่น Need For Speed เกมส์แข่งรถสุดมันส์ที่ทำออกมาให้เราได้ซิ่งผ่านหน้าจอทีวีมาแล้วมากมายหลายภาค กระทั่งมันถูกจับเอามาทำเป็นหนังและเข้าฉายโรง แน่นอนว่าไม่ง่ายเลยกับไอเดียการสร้างหนังจากเกมส์ที่มีความเสี่ยงล้มเหลวเหมือนหลายๆเรื่องก่อนหน้า ยังไม่นับการถูกนำไปเปรียบเทียบกับหนังเฟรนไชส์รถซิ่งสุดฮิตอย่างอย่าง fast and furious


หนังเล่าถึงเรื่องราวของ โทบี้ มาร์แชล นักแข่งรถบ้านนอกฝีมือดีที่เปิดอู่อยู่กับเพื่อนๆอีก4คนในชนบท ต่อมาพวกเขามีปัญหาเรื่องการเงินจึงจำใจต้องรับงานจาก ดิโน่ แฟนหนุ่มนักแข่งรถนิสัยแย่ของ อนิต้า อดีตแฟนสาวของ โทบี้ และพี่สาวของ พีท รุ่นน้องในอู่ งานซ่อมแซมรถหรูมีแนวโน้มในทางที่ดี จูเลีย สาวสวยตัวแทนเศรษฐีสนใจผลงานของพวกเขา ทว่า ดิโน่ ไม่พอใจที่รู้ว่า โทบี้ ขับรถได้เร็วกว่า เขาจึงท้า โทบี้ แข่ง โดยมี พีท ขอร่วมด้วย ในการแข่งเกิดอุบัติเหตุทำให้ พีท เสียชีวิต ซํ้าร้าย ดิโน่ ให้การปรักปรำจน โทบี้ ต้องติดคุก

ต่อมาพอ โทบี้ พ้นโทษเขาก็รวบรรวมทีมเพื่อนๆจากอู่ที่แยกย้ายกันไปกลับมารวมตัวใหม่เพื่อเข้าแข่งขันรถข้ามประเทศส­ุดโหดที่มีรางวัลคือรถของผู้แพ้ที่จัดโดย เดลิออน ชายผู้ชอบการแข่งรถมากแต่มีปัญหาด้านสุขภาพ โทบี้ ขอยืมรถจากเศรษฐีที่ซื้อไปพร้อมข้อเสนอจะนำรางวัลที่ได้มาให้ จูเลีย เอารถมาส่งแต่มีข้อแม้ว่าเขาต้องให้เธอตามไปดูแลรถด้วย

บทของหนังแม้จะไม่หนักแน่น แต่ใช้วิธีดำเนินเรื่องแบบรวดเร็ว จึงดูสนุก เป็นหนังขับรถแข่งแท้ๆที่คนดูโหยหามานานจึงได้ใจผู้ชมจำนวนมาก รถยนต์หลายคันในเรื่องก็สวยงามแถมแพงระยับ โดยเฉพาะเจ้า มัสแตง สุดเท่ สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ดี หนังไม่พยายามทำเนื้อหาทับรอย fast and furious จึงสร้างเอกลักษณ์ขึ้นมาเองได้ (เน้นซิ่งแข่งกันนอกเมือง,รถที่ใช้แทบไม่มีแบรนด์จากเอเชีย,ไม่มีสาวเซ็กซี่โชว์อึ๋ม) จุดนี้ต้องชื่นชมฝีมือ สก็อต วอห์ ผู้กำกับ มุมกล้องของหนังโดดเด่น ถ่ายทอดภาพได้ถึงอารมณ์สเมือนในโรงหนังกลายเป็นสนามแข่งรถ บางฉากคล้ายกับในวิดีโอเกมส์ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มสะใจ

