50 สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี (1-10)
นิตยสารไทม์ได้จัดอันดับ 50 สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี
1. The Retail DNA Test
เทคโนโลยีการตรวจรหัสดีเอ็นเอส่วนบุคคล ของบริษัท ทเวนตีทรีแอนด์มี (23andMe) ก็ยังได้รับการเลือกให้เป็นสิ่งประดิษฐ์แห่งปี (Invention of the Year) ในการจัดอันดับสุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2008 ของนิตยสารไทม์ (TIME's Best Inventions of 2008)
23andMe เป็นธุรกิจที่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นโดยแอนน์ โวจิสคี (Anne Wojcicki : Wo-jis-key) และลินดา เอวี (Linda Avey) เพื่อดำเนินการตรวจรหัสดีเอ็นเอส่วนบุคคลของลูกค้าที่เข้ารับบริการ ผ่านการตรวจวิเคราะห์จากตัวอย่างน้ำลายของลูกค้าเพียงเล็กน้อย ก็จะได้ข้อมูลที่บ่งบอกสถานะทางพันธุกรรมของตนเองมากกว่า 90% รวมทั้งรู้ว่าเรามีความเสี่ยงต่อโรคบางโรคที่เป็นผลมาจากพันธุกรรมได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งถูกเก็บไว้ในรูปแบบดิจิทัล (the digital manifestation of you) ที่เจ้าของข้อมูลต้องมีรหัสผ่านเข้าไปดูได้ในฐานข้อมูล ใครที่อยากใช้บริการนี้ก็สามารถสั่งซื้อชุดเก็บตัวอย่างน้ำลายจาก 23andMe ได้ในราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 14,000 บาท) ทั้งทางออนไลน์และไปรษณีย์ แล้วส่งตัวอย่างกลับไปตรวจในห้องแล็บ เพียงเท่านี้ก็สามารถรู้ข้อมูลพันธุกรรมของตัวเองได้ไม่ยาก ธุรกิจนี้ของ 23andMe จึงนับว่าเข้าถึงประชาชนได้ง่ายและค่าใช้จ่ายไม่แพงมากจนเกินไป อย่างไรก็ดี ขณะนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของจีโนมส่วนบุคคล ที่จะปฏิวัติวงการแพทย์ การรักษาพยาบาล และการดูแลสุขภาพที่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลพันธุกรรมของแต่ละคน ที่จะกลายเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนคนนั้นด้วย ในอดีตมีเพียงนักวิจัยระดับหัวกะทิหรืออภิมหาเศรษฐีกระเป๋าตุงเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้รับรู้ข้อมูลพันธุกรรมของตัวเอง แต่ตอนนี้ 23andMe ก็ทำให้ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปเข้าถึงข้อมูลดีเอ็นเอของตนได้ไม่ยากในราคาที่เขาสามารถจ่ายได้สบาย จึงได้รับเลือกจากไทม์ให้ครองตำแหน่งสุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2008 จนได้ในที่สุด
2. The Tesla Roadster
โดยทั่วไปรถไฟฟ้ามักจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เงียบและสะอาด แต่ปราศจาก "ความเซ็กซี่" ข้อเท็จจริงที่ว่าใช้ไม่ได้กับ "เทสลาโรดสเตอร์" (The Tesla Roadster) รถไฟฟ้าเปิดประทุนที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการเทคโนโลยีสะอาด นับแต่มีการป่าวประกาศถึงรถยนต์สะอาดนี้เมื่อปี 2546 รถสปอร์ตสุดเซ็กซี่นี้วิ่งด้วยพลังงานแบตเตอรีด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านบาท ซึ่งคนเด่นคนดังอย่าง จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) ได้เข้าร่วมอยู่ในรายชื่อผู้จองอันยาวเหยียดกับเขาด้วย และรถไฟฟ้าสปอร์ตคันแรกได้ส่งถึงลูกค้าในปี 2551 นี้รถสปอร์ตที่ใช้แต่พลังงานไฟฟ้า 100% สามารถชาร์ตพลังงานได้ทุกที่ จะที่บ้าน หรือทุกที่ที่มีปลั๊กไฟ มันสามารถวิ่งได้ระยะทาง 244 ไมล์ ต่อ การชาร์ต 1 ครั้ง โดยที่แบตเตอรี่ 1 ชุด มีอายุการใช้งานระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ 100,000 ไมล์
