รีวิวหนัง : Ant Man ฮีโร่พันธุ์จิ๋ว ต้องบอกว่าเป็นโปรเจกต์ของค่ายมาร์เวลที่ทั้งเข็นทั้งดันกันอยู่นานทีเดียวสำหรับภาพยนตร์แอ็คชั่นฮีโร่ตัวใหม่อย่าง Ant man หรือ มนุษย์มด อีกหนึ่งตัวละครเด่นของโลกมาร์เวล ซึ่งปัญหาใหญ่อยู่ที่บทภาพยนตร์ที่ผ่านมาหลายมือ ปรับแก้กันอยู่หลายรอบ จนแฟนๆต้องลุ้นกันหนักว่าจะออกหัวหรือออกก้อย หนังเล่าถึงชีวิตของ สก็อตต์ แลง (พอล รัดด์) หัวขโมยชั้นเซียนที่เพิ่งออกจากคุกและต้องการจะวางมือจากสิ่งผิดกฏหมายเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยหวังว่าเขาจะเป็นฮีโร่ของลูกสาวได้ แต่ต่อมา สก็อตต์ ต้องกลับมาสู่วังวนของการโจรกรรมอีกครั้งเมื่อ ลูอิส เคิร์ท เดฟ กลุ่มเพื่อนตัวแสบชวนเขาไปขโมยของในบ้าน ดร. แฮงก์ พิม (ไมเคิล ดักลาส) กระนั้น ที่เซฟลับ สก็อตต์ ไม่พบของมีค่าใดๆนอกจากสูทหน้าตาประหลาด เมื่อใส่ชุดสูท สก็อตต์ จะกลายเป็น Ant Man ที่สามารถยืดหดร่างกายได้ แถมยังมีพลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดร. แฮงก์ พิม และ โฮป (อีแวนเจไลน์ ลิลลี) ลูกสาว ต้องมาช่วยเขาฝึกการใช้งานชุดและการสื่อสารกับมดเพื่อให้ สก็อตต์ พร้อมสำหรับภารกิจบุกเข้าไปทำลาย Yellowjacket ของ ดาร์เรน ครอส นักวิทยาศาสตร์ที่หวังกอบโกยเงินทองและชื่อเสียงโดยไม่สนใจความถูกต้อง บทหนังมีมุขตลกแพรวพราวมาก ซึ่งถือเป็นจุดขายของหนังฮีโร่มาร์เวลในช่วงหลังๆ แต่ระดับความฮาของ Ant man ดูจะมากกว่าคนอื่นนิดนึง เขาเป็นฮีโร่สายอารมณ์ดีที่มีชีวิตแตกต่างจากฮีโร่ทั่วไป นอกจาก ไม่หล่อ ไม่รวย ซํ้ายังเคยติดคุก หย่ากับเมีย ไม่ได้อยู่กับลูก ตกงาน ออกแนว Loser หน่อยๆ ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ที่น่าสนใจ เนื่องจากคนดูไม่ค่อยได้พบเจอในหนังฮีโร่ ฉากแอ็คชั่นสนุกสนานผสมผสานกับพาร์ทดราม่าครอบครัวที่ทำออกมาได้น่ารัก มุมกล้องหลากหลายถ่ายทอดภาพตอน Ant man ย่อส่วนได้ละเอียด ตัดสลับกับตอนขยายดูไหลลื่นดี นอกจากนั้น เขาไม่ใช่ฮีโร่ชนิดลุยเดี่ยวเก่งคนเดียว การมีผู้ช่วยหรือทีมทั้งคนและมดสร้างสีสันกับหนังได้มาก ชอบกิมมิกเล็กๆอย่างตอนที่ ลูอิส ผิวปากเป็นเพลง Small World ตัวละครนี้ขโมยซีนเก่งชนิดแค่เห็นหน้าก็ฮาแล้ว ต้องยกนิ้วให้ฝีมือการแสดงของ ไมเคิล พีน่า  ขณะที่ พอล รัดด์ หลังจากโลดแล่นในวงการวงการฮอลลีวู้ดมานาน ในวัย40กว่าปีเขาจึงได้โอกาสแจ้งเกิดเต็มตัวสักที โดยนอกจากแสดง พอล ยังโชว์ความสามารถในการร่วมเขียนบทด้วย ช็อตตัวอย่างหนังที่เขาทำหน้าตายบอกว่าเปลี่ยนชื่อฮีโร่ทันไหมเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ลั่นโรง