วันนี้ ทุกจอคอมพิวเตอร์ ในบ้านคุณ

รีวิวหนัง : The Man From U.N.C.L.E สายลับตะวันตก กับ จารชนตะวันออก



ตั้งแต่ต้นปีวงการฮอลลีวู้ดหนังสายลับยุคใหม่เข้าฉายกันต่อเนื่อง กาย ริตชี ผู้กำกับหนุ่มขอสวนกระแสด้วยการปัดฝุ่น The Man From U.N.C.L.E จากละครทีวีมาทำเป็นหนังสายลับแนววินเทจที่มีจุดขายคือการจับมือกันของสองชาติต่างขั้วอย่าง สหรัฐฯ กับ โซเวียต

เนื้อเรื่องเล่าถึงยุคปี1960 ช่วงตรึงเครียดที่สุดช่วงหนึ่งของสงครามเย็น สหรัฐอเมริกา กับ สหภาพโซเวียต ประกาศเป็นศัตรูทางการเมืองกันอย่างโจ่งแจ้ง CIA ของสหรัฐฯ กับ KGB ของโซเวียต หน่วยงานสายลับเบอร์หนึ่งของทั้งสองประเทศจึงเป็นองค์กรที่มีบทบาทมากในตอนนั้น

โซโล สายลับหนุ่มหล่อชาวอเมริกันมือดีของซีไอเอ ผู้มีความสุขุม ขี้เล่น ได้รับภารกิจให้ร่วมมือกับ คูรียาคิน สายลับอันดับหนึ่งของเคจีบี ซึ่งมีนิสัยเย็นชาและมุทะลุ ในการตามหาตัวนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน โดยมีเบาะแสเป็น เกบี เทลเลอร์ ลูกสาวของเขา ขณะเดียวกันสองหนุ่มยังต้องช่วยกันหยุดยั้งแผนการร้ายของ วิกตอเรีย วินชิเกร์รา ลูกสาวของนักค้าอาวุธระดับโลกที่ต้องการให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้น

The Man From U.N.C.L.E เป็นภาพยนตร์แนวสายลับที่มีความเปรี้ยว ความจัดจ้านไปด้วยแฟชั่นยุค60 การใช้เพลงกับดนตรีประกอบก็น่าฟัง และตัวละครนำมีความเทห์ไม่แพ้หนังสายลับเรื่องอื่นเลย สิ่งที่โดดเด่นสร้างสีสันให้กับหนังมากๆคือเครื่องแต่งกายกับอุปการณ์ประกอบฉากต่างๆ แม้จะมีบางชิ้นบางอันที่ดูเกินจริงไปบ้าง แต่รวมๆก็ทำให้คนดูร้องว้าวในหลายฉาก โดยเฉพาะรถยนต์ในเรื่อง หรูหราแบบคลาสสิกมาก

บทหนังสนุกใช้ได้ ส่วนตัวชอบการบลัฟกันระหว่าง โซโล กับ คูรียาคิน ตัวแทนจากโลกฝั่งตะวันตก กับ โลกตะวันออก การร่วมทีมที่ไม่น่าเป็นไปได้ของ อเมริกัน กับ รัสเซีย แน่นนอนอยู่แล้วว่าทั้งคู่ต้องไม่ถูกกัน ทว่าต่างก็มีความเป็นมืออาชีพเพียงพอ แม้จะเหม็นขี้หน้า ไม่ลงรอยกันแต่ก็ยังสามารถร่วมงานกันได้ คู่กัด จึงกลายมาเป็น คู่หู นอกจากนั้นในหนังก็มีทุกอย่างที่หนังสายลับควรจะมีไม่ว่าจะเป็น ภารกิจโหดๆ ตัวร้ายเหี้ยมๆ สาวเซ็กซี่ อาวุธไฮเทค(ในสมัยนั้น) รวมถึงการหักหลัง

