Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 16 Apr 2009

วันนี้จะพาไปชมดอกทิวลิปหลากสีสันที่ Sakura Furusato Square ซึ่งที่นี้จะเปิดให้ชมความงามของทุ่งทิวลิปช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปี




Sakura Furusato Square อยู่ไม่ไกลจากนาริตะ สามารถขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี Keisei Sakura หรือ Keisei Usui แล้วเดินต่อมาอีกประมาณสามสิบนาที ขอแผนที่ได้จากเจ้าหน้าที่ที่สถานีรถไฟ




คุณแม่และคุณลุงเพื่อนบอกว่าเวลาที่คุณครูบอกให้วาดรูปดอกไม้ เด็กนักเรียนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเลือกวาดดอกทิวลิปแทนที่จะเป็นดอกซากุระ ท่านไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไรแต่เดาว่าอาจจะวาดง่ายกว่าดอกไม้ชนิดอื่นหรือไม่ก็เพราะว่าเป็นดอกไม้ที่เด็กชื่นชอบ







ดอกทิวลิปพวกนี้ปลูกโดยเด็กนักเรียน เราสามารถเลือกซื้อและขุดดอกทิวลิปกลับไปปลูกที่บ้านได้ด้วย







สังเกตุเห็นธงชาติญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ในแปลงดอกทิวลิปกันไหมเอ๋ย




วันนี้เป็นวันเที่ยววันสุดท้ายของทริปนี้ พรุ่งนี้จะต้องกลับแล้วค่ะ ถึงเวลาต้องบอกลาครอบครัวของเพื่อนรู้สึกใจหายเวลาสองอาทิตย์ช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เวลาคนไทยร่ำลากันจะคิดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ได้พบกันใหม่แต่สำหรับคนญี่ปุ่นเค้าจะร่ำลาแบบทราบซึ้งใจเพราะคิดวันนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบกันก็ได้ใครจะไปรู้

คุณเพื่อนขับรถไปส่งที่สนามบินเจ้าหน้าที่ United Airline ก็บอกให้เช็คอินกับเครื่องเองแต่ Passport ฝ้ายไม่สามารถทำได้แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่สนใจจะช่วยเหลือเลย ทำอยู่หลายรอบก็ไม่ได้เจ้าที่ถึงมาเช็คทำให้ทราบว่า Passport ที่ต่ออายุไม่สามารถเช็คอินกับเครื่องพวกนี้ได้

พอนำกระเป๋าขึ้นชั่งน้ำหนักปรากฎว่าเกินไปสองกิโล เจ้าหน้าที่ก็พูดว่า We actually don't allow to carry more than 20 KG...but today is special because your flight has been delay for two hours. เอาอีกแล้วไอ้ประโยควันพิเศษแบบนี้เจอขาไปแล้วยังมาเจอขากลับอีก สงสัยว่า United Airline คงจะสอนให้พนักงานทุกคนพูดแต่มันเป็นประโยคที่ไม่ได้ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นเลย แต่โดยรวมๆแล้วUnited Airline ก็ยังโอเคสำหรับคนที่ต้องการเดินทางแบบราคาประหยัด

ข้อมูลต่างๆที่จะช่วยให้การเดินทางไปญี่ปุ่นง่ายขึ้น


การขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น
ซื้อ JR Pass ราคาถูก
เช็คตารางรถไฟในญี่ปุ่น
โรงแรมใกล้สถานีรถไฟราคารวมอาหารเช้า





 

Create Date : 02 สิงหาคม 2552    
Last Update : 6 มีนาคม 2553 15:52:15 น.
Counter : 1258 Pageviews.  

Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 15 Apr 2009

การมาญี่ปุ่นคราวนี้ไม่ได้วางแผนที่จะไปเที่ยวสวนสนุกเลยเพราะเมื่อสี่ปีก่อนเคยก็ไป Disney Land แล้วและค่าตั๋วก็แพงมาก 5800 เยน แต่คุณพ่อของเพื่อนอุตสาห์ลางานพาไปเที่ยวโดยให้ฝ้ายเลือกระหว่าง Disney Land กับ Disney Sea แน่นอนว่าฝ้ายย่อมเลือก Disney Sea เพราะยังไม่เคยไป ปรากฎว่าคุณพ่อคุณแม่เพื่อนก็ยังไม่เคยไปเหมือนกันค่ะ




เราเดินทางไปโดยรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า ไปถึงก่อนเวลาแต่ก็มีคนไปรอแล้วเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นคู่รักวัยรุ่นที่มาเดทกันและครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ ฝ้ายเลยถามคุณพ่อกับคุณแม่ว่ามา Disney Land ครั้งสุดท้ายเมื่อไร ท่านบอกว่ายี่สิบกว่าปีที่แล้วตอนที่เพื่อนฝ้ายยังเป็นเด็กอยู่เลย




จริงๆ ฝ้ายไม่ชอบเที่ยวสวนสนุกเท่าไรเพราะเป็นคนขี่กลัวค่ะ คราวที่ไป Disney Land คนเยอะมากๆก็เลยได้เล่นแต่เครื่องเล่นที่เด็กๆเล่นเพราะแถวจะสั้นหน่อย แต่คราวนี้คุณพ่อวางแผนเลือกเครื่องเล่นให้หมดเลยค่ะ





มีเครื่องเล่นหวาดเสียวมากมายเลย ฝ้ายกับคุณแม่เพื่อนขี่กลัวเหมือนกัน แต่ฝ้ายก็ลืมตาเล่นทุกเครื่องเล่นด้วยความอยากรู้ว่าแต่ล่ะเครื่องเล่นมันเป็นยังไง ในขณะที่คุณแม่เพื่อนหลับตาตลอดเพราะกลัวมากแต่ก็เล่นทุกเครื่องเล่นที่คุณพ่อเลือกให้




ฝ้ายมีความรู้สึกว่าเจ้าตัวการ์ตูนพวกนี้เค้าไม่ชอบผู้ใหญ่ค่ะ เวลาเดินไปขอถ่ายรูปด้วยเค้าชอบเดินหนี แต่เค้าจะวิ่งเข้าใส่เด็กๆ มันทำให้ผู้ใหญ่อย่างฝ้ายแอบน้อยใจและไม่อยากจะวิ่งไปถ่ายรูปด้วยไม่ว่าพวกเค้าจะน่ารักมากเท่าไร แต่คุณพ่อเพื่อนจะพยายามเดินไปขอให้ฝ้ายได้ถ่ายรูปด้วย คุณเพื่อนบอกว่าพวกเค้าคงถูกเทรนมาให้เป็นแบบนั้น




ม้าหมุนเครื่องเล่นที่ใฝ่ฝันในวัยเด็ก




เราทานข้าวกลางวันกันที่นี่ เบอร์เกอร์รูปหอยเชลส์อร่อยมาก เห็นปลาวาฬไหมค่ะ มันมีตัวหนังสือเขียนไว้ด้วยว่ากรุณาเงียบปลาวาฬกำลังหลับอยู่ ปลาวาฬจะลืมตาสลับกับหลับตาตลอด




รูปพาเหรดในน้ำตอนกลางวัน เสียดายที่ไม่ได้ดูพาเหรดตอนกลางคืนเพราะคุณพ่อเพื่อนต้องไปทำงานพรุ่งนี้ น้องสาวเพื่อนบอกว่าพาเหรดที่ Disney Sea สวยกว่าที่ Disney Land ค่ะ คุณแม่เพื่อนเลยบอกว่าคราวหลังไปกันใหม่แล้วก็รอดูพาเหรดตอนกลางคืนด้วย




วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สนุกและมีความสุขมากๆ จนเรียกว่าเป็นวันที่ดีที่สุดในทริปนี้จนคุณเพื่อนแซวว่าเธอมาที่นี่เพื่อดูดอกซากุระแต่ทำไมวันที่ดีที่สุดของเธอคือวันที่ไปเที่ยว Disney Sea ล่ะ ฝ้ายเลยบอกเค้าว่าเพราะฉันไปเที่ยวกับคุณพ่อและคุณแม่ของเธอไง คุณพ่อและคุณแม่เพื่อนก็บอกว่าเค้าก็รู้สึกสนุกมากๆถึงแม้จะดูอายุมากที่สุดในบรรดาคนที่ไปเที่ยว Disney Sea ก็ตาม




Tower of Terror เป็นเครื่องเล่นที่สุดยอดน่ากลัวของฝ้าย ออกจากตึกแล้วฝ้ายยังมายืนร้องกรี๊ดอยู่หน้าตึกเลย




ฝ้ายปิดท้ายการเที่ยววันนี้ด้วยการช็อปปิ้งของฝากค่ะ ถ้าใครจะไปเที่ยวสามารถเข้าไปหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ Tokyo Disney Sea

ตอนต่อไปจะพาไปชมดอกทิวลิปที่ Sakura Furusato Square






 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 6 มีนาคม 2553 15:54:18 น.
Counter : 784 Pageviews.  

Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 14 Apr 2009

เมื่อวานบอกที่บ้านเพื่อนว่าวันนี้จะเข้า Tokyo แม่เพื่อนก็บอกว่าพรุ่งนี้ฝนจะตก ตอนเช้าก่อนออกจากบ้านคุณแม่เพื่อนก็ยื่นร่มให้ค่ะ ฟ้าคริ้มไปหมดเป็นวันแรกที่อากาศไม่ดี ฝ้ายไม่ชอบเวลาฝนตกที่ญี่ปุ่นเพราะลมแรงและอากาศก็จะหนาว

นั่งรถไฟจากที่บ้านเพื่อนไปลงสถานีรถไฟ Tokyo แล้วก็เดินต่อไปเจอกับ Wadakura Fountain Park ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงวันราชาภิเษกสมรสของพระเจ้าจักรพรรดิ์ Akihito และสมเด็จพระจักรพรรดินี Michiko ในปีค.ศ. 1961

น้ำพุที่เห็นจะพุ่งเป็นเวลานะค่ะ ตอนฝ้ายไปก็นั่งรอสักพักน้ำพุก็พุ่งขึ้น ด้วยความตื่นเต้นเลยลืมถ่ายรูป ต้องรอจนน้ำพุพุ่งขึ้นใหม่อีกรอบ




ภายหลังในปีค.ศ. 1995 ได้มีการปรับปรุงและสร้างน้ำพุใหม่ขึ้นโดยใช้ธีม "Continuity and New Development" เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองงานราชาภิเษกสมรสของมงกุฏราชกุมาร ถ้าสังเกตุจะเห็นว่ามีคลองเล็กๆสี่สายที่เชื่อมระหว่างน้ำพุใหม่และน้ำพุเก่าเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ถึงการราชาภิเษกสมรสของราชวงค์สองรุ่น




จากน้ำพุเดินต่อไปอีกนิดก็ได้พบกับ Imperial Palace แล้วค่ะ





Nijubashi (Double Bridge) เป็นสะพานคู่ที่เข้าไปสู่ด้านในของพระราชวัง ถ้ามองจากทางด้านหน้าสะพานจะเหมือนเป็นสะพานแว่นตาหรือที่เรียกว่า Meganebashi

รูปสุดท้ายฝ้ายเอากล้องไปตั้งกับเหล็กที่กั้นเพื่อถ่ายรูปกับสะพาน มีฝรั่งคนหนึ่งคิดว่าคงเป็นช่างภาพเดินมาอาสาถ่ายให้ ถ่ายมาสวยชอบมากๆเลย




รุปข้างล่างเป็นวิวอีกด้านหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าประตูตรงนี้เรียกว่าอะไร





พอเดินทะลุประตูไปก็จะพบกับตึกอิฐสีส้มที่ดูคลาสสิคดี





รูปปั้นของ Kusunoki Masashige





ตอนที่เดินอยู่แถว Imperial Palace เห็น Tokyo Tower อยู่ไม่ไกลมากเลยตัดสินใจไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไป Tokyo Tower ก่อนเดินถึง Tokyo Tower ก็แวะวัด Zojoji ก่อนเพราะเป็นทางผ่านพอดี




เวลาไปวัดญี่ปุ่นจะเห็นรูปปั้นหินที่เป็นเด็กเรียงรายเป็นแถว คุณพ่อเพื่อนบอกว่าเวลาที่คนญี่ปุ่นแท้งลูกหรือเด็กตายในท้อง เค้าก็จะนำรูปปั้นหินมาตั้งในวัด ฝ้ายเข้าใจว่าเพื่อระลึกถึงลูกที่จากไป





วิวด้านหน้าของวัด





วิว Tokyo Tower ที่ด้านหลังของวัด





วิวสวนใกล้ๆ Tokyo Tower ใบไม้ยังเป็นสีส้มเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ร่วงเลย





ในที่สุดก็มาถึงแล้วค่ะ Tokyo Tower




ฝ้ายไม่ได้ขึ้นไปข้างบนนะค่ะ เพราะอากาศไม่ดีตอนไปถ่ายรูปด้านหน้าฝนก็เริ่มตกแล้วด้วย จริงๆก็ไม่อยากขึ้นอยู่แล้วเพราะมาคนเดียวแอบเหงา อย่างที่รู้กันว่า Tokyo Tower เป็นสถานทีที่โรแมนติกของคู่รักมากมายในซีรีย์ญี่ปุ่น

