คนเกิดวันพุธ ความทุกข์โถมทับทวี

50 สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี (1-10)

นิตยสารไทม์ได้จัดอันดับ 50 สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี

1. The Retail DNA Test

เทคโนโลยีการตรวจรหัสดีเอ็นเอส่วนบุคคล ของบริษัท ทเวนตีทรีแอนด์มี (23andMe) ก็ยังได้รับการเลือกให้เป็นสิ่งประดิษฐ์แห่งปี (Invention of the Year) ในการจัดอันดับสุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2008 ของนิตยสารไทม์ (TIME's Best Inventions of 2008)

23andMe เป็นธุรกิจที่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นโดยแอนน์ โวจิสคี (Anne Wojcicki : Wo-jis-key) และลินดา เอวี (Linda Avey) เพื่อดำเนินการตรวจรหัสดีเอ็นเอส่วนบุคคลของลูกค้าที่เข้ารับบริการ ผ่านการตรวจวิเคราะห์จากตัวอย่างน้ำลายของลูกค้าเพียงเล็กน้อย ก็จะได้ข้อมูลที่บ่งบอกสถานะทางพันธุกรรมของตนเองมากกว่า 90% รวมทั้งรู้ว่าเรามีความเสี่ยงต่อโรคบางโรคที่เป็นผลมาจากพันธุกรรมได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งถูกเก็บไว้ในรูปแบบดิจิทัล (the digital manifestation of you) ที่เจ้าของข้อมูลต้องมีรหัสผ่านเข้าไปดูได้ในฐานข้อมูล

ใครที่อยากใช้บริการนี้ก็สามารถสั่งซื้อชุดเก็บตัวอย่างน้ำลายจาก 23andMe ได้ในราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 14,000 บาท) ทั้งทางออนไลน์และไปรษณีย์ แล้วส่งตัวอย่างกลับไปตรวจในห้องแล็บ เพียงเท่านี้ก็สามารถรู้ข้อมูลพันธุกรรมของตัวเองได้ไม่ยาก ธุรกิจนี้ของ 23andMe จึงนับว่าเข้าถึงประชาชนได้ง่ายและค่าใช้จ่ายไม่แพงมากจนเกินไป

อย่างไรก็ดี ขณะนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของจีโนมส่วนบุคคล ที่จะปฏิวัติวงการแพทย์ การรักษาพยาบาล และการดูแลสุขภาพที่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลพันธุกรรมของแต่ละคน ที่จะกลายเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนคนนั้นด้วย

ในอดีตมีเพียงนักวิจัยระดับหัวกะทิหรืออภิมหาเศรษฐีกระเป๋าตุงเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้รับรู้ข้อมูลพันธุกรรมของตัวเอง แต่ตอนนี้ 23andMe ก็ทำให้ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปเข้าถึงข้อมูลดีเอ็นเอของตนได้ไม่ยากในราคาที่เขาสามารถจ่ายได้สบาย จึงได้รับเลือกจากไทม์ให้ครองตำแหน่งสุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2008 จนได้ในที่สุด





2. The Tesla Roadster

โดยทั่วไปรถไฟฟ้ามักจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เงียบและสะอาด แต่ปราศจาก "ความเซ็กซี่" ข้อเท็จจริงที่ว่าใช้ไม่ได้กับ "เทสลาโรดสเตอร์" (The Tesla Roadster) รถไฟฟ้าเปิดประทุนที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการเทคโนโลยีสะอาด นับแต่มีการป่าวประกาศถึงรถยนต์สะอาดนี้เมื่อปี 2546

รถสปอร์ตสุดเซ็กซี่นี้วิ่งด้วยพลังงานแบตเตอรีด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านบาท ซึ่งคนเด่นคนดังอย่าง จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) ได้เข้าร่วมอยู่ในรายชื่อผู้จองอันยาวเหยียดกับเขาด้วย และรถไฟฟ้าสปอร์ตคันแรกได้ส่งถึงลูกค้าในปี 2551 นี้รถสปอร์ตที่ใช้แต่พลังงานไฟฟ้า 100% สามารถชาร์ตพลังงานได้ทุกที่ จะที่บ้าน หรือทุกที่ที่มีปลั๊กไฟ มันสามารถวิ่งได้ระยะทาง 244 ไมล์ ต่อ การชาร์ต 1 ครั้ง โดยที่แบตเตอรี่ 1 ชุด มีอายุการใช้งานระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ 100,000 ไมล์





3. The Lunar Reconnaissance Orbiter

ยานอวกาศไร้มนุษย์ที่จะเดินทางไปยังดวงจันทร์ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2009 (ห่างจากครั้งล่าสุดถึง 11 ปี) ในครั้งนี้ไม่ใช่ข้อมูลทั่วไปของดวงจันทร์ (พื้นผิว อุณหภูมิ บรรยากาศ) จะได้รับการสำรวจ ยานอวกาศจะตรวจสอบน้ำแข็งบนดวงจันทร์ แผนที่สามมิติของดวงจันทร์และร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอีกด้วย! (นาซ่ามีแผนที่จะส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์อีกครั้งหลังโครงการนี้เสร็จสิ้น แถมยังแอบเหน็บอีกด้วยว่าคราวที่แล้ว เราได้ไปเหยียบดวงจันทร์จริงๆนะ :-P)






4. Hulu.com

Hulu.com เว็บไซต์บริการวิดีโอออนไลน์คุณภาพสูง โดยเสนอรายการทีวี ภาพยนตร์ หรือคลิปวิดีโอที่ได้รับความนิยม คอนเทนต์ส่วนใหญ่มาจากรายการช่วงเวลาไพรมไทม์ที่ฉายในสหรัฐ เช่น Fox, NBC, MGM, Sony, Warner Brothers และสถานีชื่อดังอื่นๆ รวมถึงรายการเก่าที่นำกลับมาฉายซ้ำใหม่ หรือแม้แต่ภาพยนตร์เรื่องยาว พร้อมชูคุณสมบัติคอนเทนต์ความละเอียดสูงเป็นจุดขายนอกจากนี้ Hulu ยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกหรือแชร์วิดีโอที่ต้องการให้กับเพื่อนคนอื่นได้ขณะที่เรากำลังชมอยู่ได้ โดย Hulu จะเปิดให้บริการฟรีแก่ผู้ชมทั่วไป แต่จำกัดพื้นที่เฉพาะในสหรัฐเท่านั้น Hulu ก่อตั้งขึ้นในเดือน มี.ค.2550 มีผู้ร่วมทุนระหว่าง NBC Universal และ News Corp โดยจุดประสงค์ของ Hulu คือ เป็นแหล่งเก็บรวบรวมโปรแกรมรายการคุณภาพสูงแบบออนดีมานด์ผ่านทางออนไลน์





5. The Large Hadron Collider

เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (The Large Hadron Collider: LHC)
เครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ของเซิร์น (CERN) หรือองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) ซึ่งจะส่งโปรตอนให้วิ่งวนเป็นวงกลมสวนทางกันที่ความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง จากนั้นชนกันวินาทีละ 6,000 ครั้ง เพื่อค้นคำตอบพื้นฐาน อย่างเช่น "มวลมีอยู่ได้อย่างไร?" หรือ "เอกภพมีมิติพิเศษหรือไม่?" เป็นต้น

แม้ว่าจะเครื่องเร่งอนุภาคนี้ได้เริ่มทดลองเดินเครื่องยิงลำแสงแรกไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และเดินเครื่องหลังจากนั้นได้เพียง 10 ก็ต้องหยุดเดินเครื่องไปอย่างน้อยจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า แต่จะเป็นไรไปหากต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยก่อนที่จะค้นหาความจริงกันต่อ