ในแง่ของความเป็นหนังจารชนถือว่าเนื้อหาไม่ซีเรียสนัก มีมุขตลกเสียดสีคนสองชาติแทรกอยู่เป็นระยะ เฮนรี คาวิลล์ ในบท โซโล ซุปเปอร์แมนของเราแปลงโฉมเป็นสายลับที่ดูดีทีเดียว คำพูดของเขาแพรวพราวให้อารมณ์เพลย์บอยตัวพ่อคนหนึ่ง ส่วน อาร์มี แฮมเมอร์ ซึ่งเล่นเป็น คูรียาคิน น่าชื่นชม เขาเป็นนักแสดงอเมริกันที่มารับบทเป็นคนรัสเซียได้แนบเนียนมาก ทั้งภาษา วิธีพูด นํ้าเสียง บุคลิก ด้านฝีมือการแสดงเขาถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครเก่ง สร้างสเน่ห์ในตัวละครที่ไม่ค่อยมีสเน่ห์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ อีกคนที่น่าพูดถึงคือ อลิเซีย วิแคนเดอร์ กับบท เกบี เทลเลอร์ เธอทำให้ตัวละครผู้หญิงโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางวงล้อมของผู้ชาย

สำหรับคำว่า U.N.C.L.E คืออะไร หรือ แปลว่าอะไร หนังจะเฉลยในช่วงท้าย(ที่แน่ๆไม่ได้แปลว่าลุง) กับตอนจบของภารกิจที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของบางสิ่ง ซึ่งในโลกของภาพยนตร์เราเรียกกันว่า ภาคต่อ

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/176799/?link=4




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2558    
Last Update : 22 สิงหาคม 2558 20:11:04 น.
Counter : 1771 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Parasyte 2 สิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจ


เข้าสู่ภาคจบแล้วในส่วนของภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่สร้างมาจากการ์ตูนมังงะชื่อดังอย่าง Parasyte หรือ ปรสิต ของอาจารย์ ฮิโตชิ อิวาอากิ โดยภาคนี้หนังยังได้นักแสดงนำชุดเดิมกลับมาครบครันทั้ง โชตะ โซเมะตานิ,ไอ ฮาชิโมโตะ,เอริ ฟูคัตสึ และ ทาดาโนบุ อาซาโน่ 

เนื้อหาของภาคนี้ว่าด้วยภัยคุกคามของเหล่าปรสิตที่เริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ มีการจัดตั้งองค์กรลับในที่ทำการผู้ว่าฯ ขณะที่ ชินอิจิ (โชตะ โซเมะตานิ) กับ มิกกี้ ก็ต้องหลบหนีการตามล่าของพวกปรสิต หลังจากที่พวกเขาลงมือฆ่าปรสิตหลายตัวซึ่งกำลังไล่กินมนุษย์อยู่ในเมือง ด้าน เรียวโกะ ทามิยะ หนึ่งในผู้นำของปรสิต การคลอดลูกทำให้อำนาจของเธอลดลงจากความหวาดระแวงของพวกพ้อง

ในที่สุดกองกำลังปราบปรามปรสิตของรัฐบาลก็บุกจู่โจมที่ทำการใหญ่ พวกเขาสังหารปรสิตจนเกือบหมด แต่ก็ต้องพลาดท่าให้กับ ปรสิตสุดแข็งแกร่งที่รวมห้าตัวไว้ในร่างเดียว มันจัดการกำลังของมนุษย์จนเกลี้ยงก่อนจะออกตามล่า ชินอิจิ เขากับมิกกี้หนีออกไปนอกเมืองเพื่อต่อสู้ชี้ชะตากับมัน โดยมี ซาโตมิ มุราโนะ เพื่อนนักเรียนสาวของ ชินอิจิ แอบตามมาช่วย
Parasyte 2 มีความเข้มข้นสูสีกับภาคแรก แต่การนำเสนอค่อนข้างซีเรียสกว่า การให้ปรสิตก่นด่าความเลวร้ายของสิ่งที่มนุษย์ทำแบบตรงไปตรงมาเกินไปหน่อย คนดูอาจรู้สึกเหมือนกำลังถูกสอนสั่งหรือด่า แน่นอนว่าแม้ส่วนใหญ่มันจะเป็นความจริง ทว่าการไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายมนุษย์โต้แย้งก็สร้างความอึดอัดพอสมควร 

