วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

วิจารณ์หนัง : ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 5 ยุทธหัตถี จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง



เดินทางมาถึงภาคสุดท้ายจนได้สำหรับหนังเรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหากาพย์ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่สานต่อความสำเร็จมาจาก สุริโยทัย นับเป็นหนังที่ทำลายสถิติหลายอย่าง ทั้งการถ่ายทำ(จากภาคแรก-ภาคล่าสุด)ที่ยาวนานกว่า10ปี ใช้ทุนสร้างสูงเกือบ1000ล้านบาท โดยเฉพาะ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 5 ยุทธหัตถี ที่ต้องเลื่อนคิวฉายมาหลายครั้งเนื่องจากมีปัญหาอุบัติเหตุไฟไหม้ฟิล์มที่เป็นข่าวครึกโครม จนต้องถ่ายทำใหม่หลายฉาก


ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 5 ยุทธหัตถี น่าจะเป็นหนังเรื่องท้ายๆของไทยที่ใช้ฟิล์มในการถ่ายทำ เนื้อหาภาคนี้เล่าถึง สงครามครั้งใหญ่ที่สุดของชาวสยามเมื่อ พระเจ้านันทบุเรง สั่งให้ มังสามเกียด หรือ พระมหาอุปราชา ยกทัพใหญ่มาปราบอโยธยา โดยฝ่ายไทยมี สมเด็จพระนเรศวร ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ นำทัพออกรบและทำยุทธหัตถีครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์เพื่อตัดสินชะตาบ้านเมือง

ตัวหนัง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 5 เป็นหนังแนวประวัติศาสตร์สงคราม ภาคลดฉากแอ็คชั่นลงเยอะและเพิ่มฉากดราม่าเข้าไปมาก ในศึกนันทบุเรงช่วงแรก มีกลิ่นอายของหนังสงครามคล้ายกับ Red Cliff ของ จอห์นวู มีการใช้กลศึกต่อสู้กัน มหาเถรคันฉ่อง นั้นแทบจะเป็นตัวแทนของ ขงเบ้ง ได้เลย เสียดายที่หลังจากนั้นหนังกลับเลือกที่จะเน้นไปที่ความดราม่าเกือบหมด พอกลับมาถึงไฮไลต์ของหนังคือ ฉากยุทธหัตถี แม้ผู้กำกับจะให้เวลามากพอสมควรแต่ก็ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นหรือลุ้นระทึกเท่าใด

การดำเนินเรื่องเน้นอิงความจริงตามประวัติศาสตร์เกือบ100% จึงไม่มีส่วนไหนที่สร้างความประหลาดใจ ตัวละครที่โดดเด่นยังคงเป็นตัวหลักๆไม่กี่ตัว อาทิ สมเด็จพระนเรศวร พระราชมนู นันทบุเรง พระมหาอุปราชา ที่มีขโมยซีนก็เห็นจะเป็น ไอ้ขาม ซึ่งจู่ๆก็มีบทบาทเพิ่มเข้ามาเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ ข้อดีคือพอที่จะสร้างสีสันและรอยยิ้มได้บ้าง ส่วนตัวเสียดายตัวละคร ออกพระชัยบุรี กับ ออกพระศรีถมอรัตน์ คู่หูที่มีมุขมาให้คนดูคลายเครียดในภาคแรกๆ คาแร็กเตอร์โดดเด่น แต่มาภาคนี้ถูกตัดหายไปเลย เช่นเดี่ยวกับ ทหารเสือพระนเรศวรคนอื่นๆ นอกจากนี้ การสูญเสียของตัวละครบางตัวก็ดูจงใจเกินไป ทำให้อารมณ์ความซาบซึ้งดูขัดๆ

กระนั้น คนที่ภาคก่อนๆแทบไม่มีบทอย่าง พระสุพรรณกัลยา ในภาคที่ชื่อ ยุทธหัตถี เรากลับได้เห็นเธอออกมาแสดงซีนอารมณ์บ่อยครั้ง ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นปัญหาเรื่องการจัดการกับตัวละครที่มีมาก ซึ่ง หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับ เลือกที่จะใช้ภาคสุดท้ายบอกเล่าสรุปความที่ค้างคาทั้งหมดให้จบลง แต่ด้วยระยะเวลาเพียง130นาทีนั้น ถือว่าน้อยเกินไป คนดูจึงได้พบกับฉากจบที่เหมือนจะจบ แต่ก็ยังไม่จบ

