เก็บตก...จากหนังสือ...

มันเป็นสิทธิในการเลือก
แต่ต้องเข้มแข็งและแกร่งพอ ทุกอย่างมีราคาของมัน

ที่สุดแล้ว ชีวิตต้องการอะไร

จะใช้ชีวิตอย่างไร
The bucket list
Did you have joy in your life?
Did you give joy to others?

คนเราเกิดมามีทุกข์ก็ควรหาทางดับทุกข์
มีสุขก็น่าจะแบ่งปันให้ผู้อื่น
(เพื่อนมนุษย์และสรรพสิ่ง) น่าจะดีกว่า

Life is an echo. What you send out, you receive. What you give,you get.
ชีวิตเปรียบเสมือนเสียงสะท้อน
สิ่งใดที่ส่งออกไปก็จะกลับมา
สิ่งใดที่ให้ไปก็จะได้รับกลับ

การให้คือความสุขที่สุด

เมื่อคุณตายไป มองหาที่นอนพัก ไม่ใข่ในผืนดิน แต่เป็นในใจของคน




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2555   
Last Update : 8 พฤษภาคม 2555 23:01:21 น.   
Counter : 707 Pageviews.  

นกแก้วราคาเท่าไหร่

ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง
เห็นนกแก้วตัวหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่จึง
เกิดสนใจถามคนขายว่านกแก้ว
ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
ชายคนนั้น : ลุงๆไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
คนขาย : 15,000 บาท
ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window,mac,unix แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ
ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆมันล่ะ
คนขาย : 25,000 บาท
ชายคนนั้น : โอ้โห อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง ( หัวเราะ)
คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของ
ร้านได้ด้วยนะ
ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆอยู่ข้างหลังน่ะ
(ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็น มันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัว
ที่นั่งอยู่หน้าคอม
อยู่นั่นแหละ ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ
ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ
คนขาย : 100,000 บาท
ชายคนนั้น : เฮ้ย ทำไมล่ะ
คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั้น เรียกมันว่า หัวหน้า !!!




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2554   
Last Update : 26 พฤษภาคม 2554 19:00:44 น.   
Counter : 502 Pageviews.  

ค่านิยมสุดเท่แห่งชีวิต

ขอขอบคุณพี่กัลยาณมิตรที่น่ารักที่ Forward Email ที่ให้ข้อคิดและ น่ารักมา ให้ได้อ่านกันค่ะ

































 

Create Date : 02 เมษายน 2554   
Last Update : 2 เมษายน 2554 18:26:54 น.   
Counter : 680 Pageviews.  

วิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด โดย Dr. Jacob Vadakkanchery N.D.

ขอบคุณ
Forward Email นะค่ะ ที่ให้ได้รับแบ่งปันความรู้ดีๆ

บรรยายที่เสถียรธรรมสถาน
โดยคุณหมอ Jacob (Dr. Jacob Vadakkanchery N.D.)
ซึ่งเป็นหมอประเทศอินเดีย ที่รักษาโรคต่างๆ โดยวิธีธรรมชาติบำบัด

ประวัติ Dr. Jacob Vadakkanchery N.D.
Dr. Jacob เป็นคุณหมอในประเทศอินเดีย
เป็นเจ้าของโรงพยาบาลธรรมชาติบำบัด อยู่ 3 แห่ง
ซึ่งคุณหมอ จะเน้นการรักษาให้กับคนยากจน ประมาณ 80% คุณหมอเป็นนักต่อต้าน, นักอนุรักษ์นิยม, นักพูด (อันดับหนึ่งในรัฐคาน (ถ้าจำชื่อรัฐไม่ผิดนะ)) ฯลฯ
คุณหมอใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติบำบัดกับตัวเองมา ประมาณ 30 ปี ปัจจุบันคุณหมอแข็งแรงมาก ผู้แนะนำบอกว่า “คุณหมอสามารถว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไป-กลับ ภายใน 15 นาทีได้”

คุณหมอเล่าให้ฟังว่า คนเราส่วนใหญ่ มักนิยมกินยาพิษในรูปแบบต่างๆ ดังนี้ 1. ยารักษาโรค (ยาพาราเซตามอล, ยาทิปฟี้ ฯลฯ)
2. อาหารเสริม
3. อาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น McDonald. KFC, Pizza ฯลฯ