กระนั้นหนังยังมีแนวคิดทางบวกที่น่าสนใจอย่างการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของทุกชีวิต ซึ่งมันไม่เคยเกินขึ้นไม่ว่าจะในหนังหรือชีวิตจริง ปรัชญา กับ คำพูด ต่างๆของตัวละครจึงดูเป็นอุดมคติ สิ่งที่ผู้กำกับทำได้ดีคือประเด็นการสำรวจพฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ ว่าพื้นฐานเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอก็จริง แต่ด้วยสัญชาติญาณต่างๆทำให้มนุษย์น่ากลัวและเป็นตัวอันตรายกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆขึ้น อาทิ ความกลัว ความรัก ความเศร้า ความโกรธ และ ความแค้น 

การดำเนินเรื่องสนุกตรงลุ้นไปกับชาตากรรมของหลายๆตัวละคร มีครบรสทั้ง แอ็คชั่น ดราม่า และ โรแมนติก เอริ ฟุคัตสึ ในบท เรียวโกะ ทามิยะ ยังเป็นตัวชูโรงเช่นเคย เธอทำให้คนดูเชื่อว่าเป็นปรสิต ไม่ใช่คน แถมยังถ่ายทอดความรู้สึกของแม่ออกมาอย่างลึกซึ้ง โชตะ โซเมะตานิ ที่แสดงเป็น ชินอิจิ สอบผ่าน ทำได้ดีตามาตรฐาน เขาปรับสีหน้าสลับไปมาได้เก่ง เคมีกับ ไอ ฮาชิโมโตะ ที่เล่นเป็น ซาโตมิ มุราโนะ ก็ดูเข้ากัน น่าเสียดายที่ฉากทั้งคู่มีเซ็กส์กันดันออกมาตลกมากกว่าเร้าอารมณ์ ด้วยอาการประดัดประเดิกขวยเขินของนักแสดง รวมถึงการใช้เวลาเยอะเกินไป(โดยเฉพาะซีนถอดเสื้อ) ปิดท้ายที่ ทาดาโนบุ อาซาโน่ นักแสดงรุ่นใหม่ที่รับบทคนที่มีปรสิตอยู่ในอวัยวะต่างๆถึงห้าตัว ภาคแรกออกน้อย แต่ภาคนี้มาเต็ม ถือว่าเป็นบอสใหญ่ที่น่าเกรงขาม สร้างสีสันได้มาก

ปรสิต ในหนังฆ่าคนเพราะต้องการกินเป็นอาหาร ซึ่งบางตัวมีความพยายามที่จะเลิกไปกินอย่างอื่นแทน ขณะที่แต่ไหนแต่ไรมา มนุษย์ เราต่างก็ฆ่าเผ่าพันธุ์กันเองอย่างเห็นแก่ตัวและไร้เหตุผลมานานนับพันปี ดังนั้นคนบางคนอาจเป็นสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจยิ่งกว่าปรสิตซะอีก

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/?link=4




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2558    
Last Update : 20 สิงหาคม 2558 18:06:29 น.
Counter : 1728 Pageviews.  