เหตุผลผลที่ฝ้ายอยากไปเห็น Tokyo Tower กับตาตัวเองเพราะซีรีย์เรื่อง Tokyo Tower - Mom & Me, and sometimes Dad มันเป็นเรื่องราวของพ่อแม่ลูกที่ทำให้ฝ้ายน้ำตาไหลทั้งเรื่องเลย Tokyo Tower เป็นจุดเริ่มต้นที่พระเอกกับนางเอกมาพบและบอกลากัน

อีกไม่นาน Tokyo Tower แห่งนี้ก็จะเป็นอดีตไปแล้วเพราะจะมีการสร้าง Tokyo Tower แห่งใหม่มาแทน เพราะฉะนั้นใครไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมไปบอกลาเจ้าหอคอยสีแดงอันนี้ด้วยนะ

ตอนต่อไปจะพาไป Disney Sea ค่ะ





 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 6 มีนาคม 2553 15:56:11 น.
Counter : 688 Pageviews.  

Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 13 Apr 2009

วันนี้แผนการท่องเที่ยวแน่นมากค่ะ ตอนเช้าจะไปเดินขึ้นเขาที่ Yamadera หรือวัดบนภูเขา Yamadera ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่เราต้องไปเยือนถ้ามาแถวโทโฮขุแล้วมิฉะนั้นจะถือว่ายังมาไม่ถึง

ด้วยความรีบร้อนขึ้นรถไฟผิดแต่สามารถต่อรถไฟขบวนใหม่ได้ พอเดินออกจากสถานีรถไฟก็ถึงเวลามั่วเส้นทางอีกแล้วเพราะเป็นวันธรรมดาเลยไม่มีฝูงชนให้เดินตาม ต้องมองหาป้ายตามข้างทางเอา แต่โชคดีค่ะไม่หลง ก่อนเดินขึ้นบันไดกว่า 1100 ขั้นก็ไหว้พระที่ข้างล่างกันก่อน




จุดเริ่มต้นเดินขึ้นเขา




วิวบนภูเขาก็สวยงามทีเดียว




ระหว่างทางเดินไปสู่วัดบนยอดเขา ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และรูปปั้นพระให้เราได้สักการะไปตลอดทางเลย




พอเดินลงเขาก็เดินมาเจอเจ้าแมวสีขาวตัวนี้เลยถ่ายรูปมาฝากคนรักน้องแมว




นั่งรถไฟกลับ Sendai เราจะไปชมวิวเมือง Sendai บนภูเขา Aoba ที่เคยเป็นที่ตั้งของปราสาท Sendai (Aoba Castle) โดยใช้บริการ Loople Sendai Bus น่าเสียดายที่ตัวปราสาทได้ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้น

รูปปั้นนักรบขี่ม้าที่เห็นคือ Date Masamune ผู้ก่อตั้งแคว้น Sendai และเจ้าเมือง (ไดเมียว) คนแรกของ Sendai




ที่บริเวณใกล้ๆ เราจะพบกับศาลเจ้า Gokoku ซึ่งตอนที่ฝ้ายไปมีคู่แต่งงานมาทำพิธีด้วยค่ะ




สถานที่สุดท้ายของวันนี้คือแม่น้ำ Shiroishi เราจะไปเดินชมความงามของดอกซากุระกัน และที่นี่ก็จะเป็นที่สุดท้ายที่เราจะมีโอกาสได้ดูดอกซากุระกันแบบเต็มๆ




วิวต้นซากุระที่อยู่ริมแม่น้ำและทางเดินเลียบเเม่น้ำที่นี่สวยสุดๆ










ปิดท้ายทริปชมซากุระด้วยสองรูปนี้ เหนื่อยสุดๆแต่ยังยิ้มได้เพราะความฝันที่อยากจะเห็นดอกซากุระได้ถูกเติมเต็มในการมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้