พล็อตของหนังพอใช้ได้ มีแอ็คชั่น ดราม่า ความรักผสมผสานกันดี รวมถึงมีช็อตให้คนดูได้ลุ้นไปกับตัวละคร แต่ข้อเสียของหนังก็คือความไม่สมจริงในหลายๆส่วน ทั้งการที่เพื่อนผิวสีในทีมโทบี้ลงทุนขับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์คอยดูต้นทางให้ตลอดเรื่อง แม้ตอนที่กำลังถังแตก คำถามคือเอาเงินที่ไหนมาเติมนํ้ามันซึ่งรวมๆอาจราคาแพงกว่ารางวัลจากการแข่งรถอีก ขณะที่ในทัวร์นาเมนท์การแข่งขันที่บอกว่าคนชนะได้รถไปปรากฏพอแข่งจริงนี่ชนกันยับ แล้วแบบนี้คนชนะจะได้อะไร ส่วนเศรษฐีลึกลับก็ใจดีเกิน ให้คนที่เพิ่งพ้นโทษหมาดๆยืมรถราคา7หลัก และสุดท้ายบทสรุปของหนังมีความจงใจฟีลกู้ดเกินไป ความดีเอาชนะความชั่วถูกพูดผ่านปากตัวละครมากจนทำเอาผู้ชมหลายคนเริ่มเอียน

เรื่องการแสดงก็เป็นจุดอ่อนอีกอย่างหนึ่ง นักแสดงนำอย่าง อาร์รอน พอล ที่เล่นเป็น โทบี้ แม้เจ้าตัวจะโด่งดังมาจากซีรีย์ Breaking Bad แต่กับหนังใหญ่เรื่องแรกถือว่าน่าผิดหวัง ทั้งหน้าตาและบุคลิกที่ดูบ้านๆไปหน่อย ดูไม่เป็นผู้ชายที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวทั่วไปได้ จึงถูกนักแสดงชายหลายคนในเรื่องขโมยซีนไปทั้ง แฮริสัน กิลเบิร์ตสัน หนุ่มหล่อในบท พีท ผู้ล่วงลับ รามี มาเลค ที่แสดงเป็น ฟินน์ เพื่อนจอมกวนของโทบี้ หรือแม้แต่ โดมินิค คูเปอร์ กับการรับบทตัวร้ายอย่าง ดีโน่ ก็ดูดีกว่า พอล เยอะเลย

ผิดกับนักแสดงนำหญิง อิโมเกน พูทส์ ที่แสดงได้น่าประทับใจมาก ในบท จูเลีย ความสวยเตะตาและบุคลิกที่ดูห้าวแบบน่ารักๆของเธอช่วยทำให้หนังมีความสดชื่นขึ้น เช่นเดียวกับ สกอตต์ เมสคัดดี้ นักแสดงผิวสีที่เล่นเป็น เบนนี่ เพื่อนของ โทบี้ ที่อยู่บนอากาศคอยเล่นมุขสร้างเสียหัวเราะและสีสันพอให้เราลืมความโอเวอร์หลายๆอย่างในตัวเขาเอง

เมื่อเอาข้อดีข้อเสียมาหักลบกัน โดยเพิ่มคะแนนงานโปรดักชั่นระดับคุณภาพ Need For Speed เป็นหนังที่น่าดู และจะอินมากขึ้นหากคุณเคยเล่นเกมส์ชื่อนี้มาก่อน หรือคุณเป็นคนที่หลงใหลในเรื่องของรถยนต์กับความเร็ว สำหรับคำถามที่ว่าภาคต่อจะมีไหม อันนี้ขึ้นอยู่กับรายได้จากการตีตั๋วเข้าชมภาคนี้ล้วนๆ

คะแนน : 7/10

โดยนกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/83176/?link=4




 

Create Date : 29 เมษายน 2557    
Last Update : 30 เมษายน 2557 9:32:57 น.
Counter : 1608 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Transcendence เหรียญสองด้านของเทคโนโลยี



ในโลกที่เทคโนโลยีก้าวไกลอย่างปัจจุบัน แน่นอนว่าชีวิตมนุษย์ทุกคนย่อมสะดวกสบายขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง สิ่นนี้ก็มีผลเสียที่มากมายเกินกว่าสาธยายได้หมด แต่มันก็เหมือนกับหลายอย่างบนโลกนี้ ที่ไม่มีสิ่งใดขาวหรือดำ100% ทุกสิ่งเป็นเหรียญที่มีสองด้านเสมอ แม้แต่ตัวมนุษย์เอง