เสียดายทีในฉบับหนังจริงถูกตัดออกไป อีกคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ อีแวนเจไลน์ ลิลลี ที่เล่นเป็น โฮป เธอสลัดภาพเอลฟ์สาวจาก The Hobbit ได้หมดจดด้วยลุคสาวผมสั้นผู้แข็งแกร่ง พร้อมโปรยสเน่ห์เต็มที่ (เพราะไม่มีคู่แข่งเลย)  แต่ที่ยอดเยี่ยมสุดกลับเป็นเสือเฒ่า ไมเคิล ดักลาส ในบท ดร. แฮงก์ พิม ตัวละครสำคัญที่ทุกคนจดจำได้ เขาทำให้เราเข้าใจความหมายของคำว่า รุ่นใหญ่  Ant Man เปิดตัวได้สวยงาม หนังมีความกลมกล่อม บันเทิงกำลังดี เชื่อมโยงเข้ากับ The Avengers อย่างเปิดเผย แทบรอที่จะเห็นเขาโลดแล่นไปในจักรวาลของมาร์เวลไม่ไหวแล้ว คะแนน 8/10 โดย นกไซเบอร์ ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/162848/?link=4   Create Date : 16 กรกฎาคม 2558     Last Update : 16 กรกฎาคม 2558 19:25:54 น. Counter : 2294 Pageviews.   0 comment Share Tweet

รีวิวหนัง : Magic Mike XXL ผู้ชายขายกล้าม Magic Mike XXL เป็นโปรเจกต์ที่สานต่อความสำเร็จของ Magic Mike เสี้ยวหนึ่งจากชีวิตจริงของ แชนนิง เททัม นักแสดงหนุ่มเท้าไฟแห่งฮอลลีวู้ด ผลงานการกำกับของ สตีเวน โซเดอเบิร์ก เข้าฉายปี 2012 ซึ่งมีกระแสตอบรับดีเกินคาด มาในภาคนี้เปลี่ยนตัวผู้กำกับเป็น เกรกอรี่ เจคอบส์ โดยได้นักแสดงจากภาคต้นมาร่วมงานกันอีกครั้งเกือบครบทีม เนื้อหาในภาคนี้เล่าเรื่องราว 3 ปี หลังจากที่ ไมค์ (แชนนิง เททัม) เลิกอาชีพนักเต้นระบำเปลื้องผ้ายั่วยวนสาวๆแล้วหันไปทำเฟอร์นิเจอร์ตามความฝันของตัวเอง ต่อมาสมาชิกในกลุ่ม Kings of Tampa ได้แมสเสจหลอกให้เขามาร่วมงานปาร์ตี้ โดยในงานพวกเขาบอก ไมค์ ว่าจะอำลาอาชีพนี้บ้างเหมือนกัน แต่มีโปรเจกต์เต้นทิ้งทวนที่ฮอลล์ ณ.ชายหาดไมร์เทิลบีช ไมค์ ที่กำลังประสบปัญหาการงาน การเงิน ความรัก เกิดคิดถึงบรรยากาศเก่าๆขึ้นมา เขาจึงตัดสินใจร่วมคณะไปด้วยเพื่อปิดฉากอาชีพนี้เป็นครั้งสุดท้าย โดยระหว่างทาง ไมค์ ได้พบกับเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่มากมาย พร้อมกับได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือก  หน้าหนังของ Magic Mike ออกไปทางเซ็กซี่ติดเรตขายเรือนร่างหนุ่มๆมาทั้งแต่ภาคแรก ซึ่งภาคนี้ก็คงอารมณ์แบบเดิมๆไว้ครบครัน แถมมีความติดเรตเพิ่มเข้ามามากกว่าเดิม ขณะเดียวกันอีกด้านของของมันคือ หนังที่เล่าเกี่ยวกับความฝันดังที่ แชนนิง เททัม เคยพูดไว้ ส่วนนี้ทำได้ดีในภาคแรก และในภาคต่ออย่าง Magic Mike XXL ก็มีการสานต่อ ตัวละครเติบโตขึ้น ต่างคนต่างก็มีเป้าหมายในชีวิต แนวทางการดำเนินเรื่องจึงเป็นแบบ Road Movie ความสนุกของการรียูเนี่ยนหนุ่มนักเต้นรอบนี้คือ บทสนทนาแบบแมนๆของกลุ่มหนุ่มกล้ามโต แชนนิง เททัม แบ่งบทให้คนอื่นๆเด่นขึ้น ภาคนี้คนดูเลยได้ทำความรู้จักกับหลายๆคนในทีมที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงในภาคแรก แม้จะเป็นหนังที่มีผู้ชายแสดงนำแต่กลับมีความเป็นเฟมินิตส์สูงพอสมควร โดยวางให้ผู้ชายถูกทำให้เป็นเครื่องมือทางเพศ เป็นเบี้ยล่างบ้าง หลังจากที่ผ่านมาเราเคยเห็นแต่ผู้ชายไปโปรยเงินแจกดริ้งโคโยตี้หรือสาวๆในสถานบันเทิง  สำหรับผู้ชายด้วยกันอาจมองว่าพวกผู้ชายเต้นโชว์ ดูตํ่าต้อย ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน ทว่าในสายตาของผู้หญิงหนุ่มๆเหล่านี้เปรียบได้กับจิตแพทย์ชั้นดีที่มาช่วยบำบัดบาดแผลในใจของพวกเธอที่ถูกกระทำโดยคนรักหรือสามี ด้านการแสดง แชนนิง เททัม จัดเต็มและทุ่มเทเหมือนเคย น่าเสียดายบทหนังไม่ค่อยแข็งแรง มีจุดอ่อนเยอะ โดยเฉพาะแรงจูงใจในการร่วมทริปของ ไมค์ ซึ่งดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย รวมถึงความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องรักๆใคร่ก็ดูไม่อิน ฉาบฉวยเกิน กระนั้นตัวละครที่น่าสนใจจริงๆกลับเป็นฝ่ายหญิงหลายๆคน อาทิ แอมเบอร์ เฮิร์ด ในบท โซอี้ อลิซาเบธ แบงค์ ในบท ปารีส และ เจด้า สมิธ ในบท โรม พวกเธอสวย มีสเน่ห์และเข้มแข็งสมกับเป็นสาวยุคใหม่จริงๆ โดยรวม Magic Mike XXL มีมุขตลกที่ใช้ได้ ติดทะลึ่งนิดๆ เสียตรงที่หนังไม่ค่อยมีความกระชับ ใช้เวลาไม่คุ้ม ช่วงกลางค่อนข้างยืดโดยเฉพาะฉากในบ้านของโรม แถมยังจบห้วนไปหน่อย การเต้นสั่งลาครั้งนี้จึงไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำ คะแนน 6.5/10 โดย นกไซเบอร์ ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/174463/?link=4   Create Date : 13 กรกฎาคม 2558     Last Update : 13 กรกฎาคม 2558 16:18:55 น. Counter : 1323 Pageviews.   0 comment Share Tweet

รีวิวหนัง : Minions ครอบครัวตัวเหลือง Minions เป็นตัวละครสีเหลืองตัวเล็กๆจากหนังอนิเมชั่นเรื่อง Despicable Me ทั้งสองภาค ซึ่งหลังหนังออกฉายปรากฏว่าพวกมันกลายเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก มีสินค้าลายและรูปมินเนี่ยนออกมามากมาย จนค่าย อิลลูมิเนชั่น เอนเตอร์เทนเมนต์ ต้องรีบทำภาพยนตร์ภาคแยกที่เป็นเรื่องราวเฉพาะของเหล่าสิ่งมีชีวิตจอมกวนออกมา หนังเล่าถึงที่มาของฝูงมินเนี่ยนตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ ความสุขของพวกเขาคือการได้มีเจ้านายตัวร้ายสุดโหด