3. The Lunar Reconnaissance Orbiter
ยานอวกาศไร้มนุษย์ที่จะเดินทางไปยังดวงจันทร์ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2009 (ห่างจากครั้งล่าสุดถึง 11 ปี) ในครั้งนี้ไม่ใช่ข้อมูลทั่วไปของดวงจันทร์ (พื้นผิว อุณหภูมิ บรรยากาศ) จะได้รับการสำรวจ ยานอวกาศจะตรวจสอบน้ำแข็งบนดวงจันทร์ แผนที่สามมิติของดวงจันทร์และร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอีกด้วย! (นาซ่ามีแผนที่จะส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์อีกครั้งหลังโครงการนี้เสร็จสิ้น แถมยังแอบเหน็บอีกด้วยว่าคราวที่แล้ว เราได้ไปเหยียบดวงจันทร์จริงๆนะ :-P)
4. Hulu.com
Hulu.com เว็บไซต์บริการวิดีโอออนไลน์คุณภาพสูง โดยเสนอรายการทีวี ภาพยนตร์ หรือคลิปวิดีโอที่ได้รับความนิยม คอนเทนต์ส่วนใหญ่มาจากรายการช่วงเวลาไพรมไทม์ที่ฉายในสหรัฐ เช่น Fox, NBC, MGM, Sony, Warner Brothers และสถานีชื่อดังอื่นๆ รวมถึงรายการเก่าที่นำกลับมาฉายซ้ำใหม่ หรือแม้แต่ภาพยนตร์เรื่องยาว พร้อมชูคุณสมบัติคอนเทนต์ความละเอียดสูงเป็นจุดขายนอกจากนี้ Hulu ยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกหรือแชร์วิดีโอที่ต้องการให้กับเพื่อนคนอื่นได้ขณะที่เรากำลังชมอยู่ได้ โดย Hulu จะเปิดให้บริการฟรีแก่ผู้ชมทั่วไป แต่จำกัดพื้นที่เฉพาะในสหรัฐเท่านั้น Hulu ก่อตั้งขึ้นในเดือน มี.ค.2550 มีผู้ร่วมทุนระหว่าง NBC Universal และ News Corp โดยจุดประสงค์ของ Hulu คือ เป็นแหล่งเก็บรวบรวมโปรแกรมรายการคุณภาพสูงแบบออนดีมานด์ผ่านทางออนไลน์
5. The Large Hadron Collider
เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (The Large Hadron Collider: LHC) เครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ของเซิร์น (CERN) หรือองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) ซึ่งจะส่งโปรตอนให้วิ่งวนเป็นวงกลมสวนทางกันที่ความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง จากนั้นชนกันวินาทีละ 6,000 ครั้ง เพื่อค้นคำตอบพื้นฐาน อย่างเช่น "มวลมีอยู่ได้อย่างไร?" หรือ "เอกภพมีมิติพิเศษหรือไม่?" เป็นต้น แม้ว่าจะเครื่องเร่งอนุภาคนี้ได้เริ่มทดลองเดินเครื่องยิงลำแสงแรกไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และเดินเครื่องหลังจากนั้นได้เพียง 10 ก็ต้องหยุดเดินเครื่องไปอย่างน้อยจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า แต่จะเป็นไรไปหากต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยก่อนที่จะค้นหาความจริงกันต่อ
6. The Global Seed Vault
เพื่อเป็นการรับมือวันดับโลก นักชีววิทยาได้กักตุนเมล็ดพันธุ์พืชแช่แข็งไว้ในโดมที่ขั้วโลกเหนือ เพื่อให้เป็นแหล่งสุดท้ายหากวันหนึ่งโลกนี้อาจไม่มีเมล็ดพันธุ์พืช ไม่มีอาหาร ในมหาสมุทรอาร์กติกที่หนาวเย็น ปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาชั่วนาตาปี บริเวณที่เรียกว่า หมู่เกาะ Svalbard ในประเทศนอร์เวย์นี่เอง ที่เป็นที่ตั้งของโดมที่ใช้เก็บเมล็ดพืชพันธุ์ ธัญญาหารที่เรียก Svalbard Global Seed Vault หรือถูกเรียกล้อกันในนาม Doomsday Vault หรือ doomsday seed bank ซึ่งแปลเป็นไทยให้เห็นภาพว่า โดมเมล็ดพันธุ์ วันสิ้นโลก หากวันหนึ่งพืชพันธุ์ ธัญญาหารต้องมาถึงจุดจบ