รีวิวหนัง : DARK PLACES คดีในความทรงจำ



หลังจากโปรเจกต์นำนิยายสืบสวนของ กิลเลียน ฟลินน์ เรื่อง Gone Girl มาสร้างเป็นภาพยนตร์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โปรเจกต์ทำหนังจากหนังสืออีกเรื่องของ กิลเลียน จึงถูกเข็นออกมาต่อทันทีกับ DARK PLACES นิยายสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมในครอบครัวอันโด่งดัง

25 ให้หลัง ลิบบี้ เดย์ (ชาร์ลิซ เธอรอน) เด็กสาวที่รอดชีวิตในคืนที่แม่กับพี่สาวของเธออีกสองคนถูกฆ่าตายในบ้าน และผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมครั้งนั้นคือ เบน (ไท เชอริเดน) พี่ชายแท้ๆของเธอ เหล่านี้เป็นการให้ปากคำของ ลิบบี้ ตั้งแต่ปี1985 ทว่าปัจจุบันเธอเริ่มไม่แน่ใจเท่าไหร่ เมื่อชีวิตอยู่ไปแบบวันๆจากเงินบริจาคในกองทุนของเธอเริ่มร่อยหรอ ลิบบี้ ที่กำลังถังแตกจึงยอมเดินทางไปยัง The Kill Club คลับแปลกประหลาดที่รวมคนบ้าคดีสืบสวนตามคำชวนของ ไรลี่ย์ (นิโคลัส ฮอลท์) หนุ่มแปลกหน้าเจ้าของร้านซักรีดที่ชื่นชอบการไขคดีความ

ที่นั่นมีหลายคนพยายามบอกว่า เบน เป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องนี้ทำให้ ลิบบี้ โกรธ แต่ ไรลี่ย์ ก็เกลี่ยกล่อมจนเธอยอมรื้อฟื้นคดีในความทรงจำที่ตัวเองอยากจะลืมขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่คดีดังกล่าวจะหมดอายุความ ต่อมาเธอได้พบกับคนหลายคนที่เธอไม่อยากเจอ และได้พบกับความจริงหลายอย่างที่เธอไม่อยากรู้ 

บทของ DARK PLACES มีความซับซ้อนพอสมควร แต่ก็ไม่มากเท่า Gone Girl กิลเลียน ผู้เขียนยังคงนำประเด็นครอบครัวมาสอดแทรกกับคดีอาชญากรรมได้ยอดเยี่ยม การดำเนินเรื่องน่าติดตามในแง่ของการตัดสลับระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ผู้ชมอาจสับสนบ้างในช่วงแรก หนังเก็บความลับได้ดี ขุดหลุมพลางลวงคนดูให้ติดกับ ก่อนที่จะค่อยๆเผยข้อมูลต่างๆออกมา และเฉลยความจริงคลี่คลายปมในตอนท้ายตามสูตร

ตัวหนังมีความเป็นจิตวิทยานิดๆ เน้นถ่ายทอดความรู้สึกของเหยื่อที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก พร้อมกับเสียดสีสังคมอันเสื่อมโทรมในชนบท การล่มสลายของสถาบันครอบครัว และช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ เสียดายที่ จีลส์ พาเควท์ เบรนเนอร์ ผู้กำกับเล่าเรื่องไม่ค่อยสนุก เขาใส่ใจกับรายละเอียดมากเกินไปหน่อย ช่วงต้นของหนังจึงดูค่อนข้างอืดอาด ไม่เข้มข้น หนังมากระชับขึ้นในช่วงครึ่งหลัง

การแสดง ชาร์ลิซ เธอรอน ไม่ค่อยเหมาะกับบท ลิบบี้ เดย์ เท่าไหร่ ส่วนตัวคิดว่าเธอเล่นแบบมีมิติเดียว ทำให้ตัวละครแบนราบ คนดูจึงมองไม่เห็นเห็นมุมอ่อนแอหรือน่าสงสารของตัวละคร ขณะที่ นิโคลัส ฮอลท์ ที่เล่นเป็น ไรลี่ย์ บุคลิกโดดเด่นจนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีส่วนเชื่อมโยงกับคดีนี้เองรึเปล่า กระนั้นจู่ๆตัวละครนี้กลับถูกกันออกจากเรื่องซะเฉยๆ ด้าน โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์ ที่แสดงเป็นแฟนของ เบน วัยหนุ่ม แม้จะมีฉากออกน้อยแต่เธอก็ทำให้ผู้ชมจดจำได้ไม่ยาก อีกคนคือ ไท เชอริเดน ในบท เบน วัยปัจจุบัน เขาแสดงอารมณ์ออกมาได้น่าสนใจในช่วงเวลาจำกัด