6. The Global Seed Vault

เพื่อเป็นการรับมือวันดับโลก นักชีววิทยาได้กักตุนเมล็ดพันธุ์พืชแช่แข็งไว้ในโดมที่ขั้วโลกเหนือ เพื่อให้เป็นแหล่งสุดท้ายหากวันหนึ่งโลกนี้อาจไม่มีเมล็ดพันธุ์พืช ไม่มีอาหาร
ในมหาสมุทรอาร์กติกที่หนาวเย็น ปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาชั่วนาตาปี บริเวณที่เรียกว่า หมู่เกาะ Svalbard ในประเทศนอร์เวย์นี่เอง ที่เป็นที่ตั้งของโดมที่ใช้เก็บเมล็ดพืชพันธุ์ ธัญญาหารที่เรียก Svalbard Global Seed Vault หรือถูกเรียกล้อกันในนาม “Doomsday Vault” หรือ “doomsday seed bank” ซึ่งแปลเป็นไทยให้เห็นภาพว่า “โดมเมล็ดพันธุ์ วันสิ้นโลก” หากวันหนึ่งพืชพันธุ์ ธัญญาหารต้องมาถึงจุดจบ

เมล็ดพืชพันธุ์ทั้งหมดที่เก็บนี้ เป็นเมล็ดพืชพันธุ์ ธัญญาหารทุกชนิดที่มนุษย์ในปัจจุบันใช้เป็นอาหาร และมาจากตัวอย่างเมล็ดพืชพันธุ์ชั้นดีที่เก็บได้จากทุกประเทศทั่วโลกในสภาพดั้งเดิม เมล็ดพันธุ์จะถูกห่อหุ้มอย่างหนาแน่นเพื่อกันความชื้น และเก็บที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส

ตัวโดม ปัจจุบันเก็บตัวอย่างเมล็ดพันธุ์กว่า 1400 ชนิดและคาดว่าจะรวบรวมได้ถึง 3 ล้านชนิดจากทั่วโลก ในพื้นที่ที่สามารถบรรจุเมล็ดพืชได้กว่า 3 ชั่วอายุคนก็ยังไม่เต็ม หากเทียบขนาดความจุของโดมกับการนำมาใช้ประกอบอาหารก็เทียบเป็นปริมาณที่สามารถนำมาใช้เลี้ยงคนในเวลา 1 มื้อได้จำนวน 4.5 ล้านคนทีเดียว





7. The Chevy Volt

รถพลังงานไฟฟ้าอีกหนึ่งคันครับ กำหนดออกวางตลาดปี 2010 ผมว่าสวยกว่า Tesla Roadster นะ แต่ชาร์จครั้งหนึ่งวิ่งได้แค่ 65 km ผลิตโดยบริษัท General Motor ของสหรัฐอเมริกาซึ่งกล่าวว่า 80% ของผู้ใช้รถในสหรัฐฯขับรถโดยเฉลี่ยวันหนึ่งไม่เกิน 40 ไมล์ (65 km) ...อืม มันจะไม่พอดีเป๊ะไปหน่อยเหรอครับ (อันที่จริงแล้วคือเมื่อหมด 65 km ก็จะหันไปสันดาปพลังงานโดยใช้ไฮโดรคาร์บอนเหมือนเดิมครับ)





8. Bullets That Shoot Bullets

อาวุธสงครามสุดเท่ เล็งเป้าหมายไปยังกระสุนปืนที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมา ไม่มีคำอธิบายดีเท่ารูปครับ





9. The Orbital Internet

ระบบอินเตอร์เนตสำหรับติดต่อสื่อสารกันบนอวกาศครับ -_-“ คนเขียน protocol นี่ก็เก่งจริงๆนะ





10. The World's Fastest Computer

เครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกในปัจจุบัน มีชื่อว่า Roadrunner ซึ่งสร้างโดย IBM และวิศวกรของ Los Alamos โดยมันมีพลังในการคำนวณในระดับ petaflop (1,000 trillion operations ต่อวินาที) หรือเทียบเท่าเครื่องแล็บท็อปที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน 100,000 เครื่อง เป้าประสงค์เพื่อจำลองอัตราการสลายตัวของกัมมันตรังสีในอาวุธนิวเคลียร์









ข้อมูลอ้างอิง

นิตยสาร TIMES, เว็บเมเนเจอร์, teslamotors, NewSpoke.com, เว็บวิชาการ.คอม




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2551    
Last Update : 9 ธันวาคม 2551 20:40:22 น.
Counter : 3246 Pageviews.  

[อนาคตกำลังไล่ล่าคุณ] '23andme' สิ่งประดิษฐ์แห่งยุคใหม่

มนุษย์เราทุกคนมีโครโมโซมคนละ 23 คู่


ร้อยละ 17 ของพวกเราถนัดซ้าย

ร้อยละ 44 ไม่มีติ่งหูยื่นออกมา (attached earlobes)

ร้อยละ 88 มีขี้หูเปียก

น้อยกว่าร้อยละ 1 เป็นนักวิ่งระดับโลก

ร้อยละ 14 เป็นพวกหูทอง (perfect pitch)

ร้อยละ 13 เป็นพวกแขนขาไม่อยู่สุข (Restless Legs Syndrome)

ร้อยละ 22 แพ้แล็คโตส (ทานนมที่มีแล็คโตสแล้วจะท้องเสีย)

ร้อยละ 67 มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว

ร้อยละ 19 มีประวัติโรคอัลไซเมอร์ในครอบครัว

ร้อยละ 41 มีประวัติโรคไมเกรนในครอบครัว

ร้อยละ 56 มีประวัติหัวล้านในครอบครัว

ร้อยละ 29 มีประวัติโรคเบาหวานในครอบครัว

ฯลฯ


จะดีไหมหากเรารู้ว่าเราอยู่ในกลุ่มคนประเภทไหนบ้างตามที่ว่ามาข้างบนนี้?




อนาคตกำลังไล่ล่าเรา


ปัจจุบันมีบริษัท 23andme ที่รับบริการตรวจข้อมูลทางพันธุกรรมของเราจากน้ำลาย ง่ายดายเพียงแค่เราส่งน้ำลายใส่ใน kit สำเร็จรูปแล้วส่งกลับไปยังบริษัท จากน้ำลายของเรา ทางบริษัทก็จะสกัดเอา DNA ออกมาเพิ่มจำนวนและนำไปตรวจสอบ SNPs (single nucleotide polymorphisms) ด้วยวิธี DNA microarrays ผลที่ได้คือข้อมูลทางพันธุกรรมของเราทั้งหมดที่มีงานวิจัยรองรับแล้วซึ่งได้แก่

- ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของเรา
- ข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะทางพันธุกรรมบางประการของเรา
- ข้อมูลเกี่ยวกับบรรพบุรุษของเรา
- ข้อมูลความคล้ายคลึงทางพันธุกรรมของเรากับบุคคลใกล้ชิดเช่น เพื่อน คนรัก เป็นต้น

ข้อมูลดังกล่าวในเวลาปัจจุบันยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ใดๆได้นอกจากเอาไว้ดูเล่นครับ เนื่องจากทางบริษัทได้ชี้แจง ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและความผิดปกติที่รายงานจะไม่ถือเป็นการวินิจฉัยทางแพทย์ใดๆทั้งสิ้น และข้อมูลดังกล่าวถือเป็นความลับส่วนบุคคลครับ

23andme ได้รับการคัดเลือกโดยนิตยสาร TIMES ฉบับวันที่ 10 พ.ย.51 ให้เป็น 1 ใน 50 สิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมแห่งปี (สิ่งประดิษฐ์อื่นๆที่ได้รับการคัดเลือกเช่น เทคนิคใหม่ในการหาลายนิ้วมือบนปลอกกระสุนปืนที่เช็ดจนสะอาดแล้ว, ซีเมนต์ที่กินหมอกควันในอากาศ, เครื่องมือสร้างพลังงานไฟฟ้าจากการเดิน เป็นต้น) แน่นอนว่าการตรวจพันธุกรรมของมนุษย์ทำได้มานานแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มันกลายเป็นสิ่งสำเร็จรูปที่มนุษย์เราทุกคนในโลกนี้สามารถเข้าถึงมันได้ (ถ้าเรามีตังค์ครับ :-P ราคา 399 เหรียญสหรัฐ)