เมล็ดพืชพันธุ์ทั้งหมดที่เก็บนี้ เป็นเมล็ดพืชพันธุ์ ธัญญาหารทุกชนิดที่มนุษย์ในปัจจุบันใช้เป็นอาหาร และมาจากตัวอย่างเมล็ดพืชพันธุ์ชั้นดีที่เก็บได้จากทุกประเทศทั่วโลกในสภาพดั้งเดิม เมล็ดพันธุ์จะถูกห่อหุ้มอย่างหนาแน่นเพื่อกันความชื้น และเก็บที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส
ตัวโดม ปัจจุบันเก็บตัวอย่างเมล็ดพันธุ์กว่า 1400 ชนิดและคาดว่าจะรวบรวมได้ถึง 3 ล้านชนิดจากทั่วโลก ในพื้นที่ที่สามารถบรรจุเมล็ดพืชได้กว่า 3 ชั่วอายุคนก็ยังไม่เต็ม หากเทียบขนาดความจุของโดมกับการนำมาใช้ประกอบอาหารก็เทียบเป็นปริมาณที่สามารถนำมาใช้เลี้ยงคนในเวลา 1 มื้อได้จำนวน 4.5 ล้านคนทีเดียว
7. The Chevy Volt
รถพลังงานไฟฟ้าอีกหนึ่งคันครับ กำหนดออกวางตลาดปี 2010 ผมว่าสวยกว่า Tesla Roadster นะ แต่ชาร์จครั้งหนึ่งวิ่งได้แค่ 65 km ผลิตโดยบริษัท General Motor ของสหรัฐอเมริกาซึ่งกล่าวว่า 80% ของผู้ใช้รถในสหรัฐฯขับรถโดยเฉลี่ยวันหนึ่งไม่เกิน 40 ไมล์ (65 km) ...อืม มันจะไม่พอดีเป๊ะไปหน่อยเหรอครับ (อันที่จริงแล้วคือเมื่อหมด 65 km ก็จะหันไปสันดาปพลังงานโดยใช้ไฮโดรคาร์บอนเหมือนเดิมครับ)
8. Bullets That Shoot Bullets
อาวุธสงครามสุดเท่ เล็งเป้าหมายไปยังกระสุนปืนที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมา ไม่มีคำอธิบายดีเท่ารูปครับ
9. The Orbital Internet
ระบบอินเตอร์เนตสำหรับติดต่อสื่อสารกันบนอวกาศครับ -_- คนเขียน protocol นี่ก็เก่งจริงๆนะ
10. The World's Fastest Computer
เครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกในปัจจุบัน มีชื่อว่า Roadrunner ซึ่งสร้างโดย IBM และวิศวกรของ Los Alamos โดยมันมีพลังในการคำนวณในระดับ petaflop (1,000 trillion operations ต่อวินาที) หรือเทียบเท่าเครื่องแล็บท็อปที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน 100,000 เครื่อง เป้าประสงค์เพื่อจำลองอัตราการสลายตัวของกัมมันตรังสีในอาวุธนิวเคลียร์
ข้อมูลอ้างอิง
นิตยสาร TIMES, เว็บเมเนเจอร์, teslamotors, NewSpoke.com, เว็บวิชาการ.คอม
Create Date : 09 ธันวาคม 2551 | | |
Last Update : 9 ธันวาคม 2551 20:40:22 น. |
Counter : 3246 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[Olbers' Paradox] ทำไมพื้นจักรวาลจึงเป็นสีดำ
คำถามของ Heinrich Wilhelm Olbers นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัณในศตวรรษที่ 17 นี้ช่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง
Olbers ตั้งคำถามว่า
"จักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด ดวงดาวต่างๆก็มีมากมายไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมพื้นจักรวาลจึงเป็นสีดำ แทนที่จะสว่างกระจ่างนวลไปด้วยแสงสะท้อนจากดารานับอนันต์"
มีคำตอบมากมายสำหรับ paradox นี้ ประมาณการณ์ว่า หนังสือดาราศาสตร์ในยุคนั้นตอบคำถามนี้ผิดราวๆ 70 เปอร์เซ็นต์
ถามว่า คำตอบของ paradox นี้คืออะไร? (แน่นอนคำตอบนั้นก็ช่างเรียบง่ายเช่นเดียวกับคำถาม)