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักและเป็นบ่อเกิดโรคต่างๆ

คุณหมอบอกว่าร่างการเราเป็นสิ่งที่วิเศษมาก
มันสามารถเปลี่ยนแปลงอาหารที่เรากินเข้าไปให้กลายเป็นสารอาหารต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
และมีวิธีการกำจัดของเสียในร่างกาย ออกเป็น 5 ทางคือ
1. ทางลมหายใจ
2. ทางเหงื่อ
3. ทางปัสสาวะ
4. ทางอุจจาระ
และ 5. ทางประจำเดือน

และร่างกายเรายังมีความวิเศษอีกอย่างคือ หากเรามีของเสียมาก
ร่างกายจะกำจัดโดยแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เช่น
การเป็นหวัด คือ ร่างกายเราจะมีน้ำมูกมาชะล้างเชื้อโรคบริเวณเยื่อบุจมูก
แต่คนเราส่วนใหญ่เมื่อมีการอาการเหล่านี้ ก็มักจะกินยา เพื่อรักษาอาการโรคเหล่านี้
ซึ่งความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ได้ ทำให้โรคต่างๆ ยังคงอยู่ในร่างกายเราต่อไป

คุณหมอบอกว่าคนเราส่วนใหญ่ เวลาที่เราปวดหัว เราก็จะกินยาพารา 1 เม็ด แล้วกินน้ำตาม
แต่วิธีการของคุณหมอจะแตกต่างจากคนทั่วไป คือคุณหมอจะใช้ยาพารา 2 เม็ด มาบดให้ละเอียดแล้วคลุกกับข้าว แล้วไปตั้งที่ห้องครัว 2-3 วัน เมื่อกลับมาดูอีกครั้ง คุณหมอจะพบหนูตายประมาณ 10-15 ตัว นี่แสดงว่า ยาพาราเซตามอลเป็นยาฆ่าหนูชนิดหนึ่ง และเมื่อเราเป็นไข้ เรากินยาพาราเซตามอล แสดงว่าเราได้กินยาพิษเข้าไปในร่างกายด้วย

ยาพิษอีกตัวหนึ่งที่คุณหมอกำชับหนักหนากับพวกเราที่นั่งฟังอยู่ก็คือ น้ำตาลทรายขาว ที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน

คุณหมอถามพวกเราว่า เคยรู้หรือเปล่าว่าน้ำตาลทรายขาว มาจากไหน ?
ทุกคนก็ตอบว่ามาจาก “อ้อย” ซึ่งคุณหมอบอกว่า “ใช่”
แต่ก่อนที่มันจะเป็นน้ำตาลทรายขาว ผู้ผลิตได้นำอ้อยที่มีประโยชน์ ไปใช้ในขบวนการผลิตเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์เรียบร้อยแล้ว นำน้ำตาลส่วนที่เหลือซึ่งมีสีดำและไม่มีประโยชน์ ไปผ่านมาฟอกสี จนกลายเป็นน้ำตาลทรายขาวที่เรากินอยู่ทุกวัน
น้ำตาลทรายขาวนี้จะเข้าไปทำร้ายร่างกายเรา ตั้งแต่ลำคอ ผ่านไปกระเพาะ ลำไส้ ดังนั้นคุณหมอจึงอยากให้พวกเราทุกคนเลิกกินน้ำตาลทรายขาว และหันมากินน้ำตาลทรายแดง ซึ่งมีประโยชน์มากกว่า