23andme ตรวจสุขภาพอะไรของเราบ้าง

สิ่งที่ 23andme บอกคือเรามีแนวโน้มจะเป็นโรคหรืออาการดังต่อไปนี้หรือไม่ แต่ไม่ได้จัดเป็นการวินิจฉัยทางการแพทย์ใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงการบอกแนวโน้มเท่านั้น เนื่องจากข้อจำกัดในแง่กฎหมายบางประการ


ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีงานวิจัยทางคลินิกรองรับอย่างสมบูรณ์แล้ว


โรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย (Age-related Macular Degeneration) เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของศูนย์กลางการมองที่จอประสาทตา ที่เรียกว่า Macular มักเกิดกับผู้สูงอายุ มากกว่า 50 ปีขึ้นไป การมองเห็นในตำแหน่งที่จ้องมองจะค่อยๆพร่ามัวลงเรื่อยๆจนบอดเฉพาะตรงกลางแต่ลานสายโดยรอบยังมองเห็นได้ดี อาการในระยะแรก เช่น มองเห็นเป็นวงสีเทาดำตรงกลาง หรือเห็นเป็นแสงระยิบระยับ เห็นภาพหรือเส้นตรงบิดเบี้ยว มีความลำบากในการอ่านหนังสือหรือทำงานละเอียดและต้องใช้แสงมากๆช่วย เป็นต้น

Earwax Type ขี้หูเปียกหรือแห้ง

ภาวะบกพร่องเอ็นไซม์ Glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency (G6PD Deficiency) ซึ่งทำให้เม็ดเลือดแดงมีแนวโน้มแตกได้ง่ายขึ้นเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นบางอย่างเช่น สารเคมี ยา อาหารบางชนิด (โรคแพ้ถั่วปากอ้า (Favism))

ภาวะแพ้แล็คโตส (Lactose Intolerance) ทำให้ท้องเสียเมื่อรับประทานนมที่มีส่วนผสมของแล็คโตส เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยแล็คโตสได้ แล็คโสที่อยู่ลำไส้ใหญ่ถูกหมักด้วยแบคทีเรียทำให้เกิดก๊าซในลำไส้และท้องเสีย

Malaria Resistance (Duffy Antigen) ภูมิคุ้มกันต่อโรค malaria แต่กำเนิด ในประชากรส่วนหนึ่งจะมี Duffy antigen บนผิวเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นจุดจับของโปรโตซัว Plasmodium vivax (เชื้อมาลาเรียสายพันธุ์หนึ่ง) ดังนั้น ผู้ที่ไม่มี antigen ชนิดนี้ก็จะไม่ติดเชื้อมาลาเรียที่เกิดจาก P.vivax

Muscle Performance ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนไม่ต้องออกกำลังกายมากก็มีกล้ามเนื้อที่สวยงาม นักกีฬาที่ใช้เวลาในการฝึกซ้อมเท่ากัน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เท่ากัน คนหนึ่งได้เป็นนักวิ่งโอลิมปิกระดับโลกแต่อีกคนหนึ่งไม่? นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า “กล้ามเนื้อนักกีฬา” นั้นส่วนหนึ่งถูกควบคุมโดยยีน

Non-ABO Blood Groups กรุ๊ปเลือดระบบอื่นๆนอกเหนือจาก ABO system

โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease) โรคที่เกิดจากการลดลงของสาร dopamine ในสมอง ซึ่งเนื่องจากเซลที่สร้างสารนี้เสื่อมสภาพลง อาการที่สำคัญๆคือ มือสั่น โดยจะสั่นเวลาอยู่เฉยๆมากกว่าเวลาจับสิ่งของ อาการเดินแข็งๆ เมื่ออาการเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเริ่มออกเดินยาก และเวลาหยุดเดินก็หยุดยาก หน้าจะออกเฉยๆไร้อารมณ์ นักแสดงชื่อดัง Michael J.Fox ก็เป็นโรคนี้

โรคเรื้อนกวาง (Psoriasis)

Resistance to HIV/AIDS ภูมิคุ้มกันต่อโรคติดเชื้อ HIV ประชากรส่วนหนึ่งไม่มี antigen บนผิวเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เป็นจุดจับของไวรัส HIV

โรคข้ออักเสบรูห์มาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)

โรคโลหิตจางชนิดซิคเคิลเซลล์ (Sickle Cell Anemia) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเบสของยีนเบตาโกลบิล ที่ควบคุมการสร้างสายโปรตีน (Polypeptide) สายเบต้าของฮีโมโกลบิน ยีนเบตาโกลบินที่ผิดปกติ จะมีลำดับเบสบนยีนเปลี่ยนจาก CTC ไปเป็น CAC ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนที่สร้างขึ้น ในคนปกติแปลรหัสเป็นกรดกลูตามิก แต่ในคนที่เป็นโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์ กลับมีการแปลรหัสเป็นวาลีน ผลที่เกิดขึ้นคือเม็ดเลือดแดงจะมีรูปร่างเหมือนเคียวเกี่ยวข้าวทำให้ขนส่งออกซิเจนได้ไม่ดี

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ( Type 1 Diabetes ) เบาหวานที่เกิดจากเบตาเซลล์ของ ตับอ่อนถูกทำลาย ทำให้ผลิตอินซูลินลดลง มากกว่า 90% มีสาเหตุจากระบบภูมิคุ้มกัน

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes mellitus) ซึ่งได้แก่ ภาวะดื้ออินสุลิน (insulin resistance) และภาวะขาดอินสุลินสัมพัทธ์ (relative insulin deficiency)

โรคหลอดเลือดดำอุดตันจากลิ่มเลือด (Venous Thromboembolism)

อาการหน้าแดงเมื่อรับประทานเหล้า (Alcohol Flush Reaction)

มีประสาทรับรสขมดีหรือไม่? (Bitter Taste Perception) ทานบร็อคโคลี่แล้วจะรู้สึกขมไหม?

Celiac Disease โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังเนื่องจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกัน

Crohn's Disease โรคลำไส้เล็กอุดตันบางส่วน

Cystic Fibrosis โรคพังผืดที่ปอด ทำให้มีความเสี่ยงติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเนื่องจากมีเสมหะเหนียวแห้ง (พบได้น้อยในประเทศไทย)

Norovirus Resistance ภูมิต้านทานต่อโนโรไวรัส (เชื้อหวัดลงกระเพาะชนิดหนึ่ง)

โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer)

นอกจากนี้ก็ยังมีโรคอื่นๆที่อยู่ระหว่างการวิจัยครับ





บรรพบุรุษของเรา

23andme จะบ่งบอกถึงบรรพบุรุษของเราย้อนหลังไปหลายชั่วโคตร ทวดของทวดฝั่งพ่อของเราเป็นคนเชื้อชาติใด (ตรวจสอบข้อมูลทางพันธุกรรมฝั่งบิดาด้วย Y chromosome แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ก็ใช้โครโมโซม Y ของญาติฝ่ายชายที่ใกล้ชิดที่สุด) บรรพบุรุษฝั่งแม่ของเราย้ายมาจากประเทศไหนของโลกใบนี้ (ตรวจสอบข้อมูลทางพันธุกรรมฝั่งมารดาด้วยไมโตครอนเดรียดีเอ็นเอ)

เราประกอบไปด้วยเชื้อชาติอะไรบ้างในตัว






สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ในวันนี้อาจยังไม่แพร่หลาย แต่ถ้าสักวันหนึ่งเมื่อมันกลายเป็นของธรรมดาในสังคม อะไรจะเกิดขึ้นครับ?