จุดเด่นของ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี คือระบบเสียงที่กระหึ่มลั่น ปลุกเร้าอารมณ์ ช่วยส่งให้ฉากแอ็คชั่นดูสมจริงมากขึ้น ด้านซีจียังดูไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าที่ควร ฉากพื้นหลังไม่เนียน บางครั้งดูลอยออกมาแบบเห็นได้ชัด ถือว่าช่วงเวลาที่หนังฉายเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองของเราในตอนนี้ดี คำพูดหลายๆอย่างของตัวละครเป็นได้ทั้งการสอนสั่งและเตือนสติ แน่นอนว่ามีการเชิดชูเกียรติวิรชนคนกล้าที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องประเทศชาติด้วย จุดประสงค์ก็ไม่พ้นให้ผู้ชมมีความรู้สึกรักชาติรักแผ่นดิน

เรื่องของการแสดง ตั๊ก นภัสกร ในบท พระมหาอุปราชา ฝ่ายพม่าถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม แม้บางซีนเขาดูจะเล่นใหญ่เกินไปบ้าง แต่การรับส่งกับ ต้น จักรกฤษณ์ ที่แสดงเป็น นันทบุเรง เข้าถึงอารมณ์มาก ทั้งในส่วนของความสัมพันธ์แบบ พ่อ-ลูก และ พระราชา-เจ้าชาย กลายเป็นว่าหลายคนรู้สึกเห็นใจในชะตากรรมของ มังสามเกียด ผู้นี้ ผิดกับคู่ฝ่ายไทย ฉัตรชัย เปล่งพานิช ที่เล่นเป็น สมเด็จพระมหาธรรมราชา ส่งความรู้สึก มาแบบเต็มๆในฉากสั่งเสีย ทว่า พ.ท. วันชนะ สวัสดี ในบท สมเด็จพระนเรศวร กลับรับมาได้ไม่หมด ทำให้คนดูไม่อิน ซึ่ง พ.ท. วันชนะ ทำได้ดีในฉากต่อสู้และการพูดปลุกใจมากกว่า

ไม่อาจบอกได้เต็มปากว่า ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 5 เป็นภาคที่ดีที่สุดของหนังชุด ตำนานสมเด็จพระนเรศวร (และอาจไม่ใช่ภาคสุดท้าย) แต่ใครที่เคยดูภาคก่อนๆมาแล้ว การไปชมภาคยุทธหัตถีเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้ทั้ง5ภาคถูกเรียงเป็น1เดียวอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนั้นคือพันธกิจที่ท่านมุ้ยและทีมงาน เหนื่อยหนัก ตรากตรำ ใช้เวลาส่วนหนึ่งของชีวิตทำจนสำเร็จ และฝากไว้ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยต่อไป

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์


ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/111929/?link=4




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2557 16:46:48 น.
Counter : 2548 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : X Men Days of Future Past มนุษย์กลายพันธุ์ย้อนเวลา



ทิ้งห่างจาก X Men First Class ไปนานพอสมควรเลยสำหรับ X Men Days of Future Past หนังฮีโร่มนุษย์กลายพันธุ์ภาคต่อของ มาร์เวล ซึ่งแฟนๆล้วนคาดหวังพอสมควร เนื่องจาก First Class ทำไว้ดีมาก


สำหรับ X Men Days of Future Past เล่าถึงเรื่องราวในอนาคตเมื่อเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ถูกหุ่นยนต์เซ็นทินัลไล่ล่าจนเกือบจะสูญพันธุ์ แต่ไม่เพียงเท่านั้น มนุษย์เองก็ถูกกวาดล้างจนหมดเช่นกัน ทีม X Men ในอนาคตที่เหลือรอดไม่กี่คน นำโดย Professor X และ Magneto จึงตัดสินใจส่ง วูล์ฟเวอรีน ย้อนเวลาทางจิตสำนึก ผ่านทางความสามารถของ คิตตี้ ไพรด์

