Group Blog
 
All blogs
 
แค่อยากจะเขียน… ครั้งหนึ่ง เราก็เคยอยากไปเมืองนอกแบบ “มากมาย” version กระทู้ด๋อยห้องไกลบ้านค่ะ (11)

หาอ่านได้สดๆ จากที่นี่ทุกวันตอนสี่ทุ่มตรงนะคะ

//www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H8413457/H8413457.html

-----------------------------

หลังจากกลับจาก outlet ทุกคนก็มาสุมหัวกันที่บ้านพี่หมอต่อ ลืมบอกไปบ้านพี่หมอช่างใหญ่โตอลังการราวกับบ้านนางเอกไฮโซช่อง 7 เสียละเกิน ว่างๆ จะติดต่อผู้จัดละครให้มายืมเป็นสถานที่ถ่ายทำ จะได้ไม่ต้อง make ไปถ่ายตามโรงแรมแล้วเอาฝรั่งมาเดินผ่านเยอะๆ (สังเกตมั๊ยเวลาละครมีฉากพระเอกนางเอกไปเรียนต่อเมืองนอก ทุกคนจะต้องอยู่อพาทเม้นต์กันหมด) ราวกับว่าคนดูจะไม่รู้เล้ยว่าถ่ายที่เมืองไทย ฮ่าๆ


อ่ะๆ เข้าเรื่องก็ได้ รู้นะว่ากำลังรอพี่โอ้เข้าฉากกันอยู่…


ณ บ้านทรายทองของพี่หมอ


คราวนี้พี่แฟนเก่าโดนลุมถามยิ่งกว่าสัมภาษณ์ดารามีคลิปอีก (กร๊าก) ว่าแล้วหนูขอร่วมวงด้วยค่ะ


พี่แฟนเก่าเล่าว่านังเจ๋อบอกว่าอยากแต่งงานกับพี่โอ้เพื่อเอากรีนการ์ด จะได้ทำงานต่อที่นี่เลยไม่ต้องกลับเมืองไทย โอ๊ะ มาอีหรอบนี้อีกแล้ว ว่าแล้วขอคั่นหน่อย เรื่องการแต่งงานเพื่อหวังเอากรีนการ์ด จากประสบการณ์ที่ได้ยินได้ฟังมา (เรื่องคนอื่นคืองานของเรา)


“ไม่อยากกลับเมืองไทย ก็แต่งงานเอากรีนการ์ดดิวะ ไม่เห็นยาก”


ประโยคนี้เราจะได้ยินทุกครั้งและบ่อยมากๆ ในหมู่คนไทย การแต่งงานก็มีทั้งจริงทั้งหลอก ส่วนมากจะจ้างแต่งแบบหลอกๆ เท่านั้นเอง… (ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ถ้าเล่าแล้วจะกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมั๊ย) ขอจบเรื่องกรีนการ์ดไว้เพียงเท่านี้ก่อนดีกว่า…


นังเจ๋อ แกอยากได้กรีนการ์ดแกก็แอบทำเงียบๆ ดิวะ จะมาป่าวประกาศทำไม มันเป็นเรื่องที่น่าโพทนามากมั๊ยนั่น


และแล้วเรื่องนังเจ๋อก็เป็นเรื่อง Talk of the town ของคืนนั้น ได้ข่าวว่าพี่โอ้ซื้อของไปให้หลายบาท ทำไมทีชั้นไม่เห็นซื้อให้เยอะๆ แบบนี้มั่งเลย พี่โอ้ลำเอียง ฮือๆ คนอย่างชั้นไม่เห็นแก่ของหรอกย่ะ แต่ถ้าให้ก็ไม่ปฏิเสธ 55 ล้อเล่นนะ