ความเป็นมนุษย์จะถูกวัดคุณค่าด้วยข้อมูลทางพันธุกรรมหรือไม่ ในชีวิตของคนๆหนึ่งจะประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลวอาจถูกกำหนดตั้งแต่ข้อมูลทางพันธุกรรมของบุคคลนั้น โรงเรียนระดับแนวหน้าคัดเลือกเฉพาะเด็กที่มีพันธุกรรมของความฉลาดทางสติปัญญา มหาวิทยาลัยมอบทุนนักกีฬาให้กับเฉพาะนักศึกษาที่มีพันธุกรรมของกล้ามเนื้อแข็งแรง บริษัทหรือองค์กรต่างๆคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานโดยใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมเป็นองค์ประกอบ





หญิงสาวจะเลือกชายหนุ่มเป็นคู่ครอง อาจต้องตรวจสอบข้อมูลทางพันธุกรรมเสียก่อน ผู้ชายคนนี้ที่ฉันรักจะอายุยืนไหม ต่อไปจะหัวล้านน่าเกลียดไหม แก่ไปจะมีตาฝ้าฟางหรือไม่ มีน้ำยา(ไม่เป็นหมัน)ใช่ไหม จะเป็นมะเร็ง เป็นเบาหวาน เป็นโรคความดันหรือไม่ และถ่ายทอดพันธุกรรมแย่ๆเหล่านี้ไปให้ลูกของฉันหรือไม่ (ในภาพยนตร์เรื่อง GATTAGA มีฉากหนึ่งที่นางเอกแอบนำเส้นผมพระเอกไปใช้บริการตรวจสอบข้อมูลพันธุกรรม หญิงสาวที่ต่อคิวก่อนหน้านางเอกยื่นปากให้เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการเก็บตัวอย่างน้ำลายของผู้ชายที่เธอเดทด้วย จากริมฝีปากของเธอที่พึ่งจะจูบเขามาสดๆร้อนๆ!)





และจะเป็นอย่างไรหากข้อมูลทางพันธุกรรมของคุณไม่ถูกปกปิดเป็นความลับ...บริษัทประกันภัยไม่ยอมทำประกันชีวิตให้คุณเนื่องจากพบว่าคุณมีพันธุกรรมที่บ่งบอกถึงแนวโน้มในการเกิดมะเร็ง บริษัทขายผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพส่งโบร์ชัวร์ชายอาหารเสริมแคลเซียมมาถึงบ้านคุณไม่หยุดหย่อนเมื่อเขารู้ว่าคุณมีพันธุกรรมของโรคกระดูกเสื่อม คุณถูกฟ้องร้องโดยลูกที่เกิดจากอสุจิที่คุณบริจาคเนื่องจากภาวะติดสุราเรื้อรังที่เขาได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณ...ฯลฯ

น่ากลัวไหมครับ อนาคตแบบนี้....ซึ่งผมล้อเล่นครับ :-) <---เอาเม้าส้ลากตรงนี้จิ


เพราะปัจจุบันมีกฎหมายของสหรัฐอเมริกาที่ออกบัญญัติห้ามการนำข้อมูลพันธุกรรมส่วนบุคคลไปใช้ในการแบ่งแยก ตัดสินบุคคลหนึ่งๆ นับว่าเป็นกฎหมายที่ชาญฉลาด มองการณ์ไกลไปในอนาคตอย่างยิ่ง ผมเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าวจะเป็นแม่แบบให้กับประเทศอื่นๆในวันที่ยุคของข้อมูลทางพันธุกรรมมาถึงจริงครับ


Genetic Information Nondiscrimination Act (GINA)

The Genetic Information Nondiscrimination Act (GINA) is U.S. federal legislation that protects Americans from discrimination (in health insurance and employment decisions) on the basis of genetic information. GINA was signed into law by the President on May 21, 2008.







ข้อมูลส่วนใหญ่จาก https://www.23andme.com ได้ค่าโฆษณาไหมครับเนี่ย




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2551    
Last Update : 24 มกราคม 2552 22:47:03 น.
Counter : 4101 Pageviews.  

สร้างจักรวาลเองก็ได้ ง่ายจัง!~

ก่อนที่จะเริ่มต้นสร้างจักรวาล สิ่งที่เธอควรทราบมีดังนี้

1.กระบวนการที่เกิดขึ้น เกิดแล้วไม่สามารถย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นได้อีก ดังนั้นเธอต้องมั่นใจก่อนนะ ว่าอยากจะสร้างจักรวาลขึ้นมาจริงๆ การสร้างจักรวาลต้องใช้เวลาและความเอาใจใส่ค่อนข้างมาก

2.ทางบริษัทไม่รับผิดชอบกรณีที่สัตว์เลี้ยงของเธอกลืนกินบางส่วนของจักรวาลเข้าไป แล้วเกิดอาการเจ็บป่วย ไม่สบาย กลายพันธุ์ หรือแม้แต่ระเบิดเป็นชิ้นๆ ดังนั้นควรระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้าใกล้จักรวาลที่เธอสร้างนะจ๊ะ

3.จักรวาลต้องการพื้นที่ค่อนข้างมาก (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราการขยายตัวของจักรวาลที่เธอกำหนด ดูหัวข้อ ฉันจะปรับอัตราการขยายตัวของจักรวาลได้อย่างไร) ซึ่งกำหนดพื้นที่อย่างน้อยที่สุดที่ต้องใช้ไว้ที่ข้างกล่อง หากคุณแม่เธอทำโทษเนื่องจากจักรวาลกินพื้นที่ในบ้านจนข้าวของเสียหาย จะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะจ๊ะ

4.เธอควรอ่านคำแนะนำในการสร้างจักรวาลที่บริษัทแนบมาด้วยในกล่องอย่างละเอียด สำหรับเนื้อหาบางส่วนที่อาจจะค่อนข้างยากเกินไปสำหรับเธอ ควรให้ผู้ปกครองช่วยอ่านเพื่อทำความเข้าใจ (กรณีให้คุณพ่อช่วยอ่าน เธอต้องแน่ใจว่า เธอไม่รบกวนการชมกีฬาสุดโปรดของคุณพ่อนะ) คำศัพท์บางคำอาจแปลกๆและไม่คุ้นหู ซึ่งเราอ้างอิงคำศัพท์ตามสิ่งมีชีวิตชั้นสูงในจักรวาลหนึ่ง (สิ่งมีชีวิตพวกนั้นมีสติปัญญาอันจำกัด พวกมันพยายามอธิบายจักรวาลแบบงูๆปลาๆตามที่ปัญญาและเครื่องมือที่มันมีอยู่จะทำได้ แต่ก็ถือว่าอธิบายได้ดีระดับหนึ่ง เรื่องน่าหมั่นไส้อย่างหนึ่งก็คือพวกมันขี้ตู่สุดๆ เมื่อพวกมันค้นพบความจริงใหม่ใดๆก็ตาม มันจะตั้งชื่อสิ่งนั้นตามชื่อตัวเอง เช่น กฎของ... ค่าคงที่ของ... เป็นต้น น่าหมั่นไส้ใช่ไหมล่ะ)

5.มีอุบัติเหตุมากมายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการสร้างจักรวาล ดังนั้นเธอควรสร้างจักรวาลภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่ (ถึงแม้จะต้องรบกวนพวกเขาก็ตาม) และทางบริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในกรณีที่มีข้อควรระวังเตือนไว้แล้ว หากเธอมีข้อสงสัยใดๆสามารถโทรสอบถามบริษัทได้จ้ะ (เบอร์โทรอยู่ข้างกล่อง)


เอาล่ะ ถ้าเธอพร้อม เราก็มาเริ่มสร้างจักรวาลกันดีกว่า!