ภารกิจของ วูล์ฟเวอรีน คือการตามหา เรเว่น หรือ มิสทีค มนุษย์กลายพันธุ์ที่มีความสามารถในการแปลงกลาย เธอกำลังไล่ล่า Dr. Bolivar Trask เพื่อล้างแค้นให้กับเพื่อนมนุษย์กลายพันธุ์ที่ถูกนำไปทดลองและสังหารทิ้งอย่างโหดเหี้ยม โดยหารู้ไม่ว่าเธอเองมีเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หุ่น เซ็นทินัล เก่งกาจจนไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ในโลกอนาคต

หนังดำเนินเรื่องตัดสลับระหว่างอดีตกับอนาคต โดยเน้นหนักไปที่อดีตมากกว่า ไทม์ไลน์ในหนังดูง่าย ไม่งง แต่หากเอาไทม์ไลน์ในเรื่องไปเทียบเคียงกับ X Men ภาคก่อนๆถือว่าสร้างความสับสนได้พอสมควร บทหนังตั้งใจที่จะให้ภาคนี้เป็นจุดเชื่อมโยง X Men ภาคก่อนๆให้หลอมรวมเป็นเส้นเดียว แก้ไขข้อผิดพลาดบางประการใน First Class รวมถึงปูทางไปสู่ภาคต่อไป ซึ่งก็ทำได้ดี

ไบรอัน ซิงเกอร์ ไม่มีปัญหากับการจัดการตัวละครจำนวนมาก ความโดดเด่นของนักแสดงแต่ละคนเป็นไปตามบทบาท แน่นอนว่าภาคนี้ต้องยกให้ โลแกน (วูล์ฟเวอรีน) รองลงมาเป็น เรเว่น ชาลส์ และ อิริค  โดยเฉพาะ เรเว่น ที่มีสเน่ห์จนแว่วว่าอาจจะมีภาคแยกของตัวเอง ชอบมุมตลกหลายมุขในเรื่องที่ดึงเอาการย้อนเวลามาใช้ประโยชน์ได้ฉลาด

ด้านเทคนิคฉากแอ็คชั่นในอนาคตดูตื่นตาตื่นใจดี ความสามารถของมนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มที่รอดมาได้แต่ละตัวนี่สุดๆ อย่าง บริงค์ (ฟานปิงปิง) กับการสร้างอุโมงก์ทะลุอากาศสีสวยๆ ทำให้เราอดนึกถึงประตูทุกหนทุกแห่งของโดเรมอนไม่ได้ แต่ที่ขโมยซีนที่สุดๆเห็นจะเป็น Quick silver มนุษย์กลายพันธุ์ลูกชายของ อิริค ผู้มีความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหนือแสงสีเสียง ฉากวิ่งสโลว์จัดการกับเจ้าหน้าที่นี่ฮา กวนและเกรียนมากๆ

การแสดงเรื่องนี้ขับเคี่ยวกันแบบไม่มีใครยอมใครทั้งรุ่นใหญ่อย่าง แพทริค สจวร์ต , เอียน แม็กเคลเลน รวมถึงรุ่นกลางกับเล็กอย่าง ฮิวจ์ แจ็คแมน ,เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์,ไมเคิล ฟาสเบ็นเดอร์, นิโคลาส ฮอลท์ และ เจมส์ แม็คอวอย ขณะเดียวกันการที่หนังเทบทสำคัญไปให้ วูล์ฟเวอรีน และ มิสทีค ทำให้ ฮิวจ์ แจ็คแมน กับ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์  เป็นสองนักแสดงที่ X Men ภาคต่อๆไปจะขาดพวกเขาไม่ได้

X Men Days of Future Past เป็นหนึ่งในหนังฮีโร่ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้ และหลายคนอาจยกให้ดีที่สุดในหนังชุด X Men เพราะมีการผสมผสานกันแบบลงตัวระหว่างฮีโร่ตัวใหม่กับฮีโร่ตัวเก่า ความคลาสสิคกับความทันสมัย และที่สำคัญ อดีตกับอนาคต

คะแนน 8.5/10

โดย นกไซเบอร์


ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/88371/?link=4




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2557 17:30:59 น.
Counter : 3544 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Draft Day เดิมพันนอกสนาม