และคำถามที่สอง ใครเป็นคนแรกที่ตอบคำถามนี้ได้? (เป็นคนที่คาดไม่ถึงเชียวล่ะ)
Ps. คำถามนี้ผมได้มาจากหนังสือ Parallel worlds ของ Michio Kaku ที่เพิ่งไปสอยมาจากร้านคิโนะ เนื่องจากเกิดกิเลสอยากอ่านมานานแล้ว ซื้อมาแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย เขียนดีมากๆครับ อ่านไม่ยากอย่างที่คิด เหมาะกับคนที่ภาษาอังกฤษและความรู้ทางจักรวาลวิทยาอ่อนด้อยเช่นผม เนื้อหาก็ทันสมัยมาก (ตีพิมพ์ 2005) เป็นหนังสือที่แนะนำให้อ่านอย่างยิ่งครับ
เฉลย
1.เอกภพไม่ได้ดำรงอยู่มาเป็นนิรันดร์ ตรงกันข้ามมันเพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน ดังนั้นแสงสว่างจากทั่วทั้งจักรวาลจึงยังเดินทางมาไม่ถึงเรา
2.Edgar Allan Poe นักเขียนนิยายแนวสืบสวนและแนวสยองขวัญได้พรรณนาไว้ดังนี้
Were the succession of stars endless, then the background of the sky would present us an uniform luminosity, like that displayed by the Galaxy - since there could be absolutely no point, in all that background, at which would not exist a star. The only mode, therefore, in which, under such a state of affairs, we could comprehend the voids which our telescopes find in innumerable directions, would be by supposing the distance of the invisible background so immense that no ray from it has yet been able to reach us at all.
Eureka: A Prose Poem
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2551 | | |
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2551 12:44:18 น. |
Counter : 2161 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แสงแดดก็ทำให้เราจามได้
คนประมาณ 11-37% ในโลกนี้มีอาการจามเมื่อมองแดดจ้า เรียกว่า Photic sneeze reflex เป็นลักษณะถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่พบได้ในประชากรส่วนหนึ่ง
กลไกที่เป็นไปได้คือ มีความผิดปกติบางอย่างที่ trigeminal nerve ซึ่งควบคุมการรับความรู้สึกบนใบหน้าอันประกอบด้วย
ophthalmic nerve, maxillary nerve, mandibular nerve
สำหรับผู้ที่มี Photic sneeze reflex เชื่อว่าเกิดการผิดปกติของ ophthalmic nerve ซึ่งไวกว่าปกติ และตอบสนองต่อแสงแดดกระตุ้นให้เกิดการจามซึ่งรับผิดชอบการจาม ผู้ที่มี Photic sneeze reflex เมื่อดวงตาได้รับแสงแดด จะกระตุ้นให้เกิดการจาม
ในผู้ที่มี Photic sneeze reflex ยังพบว่ามักมีการจามเมื่อได้กลิ่นฉุนๆอย่างเช่น หมากฝรั่งรสมินต์
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กระทู้นี้ได้พิสูจน์แล้ว //www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7060722/X7060722.html
References
//en.wikipedia.org/wiki/Photic_sneeze_reflex
//www.madsci.org/posts/archives/aug97/865380242.Me.r.html //photicsneeze.com/
//www.umanitoba.ca/cranial_nerves/trigeminal_neuralgia/manuscript/anatomy.html
Create Date : 07 ตุลาคม 2551 | | |
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 20:57:19 น. |
Counter : 6442 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
มีชีวิตบนดาวอังคารหรือเปล่านะ
|
|
|
|
|
|
|
|
|