จักรวาลประกอบด้วยอะไรบ้าง

จักรวาลประกอบด้วยอนุภาค 100 กว่าชนิด ซึ่งเกิดจากอนุภาคมูลฐานต่อไปนี้

ควาร์ก (quarks)
เลปตอน (leptons)
แอนติควาร์ก (antiquarks)
แอนติเลปตอน (antileptons)
ตัวกลางของแรง (force carriers)



เรามาดูดีกว่าว่าควาร์กและเลปตอนแบ่งเป็นกี่ชนิด (เธอจะพบว่าชื่อควาร์กและเลปตอนดูทื่อๆไม่มีความหมาย ยึดตามสิ่งมีชีวิตชั้นสูงในจักรวาลหนึ่งตามที่เราว่าไว้)

ควาร์กแบ่งเป็น 6 ชนิด แต่ละชนิดมีคู่แอนติควาร์กของตนเอง ได้แก่ up/down charm/strange top/bottom ซึ่งไม่อยู่อย่างเดี่ยวๆ มันจะรวมกลุ่มกันเรียกว่า Hadrons ซึ่งมีประจุเป็นจำนวนเต็ม ขณะที่ควาร์กเดี่ยวๆมีประจุเป็นเศษส่วน

Hadrons แบ่งเป็นสองชนิดคือ Baryons และ Mesons

Baryons ประกอบด้วย 3 quarks เช่น proton (up-up-down) และ neutron (up-down-down)

Mesons ประกอบด้วย quark+antiquark

เลปตอนมี 6 ชนิดแต่ละชนิดมีคู่แอนติเลปตอนของตนเอง 3 ชนิดมีประจุ อีก 3 ชนิดไม่มี ชนิดที่มีประจุคือ electron tau muon สองตัวหลังมีอัตราการสลายตัวรวดเร็วมากถึงมากที่สุด

ชนิดที่ไม่มีประจุคือ e-neutrino m-neutrino t-neutrino

อนุภาคมูลฐานเหล่านี้มีอันตรกิริยาระหว่างกัน ควาร์กและเลปตอนประกอบกันเป็นอะตอม อะตอมประกอบกันเป็นโมเลกุล โมเลกุลประกอบกันเป็นสสาร สสารประกอบกันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ง่ายแค่นี้เอง




ถ้าเธอยังงงๆอยู่ ฉันจะอธิบายเพิ่มก็ได้ อะตอมประกอบด้วยโปรตอนกับนิวตรอนอยู่รวมกันในนิวเคลียส มีม่านหมอกความน่าจะเป็นของอิเล็คตรอนล้อมรอบ อะตอมที่มีจำนวนโปรตอนไม่เท่ากันเรียกว่าเป็นธาตุคนละชนิดกันและมีคุณสมบัติต่างกัน (สิ่งมีชีวิตชั้นสูงในจักรวาลหนึ่งพยายามจัดหมวดหมู่ธาตุให้เป็นตาราง และบังคับให้ประชากรวัยเด็กของพวกมันท่องจำตารางนี้)





ส่วนคำว่าอันตรกิริยาเป็นชื่อเท่ๆหรูๆที่พวกผู้ใหญ่ชอบใช้กัน ถ้าเธอคิดว่ามันน่าเบื่อชะมัด! เราจะเปลี่ยนมาใช้คำที่ใกล้เคียงกัน (แต่ความหมายไม่เหมือนกันทีเดียวนัก) ก็คือ “แรง”

จักรวาลประกอบด้วยแรง 4 ชนิด

1.แรงดึงดูด (gravity force)
2.แรงแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic force)
3.แรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม (strong nuclear force)
4.แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน (weak nuclear force)


แรงเกิดจากอันตรกิริยา (เราจะพยายามให้คำน่าเบื่อคำนี้ให้น้อยที่สุด) ระหว่างอนุภาคโดยเกิดการแลกเปลี่ยน force carrier particle ระหว่างกัน ถ้าเธอนึกไม่ออก ลองนึกภาพเธอโยนลูกบอลรับส่งกับเพื่อนดูนั่นแหละคล้ายๆกัน

แรงดึงดูด คือแรงที่เกิดขึ้นระหว่างอนุภาคที่มีมวล (แล้วมวลมาจากไหน เพื่อไม่ให้ยุ่งยากเกินไป บริษัทสร้างมวลให้กับอนุภาคแล้วโดยใช้ฮิกส์โบซอน ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องสร้างมันเอง) ใช้กราวิตอนเป็นตัวกลางโยนเล่นกัน

แรงแม่เหล็กไฟฟ้า คือ แรงที่เกิดขึ้นระหว่างอนุภาคที่มีประจุต่างกัน ใช้โฟตอนเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนกัน

แรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม คือ แรงที่ยึดเหนี่ยวให้โปรตอนและนิวตรอนอยู่ร่วมกันในนิวเคลียส ใช้กลูออนเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนกัน

แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน คือ แรงที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยานิวเคลียร์ (ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากเมื่อเธอจะสร้างดาวฤกษ์) การสลายตัวจากธาตุที่ใหญ่กว่าเป็นธาตุที่เล็กกว่า ใช้ W+, W-, Z โบซอนเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนกัน

เอาล่ะ หลังจากเธออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ฉันเชื่อว่าเธอคงจะเหลียวกลับไปดูในกล่องและพบว่าไม่มีอนุภาคที่ว่า หรือแรงใดๆอยู่ในกล่องเลย! เธอคงคิดว่าเราโม้เป็นบ้า ไม่เห็นให้อะไรมาสักอย่าง แล้วจะสร้างจักรวาลได้อย่างไร ...เธอคิดผิดแล้วล่ะหนูน้อย อนุภาคและแรงเหล่านี้เกิดขึ้นทันทีภายหลังเธอจุดระเบิดบิ๊กแบงต่างหากล่ะ!




บิ๊กแบง (Big bang)

บิ๊กแบงคือจุดกำเนิดของจักรวาล (ชื่อบิ๊กแบงเป็นชื่อที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงในจักรวาลหนึ่งตั้งขึ้นมาแบบไร้ตรรกะที่สุด หนึ่งมันไม่บิ๊ก กลับกันการระเบิดนั้นเล็กมากๆ เล็กกว่าอะตอมหรือควาร์กด้วยซ้ำ สองมันไม่แบง การระเบิดจะไม่มีเสียงเนื่องจากยังไม่มีตัวกลางในตอนแรก เห็นไหมว่าคนตั้งชื่อนี้นี่ช่างน่าบ้องหูจริงๆ)

เมื่อเธอจุดระเบิดบิ๊กแบง นั่นคือเธอให้กำเนิดจักรวาลเรียบร้อยแล้ว กาล-อวกาศจะขยายตัวออก อนุภาคต่างๆราว 1079-1089 จะเกิดขึ้น แรงทั้งสี่จะแยกออกจากกัน... เฮ้! รู้อย่างนี้แล้วเธออย่าเพิ่งใจร้อนจุดระเบิดเชียวนะ อ่านคำแนะนำต่อไปให้จบก่อน เชื่อเราเถอะ



หลังบิ๊กแบง

เมื่อเธอจุดระเบิดแล้ว หมายความว่าเธอย้อนกลับไม่ได้แล้ว ชะตากรรมของจักรวาลเริ่มต้นขึ้นโดยมีเธอเป็นผู้กุมมันไว้ เหตุการณ์หลังบิ๊กแบงเป็นสิ่งที่น่าดูน่าชมที่สุดซึ่งเธอไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เธอทำการบ้าน ช่วยคุณแม่ทำงานบ้าน รับประทานอาหาร และจัดการธุระตัวเองให้เสร็จก่อนที่จะจุดระเบิด ช่วงระยะเวลาสั้นๆหลังบิ๊กแบงเป็นช่วงที่สำคัญมากที่เธอต้องเฝ้าดูมันอย่างใกล้ชิดที่สุด

ก่อน 10-43 วินาทีหลังบิ๊กแบง

ช่วงนี้เธอจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย จักรวาลในช่วงนี้ถูกกำหนดค่าเริ่มต้นโดยบริษัทของเรา โดยเราตั้งค่าเริ่มต้นให้จักรวาลมีความสมมาตรแบบสูงสุด (Supersymmetry) แรงทั้งสี่รวมกันเป็นหนึ่ง สสารและปฏิสสารถูกสร้างมาเท่าๆกัน และทั่วทั้งจักรวาลแทบจะยังไม่มีอะไรเลยและรอให้เธอมาเติมเต็ม