ทว่ามินเนี่ยนก็โชคร้ายออกแนวเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด ตลอดเวลาหลายพันปีเจ้าตัวเหลืองจึงต้องเปลี่ยนเจ้านายครั้งแล้วครั้งเล่า ท้ายสุดฝูงมินเนี่ยนเลยโซซัดโซเซไปใช้ชีวิตอยู่ในถํ้าหิมะ ต่อมา ชีวิตที่ไร้เจ้านายของ มินเนี่ยน ก็เริ่มเหี่ยวเฉา เควิน สตวร์ท และ บ็อบ จึงเสนอตัวออกมาผจญภัยในโลกกว้างอีกครั้งเพื่อตามหาเจ้านายคนใหม่ แก๊ง3ตัวเหลืองรอนแรมข้ามทวีปจนได้ไปพบกับ สกาเล็ท โอเวอร์คิล วายร้ายสาวเบอร์1ของโลก เธอรับมินเนี่ยนมาเป็นลูกน้องโดยมอบหมายภารกิจให้พวกเขาขโมยมงกุฏจากราชินีแห่งประเทศอังกฤษ  Minions เป็นภาพยนตร์ตลกที่ดูกันได้ทั้งครอบครัว แต่เนื้อหาค่อนข้างออกไปทางเด็ก เช่นเดียวกับมุขตลกต่างๆที่ค่อนข้างใสๆ เมื่อเทียบกันแล้ว Despicable Me จึงมีความเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก จุดเด่นของหนังคือการขายคาแร็กเตอร์ของเหล่าตัวละครมินเนี่ยน ซึ่งผู้กำกับก็ใช้ความน่ารักของพวกเขาได้อย่างคุ้มค่า นอกจากเราจะได้รู้ที่มาที่ไปของมินเนี่ยนแล้ว ยังได้ทำความรู้จักกับภาษาของพวกเขา และเมื่อเจ้าตัวเหลืองออกมาร้องเพลงก็ยิ่งน่ารักน่าชังเข้าไปใหญ่ การถ่ายทอดภาพสวยงามดี พล็อตไม่ซับซ้อน เดินเรื่องง่ายๆเอาใจน้องๆหนูๆ มีการล้อเลียนวัฒนธรรมอังกฤษนิดหน่อย โดยรวมทำได้ดีกว่า Penguins of Madagascar หนังแนวขายคาแร็กเตอร์เหมือนกันที่แยกออกมาจากอนิเเมชั่นชุด Madagascar ตัวละคร บ็อบ น่ารักมาก บุคลิกบ้องแบ๊วครองใจผู้ชม ส่วน สตวร์ท น่าจะได้รับความนิยมรองมาด้วยความกวนแบบเต็มขั้น ขณะที่ เควิน เป็นตัวเดินเรื่องหลัก บทบาทเยอะ มีความเป็นผู้ใหญ่ จึงดูแตกต่างและโดดเด่นกว่ามินเนี่ยนอื่นๆ คล้ายกับเป็นหัวหน้าก็ไม่ใช่ จ่าฝูงก็ไม่เชิง เรียกว่าพี่ใหญ่ละกัน เนื่องจากพวกเขาอยู่กันแบบเป็นครอบครัวตัวเหลืองที่อบอุ่น ฉากที่ เควิน เอานํ้าลายป้ายรอยเปื้อนบนแก้มของ บ็อบ สร้างความประทับใจเล็กๆให้คนดู Minions เป็นอนิเมชั่นที่สนุกสนาน ดูได้เพลินๆ ใครเป็นแฟนคลับของเจ้าตัวเหลืองคงชอบ เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเซอร์วิสสาวกมินเนี่ยนโดยตรง ส่วนตัวขอยกให้ มินเนี่ยน เป็นคาแร็กเตอร์ออฟเดอะเยียร์ คะแนน 7/10 โดย นกไซเบอร์ ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/151658/?link=4   Create Date : 08 กรกฎาคม 2558     Last Update : 8 กรกฎาคม 2558 19:03:12 น. Counter : 1764 Pageviews.   2 comment Share Tweet

