วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

วิจารณ์หนัง Bad Neighbours ความบันเทิงข้างบ้าน



Neighbours หรือในไทยชื่อ Bad Neighbours เป็นภาพยนตร์ตลกติดเรต (บ้านเรา18+) ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งในปีนี้ กล่าวคือเราไม่ได้เห็นหนังแนวนี้ในวงการฮอลลีวู้ดมาสักพัก หลังหมดยุค American pie ลงไป กับ That Awkward Moment ผลงานเรื่องก่อนของ แซ็ค แอฟรอน ก็เป็นแค่โรแมนติดคอเมอดี้


เรื่องย่อหนังเล่าถึง แม็ค กับ เคลลี่ คู่สามีภรรยาที่เพิ่งกลายมาเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ของลูกสาว สเตลล่า ที่อาศัยอยู่อย่างสงบสุขในบ้านของพวกเขา กระทั่งมีนักศึกษามหาลัยชายกลุ่มใหญ่ย้ายเข้ามาอยู่ข้างบ้าน โดยมี เท็ดดี้ หนุ่มหล่อเฟี้ยวเป็นหัวหน้ากลุ่ม เดลต้า ไซ เบต้า

แรกทีเดียว แม็ก และ เคลลี่ ที่ยังมีไฟอยากเฮฮาปาร์ตี้อยู่ก็สนุกสนานไปกับงานเลี้ยงของ เท็ดดี้ กับพรรคพวก ทว่านักศึกษามหาลัยกลุ่มนี้ไม่ได้เช่าบ้านมาติวหนังสือ พวกเขาเช่ามาเพื่อปาร์ตี้ เสียงดังช่วงดึกดื่นจึงมีให้รำคาญได้ทุกคืน คล้ายกับการมีบ้านติดกับสถานบันเทิง แม็ก กับ เคลลี้ ต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อไล่เด็กหนุ่มกลุ่มนี้ออกไป

บทของหนังสร้างความน่าสนใจจากการนำพล็อตง่ายๆอย่างเพื่อนบ้านตัวแสบมาขยายให้กลายเป็นภาพยนตร์ตลกสัปดนชั้นดี เนื้อหามีความผสมระหว่างวัยรุ่นมหาลัยกับวัยผู้ใหญ่กำลังเริ่มสร้างครอบครัว

คำพูดของตัวละครในเรื่อค่อนข้างแรง เรียกว่าพ่นคำสบถคำหยาบใส่กันแทบจะตลอด ส่วนมุขตลกเจ็บตัวก็เรียกเสียงฮาได้ดีแม้จะมีบางส่วนที่เกินจริงไปบ้าง ตัวละครดูเพี้ยนๆ แต่ก็ยังอยู่ในขีดที่พอรับได้ การเล่าเรื่องลื่นไหล สนุกสนาน

โดดเด่นที่สุดต้องยกให้ เซ็ธ โรเจ้น ในบท แม็ก ตัวละครที่เรียกเสียงฮาจากคนดูได้มากที่สุด ตลกกำลังดี ไม่ฝืดเหมือนเรื่อง 50/50 และไม่กวนประสาทเหมือนใน Green hornet สำหรับ โรส เบิร์น ที่เล่นเป็น เคลลี่ คุณแม่และคุณเมียยังสาว แสดงได้ดี สร้างเสียงหัวเราะให้คนดูพอสมควร ทำเอาเราลืมมาดขรึมของเธอใน X MEN FIRST CLASS หรือมาดหลอนใน insidious 2 ไปเลย

แซ็ค แอฟรอน หล่อลํ้าแต่เตี้ยไปหน่อย เขาได้เล่นฉากบ้าๆบอๆเยอะพอสมควร ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวทีเดียวกับการพลิกมาเล่นตลกเต็มตัวครั้งแรก แต่ที่ขโมยซีนไปเต็มๆคือ สเตลล่า ลูกสาวสุดน่ารักของ แม็ก กับ เคลลี่ ที่แสดงโดยสองพี่น้องฝาแฝด Elise Vargasและ Zoey Vargas ความบ้องแบ๊วของพวกเธอสร้างสีสันให้กับหนังได้ดี