10-43 วินาทีหลังบิ๊กแบง

ช่วงนี้เป็นช่วงที่สำคัญมาก เธอต้องจับเวลาให้ตรงที่สุด แล้วทำลายความสมมาตรนั้นเสีย (Symmetry breaking) เธอต้องทำให้สสารและปฏิสสารมีปริมาณไม่เท่ากัน (ทั้งนี้ ขึ้นกับว่าเธออยากสร้างจักรวาลของสสารหรือปฏิสสาร ถ้าเธอจะสร้างจักรวาลของสสารเธอก็ต้องกำหนดให้สสารมีปริมาณมากกว่าปฏิสสารในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เป็นต้น) ถ้าความสมมาตรนี้ไม่พังทลาย จักรวาลของเธอก็จะล่มสลายลงในทันที เนื่องจากสสารและปฏิสสารชนกัน ทำลายล้างทุกสิ่งหมดสิ้น เธอต้องแยกแรงทั้งสี่ออกจากกันเพื่อให้อันตรกิริยาระหว่างสสารเกิดขึ้นในจักรวาล (ทางบริษัทแนะนำให้แยกแรงดึงดูดออกมาก่อนเป็นอันดับแรก)

และในช่วงนี้เองที่จักรวาลจะขยายตัวออกไป ก่อให้เกิดกาล-อวกาศอันไร้ขอบเขต ค่าอัตราการขยายตัวของจักรวาลที่เราแนะนำคือ 1050 เท่า (ทั้งนี้ เธอสามารถปรับค่าการขยายตัวของจักรวาลได้โดยดูหัวข้อ ฉันจะปรับอัตราการขยายตัวของจักรวาลได้อย่างไร)

อ้อในช่วงนี้ อุณหภูมิของจักรวาลจะสูงถึง 1032 องศาเคลวิน ดังนั้นอย่าได้แตะมันเชียว (เตือนผู้ปกครองของเธอด้วยนะ พวกเขาอาจอดใจไม่อยู่)

10-34 วินาทีหลังบิ๊กแบง

จักรวาลเย็นลงมาเล็กน้อยเหลือ 1027 องศาเคลวิน รูปร่างมันจะเหมือนซุปพลาสม่าร้อนๆของควาร์ก เลปตอนและอนุภาคตัวกลางของแรงทั้งหลาย ที่หลงเหลือจากการชนกันของสสารและปฏิสสาร เธอต้องค่อยๆปรับอุณหภูมิที่ลงซึ่งจะทำให้ควาร์กรวมตัวกันเป็นโปรตอน นิวตรอนได้ในที่สุดเอาล่ะ เธอสร้างองค์ประกอบของอะตอมได้แล้ว! ดีใจด้วยนะ

4.3 นาทีหลังบิ๊กแบง

ขั้นตอนนี้คือการสร้างอะตอม อุณหภูมิที่เธอค่อยๆปรับลดลงจะทำให้เกิดการรวมตัวของอนุภาคมูลฐานเป็นอะตอมในที่สุด แต่ในขั้นนี้เธอจะสร้างได้แต่อะตอมที่มีเลขอะตอม (เลขอะตอม-เลขที่บ่งบอกถึงจำนวนโปรตอนในอะตอมนั้น) ไม่เกิน 5 นะ เช่น Hydrogen Helium Lithium เป็นต้น แล้วธาตุที่หนักกว่านี้ล่ะ! เอาล่ะใจเย็นๆก่อนนะ เราจะพูดถึงการสร้างธาตุหนักในเวลาต่อไปนะ

จักรวาลตอนนี้ยังไม่สวยนัก (และใช้เวลาอีกนานทีเดียวกว่ามันจะดูดี ดังนั้นเธออย่าเพิ่งรีบโยนมันทิ้งเสียล่ะ) ค่อนข้างขุ่นมัว มีแสงเพียงเล็กน้อยจากอิเล็คตรอนอิสระ

380,000 ปีหลังบิ๊กแบง

ช่วงนี้จักรวาลเย็นตัวลงถึง 3000 องศาเคลวิน อะตอมต่างๆจึงมีสเถียรภาพไม่แตกสลายและกลับมารวมตัวใหม่วนไปวนมาอีกต่อไป โฟตอนสามารถวิ่งไปได้ทั่วจักรวาลอย่างอิสระปราศจากสิ่งดูดซับ ดังนั้นช่วงนี้จักรวาลจึงเริ่มใส และเธอก็สามารถเห็นองค์ประกอบอะไรๆได้มากขึ้นแล้ว

ล้านล้านปีหลังบิ๊กแบง

ตอนนี้ล่ะที่สนุกที่สุด! เธอสามารถสร้างดวงดาว กาแล็กซี่ และทุกสิ่งทุกอย่างได้แล้ว แล้วจะรอช้าทำไม ลุยเลย!




ฉันจะปรับอัตราการขยายตัวของจักรวาลได้อย่างไร

จักรวาลของเธอจะไม่มีค่าหากมันไม่ขยายตัว แน่นอนเธอจะสร้างดวงดาว ระบบสุริยะ กาแล็กซี่ หรืออะไรต่อมิอะไรได้อย่างไร หากไม่มีพื้นที่ให้มันอยู่! ดังนั้นเธอต้องจัดการให้จักรวาลขยายตัวซะตามที่เรากล่าวไปแล้ว

การขยายตัวของจักรวาลขึ้นกับ 2 ตัวแปรหลัก

1. Omega คือความหนาแน่นเฉลี่ยของสสารทั้งหมดในจักรวาล
2. Lamda คือพลังงานมืดซึ่งผลักดันให้จักรวาลขยายตัว


เธอต้องปรับสองค่านี้ให้เหมาะสม ค่าการขยายตัวนี้ไม่จำเป็นต้องคงที่ เธอสามารถปรับแต่งมันได้ในภายหลัง รวมถึงเมื่อเธอเบื่อจักรวาลแล้วและอยากให้มันถึงจุดจบ

หากเธอตั้งค่าทั้งสองให้สูงเกินไป จักรวาลจะยุบตัวลงและระเบิดในที่สุด (Big crunch) เป็นจุดจบอย่างแท้จริง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสร้างมาจะสูญไปหมดสิ้น ควรปรึกษาผู้ปกครองก่อนที่เธอจะทำมัน มิฉะนั้น ท่านอาจจะตำหนิเธอได้ว่าไม่รู้จักรักษาของเล่นของตัวเอง

หากเธอตั้งค่าทั้งสองให้ต่ำเกินไป จักรวาลจะขยายอย่างรวดเร็วและไม่มีที่สิ้นสุด กาแล็กซี่ทั้งหมดจะแยกจากกัน อุณหภูมิจะลดลงจนถึงจุดเยือกแข็งสมบูรณ์ (Big freeze) ทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดเคลื่อนที่ในที่สุด จักรวาลจะถูกแช่แข็งชั่วนิรันดร์




ฉันจะสร้างดาวฤกษ์ได้อย่างไร

ความสวยงามของจักรวาลคือดาวฤกษ์ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสง ความร้อน และธาตุหนักต่างๆที่เธอจำเป็นต้องใช้ในการสร้างดาวเคราะห์ ดังนั้นเธอจะอวดจักรวาลกับเพื่อนๆได้ด้วยดาวฤกษ์นี่แหละ

เริ่มต้นเธอต้องรวบรวมก๊าซไฮโดรเจนให้มากพอ จับมันมาหมุนวนจนได้เป็นลูกกลมๆขนาดใหญ่พอเหมาะเรียกว่า protostar จากนั้น แรงดึงดูดทำให้กลุ่มก๊าซเหล่านี้หดตัวและเพิ่มความเร็วในการหมุนวน ซึ่งทำให้อุณหภูมิ ณ ใจกลางสูงขึ้นเป็นหลักล้านองศาเคลวิน (ดังนั้นอย่าเอามือไปแตะ!)