มีกีฬาไม่กี่ชนิดในโลกที่ผมยังเข้าใจกฏกติกาไม่ถ่องแท้ หนึ่งในนั้นคือกีฬาอเมริกันฟุตบอล ศึกคนชนคนที่มีลีก NFL เป็นตัวชูโรง ส่วนไฮไลต์คือการชิงแชมป์ที่เรียกว่าซูเปอร์โบว์ล ว่ากันว่าโฆษณาในช่วงนี้มีมูลค่าสูงที่สุด เนื่องจากมีผู้ชมดูการถ่ายทอดสดมากเป็นอันดับ1ของโลก


กีฬายอดฮิตของคนอเมริกันที่ดูเหมือนจะคล้ายรักบี้แต่ก็ไม่ใช่นี้ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง มีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว Draft Day คือเรื่องล่าสุด ซึ่งปกติคนจากประเทศอื่นก็แทบจะดูหนังกีฬาชนิดนี้ไม่เข้าใจอยู่แล้ว มาเรื่องนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่เพราะมันเอ่ยถึงวัน Draft Day โอกาสสำคัญของทีมต่างๆที่จะได้ตัวนักเตะหน้าใหม่เข้าไปร่วมทีมในฤดูการที่กำลังจะเปิด

บ้านเราจะคุ้นกับการซื้อขายนักฟุตบอลที่เปิดตลาดใน2ช่วง แต่ละทีมแข่งกันใช้เงินซะส่วนใหญ่ ไม่มีอะไรซับซ้อน นอกจากบางทีมที่ทุนน้อยก็อาศัยทีมแมวมองเก่งๆซื้อผู้เล่นดาวรุ่งจากทีมเยาวชนหรือผู้เล่นที่ยังไม่มีชื่อเสียงจากทีมเล็กๆมาปั้น แต่กับลีกกีฬาในทวีปอเมริกาเหนือทั้ง NFL NBA NHL และ Major League (เบสบอล) จะไม่ใช้เงินซื้อขายผู้เล่น ความแตกต่างคือทีมกีฬาในสหรัฐฯไม่มีทีมเยาวชนแบบกีฬาฟุตบอล พวกเขาจึงใช้วิธีดราฟท์ตัวผู้เล่นดาวรุ่งจากทีมมหาวิทยาลัยต่างๆแทน ซึ่งมีกฏว่าทีมที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมาจะได้สิทธิ์ในการเลือกตัวผู้เล่นเป็นทีมแรก

Draft Day จึงเป็นวันสำคัญอย่างมากสำหรับทีมงาน แฟนๆ รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่ที่เรียกว่าเป็นวันเปลี่ยนชีวิตก็ว่าได้ ในส่วนของ NFL การดราฟท์จะวนไป7รอบ (ผู้เล่นที่ถูกดราฟท์ในรอบแรกจะได้ค่าเหนื่อยสูงสุด) แต่ละทีมมีเวลา10นาที หากเสนอชื่อผู้เล่นหหน้าใหม่ที่อยากได้ไม่ทันกำหนดถือว่าสละสิทธิ์ โดยมีเงื่อนไขที่ทำให้วันนี้ตื่นเต้นขึ้นไปอีกคือ สิทธิ์ลำดับในการดราฟท์สามารถแลกกันได้ ซึ่งข้อเสนอที่นำมาแลกจะเป็นสิทธิ์ในปีนี้ ปีหน้าหรือตัวผู้เล่นก็ได้ (แต่ไม่สามารถแลกเป็นเงินได้)

หนังเล่าถึง ซอนนี่ ผู้จัดการทั่วไปของทีมคลีฟแลนด์ บราวน์ส (มีทีมชื่อนี้จริงๆใน NFL) ที่กำลังเข้าสู่ช่วงวุ่นวายสุดในชีวิต หลังพ่อของเขาที่เป็นโค้ชของทีมเพิ่งเสียชีวิตไป แฟนสาวลับๆที่เป็นเจ้าหน้าที่ด้านการเงินของทีมก็เกิดท้องขึ้นมา แถมเขายังต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ในอีก12ชั่วโมงว่าจะดราฟท์ตัวผู้เล่นคนไหน เมื่อเขาเพิ่งแลกสิทธิ์จากอันดับ7มาเป็นอันดับ1 เจ้าของทีมและแฟนบอลอยากได้ผู้เล่นทรงคุณค่า(MVP)จากลีกมหาลัยในตำแหน่งควอร์เตอร์แบ็ก แต่สร้างความไม่พอใจให้กับควอร์เตอร์แบ็กคนเดิมในทีม ไหนจะผู้เล่นอีกหลายคนที่ต่อสายแสดงความสนใจอยากร่วมทีมเขา การตัดสินใจของ ซอนนี่ จึงมีความหมายกับหลายชีวิต และมันอาจทรงพลังพอที่จะสร้างความสั่นสะเทือนวงการ NFL เลยทีเดียว