ขากลับนั่ง Shinkansen เจอผู้ชายโรคจิตญี่ปุ่นมานั่งข้างๆ แล้วเอาเสื้อแจคเก็ตคลุมขากับมือตัวเองเอาไว้ นั่งไปสักพักมันเอามือมาลูบขาฝ้าย ทั้งที่อุตสาห์เอากระเป๋าวางไว้บนขาแล้ว อยากจะกรี๊ด ฝ้ายหันกลับไปจ้องที่เสื้อแจคเก็ตของมัน คิดว่าถ้ามือแกจับขาฉันอีกทีจะโวยวายให้ลั่นเลย มันเลยทำเป็นหยิบโทรศัพท์แล้วเดินจากไป ถึงบ้านเล่าให้เพื่อนฟังเค้าก็หัวเราะใหญ่เลยแล้วบอกว่าเธอรู้ใช่ไหมว่าคนแบบนี้ที่ญี่ปุ่นมีเยอะ ฝ้ายก็บอกว่ารู้แต่เนี่ยมันใน Shinkansen ไม่ใช่รถไฟ Local ที่คนเยอะแล้วต้องเบียดหรือสัมผัสกันนิ เฮ้อๆ สาวๆที่ไปเที่ยวคนเดียวก็ระวังไว้หน่อยนะ

ตอนต่อไปจะพาไปเที่ยว Tokyo ในวันที่ฟ้าคริ้มและฝนตก









 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 6 มีนาคม 2553 16:00:17 น.
Counter : 906 Pageviews.  

Cottony @ Japan : SprinG TiMEs 12 Apr 2009

วันนี้ออกเดินทางคนเดียวอีกแล้วมีจุดมุ่งหมายขึ้นเหนือไป Sendai แต่จะแวะ Fukushima เพื่อดูดอกไม้ที่ Hanamiyama ก่อน คุณพ่อเพื่อนบอกว่ายังไม่เคยไปที่นี่เหมือน คุณเพื่อนก็ถามว่าเธอจะหลงทางไหมเนี่ย ฝ้ายเลยบอกว่าฉันค้นข้อมูลมาเค้าบอกว่าลงรถไฟที่สถานี Fukushima แล้วต่อรถบัสไม่ต้องเป็นห่วงเค้าบอกว่าให้ตามฝูงชนไปรับรองไม่หลงแน่ ปรากฎว่าวิธีนี้ได้ผลจริงๆค่ะเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ทุกคนก็มุ่งหน้าไปที่ภูเขาดูดอกไม้กันเยอะมาก




Hanamiyama เนี่ยแปลเป็นภาษาไทยแบบตรงๆก็คือ ภูเขาสำหรับชมดอกไม้ พอลงจากรถบัสเราก็จะพบกับภูเขาที่มีแต่ดอกไม้ทั้งภูเขาเลยค่ะ




ได้รับแจกแผนที่ด้วย ในแผนที่จะระบุถึงชื่อดอกไม้และจุดที่เราจะสามารถชมดอกไม้นั้นๆได้ แต่เวลาฝ้ายมีน้อยก็เลยเดินไหลตามฝูงชนไปเลยค่ะ




มีช่างถ่ายรูปทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพมาถ่ายรูปดอกไม้และนกเยอะมากค่ะ แต่กล้องของฝ้ายไม่สามารถที่จะเก็บภาพนกได้เลยได้ยินแต่เสียงนกร้องเเทน







ภาพข้างล่างนี้เป็นภาพที่ฝ้ายถ่ายตอนเดินขึ้นเขาไปแล้วนะค่ะ ถ่ายย้อนลงมา เป็นวิวที่สวยมากๆทั้งภูเขามีแต่ดอกไม้ที่บานสะพรั่งเต็มไปหมด




วิวของเมือง Fukushima ที่อยู่ข้างล่าง




เดินขึ้นภูเขาชมดอกไม้อาจจะเหนื่อยบ้างแต่มีความสุข เพลินเพลิดกับสีสรรของดอกไม้ ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงต้นเดือนเมษาอย่าลืมแวะมาที่นี่นะค่ะ




ฝ้ายนั่งรถบัสกลับไปสถานีรถไฟเพื่อต่อรถไฟไป Sendai นำกระเป๋าไปทิ้งไว้ที่โรงแรมแล้วนั่งรถไฟไป Matsushima

Matsushima เป็นสถานที่ที่ชาวญี่ปุ่นขนานนามว่า Nihon Sankei หรือหนึ่งในสามของวิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น

ฝ้ายไปถึง Matsushima ก็บ่ายสามโมงแล้วค่ะ เจ้าหน้าการท่องเที่ยวได้ให้เอกสารและแผนที่เป็นภาษาไทยมา ดูยากจังก็เลยเดินไปแบบเดาๆ ที่แรกที่ไปแวะคือวัด Zuiganji