ว่าแล้วการไป work ก็เหมือนจะมีส่วน “ไม่เหมาะสม” อยู่เหมือนกัน บางคนไปกับแฟน หรือไปหามีแฟนใหม่ที่นู่น บรรยากาศหนาวๆ อยู่กันสองต่อสอง คงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น (ขอเซ็นเซอร์) บางคนเป็นแฟนกันไปทำงานที่เดียวกัน เช่าห้องอยู่ห้องเดียวกัน ประหนึ่งดั่งเป็นคู่สามี ภรรยา ก็มีถมไป (แปลกเนอะพวกนี้มักจะไม่แคร์สายตาเพื่อนๆ คนไทยคนอื่นเลย) บางคนไปมีแฟนเป็นฝรั่ง หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับเค้าด้วยเลยก็มี มันบอกประหยัดค่าเช่าห้อง อื่ม เหตุผลดูดีจริงๆ พวกหลังบางคนโชคดี (รึเปล่า) ถึงกับได้ตบแต่งจนได้กรีนการ์ดไปเลยทีเดียว


ว่าแล้วมานั่งคิดๆ ดูว่าทำไมคนเราถึงอยากไปเมืองนอกกันนักนะ สำหรับจขกท การไปเมืองนอกแต่ละครั้งก็มีวัตถุประสงค์ต่างกันไป บางครั้งก็ไปเที่ยวสองสามวัน บางทีก็ไปอยู่เป็นเดือนๆ เป็นปีๆ สำหรับจขกท คิดว่าข้อดีของการอยู่เมืองนอกคือ อยู่ที่นั่นมันเหมือนเรามาอยู่อีกโลกหนึ่ง เวลาไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา มันเหมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ มีเพื่อนใหม่ เจอสิ่งใหม่ๆ วันๆ ไม่ต้องมีเรื่องอะไรให้คิดมาก ตื่นมา ไปเรียน เลิกเรียนก็ไปทำงาน ไม่ก็ไปเที่ยว ไม่มีพ่อแม่คอยบ่น 55 แต่แล้วพอต้องกลับมาเมืองไทยมาใช้ชีวิตปรกติแบบเก่า มันก็เหมือนตื่นจากฝัน แต่ถึงยังไงเมืองไทยก็เป็นบ้านของเรา ไม่มีที่ไหนดีกว่าบ้านของเราจริงมั๊ย


ออกทะเลไปซะไกลเชียวเรา…


กลับมาบ้านนังพี่โอ้ก็ยังตามมาเสนอหน้าอยู่บนเตียงนังเจ๋อเหมือนเดิม (นังเจ๋อทำไมแกไม่ย้ายไปอยู่บ้านพี่โอ้ซะให้รู้แล้วรู้แร่ดวะ??) เบื่อสถานการณ์แบบนี้จริงๆ ห้องก็มีอยู่กระจึ๋งนึงจะให้ชั้นไปอยู่ในซอกไหนของห้องเนี่ย ทำไมรู้สึกตัวว่าเป็นส่วนเกินซะเหลือเกิน…ทำไมต้องมานั่งเสนอหน้าหัวร่อกันในนี้ด้วยฟระ!!!???!!!

วันนี้เกิดอารมณ์เปลี่ยวและไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์เยี่ยง ก ข ค ง จ....ฬ อ ฮ (เยอะไปป้ะ?) เลยออกมาเดินเล่นข้างนอก จะบอกว่าเมืองนอกเนี่ยเค้าค่อนข้างเข้าบ้านกันเร็ว จะมานั่งปาร์ตี้กินก๋วยเตี๋ยวข้างทางชายสี่หมี่เกี๊ยว ข้าวต้มกุ๊ยกันทั้งวันทั้งคืนเหมือนบ้านเราไม่มีหรอก (รักเมืองไทยขึ้นมาทันทีเพราะเรื่องหาของกินง่ายเนี่ยแหละ) ที่นู่นพอตกค่ำๆ ร้านอาหารก็ปิดกันหมดแล้ว ถ้าหิวเกิดอยากกินอะไรขึ้นมาหลังจากนั้นก็ต้องทำกินเองสถานเดียว พูดถึงเรื่องอาหารการกินแล้ว คนที่นู่นจะกินทุกอย่างที่เป็นอาหารแช่แข็ง (แต่จขกท คิดว่าเค้าคงไม่ได้อยากกินอะไรที่ไม่สดกันหรอก แต่สถานกาณ์มันบังคับ 55) ว่าแล้วผู้ผลิตอาหารแช่แข็งก็เก่งๆ กันทั้งนั้น (ถ้าสังเกตดีๆ ส่วนมากจะ Made in Thailand) รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่เห็นของ Made in Thailand แต่ขอโทษเถอะ หนูซื้อไม่ลงล่ะค่ะ ยิ่งถ้าคูณเป็นเงินบาทแล้วนี่ยิ่งต้องคิดหนักเวลาจะซื้อ ถ้าไม่อยากกินจริงๆ นี่ของ Made in Thailand ที่ขายที่เมืองนอกจะไม่ได้เงินจากเราง่ายๆ เด็ดขาด :p คนอะไรงกเจรงๆ