คล้ายกับว่า Bad Neighbours จะเป็นหนังตลกเบาสมอง กระนั้น ก็ยังมีการแฝงแง่คิดดีๆหลายอย่าง ทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัว มิตรภาพของเพื่อน เสียดายตอนจบที่สงครามเพื่อนบ้านสงบลงอย่างรวดเร็ว ตัดอารมณ์เกินไปหน่อย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ชมจะได้แน่นอนหลังจากดูหนังเรื่องนี้คือ รอยยิ้ม

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/101057/?link=4




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2557 17:58:00 น.
Counter : 1819 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง 13 SINS เกมตามสาย



13 เกมสยอง เป็นภาพยนตร์ไทยอีกเรื่องที่ถูกวงการฮอลลีวู้ดซื้อไปรีเมกในชื่อ 13 Sins โดยถูกทำออกมาเป็นหนังทุนตํ่าเกรดบี ไม่มีดาราชื่อดังมากนัก เข้าฉายน้อยโรงและบางประเทศ กระนั้น เมื่อหนังเรื่องนี้เข้าฉายในไทย หลายคนกลับมองว่ามันเป็นหนังฟอร์มใหญ่ จากภาพความสำเร็จของ 13 เกมสยอง แน่นอนว่าความคาดหวังต้องสูงขึ้นตามไปด้วย


หนังเป็นแนวทริลเลอร์สืบสวน เล่าถึง เอลเลียต (มาร์ค เว็บเบอร์) พนักงานขายประกันดวงตก เพิ่งถูกไล่ออกจากงาน ขณะที่มีภาระในชีวิตมากมาย ทั้งกำลังจะแต่งงาน กับแฟนสาว ลูกก็กำลังจะคลอด น้องชายพิการทางสมองที่ต้องส่งเสีย และพ่อปากไม่ดีที่พรํ่าบ่นแต่เรื่องอดีต

ในช่วงที่ชีวิตกำลังมืดบอด เอลเลียต ได้รับข้อเสนอจากโทรศัพท์สายลึกลับซึ่งยื่นข้อเสนอให้เล่นเกม 13 ข้อ เพื่อแลกกับเงินจำนวนมหาศาล แน่นอนว่าภารกิจที่แรกๆเหมือนจะง่ายเริ่มยากขึ้นทุกที หากเลิกกลางคัน เขาก็จะสูญเสียทุกอย่างไปหมดทว่ายิ่งเดินหน้าต่อไป เขาก็ต้องทำเรื่องที่ผิดบาปมากขึ้นเรื่อยๆ

บทของหนังดัดแปลงจากต้นฉบับเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะโจทย์13ข้อ ครึ่งหนึ่งเหมือนกับ 13 เกมสยอง ข้อที่น่าขยะแขยงอย่างการบังคับให้กินของเสียถูกตัดออกไป ส่วนข้ออื่นๆเมื่อเทียบกับของไทยต้องบอกว่าซอฟท์กว่าเยอะ ใครที่เคยดูเวอร์ชั้นมะเดี่ยวจะไม่ค่อยอินกับ 13 Sins เนื่องจากเนื้อหาที่แทบจะไม่ต่างกัน ส่วนใครที่ไม่เคยดูหนังต้นฉบับมาก่อนจะดูหนังเรื่องนี้ได้สนุกกว่า

ข้อด้อยของ 13 Sins คือการตั้งใจสั่งสอน ยัดเยียดเรื่องศีลธรรมความดีงามแบบตรงเกินไป รวมถึงตัวละครหลักที่ดูไม่ค่อยจะดํ่าดิ่งเข้าสู่ด้านมืดแบบที่ควรจะเป็น มีความไม่เป็นเหตุเป็นผลหลายอย่าง นอกจากนี้ชีวิตของ เอลเลียต ก็ดูไม่เข้าตาจนเหมือน ภูชิต ประเด็นความโลภเข้าตา การถูกบีบรัดทางสังคมให้ยอมทำสิ่งน่ากลัวถูกถ่ายทอดออกมาได้บางเบา หนังของ แดเนียล สแตมม์ จึงดูไม่เข้มข้นเอาเสียเลย