คุณหมอ ถามพวกเราอีกว่า เราเคยใช้ยาสีฟัน หรือเปล่า พวกเราก็บอกว่า “เคย”
คุณหมอบอกว่ายาสีฟัน ก็เป็นสารซักฟอก เช่นเดียวกับสบู่ที่เราใช้อาบน้ำนั้นแหละ
เพราะเมื่อเราแปรงฟัน จะมีเศษของยาสีฟันตกลงไปอยู่ในท้องของเรา
อาจทำให้เรามีปัญหาอาจเป็นโรคกระเพาะได้ คุณหมอบอกว่าคุณหมอใช้ใบมะม่วงหรือผงสมุนไพร ในการแปรงฟัน
คุณหมอก็ใช้แปรงสีฟันธรรมชาติที่พระเจ้าประทานให้มาแล้ว (นั่นก็คือนิ้วชี้ของคุณหมองัย)
คุณหมอแปรงฟันด้วยวิธีนี้มานาน 28 ปี แล้ว ฟันของคุณหมอยังขาวและแข็งแรงอยู่เลยนะ
มีผู้ฟังถามคุณหมอว่า “เราควรจะบริโภคนมวัวหรือปล่าว”
คุณหมอบอกว่า “แล้วเราเป็นลูกวัวหรือปล่าวล่ะ ที่ต้องกินนมแม่ (แม่วัว)
ถ้าไม่ใช่ เราก็ไม่ควรกิน มีนมอยู่อย่างเดียวที่เรากินได้ คือนมของแม่เราเอง
ซึ่งเป็นนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเราจริงๆ นอกนั้นนมอื่นๆ นั้น
"ไม่มีประโยชน์สำหรับร่างกายเราเลย”
คนฟังก็ถามต่อว่า “แล้วเราจะกินนมอะไรได้บ้าง หรือปล่าว กินนมแพะ ได้ไหมค่ะ”
คุณหมอบอกว่า “แล้วเราเป็นลูกแพะหรือปล่าวล่ะ ถึงจะไปกินนมแพะนะ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ควรกิน
แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบระหว่างนมวัวและนมแพะ นมแพะจะมีคุณค่าสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรามากกว่านมวัวนะ”

การรักษาแบบธรรมชาติบำบัดของคุณหมอ สามารถรักษาโรคได้หลายๆ โรค เช่น
โรคผิวหนัง,ภูมิแพ้ต่างๆ, โรคมะเร็งบางชนิด, โรคไมเกรน ฯลฯ
มีบางโรคที่รักษาให้หายขาด และมีบางโรคที่ช่วยให้ทุเลาลงได้มาก
หากใครสนใจติดต่อ เสถียรธรรมสถาน พี่สมบูรณ์ 08-4115-1114 ได้นะค่ะ เค้าจะมีการจัดอบรมการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดในเดือนนี้และเดือนหน้าตามจังหวัดต่างๆ หรือขอคำปรึกษาได้นะค่ะ

วิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด

สิ่งที่ควรรู้ก่อน
1.การตากแดด ควรเป็นแสงแดดช่วงเวลาก่อน 9 โมงเช้าและหลัง 4 โมงเย็น
2.น้ำมะพร้าว คือ น้ำมะพร้าวสดแต่ไม่ต้องทานเนื้อ (ไม่ใช่มะพร้าวเผา) และต้องเป็นมะพร้าวที่ยังมีเปลือกสีเขียว เนื่องจากยังไม่ผ่านมาใช้สารฟอกเปลือกให้เป็นสีขาว
3.กินผลไม้สด (ไม่ควรแช่ตู้เย็น) คือ การกินผลไม้ 2 ชนิด โดยให้มีรสชาติเดียวกัน เช่น รสชาติหวานเหมือนกันทั้ง 2 อย่าง หรือเปรี้ยวทั้ง 2 อย่าง
4.น้ำหยวกกล้วย คือการนำหยวกกล้วยที่ผ่านการมีผลมาแล้ว นำมาสับและปั่นแล้วคั่นน้ำออกมา
5.การออกกำลังกายที่ดี คือ การเดิน, การว่ายน้ำ และการเล่นโยคะ
ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ก่อน 8 โมงเช้า และ 5 โมงเย็น ถึง 1 ทุ่ม และควรออกทุกวัน

การดำรงชีวิตประจำวัน
1.ตื่นนอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หรือตื่นนอนก่อน 6 โมงเช้า
2.ดื่มน้ำมะพร้าวหรือน้ำผึ้ง
3.ไปนั่งถ่าย และแปรงฟันด้วยมือกับใบมะม่วงหรือผงสมุนไพร นวดเหงือกและฟัน ประมาณ 10 นาที
4.ชโลมน้ำมันงาหรือผงถั่วเขียว (แทนสบู่) ที่ศีรษะ, หน้าและร่างกาย หลังจากนั้น ให้นวดศีรษะ, นวดหน้า (เป็นการนวดเป็นนวดขึ้น เพื่อทำให้หน้าตาเต่งตึง), นวดร่างกาย เช่น นวดท้อง และนวดหัวใจ พร้อมทั้งพูดกคุยกับอวัยวะของตัวเอง ประมาณ 15-20 นาที แล้วนวดฝ่าเท้าประมาณ 15-20 นาที รอให้น้ำมันซึมเข้าผิวประมาณ 15-20 นาทีแล้วค่อยล้างออก
5.กินอาหารเช้าประมาณ 8 โมง ควรเป็นผักหรือผลไม้
6.เวลาเที่ยง 12.00 น. ให้ทานอาหารมื้อหลัก
7.เวลา 6 โมงเย็น ให้หยุดกิจกรรมให้น้อยลง
8.อาหารเย็นควรเป็นผักและผลไม้ หรือน้ำผลไม้หรือน้ำมะพร้าว
9.ให้นอนประมาณ 4 ทุ่ม เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่จะทำให้เราหลับง่ายที่สุด หากเลยเวลานี้ ร่างกายเราจะดึงพลังงาน แล้วทำให้เรานอนหลับยากขึ้น