Transcendence คือภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่จับประเด็นข้อดีข้อเสียของเทคโนโลยีมาถกเถียง สำหรับคำว่า Transcendence แปลเป็นไทยว่า อุตรภาพ ในทางปรัชญาคือสภาวะที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ ศาสนา อภิปรัชญา หรือ ความตาย แต่ในหนังเรื่องนี้กล่าวถึง ความเป็น อุตรภาพ ในเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์

หนังเล่าถึง ดร. วิล แคสเตอร์ นักวิทยาศาตร์อัจฉริยะ หัวหน้าทีมวิจัยที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีเป้าหมายในการสร้างเครื่องจักรที่มีความรู้สึกนึกและฉลากกว่ามนุษย์ เขาเข้าใกล้เป้าหมายด้วยการสนุบสนุนของ เอเวอลีน แฟนสาวนักวิทยาศาสตร์สาวผู้ต้องการเปลี่ยนโลก กับ แม็กซ์ นักวิทยาศาสตร์หนุ่มผู้มีอุดมการณ์มั่นคง เพื่อนสนิทของ วิล

ต่อมาในวันที่ วิล ขึ้นปราศรัยเพื่อระดมทุนในการทำวิจัย เขาโชคร้ายโดน กลุ่มนักเครื่อนไหวต่อต้านเทคโนโลยีหัวรุนแรงในชื่อ ริฟท์ (RIFT) บุกเข้ามายิงได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะพบว่าในภายหลังลูกกระสุนมีพิษของสารกัมมันตภาพรังสี ร่างกาย วิล จึงค่อยๆถูกทำลายและมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน6เดือน เอเวอลีน เปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นความหวังโดยการทดลองอัพโหลดจิตสำนึกของ วิล เข้าไปในคอมพิวเตอร์ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้าของ แม็กซ์ และในวันที่ร่างกาย วิล กำลังดับสูญ จิตของของกลับถือกำเนิดขึ้นเป็น AI ในคอมพิวเตอร์ ปัญหาคือ พลังของ วิล นั้นมากมายมายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด

บทหนังค่อนข้างเอื่อย ไม่ได้เป็นภาพยนตร์ไซไฟแอ็คชั่นล้างผลาญอย่างที่แฟนๆ โนแลน (เรื่องนี้เขาอำนวยการสร้าง) คาดหวัง ตัวหนังดำเนินเรื่องด้วย บทสนทนา มีความดราม่าและโรแมนติกเรื่องความรักระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์ในสัดส่วนที่สูสีกับความเป็นไซไฟ คล้ายกับเรากำลังดู Her ภาคที่ดาร์กกว่า และ ถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองผู้หญิง

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของหนังก็คือการถ่ายภาพที่สวยงาม ไม่เสียแรงที่ Wally Pfister ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เคยเป็นผู้กำกับภาพมาก่อน เสียแต่ว่างานนี้ดูจะใหญ่เกินตัวเขา ประเด็นหนักๆ การตั้งคำถามเกี่ยวกับเทคโนโลยี จึงถูกถ่ายทอดออกมาไม่ลื่นไหล รวมถึงไม่ค่อยสมจริงหลายจุด ความสามารถแบบ อุตรภาพ ของ วิล ไร้นํ้าหนัก ขาดเหตุผลรองรับ จึงสร้างคำถามในหัวคนดูมากมาย

การแสดง จอห์นนี่ เดปป์ ในบทด็อกเตอร์วิล แสดงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับน่าประทับใจ ไม่ค่อยมีฉากโชว์ของ เรียกว่าใช้เขาไม่คุ้มค่าตัว เช่นเดียวกับ มอร์แกน ฟรีแมน ที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ รีเบ็คก้า ฮอลล์ ที่เล่นเป็น เอเวอลีน แฟนสาวของวิลดูเหมาะกับคาแร็กเตอร์ แสดงได้โดดเด่นกว่าคนอื่น ส่วน พอล เบ็ตตานี่ เป็นตัวละครที่สำคัญมาก และเขาก็แสดงได้น่าสนใจทีเดียว