บทหนังแยกดราม่าเป็นสองส่วน คือ ชีวิตส่วนตัวของผู้จัดการทีม กับ เรื่องราวในวงการอเมริกันฟุตบอล ซึ่งอย่างหลังทำได้ดีกว่า Draft Day ต่างจากภาพยนตร์กีฬาอเมริกันฟุตบอลเรื่องผ่านๆมาคือหนังพาคนดูสนุกกับการวางแผน โกหก หักหลัง เดิมพัน ชิงไหวชิงพริบกันนอกสนาม คนที่ไม่มีความรู้เรื่องอเมริกันฟุตบอลก็ดูได้ แต่ถ้ารู้จะยิ่งอินและได้อารมณ์กว่า (ส่วนตัวรู้กติกาบางข้อ เคยดูการแข่ง แต่ยังนับแต้มไม่เป็น) หนังมาสไตล์เดียวกับเรื่อง Moneyball โดย Draft Day มีช่วงเวลาที่บีบคั้นมาเป็นส่วนเสริม ต่างจาก Moneyball ที่มีเรื่องในสนามบ้างและกินเวลานานเป็นฤดูกาล เนื้อหาเข้มข้น ลุ้นระทึกไปคนละแบบ

การแสดงของ เควิน คอสท์เนอร์ ทำได้ดีพอสมควรในบทผู้จัดการทีมจอมฉุน ข้างนอกดูมุทะลุ แต่ภายในสุขุมนุ่มลึก เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ที่แสดงเป็นผู้จัดการการเงินสาว ตัวละครผู้หญิงไม่กี่คนในเรื่องจึงดูโดดเด่น แม้ชีวิตจริงเธอจะเป็นคุณแม่ลูกสาวแล้ว แต่ในเรื่องยังดูสาวและสวยเหมือนพนักงานหน้าใหม่ที่หนุ่มๆต่างหมายตา อีกคนที่เล่นได้เจ๋งมากคือ แฟรงค์ แลงเกลล่า ในบทเจ้าของทีมจอมเอาแต่ใจ

ตอนจบของหนังพอคาดเดาได้แต่ก็มีเซอร์ไพรส์ผู้ชมเล็กๆ ให้อารมณ์ซาบซึ้งพร้อมกับฮึกเหิมในเวลาเดียวกัน เป็นหนังอเมริกันฟุตบอลที่แทบไม่มีฉากแท็กเกิลหรือทัชดาวน์เลย ทว่ากลับสร้างความสนุกจากการเล่นเกมของคนที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างน่าประหลาด

คะแนน 8/10

โดย นกไซเบอร์


ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/116315/?link=4




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2557 16:49:43 น.
Counter : 1602 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Enemy ไม่ไว้ใจตัวเอง



หากคุณเคยเครียดและกดดันไปกับ Prisoners ของผู้กำกับ เดนนิส วิลล์เลอเนิฟ เมื่อปีที่แล้ว มาในปีนี้เขากลับมา สร้างงานหนักให้สมองคนดูอีกครั้งกับ Enemy หนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อ The Double ของนักเขียน โจเซ่ ซารามาโก

หนังเล่าถึง อดัม อาจารย์หนุ่มผู้เคร่งเครียดกับชีวิตที่บังเอิญพบว่ามีชายคนหนึ่งหน้าตาเหมือนเขา ซึ่งก็คือ แอนโทนี่ ดาราประชอบชายที่มีภรรยาสาวกำลังตั้งครรภ์ อดัม พยายามติดต่อไปหา แอนโทนี่ จนได้ตกลงนัดพบกันในโรงแรมแห่งหนึ่ง

อดัม พบว่านอกจากหน้าตาแล้ว แอนโทนี่ ยังมีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเขาจนสามารถสวมรอยใช้ชีวิตแทนกันได้โดยที่คนรอบข้างไม่รู้ พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าชายคนที่มีทุกอย่างเหมือนเขาเป็นใครกันแน่ ที่สุดจากความหวาดระแวงจึงกลายเป็นความไม่ไว้ใจ