รีวิวหนัง : Terminator Genisys หุ่นยนต์ข้ามเวลา Terminator Genisys เป็นภาพยนตร์คนเหล็กภาค 5 และเป็นอีกครั้งที่มีการเปลี่ยนนักแสดงกันใหม่แบบยกชุด ราวกับแต่ละภาคไม่ได้เชื่อมโยงกันเลย โดยเฉพาะ ภาค 4 กับ 5 ซึ่งการกลับมารับบท ฅนเหล็กสังหารรุ่น T 800 ของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ก็ทำให้ Terminator Genisys ดูจะเกี่ยวข้องกับ Terminator 2 Judgment Day มากกว่า เหมือนกับกรณีของ Jurassic World และอีกอย่างที่เหมือนคือการสร้างมาบูชาภาคเก่าๆ เนื้อหาในภาคนี้เล่าถึงโลกอนาคตหลังวันพิพากษา มนุษย์ต่อกรกับหุ่นยนต์เหล็ก หรือ สกายเน็ต ได้ด้วยการนำของ จอห์น คอนเนอร์ (เจสัน คลาร์ก) บุรุษผู้หยั่งรู้ทุกอย่างราวกับมาจากอนาคต การรุกกลับของคนทำให้หุ่นยนต์พ่ายแพ้ แต่มันก็ไม่ยอมรับชะตากรรมง่ายๆ พวกหุ่นยนต์ได้ส่งหุ่นสังหารย้อนอดีตไปฆ่า ซาราห์ คอนเนอร์ (เอมิเลีย คลาร์ก) แม่ของ จอห์น คอนเนอร์ เพื่อพลิกสถานการณ์ จอห์น และทหารของเขามาช้าเกินไป  ไคย์ล รีส (ไจ คอร์ทนีย์) มือขวาของจอห์นเสนอตัวเดินทางข้ามเวลากลับไปปี 1984 เพื่อปกป้อง ซาราห์ ทันทีที่มาถึง ไคย์ล โดนหุ่นยนต์รุ่น T 1000 (เหล็กไหล) ตามล่า เขาได้รับความช่วยเหลือจาก ซาร่า และ หุ่นสังหารรุ่น T 800 ฝ่ายดี ซึ่งทั้งหมดเปลี่ยนภารกิจใหม่เป็นการหยุดยั้งวันพิพากษาซึ่งต้องทำลายสมองกลอัจฉริยะที่ชื่อ เจเนซิส บทหนังค่อนข้างโดดไปโดดมา มีทั้งการโหยหาอดีต (มีฉากก็อปปี้ Terminator 2 มากมาย) และ พยายามมุ่งไปยังอนาคต ในคราวเดียวกัน จึงสร้างรูโหว่ไว้พอสมควร พล็อตคล้ายกับนำ Edge of tomorrow มาผสมรวมกับ Transcendence ส่วนตัวชอบการวนลูปของไทม์ไลน์ที่มาบรรจบกัน ไม่ต้องดูภาคก่อนๆก็สามารถตามเรื่องได้ทัน(แต่ถ้าดูจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้น) แอ็คชั่นเน้นโครมครามตูมตาม ดูได้เพลินๆ  ข้อเสียคือการเดินทางข้ามเวลาของตัวละครที่นอกจากจะไม่อิงกับภาคก่อนๆ ยังไม่อิงกับเหตุผลใดๆเลย กระนั้นกาเล่าเรื่องที่สนุกก็พอจะทำให้ผู้ชมมองข้ามจุดนนี้ไปได้บ้าง เสียดายที่ตัวอย่างภาพยนตร์เฉลยฉากสำคัญหลายฉากทำให้หนังลดทอนความเข้มข้นลงเนื่องจากคาดเดาล่วงหน้าได้ การแสดง เอมิเลีย คลาร์ก ที่เล่นเป็น ซาราห์ คอนเนอร์ วัยสาว แม้จะตัวเล็กไปหน่อยแต่ก็มีเสน่ห์ดี ถือว่าแจ้งเกิดพอสมควรกับการรับบทนำในหนังใหญ่เรื่องแรก เธอสร้างคาแร็กเตอร์ใหม่ๆ ทำให้ ซาราห์ ดูสดใสกว่าทุกๆภาค ขณะที่ลุงอาโนลด์ทิ้งทวนได้เก๋ามาก แสดงบทหุ่นยนต์ได้เป็นธรรมชาติตามเคย แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือมุขตลกหน้าตาย ดูเป็นคนแก่อารมณ์ทำเอาผู้ชมลืมไปเลยว่าแกเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้าน