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูยาก ไม่ใช่หนังที่คนดูทุกคนจะชอบ แต่ก็มีพล็อตและแนวคิดที่ดี เพียงแต่การนำเสนอออกมาไม่ค่อยดี ความเห็นจึงออกมาเป็นสองทาง คือชอบและไม่ชอบเลย ไม่ค่อยมีกลุ่มที่อยู่กลางๆ ฉากจบของหนังแบบปลายเปิดให้คนดูได้จินตนาการกันต่อทำให้เราคิดถึงสไตล์ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ขณะที่ ดอกทานตะวัน ซึ่งมีสรรพคุณดูดซับสารกัมมันตภาพรังสีถูกนำมาเป็นตัวแทนเชิงสัญลักษณ์ ก็ทำให้ผู้ชมตีความออกมาได้หลากหลาย

คะแนน 7/10

โดยนกไซเบอร์


ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/97146/?link=4




 

Create Date : 28 เมษายน 2557    
Last Update : 29 เมษายน 2557 11:06:28 น.
Counter : 1471 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : The Lunchbox ปิ่นโตถูกปาก ผิดเถา



ไม่นานมานี้ สารคดีที่โด่งดังไปทั่วโลกก็คือ อาชีพคนส่งปิ่นโต ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ด้วยวัฒนธรรมของสามีชาวอินเดียที่ต้องการทานอาหารกลางวันจากปิ่นโตฝีมือภรรยาหรือคนในครอบครัว(มีบ้างที่ใช้บริการปิ่นโตจากร้านอาหาร)  แบบสดใหม่ คงความร้อนและกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ พวกเขาจึงไม่เอาปิ่นโตออกไปจากบ้านในตอนเช้าตรู่แต่ให้มันส่งตามไปทีหลังในเวลาใกล้เที่ยง

อาชีพคนส่งปื่นโตหรือที่ชาวมุมไบเรียกว่า ดับบาวาลา จึงถือกำเนิดขึ้น สิ่งที่น่าทึ่งคือ คน5,000 คน  ส่งปิ่นโตกว่า 200,000 เถาไปทั่วเมืองมุมไบผ่านทางรถไฟ รถจักรยาน และการเดินเท้า แต่แทบไม่มีการส่งผิดพลาดเลยจนหน่วยงานจากทั้งอังกฤษและสหรัฐฯเคยมาขอทำการศึกษาหลายครั้ง โดยว่ากันว่าพวกเขามีรหัสลับเฉพาะในกลุ่มที่ช่วยแยกแยะลูกค้าจำนวนมากได้สะดวก ทำให้มีโอกาสผิดพลาดเพียง 1 ใน 16 ล้านครั้งเท่านั้น

แต่จะเป็นอย่างไรหากเกิดการส่งปิ่นโตสลับกัน The Lunchbox คือหนังที่พูดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ยากแต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น เมื่อ อิลา (นิมรัต คาอูร์) แม่บ้านลูก1ผู้ถูกสามีหมางเมิน เธอจึงตั้งใจบรรจงทำอาหารรสเลิศจากคำแนะนำของป้าที่อยู่บนห้องด้านบนใส่ในปิ่นโตส่งไปให้สามีของเธอถึงที่ทำงาน โดยหวังว่ารสมือของเธอจะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเธอดีขึ้น

ทว่า ปิ่นโตของเธอกลับถูกส่งไปให้  ซาจาน เฟอร์นันเดซ (อิร์ฟาน ข่าน) เสมียนหนุ่มใหญ่วัยใกล้เกษียณผู้ปิดตัวเองจากสังคมหลังการจากไปของภรรยา เขาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวไร้ชีวิตชีวา จนกระทั่งได้กินอาหารรสอร่อยราวกับร่ายเวทมนต์จากฝีมือของ อิลา เมื่อรู้ว่าส่งและได้รับปิ่นโตผิดเถา พวกเขาจึงเขียนจดหมายติดต่อกันผ่านทางปิ่นโตในทุกมื้อกลางวัน ข้อความเหล่านั้นมีพลังและสเน่ห์มากเสียจนเมื่อรู้ตัวอีกครั้ง ทั้งสองก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหวในหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่เคยพบหน้ากัน แต่ความรักของทั้งคู่ก็มิได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง มันกํ้ากึ่งระหว่างรักแบบพรหมลิขิตกับการคบชู้สู่ชาย

