๑ สิ่งเหล่าใดเกิดมาเพราะมีเหตุทำให้เกิด พระตถาคตเจ้าแสดงเหตุของสิ่งเหล่านั้น พร้อมทั้งแสดงความดับสิ้นเชิงของสิ่งเหล่านั้นเพราะหมดเหตุ
๒ สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
๓ อย่าทำชั่ว ให้ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
๔ ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกจากทุกข์แล้ว หามีอะไรเกิดอะไรดับไม่
๕ ถ้าเราไม่พึงมี ของเราก็ไม่พึงมี , ตัวเราของเรา ก็คือ อุปาทานขันธ์๕
Group Blog
 
All blogs
 

สำรวจธรรม ในแบบพระพุทธเจ้าตรัสสอน

สำรวจธรรม ในแบบพระพุทธเจ้าตรัสสอน
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
สังขิตตสูตร


[๑๔๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้พระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคม แล้วประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่หม่อมฉัน ซึ่งหม่อมฉันได้ฟังแล้ว จะพึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไว้ ไม่เป็นไปเพื่อพรากสัตว์ออก
เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อความสันโดษ
เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ไม่เป็นไปเพื่อความสงัด
เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ไม่เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย
ดูกรโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระศาสดา ฯ


ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้ ไม่เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก
เป็นไปเพื่อสันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อไม่สันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร ไม่เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก
ดูกรโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ฯ

จบสูตรที่ ๓




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2550 23:23:11 น.
Counter : 430 Pageviews.  

สำรวจตน ในแบบพระพุทธเจ้าตรัสสอน

สำรวจตน ในแบบพระพุทธเจ้าตรัสสอน
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ปัณณาสก์ที่ ๒ สจิตตวรรคที่ ๑
สจิตตสูตร


[๕๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าภิกษุไม่เป็นผู้ฉลาดในวารจิตของผู้อื่นไซร้
เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาว่า เราทั้งหลายจักเป็นผู้ฉลาดในวารจิตของตน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้ฉลาดในวารจิตของตนอย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนสตรีหรือบุรุษที่เป็นหนุ่มสาว มีปรกติชอบแต่งตัว ส่องดูเงาหน้าของตนในคันฉ่องอันบริสุทธิ์หมดจด หรือในภาชนะน้ำอันใส ถ้าเห็นธุลีหรือจุดดำที่หน้านั้น ก็พยายามเพื่อขจัดธุลีหรือจุดดำนั้นเสีย หากว่าเราไม่เห็นธุลีหรือจุดดำที่หน้านั้น ก็ย่อมดีใจ มีความดำริอันบริบูรณ์ด้วยเหตุนั้นแลว่าเป็นลาภของเราหนอ หน้าของเราบริสุทธิ์แล้วหนอ แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การพิจารณาของภิกษุว่า
เราเป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราไม่เป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตพยาบาทอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราไม่เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาทอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้อันถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราเป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้ฟุ้งซ่านอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่านอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีความสงสัยอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราเป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัยได้โดยมาก
เราเป็นผู้โกรธอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราเป็นผู้ไม่โกรธอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตเศร้าหมองอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราเป็นผู้มีจิตไม่เศร้าหมองอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีกายอันปรารภแรงกล้าอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราเป็นผู้มีกายอันมิได้ปรารภแรงกล้าอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้เกียจคร้านอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราเป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่โดยมาก
เราเป็นผู้มีจิตไม่ตั้งมั่นอยู่โดยมากหรือหนอ
หรือว่าเราเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นอยู่โดยมาก ดังนี้
ย่อมเป็นอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าภิกษุเมื่อพิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมาก เป็นผู้มีจิตพยาบาทอยู่โดยมาก เป็นผู้อันถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่โดยมาก เป็นผู้ฟุ้งซ่านอยู่โดยมาก เป็นผู้มีความสงสัยอยู่โดยมาก เป็นผู้มีความโกรธอยู่โดยมาก เป็นผู้มีจิตเศร้าหมองอยู่โดยมาก เป็นผู้มีกายอันปรารภแรงกล้าอยู่โดยมาก เป็นผู้เกียจคร้านอยู่โดยมาก เป็นผู้มีจิตไม่ตั้งมั่นอยู่โดยมาก ดังนี้ไซร้
ภิกษุนั้นควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อละธรรมทั้งหลาย ที่เป็นบาปอกุศลเหล่านั้น ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคลผู้มีผ้าอันไฟไหม้ หรือมีศีรษะอันไฟไหม้ พึงทำ ความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อดับไฟไหม้ผ้าหรือไฟไหม้ศีรษะนั้น ฉันใด ภิกษุนั้น ก็พึงทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อละธรรมทั้งหลายที่เป็นบาปเป็นอกุศลเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ถ้าว่าภิกษุเมื่อพิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า เราเป็นผู้ไม่มีอภิชฌาอยู่โดยมาก เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาทอยู่โดยมาก เป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะอยู่โดยมาก เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่านอยู่โดยมาก เป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัยอยู่โดยมาก เป็นผู้ไม่โกรธอยู่โดยมาก เป็นผู้มีจิตไม่เศร้าหมองอยู่โดยมาก เป็นผู้มีกายอันมิได้ปรารภแรงกล้าอยู่โดยมาก เป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่โดยมาก เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นอยู่โดยมาก ดังนี้ไซร้ ภิกษุนั้นควรตั้งอยู่ในกุศลธรรมเหล่านั้นแล้ว พึงทำความเพียรเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นไป ฯ