ว่าด้วยอาหารแช่แข็ง มีอยู่หลายอย่างที่คูปองเห็นแล้วก็งงว่า เฮ้ย ของแบบนี้สามารถเอามาแช่แข็งแล้วค่อยอุ่นเวลากินได้ด้วยหรอ บางคนอาจจะไม่แปลกใจ แต่หนูแปลกเพราะบ้านนอกจัดไม่เคยเห็นมาก่อน ฮ่าๆ ยกตัวอย่างเลย


1. ข้าวต้มมัดไส้กล้วย พี่ไทย CAN!!!

2. ข้าวหลาม พี่ไทย CAN (อีกแล้ว)

3. ขนมชั้น โอ้ว...

4. ขนมหม้อแกง สามารถจริงๆ นับถือๆ

5. ขนมกุ๊ยไช่ (เขียนยังไงเนี่ย?) อันนี้แอบมีน้ำจิ้มแถมอีกต่างหาก

6. ขนมไทย ถุงละ 10 บาทก็มีทุกเมนูให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็น บัวลอย ขนมรวมมิตร กล้วยบวชชี เรียกได้ว่าหาทุกอย่างได้เหมือนกับตลาดสดเลย ฮ่าๆ


จริงๆ มีมากกว่านี้แต่ด้วยความจำอันแสนจะน้อยนิดของคูปองเลยจำได้แค่นี้ ฮ่าๆ ส่วนมากที่จำได้จะเป็นขนม เครื่องปรุงทั้งหลายแหล่ กะปิ น้ำปลา มีหมด ผักสารพัดจะผัก ผักบุ้ง มะเขือพวง พริก ทุกอย่างมีหมด ไม่ต้องแบกไปให้เมื่อยตุ้ม (แอบคิดในใจ ตลาดแถวบ้านชั้นที่บ้านนอกยังมีของไม่ครบเท่าร้านแกนะเนี่ย) เพื่อนบางคนจะไปเรียนต่อทีนี่แบกไปสารพัด เรียกว่าในกระเป๋ามันแทบไม่มีเสื้อผ้าเลย คุณเธอคงกลัวอดอยาก ขนาดหม้อหุงข้าวมันยังเอาไปด้วยเลย ฮ่าๆ ไปถึงไม่กี่วันก็จะโทรมารายงานแล้ว แก๊ๆๆๆๆๆ ชั้นจะแบกมาทำไมวะ ที่นี่ก็มีขาย.... เออ ku บอกแล้วไม่เชื่อ


ใครที่กำลังจะไปเมืองนอกและกลัวจะกินอาหารบ้านเมืองเค้าไม่ได้ งานนี้ขอบอกว่าสบายมากค่ะ เพราะพี่ไทยเราส่งออกอาหารแช่แข็งไปทั่วทุกมุมโลก ราคาก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย (แต่แกล้งทำเป็นคิดเลขไม่ออกบ้่างเป็นบางโอกาส 55) หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านลาว (แถวบ้านที่เราไปอยู่จะมีแต่ร้านลาว แอบงงว่าทำไมอาหารไทยทั้งหลายแหล่คนไทยไม่เปิดขายเอาเอง แต่กลับเป็นคนลาวมาขายซะงั้น)