ต้องชม ริเตช บาทรา กับบทภาพยนตร์และการกำกับที่ยอดเยี่ยม บอกเล่าเรื่องราวมื้อกลางวันของคนอินเดียให้ชาวโลกได้เห็นในหลากหลายมุมมองแบบสมจริง ไร้การปรุงแต่ง ทั้งความรักโรแมนติกที่ต้องพึ่งโชคชะตาในประเทศที่มีประชากรมากกว่า1พันล้านคน รวมถึงการถ่ายทอดวิถีชีวิตประจำวันของชาวอินเดีย พวกเขาแทบไม่กินอาหารเช้าด้วยเหตุจราจรที่คับคั่งแออัดสุดๆจากจำนวนคนที่มากเกินไป อาหารกลางวันจึงเป็นมื้อที่สำคัญมาก หลายคนมีปิ่นโตหนักอึ้งเป็นมื้อกลางวัน กระนั้น บางคนก็ยังต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด พวกเขาจึงมีพียงกล้วย2ผลรองท้องในช่วงเที่ยงก่อนจะไปจัดหันกมื้อเดียวในเวลาอาหารเย็น ซึ่งตัวหนังมีการผ่อนคลายผู้ชมด้วยมุขตลกคำพูด ล้อเลียนตัวละคร และเสียดสีสังคมอินเดียที่สร้างรอยยิ้มได้เป็นระยะ

นอกจากนั้น หนังยังมีส่วนดราม่าจัดที่เล่าถึงปัญหาในครอบครัวอินเดียที่ต้องห่างเหินกัน เพราะต่างคนต่างดิ้นรนทำงานหาเงิน และยังมีการแฝงประเด็นหนักๆอย่าง การมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรผ่านวีถีชีวิตคนเมืองที่แสนจะวุ่นวาย โดยนำ ภูฏาน ประเทศที่ประกาศว่าไม่สนใจ GDP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ แต่สนใจ GDH (Gross Domestic Happinessหรือ ความสุขรวมภายในประเทศ) แทน เป็นดั่งเมืองในฝันของ อิลา และ ซาจาน ส่วนบทสรุปของหนังเป็นแบบปลายเปิด ไม่ได้ตัดสินถูกผิดหรือชี้นำความคิดคนดู

การแสดงของ อิร์ฟาน ข่าน ดูลุ่มลึก เคร่งขรึม แต่ทรงพลัง ถ่ายทอดอารมณ์ความเหงาออกมาได้จับใจ ขณะที่ นิมรัต คาอูร์ กับบทสาวที่ไม่มีความสุขกับชีวิตสมรสก็แสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมทำให้คนดูเห็นใจและเอาใจช่วยเธอ แต่คนที่สร้างสีสันให้กับเรื่องคงเป็น Nawazuddin Siddiqui กับการเล่นเป็น Shaikh พนักงานหนุ่มอารมณ์ดีที่ต้องเรียนรู้งานจาก เฟอร์นันเดซ เขาสร้างภาพจำที่ดีให้กับคนดูด้วยประโยคที่ว่า บางครั้ง การนั่งรถไฟผิดขบวน อาจนำเราไปสู่จุดหมายที่ใช่ ช็อตเดียวดูหล่อขึ้นมาเลย 

ไม่น่าแปลกใจที่ The Lunchbox จะถูกยอย่องให้เป็นหนังอินเดียที่ดีที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากมีองค์ประกอบที่ดี เป็นปิ่นโตที่มีทั้ง รสหวานของความรักโรแมนติกกับมิตรภาพ รสเค็มของปัญหาสังคม รสเผ็ดของชีวิตอันว้าวุ่น ที่เกิดขึ้นในมหานครใหญ่ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณลืมหนังอินเดียที่มีฉากร้องเพลงหมู่หรือคู่พระนางกระโดดโลดเต้นข้ามภูเขาไปเลย

คะแนน 8.5/10

โดยนกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/110264/?link=4




 

Create Date : 23 เมษายน 2557    
Last Update : 24 เมษายน 2557 9:42:50 น.
Counter : 1348 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Noah จุดจบแห่งการเริ่มต้น



ไม่ว่าจะเป็นคนคริสต์หรือไม่ เราทุกคนต่างก็คุ้นเคยกับตำนานจากคัมภีร์ไบเบิ้ลของ อดัม กับ อีฟ และ โนอาห์ กับ เรือลำใหญ่ ของเขาในวันสิ้นโลก เรือที่นพาสิ่งมีชีวิตบนโลกเพียงชนิดละคู่ให้รอดพ้นจากมหันตภัยนํ้าท่วมโลกครั้งใหญ่