จบสูตรที่ ๑




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2550 23:42:09 น.
Counter : 208 Pageviews.  

คำถามไว้ถามตนเอง

คำถามไว้ถามตนเอง
ถามบ่อยๆ ตอบให้ได้ชัดๆ ยิ่งถามยิ่งดี


1 ชีวิต คือ สุขหรือทุกข์กันแน่
2 ยังอยากเกิดมาอีกหรือไม่ อยากเกิดเป็นอะไร สัตว์นรก เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา พรหม หรือไม่เกิดอีกแล้ว
3 ทรัพย์สินสมบัติ ที่ดินบ้านช่อง ชื่อเสียงเกียรติยศ ผัวเมียลูกหลาน ความรู้ความสามารถ ความสุขความทุกข์ ตายแล้วเอาติดตัวไปได้หรือไม่
4 อะไรคือสิ่งที่เอาติดตัวไปได้เมื่อตายแล้ว ใช่กรรมของตนหรือไม่
5 เคยเตรียมตัวเตรียมใจ พร้อมที่จะตาย ทุกวันเวลาสถานที่ทุกลมหายใจหรือไม่
6 ตัวเราตัวเขา ของเราของเขามีตัวตนจริงหรือไม่
7 กิเลสตัณหา ความอยากได้ ไม่อยากได้ เรายังมีอยู่มากหรือน้อย
8 ทานและศีล เราบกพร่องหรือไม่
9 เคยฝึกจิต ให้มีสมาธิหรือไม่
10 เคยฝึกวิปัสสนา ให้เกิดปัญญาหรือไม่
11 เคยเรียนรู้และปฏิบัติ แก่นแท้ของพุทธศาสนา หรือไม่
12 ที่ผ่านมา ใช้ชีวิตอย่างประมาทหรือไม่ ใช้ชีวิตสูญเปล่าหรือไม่
13 ถ้ายังมีเวลาของชีวิตเหลือ จะทำชีวิตนี้ให้เจริญและมีคุณค่า หรือไม่ ทำอย่างไร

ไม่สงวนลิขสิทธิ์จ๊ะ




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2550 20:20:26 น.
Counter : 214 Pageviews.  


crimson king
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ร่างกายนี้ ไม่มีฉัน
จิตดวงนี้ ก็ไม่มีฉัน
ความรู้สึกนี้ ก็ไม่มีฉัน
ความจำนี้ ก็ไม่มีฉัน
ความคิดนี้ ก็ไม่มีฉัน
ฉัน นั้นก็ไม่มี

นักศึกษาปฏิบัติธรรมมือใหม่
กิเลสหนา สมาธิ สติช้า ปัญญาด้อย
TIMEอย่าประมาทในชีวิต เวลาหมดลงทุกขณะ
ชีวิตนั้นสั้นนัก แต่วัฏสงสารยาวไร้สิ้นสุด
Friends' blogs
[Add crimson king's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.