การรับประทานอาหารที่ดี คือ
ให้ทานผลไม้ 2 มื้อ คือมื้อเช้าและมื้อเย็น
ทานอาหารหลัก 1 มื้อ คือ มื้อเที่ยง

วิธีการรักษาโรคแบบต่างๆ โดยวิธีธรรมชาติบำบัด

โรคปวดท้องประจำเดือน
วิธีรักษา
วันแรกให้กินน้ำมะพร้าวและผลไม้ กินไปประมาณ 3-4 วัน ประมาณ 3 เดือน จะหายปวดท้องและดีต่อการคลอด

โรคปวดหัว
วิธีรักษา
ให้เอาน้ำเปล่าราดหัว ประมาณ 5 นาที

โรคสิว
วิธีรักษา
ไม่ให้กินขนมปังเบเกอรี่, กินของทอด, กินพวกน้ำมัน, กินอาหารเผ็ด, กินแป้งขัดสี, กินน้ำตาลทรายขาว ควรกินแต่ผัก, ผลไม้ และน้ำมะพร้าว

โรคปวดเมื่อย
วิธีรักษา
ให้เอาผ้าเปียกมาคลุมบริเวณที่ปวดเมื่อย ประมาณ 1 ชม. (ไม่ให้เกินนี้)

ผู้มีสุขภาพเรื้อรัง
วิธีรักษา
1. ให้กินน้ำหยวกกล้วยตอน 6.00 โมงเช้าประมาณ 1 เดือน หรือให้กินหยวกกล้วยสดก็ได้
2. ให้ตากแดดวันละ 1 ชม. ทั้ง เช้า 0.30 ชม.และเย็น 0.30 ชม.

โรคผิวหนัง
วิธีรักษา
ใส่เสื้อผ้าที่ทำด้วยผ้าฝ้ายและไปตากแดด วันละ 2 ชม. เช้าและเย็น

โรคหัวใจ
วิธีรักษา
ให้กินเจ และกินผลไม้ตอนเย็น ประมาณ 3 เดือน และไปตากแดดเช้า 1 ชม. และเย็น 1 ชม. กินน้ำเปล่า, น้ำมะพร้าว, น้ำผึ้ง หรือน้ำผลไม้ต่างๆ

โรคไมเกรน
วิธีรักษา
ใช้น้ำราดศีรษะวันละ 5 ครั้ง ๆ ละ 5 นาที และกินผลไม้ทั้งวัน 3 มื้อประมาณ 1-2 วัน

คนสายตาสั้นหรือยาว
วิธีรักษา
ให้บริหารสายตาด้วยการกรอกลูกตา
1.จากบนลงล่าง
2.จากขวาไปซ้าย
3.บนขวาไปเฉียงล่างซ้าย
4.บนซ้ายไปเฉียงล่างขวา
5.บน ซ้าย ล่าง ขวา
6.บน ขวา ล่าง ซ้าย
แล้วใช้น้ำมะพร้าวหยดตา รวมทั้งให้มองพระอาทิตย์ตอน 7 โมง และตอน 6 โมงเย็น และไม่ให้กินอาหารเย็น และให้กินผลไม้, ผัก และน้ำมะพร้าว ประมาณ 2 อาทิตย์ อาการจะดีขึ้น