Noah ฉบับภาพยนตร์ กำกับและเขียนบทโดย ดาร์เรน อโรนอฟสกี ได้นักแสดงมากฝีมือมากมายมาร่วมแสดง ทั้ง รัสเซล โครว์,เอ็มม่า วัตสัน, เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ ร่วมถึงดารารุ่นใหญ่อย่าง แอนโทนี ฮ็อปกินส์

ตัวหนังเล่าถึง ครอบครัวของ โนอาห์ ชายหนุ่มจิตใจดีผู้ยึดมั่นในพระเจ้ากับภรรยา นาอาเมห์ และลูกชายสามคน (เชม, ฮาม และจาเฟธ)เขาได้รับนิมิตจากพระเจ้าว่าจะเกิดนํ้าท่วมโลกครั้งใหญ่ และได้รับความช่วยเหลือจากภูตสวรรค์สร้างเรือลำยักษ์เพื่อนำพาสัตว์โลก ให้รอดพ้นจากอภิมหาอุทกภัยซึ่งถูกคาดหมายว่าต้องการกวาดล้างมนุษย์ผู้มีจิตใจหยาบช้าให้สูญสิ้นไป ก่อนจะเริ่มนับหนึ่งกับโลกใหม่

บทหนังค่อนข้างเครียด ออกแนวดราม่าหนักๆเกี่ยวกับพระเจ้าและศาสนาคริสต์ ไม่ได้เป็นหนังแอ็คชั่นมหากาพย์อย่างที่บางคนเข้าใจ หนังดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนา ช่วงแรกใช้เวลาปูพื้นเนื้อหาเยอะ จึงค่อนข้างเอื่อย ใครไม่ชอบภาพยนตร์แนวนี้อาจมีวูบหลับ การถ่ายทอดภาพสวยงามพอสมควร แต่หากถามถึงความอลังการในฉากต่อสู้กับฉากนํ้าท่วมโลก ไม่ได้สุดยอดจนถึงกับทำให้คนดูตื่นตะลึงซีนสามมิติไม้โดดเด้งคุ้มราคาตั๋วเท่าไหร่ เพลงประกอบเน้นปลุกเร้ามากกว่าปลอบโยน เราจึงได้ยินเสียงกลองเป็นระยะๆ

ผู้กำกับโฟกัสไปที่การสำรวจจิตใจของมนุษย์ในช่วงเวลานาทีชีวิตก่อนจุดจบของตัวเองจะมาถึง เผยให้เห็นความโลภ ความเห็นแก่ตัวความเกลียดชัง ความแค้นแม้แต่ในครอบครัวโนอาห์เอง โนอาห์ มีความศรัทธาที่แน่วแน่จนที่สุดมันกลายเป็นคนบ้าอำนาจจนเกือบจะทำตัวเป็นพระเจ้าเสียเอง ส่วน ฮาม ลูกชายคนกลางเป็นคนหมกมุ่นในเรื่องกาม ช่วงท้ายเราจึงได้เห็นสถานการณ์บีบคั้นอารมณ์ในการตัดสินใจของตัวละครบางตัวกับสิ่งที่เขาทำและคิดเอาเองคนเดียวว่ามันถูกต้อง

ด้านการแสดง รัสเซล โครว์ กับบท โนอาห์ ทำได้ตามมาตรฐานของเขา แต่ไม่ถึงกับยอดเยี่ยม ซีนอารมณ์ เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ ที่เล่นเป็นภรรยาโนอาห์ทำได้ดีกว่า เช่นเดียวกับ เอ็มม่า วัตสัน เธอเหมือนเป็นดอกไม้ที่สดใสในโลกอันหดหู่ ในบท ไอลา ลูกบุญธรรมครอบครัว แม้ว่าอาจจะยังไม่ดูเป็นสาวเต็มตัว แต่เธอก็ได้โชว์ฝีมือในการแสดงที่โดดเด่นกว่าใคร ขณะที่ เรย์ วินสโตน ในบท ทูบอล-อาคิน เป็นตัวร้ายที่สร้างสีสันได้ดีและทำให้หนังดูสนุกขึ้น