ที่อุณหภูมิ ณ ใจกลาง จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น หลอมไฮโดรเจนได้เป็นฮีเลียมและได้พลังงานความร้อนออกมาอย่างมหาศาล เท่านี้เธอก็ได้ดาวฤกษ์แล้ว! พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวกำหนดสีของดาวฤกษ์นั้น

ดาวที่มีแสงสีฟ้ามีความร้อนสูงที่สุด มันมีค่าอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 45,032 F
ดาวที่มีแสงสีขาวมีค่าอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10,832 F
ดาวที่มีแสงสีเหลืองมีค่าอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 8,540 F
ดาวที่มีแสงสีแดงมีความเย็นมากที่สุด มันมีค่าอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 4,940 F




จุดจบของดาวฤกษ์

เมื่อมีจุดเริ่มต้นก็ต้องมีจุดจบ ความตายของดาวฤกษ์จะให้กำเนิดดาวเคราะห์

เมื่อดาวฤกษ์ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงจนเกือบจะหมด มันจะหันมาใช้ฮีเลียมเผาไหม้แทน การรวมตัวของฮีเลียมภายในใจกลางดาวฤกษ์จะทำให้ได้ธาตุที่หนักมากขึ้น ขณะที่เปลือกนอกของดาวฤกษ์ก็จะขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นดาวยักษ์สีแดง สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาขึ้นอยู่กับว่าดาวฤกษ์ที่เธอสร้างเริ่มต้นมีขนาดใหญ่แค่ไหน

1. สำหรับดาวฤกษ์ขนาดปานกลาง เมื่อพลังงานของดาวยักษ์สีแดงหมดลง ก็จะเหลือแต่แกนกลางที่เรียกว่าดาวแคระขาว

2. สำหรับดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ เมื่อพลังงานของดาวยักษ์สีแดงหมดลง แกนกลางก็จะเริ่มเย็นลง และไม่สามารถผลิตความร้อนออกมาสมดุลกับแรงดึงดูดได้ จึงทรุดตัวลง ทำให้เปลือกชั้นนอกอุ่นขึ้น และระเบิดออกอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเป็นซูเปอร์โนวา (Supernova) ซูเปอร์โนวาเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญมาก แรงระเบิดจะสาดเอาธาตุหนักต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นและเป็นองค์ประกอบของดาวเคราะห์สาดไปทั่วจักรวาล

อ้อ! สิ่งที่เหลือจากซุเปอร์โนวา เธออาจจะได้ดาวนิวตรอน เป็นดาวที่มีขนาดเล็กมากแต่ความหนาแน่นสูงมาก ขนาดที่ว่าเนื้อสสารของดาวหนึ่งช้อนชาอาจมีน้ำหนักถึงหนึ่งพันล้านตัน แต่ความเห็นของเราคิดว่า มันก็ไม่น่าสนใจนักหรอก

3. สำหรับดาวฤกษ์ขนาดยักษ์ เมื่อพลังงานของดาวยักษ์สีแดงหมดลงและเกิดการยุบตัว แรงดึงดูดที่มหาศาลจะทำให้ดาวยุบตัวลงถึงจุดวิกฤตและระเบิดซูเปอร์โนวา สิ่งที่หลงเหลือคือดาวนิวตรอนที่มีมวลและขนาดเกินวิกฤต (รัศมีของดาวมากกว่า Schwarzschild radius) แรงดึงดูดที่เกิดจากดาวจะสูงมากจนมันยุบตัวลงอย่างไม่สิ้นสุด กลืนกินทุกอย่างที่อยู่บริเวณรอบข้างแม้แต่แสงก็ไม่อาจหนีพ้น ดังนั้นเราจึงเรียกมันว่าหลุมดำ (Black hole)

น่าสนใจใช่ไหม...หลุมดำยิ่งมีปริศนาอีกมากที่เราจะอุบไว้ ให้เธอลองสร้างมันขึ้นมาเพื่อหาคำตอบด้วยตนเอง เป็นต้นว่าเธอรู้หรือไม่ว่าขอบหลุมดำ (ขอบฟ้าเหตุการณ์) ณ ที่แห่งนั้นเวลาจะหยุดนิ่ง หรือหลุมดำอาจเป็นทางเปิดไปสู่จักรวาลของคนอื่นได้




ฉันจะสร้างดาวเคราะห์ได้อย่างไร

ถ้าเธอสร้างดาวฤกษ์ได้แล้ว การสร้างดาวเคราะห์ก็ไม่ยากเลย แค่เอาธาตุหนักๆจำพวกโลหะ คาร์บอน ไนโตรเจน ออกซิเจน ที่ได้จากการระเบิดซูเปอร์โนวามารวมตัวกันด้วยแรงแม่เหล็กไฟฟ้าและแรงดึงดูด เธอก็จะได้ก้อนกลมๆของดาวเคราะห์แบเบาะ แนะนำว่าเธอควรจะให้มันเกิดใกล้กับดาวฤกษ์และสร้างเป็นระบบสุริยะ ด้วยวิธีนี้ดาวเคราะห์ของเธอจะมีเสถียรภาพ ไม่ลอยคว้างไปในอวกาศเหมือนเศษขยะ




ฉันจะสร้างสิ่งมีชีวิตได้อย่างไร

คำเตือน: ความยากอยู่ในระดับโหด

หากเธอคิดจะสร้างสิ่งมีชีวิต เราแนะนำว่าเธอจะต้องใจเย็นอย่างมาก เพราะการสร้างสิ่งมีชีวิตอาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดในการสร้างจักรวาล (ทั้งนี้เรามีสารพันธุกรรมเริ่มต้นแถมมาให้สำหรับคนที่ใจร้อน ซึ่งเธอแค่เอาสารพันธุกรรมดังกล่าวติดกับก้อนหินเล็กๆสักก้อนหนึ่ง แล้วหย่อนให้ตกลงไปในดาวเคราะห์ที่เหมาะสม สิ่งมีชีวิตชั้นสูงในจักรวาลหนึ่งเรียกการกำเนิดชีวิตด้วยวิธีนี้ว่า Panspermia theory)

อันดับที่หนึ่ง เธอต้องเลือกสถานที่เหมาะสม เธอต้องเลือกระบบสุริยะที่น่าอยู่ ระบบดาวฤกษ์เดี่ยวหรือดาวฤกษ์คู่นั้นน่าสนใจทั้งคู่ ดาวเคราะห์จะเป็น “โลก” ควรอยู่ห่างจากดาวฤกษ์อย่างเหมาะสม หากอยู่ใกล้เกินไป ดาวเคราะห์จะมีอุณหภูมิสูงเกินไปจนไม่อาจกักเก็บของเหลวไว้ได้และไม่เกิดชั้นบรรยากาศ ขณะเดียวกันถ้าอยู่ไกลเกินไปก็จะหนาวเย็นจนปฏิกิริยาเคมีของสิ่งมีชีวิตไม่เกิด

อันดับที่สอง ดาวเคราะห์ต้องเหมาะสม มันควรจะมีชั้นบรรยากาศเพื่อปกป้องสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอของเธอจากอันตรายในอวกาศ สนามแม่เหล็กของดาวเคราะห์ต้องพอเหมาะ ธาตุประกอบในดาวเคราะห์ก็ต้องเหมาะสมกับชีวเคมีของสิ่งมีชีวิต

อันดับสาม สิ่งแวดล้อมต้องเหมาะสม เธอไม่ควรสร้างโลกใกล้ๆกับหลุมดำ ดาวนิวตรอน ฝูงดาวเคราะห์น้อยที่พร้อมจะตกลงสู่โลกได้ทุกเมื่อ หรือไม่ควรวางโลกอยู่ในกาแล็กซี่ที่กำลังจะชนกับกาแล็กซี่อื่น