สิ่งที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการตีความที่ต่างออกไป องค์กรลับที่เล่นสนุกกับความจนตรอกของคนถูกทำให้มีตัวตน โดยเชื่อมโยงกับลัทธิทางศาสนาและเหตุการณ์แปลกในๆชีวิตจริง ตอนจบเป็นส่วนที่ดูดีที่สุดของหนังในการเลิกขายความโหดแบบฉาบฉวย แล้วหันมาเล่นกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว แม้จะไม่ถึงกับซึ้งกินใจ แต่ก็เป็นซีนที่ทำให้คนดูพอลุ้นตามได้ เสียตรงที่บทสรุปมันดูง่ายและฟีลกู้ดเกินไป กิมมิกอีกอย่างที่น่าสนใจคือเสียงเรียกเข้าเวลาจะเล่นเกมที่หลอนปนน่ารำคาญ จุดนี้เป็นเอกลักษณ์กว่าของต้นฉบับ

การแสดง มาร์ค เว็บเบอร์ ในบท เอลเลียต เหมาะตรงที่เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาตรงตามคาแร็กเตอร์ แต่การสื่ออารมณ์ของเขายังน้อย ความรู้สึกเห็นใจหรือสงสารที่ควรได้จากผู้ชมเลยไม่ค่อยมี อีกคนที่น่าพูดถึงก็มี รอน เพิร์ลแมน ที่แสดงเป็นตำรวจซึ่งติดตามคดีของ เอลเลียต เดายากเหมือนกันว่าเขาอยู่ฝ่ายไหน (คนที่ดูเวอร์ชั่นไทยอาจถูกครอบด้วยตัวละครที่ ตั้ว ศรัณยู เล่น)

13 Sins เป็นอีกหนังรีเมกที่ล้มเหลวจากการพยายามเคารพต้นฉบับมากเกินไป การเลือกตัวแสดงที่แย่ โปรดักชั่นก็ห่วย ทำให้ดูเป็น Copy Show ที่ไม่มีอะไรใหม่ น่าผิดหวัง ซํ้าฉากสำคัญๆก็ยังถูกเอามาไว้ในตัวอย่างจนเกือบหมด เรียกว่ามีส่วนให้คนดูประทับใจน้อยเหลือเกิน

คะแนน 6/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/109459/?link=4




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2557 15:44:40 น.
Counter : 1539 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง The Amazing Spider Man 2 ความรับผิดชอบของฮีโร่



สไปเดอร์แมน เป็นฮีโร่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากฮีโร่ตัวอื่นๆของค่ายมาร์เวล เขาทั้งกำพร้า ฐานะไม่ดี และพบกับโศกนาฏกรรมในชีวิตเสมอ เรียกว่าเป็นฮีโร่ที่อาภัพที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ แม้แต่ในโลกภาพยนตร์ยังถูกค่าย Sony ซื้อออกมาแยกทำหนังเดี่ยวๆเหงาๆ อดร่วมวงสนุกกับจักรวาลของมาร์เวลที่นำเอาฮีโร่หลายคนมาร่วมมือกันปราบเหล่าร้ายอย่างครื้นเครง


ซํ้า The Amazing Spider Man ยังโดนเอาไปเปรียบเทียบกับ Spider Man เวอร์ชั่นก่อนที่ทำไว้ดีพอสมควร การที่ทีมงานพยายาม ทำให้ The Amazing Spider Man 2 ต่างออกไปจึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือความสดใหม่ของนักแสดง ส่วนข้อเสียคือการขาดหายไปของสเน่ห์ดั้งเดิมในตัวไอ้แมงมุม

เนื้อหาของภาคนี้ต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว แถมย้อนกลับไปเล่าถึงสาเหตุการตายของพ่อแม่ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ เขาสูญเสียลุงไปเมื่อภาคที่แล้ว ชีวิตจึงยังวุ่นวายพอสมควร ป้าต้องออกไปหางานทำเพื่อให้พอกับค่าใช้จ่ายในบ้าน ฉากหน้า ปีเตอร์ ยังเป็นหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบ และทำเงินได้เล็กน้อยจากการขายภาพไอ้แมงมุมให้สำนักข่าว

ฉากหลัง ปีเตอร์ เป็นสไปเดอร์แมนที่ออกช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการจับกุมคนร้าย มี เกว็น สเตซี่ แฟนสาวเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเขาคือใคร แต่ด้วยความรับผิดชอบมากมายของฮีโร่ประจำเมืองนิวยอร์ก ความสัมพันธ์ของ ปีเตอร์ กับ เกว็น จึงไม่ราบลื่นนัก ขณะเดียวกันการปรากฏตัวของเพื่อนเก่าอย่าง แฮร์รี่ ออสบอร์น ก็นำพาตัวร้ายอย่าง อิเล็กโตร กรีนก็อบลิน และ ไรโน่ ออกมาอาละวาด