โรคเหน็บชา
วิธีรักษา
ไปนั่งตากแดด เช้าเย็น และกินเจ

โรคเบาหวาน
วิธีรักษา
กินผักสด 1-2 เดือน และหลังจากนั้น หากอยากกินน้ำผลไม้ก็ได้

ความดันโลหิตสูง
วิธีรักษา
เอาน้ำราดศีรษะ 5 ครั้งและกินผลไม้

โรคสะเก็ดเงิน
วิธีรักษา
กินผลไม้ 2-3 เดือนและตากแดด

โรคคลอเรสเตอรอส
วิธีรักษา
กินผักและผลไม้

โรคกระเพาะ
วิธีรักษา
กินผักและผลไม้

โรคหวัด
วิธีรักษา
กินแต่ผลไม้

ท้องเสีย
วิธีรักษา
กินน้ำผลไม้และน้ำมะพร้าว และพักผ่อนเยอะๆ

โรคนอนไม่หลับ
วิธีรักษา
ก่อนนอนให้ราดหัว ประมาณ 10 นาที

การเตรียมตัวตั้งครรภ์และการคลอดให้ราบรื่น
1.ให้กินผลไม้ 2 มื้อและอาหารเจ 1 มื้อ
2.การตากแดด (เช้า-เย็น)
3.รักษาจิตใจ ให้มีความสุข จะช่วยให้เด็กแข็งแรง และไม่ปวดท้องตอนคลอด

(คุณหมอให้คนไข้ของคุณหมอในประเทศอินเดียทำอย่างนี้นะค่ะ)

การล้างสารพิษในผักและผลไม้
ใช้น้ำผสมเกลือเล็กน้อย แช่ผักและผลไม้ทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชม.




 

Create Date : 21 มีนาคม 2554   
Last Update : 21 มีนาคม 2554 0:01:34 น.   
Counter : 1295 Pageviews.  

"สามเหลี่ยมชีวิต" วิธีรอดตายจากแผ่นดินไหว

ขอขอบคุณ Forward Email ค่ะ

Edited for MAA Safety Committee brief
เรียบเรียงสำหรับการสรุปให้คณะกรรมการด้านความปลอดภัย MAA





My name is Doug Copp. I am the Rescue Chief and Disaster Manager of the
American Rescue Team International (ARTI), the world's most experienced
rescue team. The information in this article will save lives in an earthquake.

ผมชื่อ ดัก คอบบ์ ผมเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยและผู้จัดการด้านพิบัติภัยของทีมกู้ภัยนานาชาติแห่งสหรัฐฯ ซึ่ง
เป็นทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก ข้อมูลในบทความนี้จะช่วยชีวิตคนในกรณีแผ่นดินไหว

I have crawled inside 875 collapsed buildings, worked with rescue teams from 60 countries, founded rescue teams in several countries,
and one of the United Nations experts in Disaster Mitigation for two years. I have worked at every major disaster in the world since 1985.

ผมเคยคลานเข้าไปในตึกที่ถล่มมา 875 ตึก เคยทำงานกับหน่วยกู้ภัยจาก 60 ประเทศ ก่อตั้งหน่วยกู้ภัยในหลายประเทศ
และเป็นเหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการอพยพผู้คนกรณีเกิดพิบัติภัยขององค์การสหประชาชาติมา 2 ปี ผมได้ทำงานกับพิบัติภัยใหญ่ๆ ในโลกมาตั้งแต่ปี 1985

In 1996 we made a film, which proved my survival methodology to be correct. We collapsed a school and a home
with 20 mannequins inside. Ten mannequins did 'duck and cover,' and the other ten mannequins used my 'triangle of
life' survival method. After the simulated earthquake, we crawled through the rubble and entered the building to film
and document the results. The film showed that there would have been zero percent survival for those
doing duck and cover; and 100 percent survivability for people using my method of the 'triangle of life.'

เมื่อปี 1996 เราได้ทำภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งซึ่งได้พิสูจน์ว่าวิธีการรักษาชีวิตของผมถูกต้อง เราได้
ถล่มโรงเรียนและบ้านที่มีหุ่นมนุษย์ 20 ตัว อยู่ภายใน
หุ่น 10 ตัว'มุดและหาที่กำบัง' และอีกสิบตัวใช้วิธีการรักษาชีวิตแบบ 'สามเหลี่ยมชีวิต' ของผม
หลังจากแผ่นดินไหวทดลอง เราคลานผ่านซากปรักหักพัง
และเข้าไปในตึกเพื่อถ่ายภาพและเก็บข้อมูลของผลที่เกิดในภาพยนต์แสดงให้เห็นว่าอัตราการอยู่รอด
ของพวกที่มุดและหาที่กำบังคือศูนย์ และโอกาสรอด 100% สำหรับพวกที่ใช้วิธี 'สามเหลี่ยมชีวิต' ของผม

This film has been seen by millions of viewers on television in Turkey and the rest of Europe,
and it was seen in the USA , Canada and Latin America on the TV program.