ไจ คอร์ทนีย์ นานๆทีจะรับบทอยู่ฝ่ายคนดี ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน ไม่เลว ทว่าก็ไม่ถึงขั้นดี Terminator Genisys ดูเป็นหนังคนเหล็กภาคแยกมากกว่าภาคต่อ เอาใจแฟนๆรุ่นเก่าด้วยฉากกับตัวละครในอดีต(บางคนบอกว่าลูกไม้เดิมๆ) และเอาใจแฟนรุ่นใหม่ด้วยซีนต่อสู้ที่มีงานเทคนิคภาพกับมุมกล้องซึ่งทันสมัย หวือหวา ตระการตา สร้างความบันเทิงชนิดไม่ต้องใส่ใจเส้นเรื่องอันยุ่งเหยิงหรือการตีความใดๆให้ปวดหัว คะแนน 7.5/10 โดย นกไซเบอร์ ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/157222/?link=4   Create Date : 06 กรกฎาคม 2558     Last Update : 6 กรกฎาคม 2558 18:04:34 น. Counter : 1337 Pageviews.   0 comment Share Tweet

รีวิวหนัง : It Follows มันอยู่ข้างหลังคุณ It Follows เป็นภาพยนตร์สยองขวัญทุนต่ำ ผู้กำกับโนเนม ไร้ดาราดัง ทว่ากลับได้เสียงตอบรับดีตั้งแต่ตระเวนฉายตามเทศกาลหนังต่างๆ ก่อนที่จะมีกระแสปากต่อปากในรอบเพรส ไปจนถึงช่วงที่ลงโรงฉายจริงก็ยังมีเสียงชื่นชมออกมาเรื่อยๆ บ้างยกยอถึงขนาดให้เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ดีที่สุดของปีนี้เลยทีเดียว หนังเล่าถึง เจย์ (ไมก้า มอนโร) สาววัยรุ่นที่เผลอตัวเผลอใจไปมีอะไรกับ ฮิวจ์ (เจค แวรี่) หนุ่มรูปหล่อท่าทางลึกลับ ซึ่งหลังจากนั้น เจย์ ถูกเขาโป๊ะยาสละแล้วจับมัดกับเก้าอี้ เมื่อเธอตื่นขึ้นเขาบอกกับเธอว่า ตอนนี้เธอถูกส่งต่อสิ่งที่น่ากลัวบางอย่าง โดยมันจะติดตามเธอไปทุกที่ และหากมันเข้าถึงตัวเธอเมื่อไหร่ เธอจะถูกฆ่าตาย ทางเดียวที่อาจรอดคือการมีเซ็กส์กับคนอื่นเพื่อส่งต่อเหยื่อรายใหม่ กระนั้นหากเหยื่อถูกสังหารมันก็จะกลับมาตามไล่ฆ่าคนก่อนหน้าไปเรื่อยๆอยู่ดี ฮิวจ์ เอาตัว เจย์ มาทิ้งไว้หน้าบ้าน เธอได้รับความช่วยเหลือจาก เคลลี่ น้องสาว , พอล เพื่อนชาย , ยาล่า เพื่อนของน้องสาว และ เจฟ เพื่อนบ้านหนุ่ม แรกทีเดียว เจย์ ไม่ชื่อคำพูด ฮิวจ์ แต่ต่อมาเธอก็พบว่ามีบุคคลน่ากลัวพยายามเดินเข้ามาหาเธอตลอดเวลา โดยมันจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเรื่อย เธอทำอะไรมันไม่ได้นอกจากหนี และที่สำคัญคือคนทั่วไปไม่เห็นมัน มีเพียงเธอกับคนที่ต้องคำสาปผ่านทางเพศสัมพันธ์เท่านั้นที่มองเห็น  บทหนังแตกต่างจากภาพยนตร์สยองขวัญทั่วไปตามท้องตลาด พล็อตเรื่องมีความแปลกใหม่ สิ่งที่ประสบความสำเร็จของหนังคือการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดูด้วยมุมกล้องในแบบบุคคลที่สามซึ่งไม่เพียงจะเป็นผู้สังเกตการณ์ตลอด เรายังสามารถเห็นบางอย่างที่ตัวละครไม่เห็น