บทหนังเน้นไปที่ความโรแมนติกดราม่ามากกว่าแอ็คชั่น แน่นอนว่าสร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆจำนวนหนึ่ง แม้ว่าประเด็นเรื่องรักและชีวิตส่วนตัวของฮีโร่จะถูกนำเสนอมาได้ดีพอสมควร แต่ก็เกือบจะล้นไป ทำให้บางฉากดูอืดอาด น่าเบื่อ มุขตลกพอกล้อมแกล้ม ฉากต่อสู้เสียตรงใช้เทคนิคสโลว์ภาพบ่อยทำให้ขาดความต่อเนื่อง กระนั้น ภาพรวมแอ็คชั่นที่มีน้อยนิดก็สร้างสีสันและเป็นจุดเด่นของหนัง

แอนดรูว์ กราฟิลด์ กับ เอ็มมา สโตน เคมีเข้ากันดี สมแล้วที่เป็นแฟนกันจริงๆนอกจอ คนดูไม่ต้องใช้จินตนาการมากนักก็เชื่อว่าทั้งคู่รักกัน แอนดรูว์ เป็นผู้ชายที่ดูดี แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นชายในฝันของผู้หญิงทุกคน อารมณ์เศร้าเสียใจของเขายังไม่มีพลังส่งให้คนดูนํ้าตาซึมในฉาก ไคลแม็กซ์ สวนทางกับ เอ็มมา สโตน ซึ่งเฉิดฉาย มีสเน่ห์มัดใจผู้ชมหนุ่มๆได้อยู่หมัด หากจะมีคนที่ร้องไห้ให้กับหนังเรื่องนี้ก็เป็นเพราะเธอ

ตัวร้าย เดน ดีฮาน แจ้งเกิดเต็มตัวในบท แฮรี่ เขาแสดงความรู้สึกเก็บกดได้ยอดเยี่ยม ทำให้เราสัมผัสถึงด้านมืดที่อยู่ภายในตัวละคร แน่นอนว่าสาวๆหลายคนหลงเทใจไปให้มาดคุณหนูจอมหยิ่งของเขา ส่วน เจมี ฟ็อกซ์ ที่เล่นเป็น อิเล็กโตร ได้โชว์ฝีมือแค่ช่วงที่ยังเป็นมนุษย์ พอแปลง กลายแล้วให้ความรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเขา

ชีวิตของไอ้แมงมุมนั้นน่าสงสาร เขาเป็นอีกหนึ่งฮีโร่ที่มีความรับผิดชอบมากมาย ทว่าน่าเศร้ากับการที่ต้องทุ่มเทชีวิตให้กับผู้อื่นจนหลงลืม ความสำคัญของคนรักและคนในครอบครัว (ที่ยังชีวิตอยู่) ดังวลีที่โดดดังในเวอร์ชั่นที่แล้วอย่าง พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง

ปล. end credit ช่วงท้ายเกี่ยวกับ X Men Day of Future Past

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/94408/?link=4




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2557 17:43:46 น.
Counter : 1550 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Brick mansions กระโดดอยู่ในกรอบ



เดิมทีภาพยนตร์เรื่อง Brick mansions เป็นหนังฟอร์มเล็กที่หวังช่วงชิงพื้นที่บางส่วนจากตลาดหนัง กระทั่ง พอล วอล์คเกอร์ เสียชีวิตลงหนังเรื่องนี้ก็ดูน่าสนใจขึ้นมาทันที ในฐานะหนังเรื่องสุดท้าย(ที่ถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์) ของ พอล วอล์คเกอร์


Brick mansions ดัดแปลงมาจากเรื่อง District B13 ของฝรั่งเศสเมื่อปี 2004 โดยได้ เดวิด เบลล์ มือหนึ่งกีฬาฟรีรันนิ่งจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมารับบทเดียวกันในหนังรีเมกเรื่องนี้ หนังเล่าถึง เดเมี่ยน (พอล วอล์คเกอร์) ตำรวจหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ และ ลีโน่ นักเลงจิตใจดีที่เคยอาศัยอยู่ในนั้น (เดวิด เบลล์) ต้องแอบเข้าไปใน บริค แมนชั่นส์เขตชุมชนอาชญากรรมที่ถูกล้อมกำแพงเอาไว้ ซึ่งภายในเต็มไปด้วย แก๊งค์มาเฟีย โจร และคนยากจน เพื่อตามหาหัวรบนิวเคลียร์ที่ถูกพวกคนร้ายขโมยไปก่อนจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น

บทของหนังแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากต้นฉบับเลย เพียงแต่มีการเปลี่ยนตัวละคร เสริมฉากแอ็กชั่น และปรุงแต่งให้ดูเป็นเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดเท่านั้นทุกอย่างอยู่ในกรอบเดิมๆ จึงดูน่าเบื่อ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ สำหรับคนที่เคยดู District B13 มาก่อน ส่วนคนที่ยังไม่เคยดูก็พอจะสนุกไปกับการโชว์ท่าผาดโผนเสี่ยงดายของ เดวิด เบลล์ และการแสดงของ พอล วอล์คเกอร์ ไปได้บ้าง

ทว่า ประเด็นที่หนังต้องการจะสื่อดูกระจัดกระจาย เริ่มด้วยการเสียดสีสังคมคนจนคนรวย การทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง ที่ก็ทำได้ฉาบฉวยสุดๆ ซํ้าช่วงท้ายยังดูหลงเข้ารกเข้าพง ออกแนวประชดประชันซะมากกว่า บทสรุปห้วนจนดูมักง่าย โดยเฉพาะจุดหักเหของหัวหน้ามาเฟียที่เหตุผลอ่อน ไม่น่าเชื่อถือ ความเข้มข้นของเนื้อหา อารมณ์ร่วมของคนดูในการลุ้นหรือเอาใจช่วยตัวละครจึงหดหายไป

ฉากแอ็คชั่นคือสิ่งที่ดูดีที่สุดในหนัง เดวิด กับ พอล ดูเป็นคู่หูที่เท่ กวน และเข้ากันมาก เดวิด ตั้งใจมาโชว์ของอยู่แล้วเลยจัดเต็มโดดไปโดดมาเหมือนมีสปริงติดข้อเท้าขณะที่ พอล ก็ไม่ยอมน้อยหน้า แม้รูปร่างจะใหญ่กว่าไม่คล่องแคล่วพอจะ Free Runnig ได้เต็มที่ แต่ก็มีข้อดีในการเอามาเป็นมุขตลกได้มีส่วนที่ออกจะโอเวอร์นิดๆ แต่ก็อยู่ในลิมิตที่พอรับได้

ด้าน Rza ในบทหัวหน้ามาเฟียตัวร้ายมีบทบาทกับเรื่องมากพอๆกับสองนักแสดงนำชาย เมื่อเทียบกับการรับบทหัวหน้าตัวร้ายใน ต้มยำกุ้ง 2 นั้น กับ Brick mansions ถือว่าเล่นได้ดีกว่า ดูมีมิติ แม้จะมีบางมุมที่พี่แกตั้งใจจะวางมาดโหดๆเกินไป หรือทำเรื่องแปลกๆเพื่อสร้างคาแร็คเตอร์อย่างการชอบทำกับข้าวก็ตาม

ความรู้สึกระหว่างดูหนังเรื่องนี้ของคนที่ชื่นชอบผลงาน พอล วอล์คเกอร์ คงคล้ายๆกันก็คือ เขาดูเหมือนยังมีชีวิตอยู่เลย บนจอตรงหน้าเรานั้น พอล ยังคงกระโดดโลดเต้น ชกต่อย ยิงปืน ซิ่งรถ และส่งรอยยิ้มน่าประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก เป็นครั้งสุดท้าย

ด้วย รัก และ อาลัย

คะแนน 6.5/10

โดย นกไซเบอร์


ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/106679/?link=4




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2557 17:56:04 น.
Counter : 1817 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : The End จบ เจ็บ จาก



เป็นที่รู้กันดีว่า อาการอกหัก ของผู้หญิงนั้นจะมีผลกระทบรุนแรงกว่าผู้ชายหลายเท่า พวกเธอเหล่านั้นจะประสบภาวะที่เคว้งคว้าง เหงา เศร้า เปล่าเปลี่ยว ขาดความมั่นใจ เสียศูนย์จากความรู้สึกหลายอย่างประดังประเดเข้ามาพร้อมกัน สำหรับบางคนโลกทั้งใบดูเหมือนจะแตกสลายลงซะเดี๋ยวนั้น