ส่วนดีที่สุดของ DARK PLACES คือพาร์ทดราม่าการเสียสละของ แม่ กับ พ่อ รวมถึงชอบที่หนังนำเสนอตัวละครที่ต่างก็พูดคำโกหกใส่กันราวกับเป็นเรื่องปกติ เหล่านี้สะท้อนสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ และชอบอารมณ์การปลดปล่อยตัวละครจากพันธนาการความทรงจำในช่วงท้าย หนังสื่อว่าบางทีคนอยู่ในติดคุกอาจไม่ใช่คนที่ทำความผิดเสมอไป พวกเขาอาจทำเพื่อใครบางคน ทำเพื่อตัวเองเพราะรู้อยู่แก่ใจว่ามีส่วนในความเลวร้าย ขณะเดียวกันคนที่ไม่ติดคุกก็ไม่ได้แปลว่าว่าพวกเขา ไม่ผิด หรือ ไม่ได้รับโทษ

คะแนน 7/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/200821/?link=4




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2558    
Last Update : 17 สิงหาคม 2558 18:39:19 น.
Counter : 1134 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Inside Out การเดินทางของความรู้สึก



Inside Out คือโปรเจกต์ภาพยนตร์อนิเมชั่นที่มีพล็อตน่าสนใจที่สุดในรอบหลายปีของพิกซาร์ หลังจากที่พวกเขาฟอร์มตกลงไปในช่วงหลัง การทำแต่หนังภาคต่อ หาบทดีๆไม่ได้ทำให้หนังของพิกซาร์ประสบความสำเร็จน้อยลงเมื่อเทียบกับยุคเฟื่องฟูในปี2000-2010ซึ่งหนังทุกเรื่องทำรายได้และกวาดรางวัลเป็นกอบเป็นกำ แถมล่าสุดพวกเขายังมีสตูโออนิเมชั่นหน้าใหม่อย่าง ดรีมเวิร์กสแอนิเมชัน กับ อิลลูมิเนชั่นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รวมถึงค่ายเก่าในเครือเดียวกันอย่าง วอลต์ดิสนีย์ดิสนีย์ เป็นคู่แข่งที่ต่างก็อยากก้าวขึ้นเป็นเบอร์1ค่ายหนังอนิเมชั่นเช่นกัน

หนังความหวังของพิกซาร์ในปีนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอารมณ์ 5 ชนิดในตัว ไรลีย์ เด็กสาวร่าเริงสดใสที่ชีวิตถึงคราวพลิกผันเมื่อเธอต้องย้ายบ้านตามพ่อแม่จากรัฐมินนิโซตาอันสงบสุขมาอยู่ในเมืองใหญ่สุดวุ่นวายอย่างซานฟรานซิสโก บนฐานบัญชาการในหัวสมองของ ไรลีย์ ความสุข มีบทบาทที่สุดในการควบคุมอารมณ์ของเธอ โดยมี ความกลัว , ความโกรธ , ความน่ารังเกียจ และ ความเศร้า เป็นลูกมือ

ต่อมาเกิดปัญหาขึ้นเมื่อ ความเศร้า เผลอไปสัมผัสก้อนความรู้สึกจนเกิดเหตุวุ่นวาย ความสุข กับ ความเศร้า หลุดออกมาจากฐานบัญชาการสมอง เมื่อแผงควบคุมไปอยู่ในมือ ความโกรธ ความกลัว และ  ความน่ารังเกียจ บุคลิกของ ไรลีย์ จึงเปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ความสุข และ ความเศร้า จึงต้องรีบเดินทางกลับไปแก้ไขสถานการณ์ก่อนที่จะสายเกินไป