Noah จึงไม่ใช่หนังที่ทุกคนดูแล้วจะชอบ เพราะการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยกระชับ จึงดูไม่สนุก นักแสดงบางคนโดยเฉพาะหนุ่มๆเล่นแบบไม่พลัง จึงไม่สามารถโอบอุ้มโครงเรื่องที่ซีเรียสมากๆได้ แต่ก็ไม่ใช่หนังที่แย่ซะทีเดียว เทคนิคด้านภาพถือว่ามีคุณภาพ รวมถึงพล็อตเรื่องที่มุ่งสำรวจความเป็นมนุษย์ก็น่าสนใจในระดับหนึ่ง และยังมีการแฝงคำถามน่าคิดหลายอย่างเอาไว้ในหนัง

คะแนน 7/10

โดยนกไซเบอร์


ดูตัวอย่างหนัง movie.bugaboo.tv/watch/91046//?link=4




 

Create Date : 18 เมษายน 2557    
Last Update : 29 เมษายน 2557 18:33:42 น.
Counter : 1199 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Captain America The Winter Soldier กัปตันอเมริกากับสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ



สารภาพก่อนว่าผมเป็นแฟนหนังฮีโร่ค่ายมาเวลก็จริง แต่รู้สึกเฉยๆมากกับ กัปตันอเมริกา ยิ่งภาพแรกย้อนกลับไปต้นกำเนิด เนื้อเรื่องน่าเบื่อ แอ็คชั่นเวอร์วัง ทำให้ติดภาพลบกับกัปตันมาโดยตลอด กับการเข้าชม Captain America 2 ในชื่อ The Winter Soldier จึงไม่มีความคาดหวังเท่าไหร่

สำหรับ Captain America The Winter Soldier เป็นเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว และต่อจาก The Avengers หลังจากเหตุการณ์ต่อสู้ครั้งใหญ่ในนิวยอร์ค เหล่าฮีโร่ต่างๆได้แยกย้ายกันไป เหลือเพียง สตีฟ โรเจอร์ หรือ กัปตันอเมริกา กับ แบล็ค วิโดว์ (นาตาชา โรมานอฟ ) ที่ยังปฏิบัติหน้าที่ในหน่วย S.H.I.E.L.D. ประจำกรุงวอร์ชิงตัน ดี.ซี. โดยมี นิค ฟิวรี่ เป็นหัวหน้าทีม 

ต่อมา กัปตันอเมริกา พบว่าหน่วยชีลด์ที่เขาสังกัดกำลังถูกกลุ่มคนลึกลับบ่อนทำลาย นิค ฟิวรี่ โดนลอบสังหาร เขาจึงไม่สามารถไว้ใจใครในองค์กรได้เลย กัปตันและแบล็ค วิโดว์ หนีไปขอความช่วยเหลือจาก แซม วิลสัน หรือ ฟอลคอน ทหารผ่านศึกที่มีชุดติดปีกในการปฏิบัติการ พวกเขาสามคนต้องเผชิญหน้ากับ วินเทอร์ โซลด์เยอร์ นักฆ่าแขนเหล็กผู้แข็งแกร่งซึ่งถูกปกปิดตัวตน รวมถึงกลุ่มคนทรยศจำนวนมากที่แฝงตัวอยู่ในชีลด์

บทหนังของภาคนี้ถือว่าเข้มข้นกว่าภาคแรกมาก เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นผสมสืบสวนที่ลงตัว แฝงประเด็นเกี่ยวกับการเมืองนิดๆ กัปตันอเมริกา ดูจะเป็นฮีโร่ที่มีความเป็นมนุษย์ที่สุดในทีม Avengers ซึ่งเป็นทั้งข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ ได้เปรียบในแง่ของการไม่มีพลังวิเศษหรืออุปกรณ์ไฮเทคลํ้ายุค จึงน่าเอาใจช่วยกว่าฮีโร่ตัวอื่น ประกอบกับเป็นมิสเตอร์ไนซ์กาย มีนิสัยที่เป็นสุภาพบุรุษ จิตใจงาม เปิ่นๆเชยๆ  จึงมีคนดูสาวๆหลายคนตกหลุมรัก ขณะที่เสียเปรียบในประเด็นขาดสเน่ห์ในฉากต่อสู้ นอกจากโลห์แล้วก็ซัดกันด้วยมือเปล่าแบบดิบๆ ไม่หวือหวาอลังการเหมือนเพื่อนๆฮีโร่