อันดับสุดท้าย เวลา การที่เธอจะสร้างสิ่งมีชีวิตนั้น เธอต้องมีเวลามากพอ อาจจะมากจนเธอไม่มีเวลาทำการบ้านปิดเทอมเลยล่ะ เธอต้องสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิต บ่มเพาะชีวโมเลกุลในทะเล ค่อยๆดูพวกมันรวมกลุ่มกันเป็นเซลล์ เพิ่มจำนวน กลายพันธุ์นับล้านครั้ง ถ่ายทอดสารพันธุกรรมไปอย่างไม่สิ้นสุด (ทางบริษัทได้ตั้งค่าอัตราการวิวัฒนาการไว้แล้ว ในกรณีที่เธอใช้สารพันธุกรรมของบริษัท) นี่ยังไม่นับว่าหากเธอต้องการสร้างสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา ค่าเฉลี่ยในการลองผิดลองถูกอยู่ที่การสูญพันธ์ใหญ่ประมาณ 5 ครั้ง (หมายความว่าเธอต้องลองผิดลองถูก ทำให้สิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์ไปเกือบทั้งหมด ปล่อยให้พวกมันวิวัฒนาการใหม่ ทำให้มันสูญพันธุ์ วนไปมาอย่างนี้อย่างน้อย 5 ครั้งจึงจะได้สิ่งมีชีวิตทรงปัญญา)







สุดท้าย

ยังมีหลายสิ่งที่ทางบริษัทบอกไม่หมดเกี่ยวกับการสร้างจักรวาล ทั้งนี้เพื่อให้เธอค้นหาความสนุกด้วยตนเอง เช่น สสารมืด รูหนอนอวกาศ การย้อนเวลา การบิดโค้งกาล-อวกาศ จะทิ้งร่องรอยการดำรงอยู่ของเธอให้สิ่งมีชีวิตทรงปัญญารับรู้ได้อย่างไร ฯลฯ

เราหวังว่าเธอจะสนุกกับของเล่นของบริษัทเรา และหวังว่าเธอจะเพลิดเพลินกับของเล่นอื่นๆในชุด “ทำเองก็ได้ ง่ายจัง!” ชุดอื่นด้วยเช่นกัน

ขอบคุณ

Cryptomnesia .Inc




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2552 11:06:17 น.
Counter : 3318 Pageviews.  

[Olbers' Paradox] ทำไมพื้นจักรวาลจึงเป็นสีดำ

คำถามของ Heinrich Wilhelm Olbers นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัณในศตวรรษที่ 17 นี้ช่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

Olbers ตั้งคำถามว่า

"จักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด ดวงดาวต่างๆก็มีมากมายไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมพื้นจักรวาลจึงเป็นสีดำ แทนที่จะสว่างกระจ่างนวลไปด้วยแสงสะท้อนจากดารานับอนันต์"



มีคำตอบมากมายสำหรับ paradox นี้ ประมาณการณ์ว่า หนังสือดาราศาสตร์ในยุคนั้นตอบคำถามนี้ผิดราวๆ 70 เปอร์เซ็นต์

ถามว่า คำตอบของ paradox นี้คืออะไร? (แน่นอนคำตอบนั้นก็ช่างเรียบง่ายเช่นเดียวกับคำถาม)

และคำถามที่สอง ใครเป็นคนแรกที่ตอบคำถามนี้ได้? (เป็นคนที่คาดไม่ถึงเชียวล่ะ)


Ps. คำถามนี้ผมได้มาจากหนังสือ Parallel worlds ของ Michio Kaku ที่เพิ่งไปสอยมาจากร้านคิโนะ เนื่องจากเกิดกิเลสอยากอ่านมานานแล้ว ซื้อมาแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เขียนดีมากๆครับ อ่านไม่ยากอย่างที่คิด เหมาะกับคนที่ภาษาอังกฤษและความรู้ทางจักรวาลวิทยาอ่อนด้อยเช่นผม เนื้อหาก็ทันสมัยมาก (ตีพิมพ์ 2005) เป็นหนังสือที่แนะนำให้อ่านอย่างยิ่งครับ



เฉลย

1.เอกภพไม่ได้ดำรงอยู่มาเป็นนิรันดร์ ตรงกันข้ามมันเพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน ดังนั้นแสงสว่างจากทั่วทั้งจักรวาลจึงยังเดินทางมาไม่ถึงเรา

2.Edgar Allan Poe นักเขียนนิยายแนวสืบสวนและแนวสยองขวัญได้พรรณนาไว้ดังนี้

Were the succession of stars endless, then the background of the sky would present us an uniform luminosity, like that displayed by the Galaxy - since there could be absolutely no point, in all that background, at which would not exist a star. The only mode, therefore, in which, under such a state of affairs, we could comprehend the voids which our telescopes find in innumerable directions, would be by supposing the distance of the invisible background so immense that no ray from it has yet been able to reach us at all.



Eureka: A Prose Poem




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2551 12:44:18 น.
Counter : 2161 Pageviews.  

แสงแดดก็ทำให้เราจามได้

คนประมาณ 11-37% ในโลกนี้มีอาการจามเมื่อมองแดดจ้า เรียกว่า Photic sneeze reflex เป็นลักษณะถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่พบได้ในประชากรส่วนหนึ่ง



กลไกที่เป็นไปได้คือ มีความผิดปกติบางอย่างที่ trigeminal nerve ซึ่งควบคุมการรับความรู้สึกบนใบหน้าอันประกอบด้วย

ophthalmic nerve, maxillary nerve, mandibular nerve



สำหรับผู้ที่มี Photic sneeze reflex เชื่อว่าเกิดการผิดปกติของ ophthalmic nerve ซึ่งไวกว่าปกติ และตอบสนองต่อแสงแดดกระตุ้นให้เกิดการจามซึ่งรับผิดชอบการจาม ผู้ที่มี Photic sneeze reflex เมื่อดวงตาได้รับแสงแดด จะกระตุ้นให้เกิดการจาม

ในผู้ที่มี Photic sneeze reflex ยังพบว่ามักมีการจามเมื่อได้กลิ่นฉุนๆอย่างเช่น หมากฝรั่งรสมินต์

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กระทู้นี้ได้พิสูจน์แล้ว
//www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7060722/X7060722.html



References

//en.wikipedia.org/wiki/Photic_sneeze_reflex

//www.madsci.org/posts/archives/aug97/865380242.Me.r.html

//photicsneeze.com/

//www.umanitoba.ca/cranial_nerves/trigeminal_neuralgia/manuscript/anatomy.html




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2551    
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 20:57:19 น.
Counter : 6442 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]






....โลกมนุษย์นี้ไม่มีที่แน่นอน
ประเดี๋ยวเย็นประเดี๋ยวร้อนช่างแปรผัน
โชคหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้ทุกวัน
สารพันหาอะไรไม่แน่นอน
ชีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่
ต้องต่อสู้แรงลมประสมคลื่น
ต้องทนทานหวานสู้อมขมสู้กลืน
ต้องจำฝืนสู้ภัยไปทุกวัน
เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน
เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์
แต่คนที่ควรชมนิยมกัน
ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา


พันตรีหลวงวิจิตรวาทการ





เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา
จงเลือกเอาสิ่งที่ดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู
เรื่องที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนที่มีดีเพียงส่วนเดียว
อย่าเที่ยวเสาะหาสหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเล่าเอย
ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง

หลวงพุทธทาส





ชีวิตใกล้ปัจฉิมวัย ไม่เป็นไปตามแผนการเมื่อปฐมวัย อะไรที่ยิ่งใหญ่เมื่อเช้า เป็นของเล็กน้อยเมื่อเย็น อะไรที่เป็นสัจจะเมื่อแดดจ้า กลายเป็นมายาเมื่อยามพลบ

We cannot live the afternoon if life
according to the program on life’s morning; for what was great in the morning will be little at evening, and what in the morning was true will at evening have become a lie.



C.G. Jung.




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.