บทของ Inside Out ยอดเยี่ยมที่สุด จินตนาการโลกในสมองของเราออกมาได้สร้างสรรค์มากๆ นำเสนอมุมมองของอารมณ์มนุษย์ในแง่มุมที่แปลกใหม่ ส่วนตัวชอบรายละเอียดหลายอย่างทั้ง ก้อนความรู้สึก ความทรงจำหลัก เพื่อนในจินตนาการ และ เกาะความสัมพันธ์ เหล่านี้คือไอเดียเจ๋งๆที่มีดีเอ็นเอของหนังพิกซาร์ยุคต้นๆอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้คิดถึงการสร้างโลกของรถในหนัง Car ชีวิตของสัตว์ประหลาดอย่าง Monsters, Inc. และ การถ่ายทอดความรู้สึกของ ของเล่น ใน Toy Story

ที่น่าชื่นชมคือหนังสามารถย่อยเรื่องจิตวิทยาในตัวมนุษย์ออกมาให้เข้าใจได้ง่าย แถมยังสร้างอารมณ์ร่วมได้ดี เชื่อมโยงหนังให้เข้ากับชีวิตจริงของผู้ชมอย่างแนบเนียน พลอยให้เรานึกภาพว่าในหัวก็มีตัวละครความรู้สึก5ตัวอยู่เหมือนกัน โดยรวมหนังดูจะเหมาะกับผู้ใหม่มากกว่าเด็กด้วยซํ้า

นอกจากนี้บางส่วนของหนังยังมีความเป็น Coming of age (การก้าวพ้นวัย) หน่อยๆในประเด็นการเรียนรู้ของตัวละครเด็กสาวกับตัวละครความสุข ซึ่งเป็นการเติบโตจากภายในมิใช่ภายนอก มีอารมณ์ Nostalgia (โหยหาอดีต) นิดๆเพราะหนังเล่นกับเรื่องความทรงจำคล้ายกับหนัง Toy Story 3 ขณะเดียวกันก็ยังให้ข้อคิดดีๆเกี่ยวกับการจัดการความรู้สึกตัวเอง และการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้น 

ตัวละครในเรื่องน่ารักมาก แม้ว่าคาแร็กเตอร์ตัวอารมณ์ความรู้สึกดูจะนำมาขายได้ยากสักหน่อย ทว่า พีท ด็อกเตอร์ ผู้กำกับกลับทำให้คนดูหลงรักในทุกๆตัวละคร มากน้อยต่างกันไป ที่ผิดคาดมากคือ ความเศร้า ซึ่งเป็นตัวละครที่ดูติดลบตั้งแต่ชื่อ มันไม่เคยมีความหมาย ไม่เคยเป็นที่ชื่นชอบหรือต้องการมาโดยตลอด กระนั้นพีทได้หามุมมองที่หลายคนไม่เคยเห็นของความเศร้าออกมานำเสนอได้น่ารัก ลึกซึ้ง กินใจ จนในช่วงท้ายมันกลายเป็นตัวละครที่มีผู้ชมชื่นชอบไม่แพ้ ความสุข

Inside Out เล่าเรื่องสนุก มีครบทุกรสไม่ว่าจะ อมยิ้ม หัวเราะร่า ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ไปจนถึง นํ้าตาซึม กล้าพูดได้เต็มปากว่าคือหนังอนิเมชั่นที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งของพิกซาร์ และบางทีออสการ์อาจได้ชื่อเจ้าของรางวัลสาขาหนังอนิเมชั่นปีนี้แล้วก็ได้

คะแนน 8.5/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/147435/?link=4




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2558    
Last Update : 13 สิงหาคม 2558 17:47:50 น.
Counter : 2020 Pageviews.  