ปล. ร้านขายของพวกนี้มักะอยู่ในเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่นะจ้ะ ใครไปบ้านนอกมากๆ ก็หาร้านพวกนี้ยากเหมือนกันค่ะ :)

ตอนแรกแอบคิดในใจว่าพวกที่ซื้อของพวกนี้กินต้องอยากกินโคดๆ ฮ่าๆ แต่พอไปถึงนู่นก็ลองซื้อมากินเหมือนกัน เฮ้ย ทำไมอร่อยอะ หรือว่าเราไม่ได้กินอาหารไทย ขนมไทยนาน พอได้กินก็อร่อยขึ้นมาทันที

ที่ฮาก็คือ instruction บนกล่องอาหารแช่แข็งมักจะเขียนว่า โปรดอุ่นก่อนรับประทาน (ใครกินได้ก็กินไปเถอะ ฮ่าๆ)

มาต่อ บ้านที่เราอยู่ก็ค่อนข้างเงียบ แต่ช่วงที่มีเด็กไทยมาทำงาน work ที่นี่ทำให้คึกคักขึ้นมาบ้าง (ทำเอาเศรษฐกิจแถวนั้นดีไปเลยทันตาเห็น เพราะพี่แกบางคนช๊อปกันกระจุย) เดินไปเดินมาไปป๊ะกับนังพี่โอ้พอดี ซวยแระ ชั้นอยากจะมีเวทมนต์หายตัวได้ขึ้นมาทันที ไม่ีรู้อารมณ์นั้นเป็นยังไงแต่แค่ไม่อยากคุยกับมันสองต่อสอง

ไอ่เราก็ทำเป็นมองไม่เห็นมันแล้วก็เดินเลี่ยงไปทางอื่น ประหนึ่งว่าถ้าเป็นหนังไทย นางเอกจะต้องโดนผู้ร้ายตามมาฉุด ฉุดกระชากลากถูเข้าไปในป่า แล้วพอตัวร้ายเริ่มถอดเสื้อ ตบนางเอกสักทีสองที แล้วเตรียมจะทำมิดีมิร้าย พระเอกก็ขี่ม้าขาวมาช่วยตอนนั้นทันที...

แต่นี่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ละครหลังข่าว ชั้นเดินทำเป็นไม่เห็น นังพี่โอ้ก็ดันทำเป็นไม่เห็นแล้วเดินไปทางอื่นเลย แหม แกจะเดินมาง้อชั้นหน่อยไม่ได้เลยนะนังโอริโอ้

ว่าแล้วก็เหมือนชั้นเดินทำมิวสิก เดินไปคิดเรื่องนังโอ้ไป (ออกแนวย้อนอดีตวันวานยังหวานอยู่) ถ้ามีฝนตกพรำๆ หน่อยนี่ชั้นจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นนางเอกมิวสิกเลยนะเนี่ย...ฮ่าๆ


และแล้วคืนนั้นก็เดินไปแบบไร้วิญญาณ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มารู้สึกตัวอีกที ตายล่ะเวรกรรม นี่ชั้นเดินมาไกลขนาดนี้เลยหรอเนี่ย เรียกได้ว่ากว่าจะเดินกลับมาถึงบ้านได้ทำเอาเหงื่อแตกพรากเลยทีเดียว...


และแล้วคืนนั้นก็พอหัวถึงหมอนก็หลับไปอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ทำงานอีกแล้ว เบื่อเจรงๆ :)





Create Date : 10 ตุลาคม 2552
Last Update : 10 ตุลาคม 2552 9:38:55 น. 1 comments
Counter : 350 Pageviews.

 
อ่านสนุกดีคะ ตามนั้นเลยคะชีวิตในเมืองนอก


โดย: tanya tanya วันที่: 28 ตุลาคม 2552 เวลา:3:41:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

couponcode
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Couponcode Blog
ShoutMix chat widget
Friends' blogs
[Add couponcode's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.