ส่วนตัวคิดว่าการดำเนินเรื่องโดยสร้างความกดดันให้กับตัวเอกแบบต่อเนื่อง แถมยังส่งตัวร้ายซึ่งเก่งกาจยากที่กัปตันจะรับมือได้เพียงคนเดียว ซึ่งต้องเพิ่มบทบาทของเพื่อนๆอย่าง แบล็ค วิโดว์ กับ ฟอลคอน และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆในชิลด์ ทำให้อดนึกถึง The Dark Knight Rises ฮีโร่จากค่ายคู่แข่งไม่ได้ เพียงแต่ว่า Captain America The Winter Soldier มีการสอดแทรกอารมณ์ขันลงไปเป็นระยะ โดยมุขที่ใช้นั้นสดใหม่ไม่แพ้  The Avengers ทำให้ดูไม่เครียดเท่า Dark Knight

ด้านการแสดง คริส อีแวนส์ กลับมาแก้ตัวใหม่ในภาคนี้อย่างเต็มภาคภูมิ กัปตันอเมริกาดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง เก่ง ฉลาด เทห์ขึ้น ไม่แข็งกระด้างเหมือนภาคแรก สร้างคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ที่ยังถือว่าอ่อนกว่าฮีโร่คนอื่นๆก็คือการเล่นฉากเลิฟซีน ผิดกับ สกาเล็ตต์ โจแฮนสัน ในบท แบล็ค วิโดว์ เล่นได้โดดเด่นและแซ่บมาก ลุคผมตรงเข้ากับเธอสุดๆ หว่านสเน่ห์ใส่กัปตันจนเราแอบเผลอเชียร์ให้เป็นคู่รักกันจริงๆเพราะดูเหมาะสมกันดี แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเริ่มต้นด้วยความหวาดระแวง

สกาเล็ตต์ ทำให้ แบล็ค วิโดว์ กลายเป็นตัวละครที่ลึกลับ เซ็กซี่ น่าค้นหา เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆพอที่จะมีหนังใหญ่แยกเป็นของตัวเอง น่าเสียดายอยู่นิดที่ความลับของเธอที่ถูกคนร้ายขู่ว่าจะเปิดโปงในช่วงท้ายดูไม่มีอะไรเท่าไหร่ อีกคนที่ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกันคือ เซบาสเตียน สแตน ในบท วินเทอร์ โซลด์เยอร์ ตัวร้ายที่น่าเกรงขาม ความสามารถในการต่อสู้ระดับพระกาฬของเขาทำให้คนดูต้องลุ้นทุกครั้งที่โผล่มา และการที่เจ้าตัวยังลังเล ไม่เลือกฝ่ายซะทีเดียว ทำให้ตัวละครนี้ต่อยอดไปได้อีกเยอะ

สิ่งที่ทำให้หลายคนยกให้ Captain America 2 เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดของมาร์เวล(อาจจะเป็นรอง The Avengers นิดๆ) เนื่องจากไม่ได้แฝงหรือยัดเยียดแนวคิดอเมริกันฮีโร่เหมือนฮีโร่บางตัวในค่าย โครงเรื่องดูมีนํ้าหนัก คาดเดายาก ชวนติดตาม  และฉากการต่อสู้ที่ดุดัน สมจริง ทรงพลังแบบไม่ต้องพึ่งเอฟเฟ็กต์มากมาย เหล่านี้คือองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทำรายได้แบบถล่มทลาย และเมื่อดูจบแล้ว คุณอาจเปลี่ยนหรือปรับอันดับฮีโร่ในดวงใจของคุณก็ได้

ปล.เอนเครดิตยังคงมีเช่นเคย แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกเกี่ยวกับ The Avengers ช่วงสองเกี่ยวกับ Captain America 3

คะแนน 8.5/10 

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/87619/?link=4




 

Create Date : 08 เมษายน 2557    
Last Update : 9 เมษายน 2557 10:50:31 น.
Counter : 3576 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.