รีวิวหนัง : Our Little Sister สายใยรักสี่ใบเถา


Our little sister เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แดนปลาดิบที่สร้างมาจากมังงะ ซึ่งฉบับการ์ตูนชื่อ Umimachi Diary ผลงานของ โยชิดะ อาคิมิ ฉบับหนังใหญ่กำกับโดย โคเรเอดะ ฮิโรคาสุ ผู้กำกับมากฝีมือเจ้าหนังแนวดราม่าครอบครัวของญี่ปุ่น ผลงานเด่นๆที่ผ่านมา อาทิ Nobody Knows , Like Father Like Son , I Wish และ Still Walking

หนังเปิดด้วยการเสียชีวิตของ พ่อ ที่เคยทิ้ง ซาจิ (อายาเสะ) สาวผู้เข้มงวด โยชิโนะ (นางาซาวะ) สาวปาร์ตี้ และ จิกะ (คาโฮะ) สาวอารมณ์ศิลปิน ลูกสามคนไปนานกว่า15ปี พวกเธอตัดสินใจไปร่วมงานศพจึงได้รู้ว่ามี ซึสุ  (สึซึ ฮิโระเซะ) น้องสาวต่างมารดาอีกหนึ่งคน ตอนนี้ ซึสุ ไม่เหลือทั้งพ่อและแม่แล้ว ในนาทีสุดท้ายก่อนที่รถไฟจะออก ซาจิ พี่สาวคนโตก็เอ่ยปากชวนน้องสาวคนเล็กให้มาอยู่ด้วยกันที่จังหวัดคามาคุระ และเธอได้ตอบตกลงแทบจะในทันที พวกเธอสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่โดยปราศจาก พ่อ แม่ กระนั้นความสัมพันธ์ของพี่น้องสี่ใบเถาก็ไม่ได้เป็นไปด้วยความราบรื่นเสียทีเดียว นอกจากคำพูดของคนรอบตัว พวกเธอยังต้องเผชิญกับเรื่องราวที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน ไปจนถึง อนาคต ชีวิตของสี่สาวในบ้านหลังเก่าจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายไม่ว่าจะ สุข เศร้า เหงา และ รัก 

บทหนังมีความละเมียดละมัยมาก เล่าถึงความสัมพันธ์ที่หลากหลาย ไม่แต่เฉพาะครอบครัว ออกแนว Coming of age นิดๆ ประเด็นความรู้สึกของพี่น้องต่างแม่ที่ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาก่อนแต่ต้องปรับตัวเข้าหากันนั้นให้อารมณ์หวานอมขมกลืน จุดนี้กับคนดูที่มีพี่น้องต่างพ่อหรือต่างแม่คงอินได้ไม่ยาก จะว่าไปมันเป็นเรื่องราวใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถสัมผัสถึง ในยุคที่สถาบันครอบครัวมีสถานะเปราะบาง การหย่าร้างแยกกันอยู่เป็นเรื่องปกติในสังคม บางคนอาจนำตัวละคร คำพูด เหตุการณ์ ในหนังไปเทียบเคียงกับชีวิตจริงของตัวเองหรือคนใกล้ตัว

ชอบตรงที่หนังไม่ได้ฟูมฟาย พรํ่าเพ้อ หรือจงใจมีฉากบิ้วให้คนดูต้องเสียนํ้าตา ผู้กำกับเพียงแต่ถ่ายทอดชีวิตประจำวันของผู้หญิงธรรมดา4คนในช่วงเวลาหนึ่งให้เราดู โดยมีการแฝงเรื่อง ประเพณี วัฒนธรรม อาหารและความเชื่อของญี่ปุ่นเอาไว้แบบกลมกลืน แน่นอนว่าตัวหนังมีความเป็นเฟมินิสค่อนข้างสูง ตัวละครนำส่วนใหญ่เป็นเพศแม่ ขณะเดียวกันตัวละครพ่อมีการพูดถึงก็จริงทว่าไร้ซึ่งบทบาทใดๆ(ไม่มีแม้แต่ชื่อ) เป็นเพียงจินตนาการกึ่งๆภาพฝันในความทรงจำของลูกสาวเท่านั้น