ภาพยนต์ชุดนี้ได้ผ่านสายตาของผู้ชมโทรทัศน์เป็น ล้านๆ คนในตุรกี และส่วนที่เหลือของยุโรป เคยออก
อากาศทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา คานาดา และลาตินอเมริกา

The first building I ever crawled inside of was a school in Mexico City during the 1985 earthquake.
Every child was under its desk. Every child was crushed to the thickness of their bones.
They could have survived by lying down next to their desks in the aisles.

ตึกแห่งแรกที่ผมได้คลานเข้าไปคือโรงเรียนแห่ง หนึ่งในเมืองเม็กซิโกซิตี้ในแผ่นดินไหวปี 1985 เด็กทุก
คนอยู่ใต้โต๊ะเรียน เด็กทุกคนถูกอัดแบนจนกระดูกแหลก พวกเขาอาจจะมีชีวิตรอดด้วยการนอนราบกับพื้น
ตรงบริเวณทางเดินข้างๆ โต๊ะเรียนของตัวเอง

At that time, the children were told to hide under something. Simply
stated, when buildings collapse, the weight of the ceilings falling upon
the objects or furniture inside crushes these objects, leaving a space or
void next to them. This space is what I call the 'triangle of life'. The
larger the object, the stronger, the less it will compact. The less the
object compacts, the larger the void, the greater the probability that the
person who is using this void for safety will not be injured.

ในเวลานั้น เด็กๆ ได้รับคำแนะนำให้หลบใต้อะไรบางอย่าง อธิบายอย่างง่ายๆ เมื่อตึกถล่ม น้ำหนัก
ของเพดานที่ตกลงมาบนสิ่งของหรือเครื่องเรือนที่อยู่ภายในจะทับทำลายสิ่งของเหล่านั้น เหลือที่ว่างหรือ
ช่องว่างข้างๆ มัน ที่ว่างเหล่านี้คือสิ่งที่ผมเรียกว่า'สามเหลี่ยมชีวิต' สิ่งของชิ้นยิ่งใหญ่ ยิ่งแข็งแรง
โอกาสถูกทับอัดยิ่งน้อย โอกาสที่สิ่งของถูกทับอัดยิ่งน้อย ช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น
โอกาสที่คนที่อาศัยช่องว่างเหล่านั้นหลบภัยจะไม่เป็นอันตรายก็ยิ่งมาก

The next time you watch collapsed buildings, on television, count the
'triangles' you see formed. They are everywhere. It is the most common shape.

ครั้งต่อไปที่คุณดูอาคารที่ถล่มในโทรทัศน์ ลองนับ 'สามเหลี่ยม' ที่เกิดขึ้นที่คุณเห็นดู มันทีอยู่เต็มไปหมดทุกที่ เป็นรูปทรงที่เห็นได้มากที่สุดอยู่ทั่วไป


TEN TIPS FOR EARTHQUAKE SAFETY
สิบวิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว

1) Almost everyone who simply 'ducks and covers' when buildings collapse
are crushed to death. People who get under objects, like desks or cars, are crushed.

1) เกือบทุกคนที่ 'มุดและหาที่กำบัง' เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ โต๊ะหรือรถยนต์ถูกอัดทับ

2) Cats, dogs and babies often naturally curl up in the fetal position.
You should too in an earthquake. It is a natural safety/survival instinct.
You can survive in a smaller void. Get next to an object, next to a sofa,
next to a large bulky object that will compress slightly but leave a void next to it.

2) แมว หมา และเด็กทารก โดยธรรมชาติมักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา คุณควรทำเช่นกันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาติญาณเพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิตรอดในช่องว่างที่เล็กกว่า ไปอยู่ข้างๆ สิ่งของ ข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบนไปบ้างแต่ยังเหลือที่ว่างข้างๆ มันไว้

3) Wooden buildings are the safest type of construction to be in during an
earthquake. Wood is flexible and moves with the force of the earthquake. If
the wooden building does collapse, large survival voids are created. Also,
the wooden building has less concentrated, crushing weight. Brick buildings
will break into individual bricks. Bricks will cause many injuries but less
squashed bodies than concrete slabs.