จุดนี้ถือว่าเป็นความระทึกขวัญที่มากกว่าฉากผีตุ้งแช่ที่ทำให้เราแค่ตกใจ  It Follows ไปไกลกว่าด้วยการสร้างความหลอนที่คืบคลานเข้ามาหาเราอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะจู่โจมแบบไม่ให้รู้ตัวด้วยความรวดเร็วราวกับหมาป่าตะครุบลูกแกะ ความกลัว หวาดระแวง แผ่ซ่านออกจากหน้าจอมาถึงตัวเราเป็นระยะ คำเตือนของ พอล ที่บอก เจย์ ว่า อย่าเข้าไปในที่ๆมีทางออกทางเดียว นี่เห็นภาพชัดมาก หนังนำเสนอให้เซ็กส์เป็นทั้งปัญหาและทางออก(ในทางที่ไม่ค่อยดีนัก) แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของวัยรุ่น ตัวละครผู้ใหญ่ในหนังจึงถูกกันตัวออกไปชนิดไร้บทบาท พวกเขาพยายามหาทางแก้ไขกันเอง แม้ว่าจะยิ่งแก้ยิ่งแย่ หนังแฝงแง่คิดให้คนหนุ่มสาวในยุคนี้มองเห็นถึงผลร้ายที่ตามมาของความสนุกชั่วข้ามคืน รวมถึงมีการนำวรรณกรรมอย่าง The Idiot มาสื่อถึงสัญชาติญาณของมนุษย์  ส่วนที่ดีที่สุดของหนังคือดนตรีประกอบภาพยนตร์ซึ่งบิ้วอารมณ์และบรรยากาศได้ชวนขนลุกตลอดเวลา งานด้านภาพก็โดดเด่นไม่แพ้กันด้วยสีออกซีเปียวินเทจหน่อยๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงกลิ่นอายของหนังสยองขวัญยุค90 และหลายฉากเหมือนต้องการคารวะงานภาพยนตร์ยุคขาวดำ แต่หนังก็ไม่ได้คลายปมสำคัญคือที่มาของ มัน และชาตากรรมในตอนจบที่ยังคลุมเครือ จุดนี้ผู้กำกับปล่อยให้คนดูคิดเอง สุดแท้แต่การตีความของแต่ละคน ไมก้า มอนโร แสดงได้ยอดเยี่ยมมากในบท เจย์ เล่นเป็นธรรมชาติ บุคลิกครบถ้วนตรงตามที่ตัวละครนำหญิงในหนังสยองขวัญควรมี ไม่ใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่คิดทำร้ายใคร อีกคนที่น่าสนใจคือ Keir Gilchrist ที่รับบท พอล หนุ่มผู้ตกหลุมรัก เจย์ และยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเธอ เขาเป็นตัวแทนของผู้ชายเรียบร้อยที่ดันทะลึ่งไปชอบสาวฮ็อต  It Follows มีองค์ประกอบต่างๆที่ดี ช่วยส่งให้ตัวหนังสื่อสารเรื่องราวออกมาได้อย่างเต็มที่ ผู้กำกับกล้าลองทำอะไรใหม่ๆซึ่งแหกกฏ อีกทั้งยังมีลูกเล่นที่แพรวพราว ทำให้มันกลายเป็นหนังสยองขวัญที่น่าจดจำเรื่องหนึ่ง เพราะเมือเดินออกจากโรงหนังในรอบดึก คุณอาจเผลอหันไปมองข้างหลังโดยไม่รู้ตัว! คะแนน 7.5/10 โดย นกไซเบอร์ ดูตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/178302/?link=4   Create Date : 03 กรกฎาคม 2558     Last Update : 3 กรกฎาคม 2558 19:08:55 น. Counter : 1360 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• Group ตัวอย่าง

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com