หนังให้คำนิยามของ บ้าน ได้ดี มันอาจไม่ได้หมายถึงครอบครัวเสมอไป แต่ บ้าน คือสถานที่ซึ่งเอื้อแก่การสานสัมพันธ์กันของคนในครอบครัว เพราะมันมีเรื่องราวซึ่งเราสามารถแบ่งปันและใช้เวลาเพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันได้ ซาจิ พี่สาวคนโตจึงพยายามรักษาบ้านเอาไว้ ในทางกลับกันบ้านก็เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสำหรับเธอ มันให้ความรู้สึกที่มั่นคงได้มากกว่าผู้ชายบางคน แต่สำหรับ โยชิโนะ บ้านคือสถานที่หลบภัยจากความผิดหวังในชีวิต ขณะที่บ้านในสายตาของ จิกะ กลับเป็นเหมือนสถานตากอากาศ หรืออีกนัยหนึ่งมันอาจเป็นทั้งชีวิตใหม่และอนาคตของ ซึสุ

สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงอันเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ 4 สาว ฮากุระ อายาเสะ ที่เล่นเป็น ซาจิ คือตัวแทนสาวแกร่งและเปรียบเสมือนแม่ของน้องๆ แม้จะเจ้าระเบียบไปบ้างแต่หากเรามีพี่สาวสักคนก็อยากได้คนแบบเธอนี่แหละ มาซามิ นากาซาวะ ในบท โยชิโนะ มีเสน่ห์สวยสดใส โดดเด่นที่สุดในบรรดา4พี่น้อง เธอคือตัวแทนของสาวหัวก้าวหน้านำสมัยประจำบ้าน

ด้าน คาโฮ ซึ่งแสดงเป็น จิกะ น้องสาวคนรอง แม้จะมีรูปร่างหน้าตาน่าดึงดูดน้อยกว่าใคร แต่เธอเป็นคนที่มีบุคลิกน่าสนใจ มีความน่ารักแปลกๆที่ช่วยสร้างสีสันทำให้บรรยากาศของหนังไม่เครียดเกินไป ส่วนนักแสดงน้องเล็ก สึซึ ฮิโระเซะ ผู้รับบท ซึสุ ตัวละครคนสำคัญของเรื่อง เธอถ่ายทอดความรู้สึกของเด็กสาวที่มีปมในใจออกมาได้ลึกซึ้ง ทำให้คนดูสงสาร เห็นใจ ในความเป็นคนนอกผู้แปลกแยกในบ้าน นับว่าเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง อีกคนที่อยากพูดถึงคือ ลิลลี่ แฟรงกี้ ที่หลังๆแทบจะกลายเป็นนักแสดงคู่บุญของ โคเรเอดะ ไปแล้ว จากบทพ่อบ้านๆใน Like Father Like Son มาสู่บทเจ้าของร้านขนมปังใน Our little sister คำว่าน้อยแต่มากน่าจะแทนค่าฝีมือการแสดงของเขาได้ชัดเจนที่สุด

Our little sister เป็นหนังที่มีความงดงามทุกอย่าง ทั้ง บท ภาพ ดนตรี และ ตัวละคร สร้างความอิ่มเอมแบบกำลังพอดีให้ผู้ชม พาเราอมยิ้มน้ำตารื้นไปกับสายใยรักของสี่พี่น้องที่แสนอบอุ่นประทับใจ

คะแนน 8/10

โดย นกไซเบอร์

ตัวอย่างหนัง //movie.bugaboo.tv/watch/186221/?link=4




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2558    
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 10:06:50 น.
Counter : 1607 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

mninho
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




นกไซเบอร์ วิจารณ์หนัง
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add mninho's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.