หนังดำเนินเรื่องในบรรยากาศแบบลึกลับสืบสวน สร้างความกดดันและความสงสัยให้กับผู้ชมไปพร้อมๆกัน บทของภาพยนตร์ไม่ได้เล่าแบบเรียงลำดับเหตุการณ์ตามช่วงเวลา1-5 ทว่าเป็นการตัดสลับไปมา โดยทิ้งปริศนาไว้ในคำพูดของตัวละครและสิ่งของต่างๆในหนัง

เป็นความสนุกอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ชอบดูหนังแนวสืบสวนในการตามล่าหาความจริงจากคีย์เวิร์ดและวัตถุในฉาก ซึ่งต้องอาศัยการตีความในระดับสูง คนที่ไม่ชอบหนังแนวนี้นอกจากจะสับสน ไม่เข้าใจเนื้อหาแล้ว อาจถึงขั้นดูไม่รู้เรื่อง

ภาพของหนังถูกถ่ายทอดออกมาในโทนสีซีเปีย ออกนํ้าตาลเหลืองๆ เข้ากับดนตรีเร้าจังหวะกับการตัดต่อซึ่งช่วยเสริมให้หนังดูหลอนนิดๆ สำหรับคนที่ดูแล้วไม่เข้าใจ ผู้กำกับต้องการหลอกล่อเราให้หลงกล คำพูดของ อดัม ตอนสอนนักเรียนมีนัยแฝงอยู่ แมงมุม ในซีนต่างๆสื่อถึงกับดัก และบลูเบอรี่คือข้อความที่เฉลยตัวตนของตัวละคร

เจค จิลเลนฮาล แสดงได้ดีมาก เข้าถึงอารมณ์ทั้งการแสดงเป็น อดัม และ แอนโทนี่ อีกคนที่ทำได้เยี่ยมไม่แพ้กันคือ ซาราห์ กาดอน ในบท เฮเลน ภรรยาสาวท้องแก่ของ แอนโทนี่ ผู้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างชายสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกัน ฉากจบเป็นส่วนที่สร้างความตกใจและฉงนใจให้ผู้ชมในคราวเดียว

Enemy ไม่ใช่หนังระทึกขวัญธรรมดา แต่มีเรื่องของจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื้อหาจึงเข้าใจยาก หาก Prisoners เป็นการเล่นเกมส์ต่อจิ๊กซอว์ Enemy ก็เป็นการเล่นเกมส์เรียงลำดับภาพ ดูดีๆนะครับ ภาพบางภาพก็เหมือนกันซะจนแทบจะกลืนเป็นภาพเดียวกันเลย

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/103985/?link=4




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2557 17:56:25 น.
Counter : 1894 Pageviews.  

วิจารณ์หนัง : Godzilla สู้เพื่อเผ่าพันธุ์



เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Godzilla ถูกวงการฮอลลีวู้ดเอามารีเมคเป็นภาพยนตร์ ใครที่เกิดทันคงจะจำเวอร์ชั่นปี 1998 ได้ ครั้งนั้น ก็อดซิลล่า เปิดตัวด้วยหุ่นผอมแห้ง รูปร่างก็ไม่หนีจากไดโนเสาร์เท่าไหร่ สร้างความผิดหวังให้กับผู้ชมทั่วโลก มารอบนี้ ผู้กำกับ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส จัดเต็มกับการสร้าง ก็อดซิลล่า ออกมาให้สมจริงและอิงตามแบบต้นฉบับมากที่สุด โดยเฉพาะการนำเอาเสียงคำรามกึกก้องที่เป็นเอกลักษณ์มาใช้ในหลายฉาก แต่ก็ไม่วายถูกติงเรื่องหุ่นของเจ้าก็อดซิลล่าที่ชาวญี่ปุ่นบ่นว่าอ้วนเกินไป


หนังเล่าถึง ฟอร์ด โบรดี้ ทหารเรือผู้ชำนาญด้านการกู้ระเบิดเป็นพิเศษ เขาเพิ่งได้กลับมาเจอภรรยาและลูกชายของเขาที่ซานฟรานซิสโก แต่ก็ต้องจากครอบครัวไปเพราะพ่อของเขาถูกจับที่ญี่ปุ่น เมื่อได้กลับมายังประเทศที่เคยอยู่สมัยเด็ก ความหลังของ ฟอร์ด เรื่องการเสียชีวิตของแม่กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนสารกัมมันตรังสีรั่วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็กลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง

เมื่อประกันตัวออกมาได้พ่อของเขาซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำโรงไฟฟ้าก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่จนภรรยาของเขาเสียชีวิต ต่อมาเมื่อ ฟอร์ด กับพ่อลักลอบเข้าไปเอาเอกสารที่บ้านเก่าซึ่งอยู่ในพื้นที่กักกันของรัฐบาล พวกเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่จับตัวและส่งไปยังศูนย์ปฏิบัติการลับ
ที่นั้นเองที่พวกเขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลกซึ่งฟื้นกลับมาเพื่อไม่ให้เผ่าพันธุ์ของมันสูญสิ้นไป

บทของหนังเคารพฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่นมากกว่าเวอร์ชั่น1998 แต่ใส่ความเป็นอเมริกันเข้าไป สิ่งที่น่าชื่นชมคือเทคนิคการสร้างภาพที่สวยงาม ก็อดซิลล่า และ มูโต้ ยิ่งใหญ่อลังการ สร้างความตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่โผล่ออกมา ซาวด์ประกอบระทึก เสียงสัตว์ประหลาดดังสนั่นถึงใจ เหมาะกับการชมในโรงภาพยนตร์ ส่วนความเป็นสามมิติยังมีไม่มากเท่าไหร่ ดูแบบธรรมดาก็ได้อารมณ์ไม่ต่างกัน

ชอบการผูกสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจริงในโลก ทั้ง การทดลองนิวเคลียร์ แผ่นดินไหว สึนามิ มาอ้างอิงเข้ากับการปรากฏตัวของเจ้าสัตว์ประหลาดทำให้โครงเรื่องดูมีนํ้าหนังและมีความสมจริงมากขึ้น และโยงไปถึงผลร้ายของการใช้พลังงานจากนิวเคลียร์ แน่นอนว่าซีนเด็ดที่สุดเป็นการต่อสู้กันของอสูรกายสองเผ่าพันธุ์

สำหรับจุดอ่อนของหนังคือการเดินเรื่องที่ไม่ค่อยสนุก การกั๊กเอา ก็อดซิลล่า เต็มตัวไว้เป็นทีเด็ด ทั้งๆที่รู้ว่าคนดูเฝ้ารอ โดยหลอกล่อในหลายๆฉากด้วยการให้เห็นอวัยวะเพียงบางส่วน อาทิ แผงหลัง หาง ขา จูงใจให้คนดูติดตามก็จริง แต่การเทฉากหลักๆให้กับตัวละครมนุษย์ซึ่งไม่มีเสน่ห์ก็น่าเสียดายเวลา

ความดราม่าของมนุษย์ในเรื่องแห้งแล้ง ไร้อารมณ์ ไม่น่าเอาใจช่วย อารอน เทย์เลอร์ จอห์นสัน เอาไม่อยู่กับการแสดงนำในหนังฟอร์มใหญ่ที่มีคู่แข่งเป็นก็อดซิลล่าตัวยักษ์ ประกอบกับทีมนักแสดงอย่าง เอลิซาเบ็ธ โอลเซน , เค็น วาตานาเบ้  , ไบรอัน แครนสตัน ซึ่งไม่มีดาราดังที่เป็นแม่เหล็กเลยทำให้ไม่มีใครมาโอบอุ้มตัวหนังไว้ได้ ด้าน แซลลี่ ฮอว์กินส์ ที่มีผลงานการแสดงที่ดีมาตลอด เรื่องนี้ดร็อปเพราะแทบไม่มีบทบาท

ในหนังมีตัวดีและตัวร้ายชัดเจน ช่วงท้ายสร้างภาพฮีโร่ให้กับ ก็อดซิลล่า มากมายในเวลาไม่กี่นาที ยังความประทับใจให้ผู้ชมได้มากกว่า ฟอร์ด ทหารหนุ่มซึ่งปูพื้นกันมาเป็นชั่วโมงแต่เขากลับไม่ได้กระตุกต่อมซาบซึ้งใดๆเลย

คะแนน Godzilla 7.5/10

โดยนกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/95059/?link=4




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2557 18:04:27 น.
Counter : 1586 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.