ภาม รังสี ผู้กำกับหนุ่มที่เคยมีผลงานหนังสยองขวัญอย่าง โลงรับจำนำ เปลี่ยนแนวมาทำหนังรักโรแมนติกอินดี้ชื่อ The End ผู้หญิงเลือกได้ โดยมุ่งสำรวจวีถีทางของสาวที่กำลังเจ็บชํ้าใจเรื่องความรัก พร้อมกับเสียดสีพฤติกรรมของพวกเธอ ซึ่งสิ่งสาวๆแทบทุกคนบนโลกทำเหมือนๆกันก็คือ ร้องไห้ฟูมฟายกับเพื่อนสนิทพากันออกไปเที่ยวกลางคืน เมาหัวรานํ้า ทำเรื่องบ้าๆบอๆ เดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ทว่า ทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถบำบัดความเศร้าในใจไปได้ เพียงแต่ทำให้พวกเธอหลงลืมมันไปสักระยะ

เรื่องย่อ The End เล่าถึง แอล (นาตาลี ดูเชียง) นางแบบสาวสุดเปรี้ยวที่ถูก โบร๋ว (ยุรนันท์ พรนำโชคชัย) แฟนหนุ่มสุดเซอร์นอกใจ จึงตัดสินใจบอกเลิกกับเขา เธอชวน มิ้นท์ (ณัชชา สุผลากร) เพื่อนสาวคนสนิทออกเที่ยวผับ โดยตั้งใจจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับผู้ชายไม่เลือกหน้า  เธอให้เบอร์ ต้น (วรุตม์ ภัทราเวสส์สกุล) หนุ่มหล่อลํ้านิสัยที่ภายหลังได้มาพบกันในเวลาหลางวัน เขาชอบเธอแบบจริงจัง ขณะที่เธอยังสับสน ด้าน บุ๊ค (ประเสริฐสุข เหมทานนท์) บาร์เทนเดอร์จอมกวน ที่เธอทอดสะพานให้กลับไปสนิทสนมกับ มิ้นท์ แทน แอล มิ้นท์ บุ๊ค และรุ่นพี่สาวอีก2คน ออกเดินทาง ไปตะเวนเที่ยวตามที่ต่างๆ โดยมี ต้น ตามไปจีบ ส่วน โบร๋ว ตามมาง้อขอคืนดี แอล จึงต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ระหว่าง คนใหม่ กับ คนเก่า

บทของหนังเรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่มีการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการถ่ายภาพที่สวยงาม และ เพลงประกอบเพราะๆ คล้ายกับว่าเรากำลัง นั่งดูMVเพลงอกหักเวอร์ชั่นยาวๆ (ก่อนหน้านี้เฉยๆมากกับเพลง แหลก มาชอบเอาตอนดูหนังเรื่องนี้) จำลองอารมณ์อกหักของผู้หญิงออกมาได้ละเมียดละมัย ความสัมพันธ์ที่ ดูเหมือนจะจบลง แต่ก็ยังมีหลายอย่างค้างคา การรับมือกับความเจ็บปวด รวมถึงการตัดใจลาจากใครสักคน

แม้หนังจะได้เรท18+ แต่ไม่ใช่เนื้อหาหรือภาพที่รุนแรง ฉากเซ็กส์มีน้อยมาก สิ่งที่ล่อแหลมก็คือบทสนทนาของตัวละครที่พูดเกี่ยวกับเรื่องทางเพศอย่างเปิดเผยแต่ก็กระจุกอยู่ในช่วงแรกเท่านั้น ส่วนตัวคิดว่าซอฟท์กว่าที่คิดเยอะ ประโยคเก๋ๆที่ออกมาจากปากตัวละครบางซีนก็ดูไม่สมจริงนัก แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พอรับได้ ระดับเดียวกับหนังญี่ปุ่นหรือหนังฝรั่งอินดี้บางเรื่อง มีการแฝงนัยยะบางอย่างในคำบางคำ อาทิ การที่ตัวละครเรียกรถบ้านว่า Mother home คล้ายกับว่าพาหนะที่พวกเธอใช้คือบ้านแม่ที่เยียวยาความเจ็บปวด มีฉากที่ดูตั้งใจจะให้ขัดแย้งกันอย่าง นักแสดงนำที่มีหน้าตาฝรั่งจ๋าแต่ชื่นชอบอาหารกับวัฒธรรมจีนในเยาวราช