3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหว ไม้มีความยืดหยุ่นและเคลื่อน
ตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่มจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และอาคารไม้ยังมีน้ำหนักทับทำลายที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อนอิฐเหล่านี้เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ แต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต

4) If you are in bed during the night and an earthquake occurs, simply roll
off the bed. A safe void will exist around the bed. Hotels can achieve a
much greater survival rate in earthquakes, simply by posting a sign on the
back of the door of every room telling occupants to lie down on the
floor, next to the bottom of the bed during an earthquake.

4) หากคุณกำลังนอนอยู่บนเตียงตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียงกลิ้งลงจากเตียง ช่องว่างที่ปลอดภัยจะเกิดรอบๆ เตียง โรงแรมจะสามารถเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้ โดยเพียงติดป้ายหลังประตูในทุกห้องพักบอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว

5) If an earthquake happens and you cannot easily escape by getting out the
door or window, then lie down and curl up in the fetal position next to a sofa, or large chair.

5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนี้ออกมาง่ายๆ ทางประตูหรือหน้าต่าง ก็ให้นอนราบและ ขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟาหรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ

6) Almost everyone who gets under a doorway when buildings collapse is
killed. How ? If you stand under a doorway and the doorjamb falls forward
or backward you will be crushed by the ceiling above. If the doorjamb falls
sideways you will be cut in half by the doorway. In either case, you will be killed!

6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอด เพราะอะไร? หากคุณยืนอยู่ตรงช่องประตูและวงกบประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลัง คุณจะโดนเพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้าง
คุณจะถูกตัดเป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น!

7) Never go to the stairs. The stairs have a different 'moment of
frequency' (they swing separately from the main part of the building).The
stairs and remainder of the building continuously bump into each other
until structural failure of the stairs takes place. The people who get on
stairs before they fail are chopped up by the stair treads - horribly
mutilated. Even if the building doesn't collapse, stay away from the
stairs. The stairs are a likely part of the building to be damaged. Even if
the earthquake does not collapse the stairs, they may collapse later when
overloaded by fleeing people. They should always be checked for safety,
even when the rest of the building is not damaged.

7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี 'ช่วงการเคลื่อนตัว' ที่แตกต่างไป (บันไดจะมีการแกว่งแยกจากตัวอาคาร)
บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคารจะชนกระแทกกันอย่างต่อเนื่อง จนเกิดปัญหากับโครงสร้างของบันได
คนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่มถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้นบันได--ถูกแยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง
ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ บันไดเป็นส่วนของอาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหาย
ถึงแม้แผ่นดินไหวจะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมา เมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปจากคนที่กำลังหนี มันควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอ ถึงแม้ส่วนที่เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม

8) Get near the Outer Walls Of Buildings or Outside Of Them if possible.
It is much better to be near the outside of the building rather than
the interior. The farther inside you are from the outside perimeter of the
building the greater the probability that your escape route will be blocked.

8) ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคารหรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่ใกล้ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนในของอาคาร คุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภายนอกของอาคารมากเท่าไหร่ โอกาสที่ทางหนี้ของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก

9) People inside of their vehicles are crushed when the road above falls in
an earthquake and crushes their vehicles; which is exactly what happened
with the slabs between the decks of the Nimitz Freeway. The victims of the
San Franciscoearthquake all stayed inside of their vehicles. They were all
killed. They could have easily survived by getting out and sitting or lying
next to their vehicles. Everyone killed would have survived if they had
been able to get out of their cars and sit or lie next to them.
All the crushed cars had voids 3 feet high next to them,
except for the cars that had columns fall directly across them.

9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัดเมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะแผ่นดินไหวและทับรถของพวกเขา นี้เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีตระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจากแผ่นดินไหวที่ซานฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ง่ายๆ ด้วยการออกจากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขาสามารถออกจากรถ และนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่ข้างๆ ยกเว้นรถที่ถูกเสาคานตกทับกลางคันรถ

10) I discovered, while crawling inside of collapsed newspaper offices and other offices with a lot of paper,
that paper does not compact. Large voids are found surrounding stacks of paper.

10) ผมค้นพบ--ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และสำนักงานอื่นที่มีกระดาษจำนวนมาก--ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่างขนาดใหญ่รอบๆ กองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน


Spread the word and save someone's life.
กระจายข้อมูลนี้และช่วยชีวิตคนบางคน




 

Create Date : 18 มีนาคม 2554   
Last Update : 18 มีนาคม 2554 0:30:03 น.   
Counter : 626 Pageviews.  

1  2  3  4  

Crescent-Norther-Star
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add Crescent-Norther-Star's blog to your web]