วัด Zuiganji เป็นวัดนิกายเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในแถบโทโฮขุ วัดนี้เป็นที่รู้จักกันว่ามีภาพวาดบนประตูบานเลื่อนโบราณที่สวยงาม น่าเสียดายที่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปภายในวัดค่ะเลยไม่มีภาพมาให้ชม




สถานที่ต่อไปคือศาลเจ้า Godaido ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของอ่าว Matsushima นักบวช Jikaku Daishi คนที่สร้างวัด Zuiganji ได้อัญเชิญรูปปั้นเทพเจ้าห้าองค์มาประดิษฐานไว้ ศาลนี้จึงได้ชื่อว่า Godaido คำว่า Go ในภาษญี่ปุ่นแปลว่าห้าค่ะ

สะพานไม้สีแดงที่ข้ามไปสู่เกาะอันเป็นที่ตั้งของ Godaido มีชื่อว่า Sukashibashi หรือสะพานโปร่ง พื้นสะพานมีลักษณะโปร่งมีช่วงว่างระหว่างไม้ห่างกัน 1 คืบ เวลาเดินข้ามสะพานจะมองเห็นพื้นน้ำด้างล่างได้ ว่ากันว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยทำให้มีสมาธิก่อนที่จะไปสักการะ Godaido ปัจจุบันถือว่าเป็นสะพานที่ช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก เพราะว่าคู่รักที่พากันมาข้ามสะพานมักจะพากันเดินจูงมือกันเดินข้ามไปเพื่อไม่ให้พลัดตกร่องสะพาน




รูปสะพานไม้สีแดงยาวๆนั่นคือสะพาน Fuukurabashi ใช้ข้ามไปเกาะ Fukuura-jima เชื่อว่าเมื่อเดินข้ามสะพานนี้จะช่วยให้พบเจอกับคนที่คิดถึง หรือเมื่อเดินข้ามกับคู่รักก็จะทำให้รักกันมากขึ้น เกาะแห่งนี้ถูกอนุรักษ์ให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดย่อม แต่ว่าฝ้ายไม่มีเวลาเลยไม่ได้ข้ามไปดูเสียดายจัง เห็นเด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นพากันเดินข้ามเป็นกลุ่มใหญ่เลยค่ะ

ส่วนรูปสะพานด้านล่างใช้ข้ามไปเกาะ Oshima เป็นสะถานที่ที่พระสงฆ์นิยมมาบำเพ็ญเพียรตั้งแต่สมัยโบราณ บนเกาะนี้มีถ้ำหินมากมายใช้เป็นที่สำหรับอธิษฐานให้ผู้เสียชีวิตไปสู่สุคติ เชื่อกันว่าถ้าข้ามสะพานนี้จะทำให้ลืมเรื่องที่ไม่ดีในอดีตได้จึงถือว่าเป็นสะพานแห่งการจากลา ลาจากสิ่งไม่ดี ฝ้ายไม่ได้ข้ามไปเหมือนกันเพราะท้องฟ้ามันครึ้มดูเหมือนฝนจะตก แถมมีฝ้ายเดินไปเกาะนั่นอยู่คนเดียว เพิ่งมาอ่านข้อมูลจากเอกสารทีหลังว่าภายในถ้ำบนเกาะมีสถูปเจดีย์หินหรือพระพุทธรูปและร่องรอยแกะสลักชื่อคนตายไว้ที่กำแพงถ้ำด้วย ขนลุกเลยไม่อยากเจอพี่ญี่ปุ่นนะ




พอเดินถึงสถานีรถไฟ ฟ้ามืดเลยฝนก็ตกปอยๆ คุณเพื่อนโทรมาเช็คก็บอกไปว่าวันนี้ฉันไม่หลงทางนะ ฉันตามฝูงชนไป อากาศก็ไม่หนาวด้วย ทุกคนเป็นห่วงค่ะกลัวว่ามา Sendai แล้วจะหนาวกลัวฝ้ายไม่สบายกลับไป

ตอนต่อไปจะพาไปไหว้พระบนภูเขาที่ Yamadera ชมปราสาท Sendai แล้วก็ดูซากุระที่แม่น้ำ Shiroishi






 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 6 มีนาคม 2553 16:04:53 น.
Counter : 1632 Pageviews.  

1  2  3  4  

Cottony
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Cottony's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.