การแสดงมีความสดใหม่ เนื่องจากผู้กำกับเลือกที่จะใช้นักแสดงหน้าใหม่ทั้งหมด นาตาลี ดูเชียง ในบท แอล เปลี่ยนลุคได้หลายหลาย มีทั้งความเซ็กซี่ สวยเปี้ยว น่ารัก เธอเหมือนเป็นตัวแทนของสาวอกหักทุกคน ถึงจะมีหลายครั้งที่คนดูรู้สึกว่าท่าทางของเธอดูประดิษฐ์ไป  การดำเนินชีวิตก็เก๋ไก๋เกินจริง แต่ด้วยอาชีพในหนังของเธอคือนางแบบ ก็พอจะทำให้เรามองข้ามจุดนี้ไปได้ ระหว่างชมภาพยนตร์เชื่อว่าหลายคนอาจมโนไปว่าตัวเองเป็น แอล สาวสวยเลือกได้ ที่ดูเหมือนจะยังเลือกไม่ได้ว่าจะเลือกใคร ทว่า ผมเห็นกลับมอง มิ้นท์ เป็นตัวแทนของสาวจำนวนมากกว่า เธอเป็นเพื่อนสาวแสนดีที่คอยอยู่เคียงข้าง รับฟัง ดูแล ตามเอาใจเพื่อนสาวคนสวยประจำกลุ่ม เธอดูเป็นผู้หญิงที่ไม่สวยเตะตาแต่น่าค้นหามาก ณัชชา สุผลากร ทำได้ยอดเยี่ยมในบทนี้ แสดงความรู้สึกได้เก่ง เชื่อว่าผู้ชายหลายคนชอบผู้หญิงที่มีบุคลิกแบบนี้มากกว่า ห้าวๆ ห่ามๆ ไม่เรื่องมาก เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ประเสริฐสุข เหมทานนท์ ที่แสดงเป็น บุ๊ค หนุ่มบาร์เทนเดอร์จอมกวนอวัยวะเบื้องล่างมาก นิสัยก็สุดเพี้ยน ดูเป็นไอ้หื่นโรคจิตไม่เอาไหน แต่กลับสร้างสีสันได้มากที่สุด เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ บางครั้งก็อย่างเข้าไปกระโดดถีบแรงๆ บางครั้งก็อยากเข้าไปกอดเขาแน่นๆ ส่วนตัวเห็นว่าความสัมพันธ์ของคู่ บุ๊ค กับ มิ้น ดูน่ารักมากๆ มิ้น ชอบออกอาการเหมือนรำคาญ รังเกียจ บุ๊ค แต่ลึกๆก็มีหลายครั้งที่เธอแสดงกริยาว่ารู้สึกดีกับเขา เป็นความรักที่ดูง่ายดี (หมายถึงทางใจไม่ใช่ทางกาย) เมื่อเทียบกับความรักของ แอล กับสองหนุ่ม ยุรนันท์ พรนำโชคชัย วรุตม์ กับ ภัทราเวสส์สกุล โบร๋ว และ ต้น ที่ฝ่ายชายซึ่งเล่นค่อนข้างแข็ง ความลึกซึ้งในแง่ของอารมณ์จึงดูไม่สุด ไม่ทำให้คนดูอินจนนํ้าตาไหลได้

ตอนจบของ ความรักที่แหลกเหลว เพราะ คนเหลวแหลก หนังทำได้ดีพอสมควร บทสรุปเป็นแบบปลายเปิด มีการทิ้งประเด็นให้คนดูได้คิดต่อว่าบางทีทางเดินของรักก็ไม่ได้มีเพียงแค่สองทางเลือกเสมอ ซึ่งเวลามีส่วนสำคัญมากในการทำให้สิ่งต่างๆชัดเจนมากขึ้น ความสัมพันธ์ชายหญิงที่จบลงจึงดูไม่เศร้าเกินไป ซํ้าบางมุมมันยังดูสวยงามชนิดที่เราคาดไม่ถึง

คะแนน 8/10

โดย นกไซเบอร์


ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/113172/?link=4




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 6 พฤษภาคม 2557 18:22:01 น.
Counter : 2012 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.