Group Blog
|
(แฉ) เจ้านายที่(ไม่)รัก 2 ภาค 2
เอาล่ะ.. ถึงเวลาแฉคุณลูกผู้มีสมญานามว่า กอล์ฟซิลล่า..
อันที่อิชั้นเรียกหล่อนแบบนี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าหล่อนชื่อกอล์ฟ.. ส่วนซิลล่า..... มาได้ก็เพราะว่า ตัวใหญ่เหมือนก๊อดซิลล่านั่นแหละย่ะ.. คิดไม่ผิดหรอก-_-'' เวลาเดินทีเราจะได้ยินเสียง ตึง! ตึง! ตึง! พื้นสั่น บ้านสะเทือนมาเลย.. คิดว่าน้ำหนักน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าหล่อนเป็นเด็กนอก.. ส่วนเรื่องความรู้ด้านภาษาอังกฤษนี่อิชั้นไม่ค่อยแน่ใจ.. เอาเป็นว่าแม่คนนี้เป็นครูใหญ่โรงเรียนสอนภาษาที่วาทะดี ผักชีโรยหน้าเป็นเลิศ.. แต่อิชั้นไม่ค่อยมั่นใจว่าก่อนหน้าที่จะจบมาจากโรงเรียนการโรงแรม.. แกเคยไปฝึกงานเป็นพัศดีในคุกมาก่อนรึเปล่า.. เพราะบางทีอิชั้นก็รู้สึกเหมือนว่าได้ทำงานเป็นนักโทษอยู่ในคุกมากกว่าโรงเรียน บางทีถึงขั้นเพ้อ(เจ้อ)เห็นรั้วโรงเรียนเป็นรั้วลูกกรงกันเลย.. ก็คิดดูเอาเถิด.. โรงเรียนเนี่ยเค้าใช้บ้านเป็นโรงเรียน.. เอาห้องต่างๆในบ้านมาใช้แทนห้องเรียนแล้วก็มีสระว่ายน้ำ.. ทางเข้าห้องครัวด้านหลังบ้านจะมีโซฟานั่งรับแขกพร้อมทีวี1เครื่อง สเตอริโอ1อัน เอาไว้ให้ผู้ปกครองนั่งดูเวลามารอรับเด็กนักเรียน.. (บอกตามตรงว่าดูภายนอกก็ดูดีเลยแหละ) ทีนี้ด้วยความที่อิชั้นทำงานกับเจ้านายคนเก่า ทุกอย่างมันก็สบายๆ.. พนักงานก็เหมือนพี่น้องเหมือนลูกสาวเจ้านาย.. ไม่ได้สำเหนียก ว่าที่เชียงใหม่เค้ายังไม่เลิกระบบทาสกัน.. ตอนนั้นเพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์.. พอใกล้เลิกงานประมาณ5โมงเด็กทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือแต่พนักงานกันเองกำลังเก็บกวาดบ้านอยู่.. อิชั้นเก๊าะหยิบมือถือของตัวเองมานั่งที่โซฟาทางเข้าครัวที่ว่า แล้วโทรหาเพื่อนถามว่ามันอยู่ไหนแล้ว(ช่วงแรกๆอิชั้นเดินทางเองยังไม่ได้) คุยไปไม่ถึงครึ่งนาที นังพัศดีเปิดประตูออกมาเจอ.. หล่อนชี้นิ้วใส่หน้าอิชั้นบอกว่า นี่ๆ น้อง.. ห้าม!มานั่งคุยโทรศัพท์ตรงนี้เลยนะ เข้าไปคุยในครัวโน่น! ตรงนี้ที่สำหรับเด็กๆกับผู้ปกครอง มานั่งตรงนี้ไม่เหมาะสม เกิดใครมาเห็นเข้า เข้าไปในครัวเลย! ระหว่างการพูดนางยักษ์เอานิ้วชี้ชี้หน้าอิชั้นสลับกับในครัวตลอด.. อิชั้น.............. บอกได้คำเดียวว่า อึ้ง.. อึ้ง.. ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนปฏิบัติเหมือนตัวเองเป็นพลเมืองชั้น2 ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต.. หน้าชาเลยอ่ะ โดยที่หารู้ไม่ว่า นั่นมันแค่ครั้งแรก.. และไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย.. ครั้งต่อมา อิชั้นทำงานกับที่นี่ได้ราวๆ 6 เดือน.. มันลากอิชั้นออกไปทำงานเข้าแคมป์วันเดียวกลับที่รีสอร์ตกลางเขา ห่างจากตัวเมืองประมาณเกือบชั่วโมง.. กับเด็กประถมร้อยกว่าคน.. ในวันแรงงาน! ใช่แล้ว.. 1 พฤษภาคม วันที่ทุกๆคนที่ไม่ใช่ราชการได้นอนอยู่บ้าน.. แต่มันจิกหัวพนง. 3 คนในบริษัทออกมาทำงานตั้งแต่7โมงเช้าถึง4โมงเย็น.. โดยไม่มีมีค่าแรงแม้แต่บาทเดียว.. ในขณะที่ครูฝรั่ง 5 คนที่ไปด้วยกันได้ค่าแรงคนละ 1500 บาทถ้วน วันนั้นทั้งวันอิชั้นวิ่งรอกจัดค่ายยกน้ำยกอาหารมาช่วยมันทั้งวัน.. ในใจอยากด่ามันมาก แต่ด้วยความที่พี่คนเก่าที่ทำงานกับมันมานานก็ยังกัดฟันทน.. อิชั้นก็เลยรู้สึกว่าบางทีมันอาจจะเป็นส่วนนึงของงาน(?)ที่อิชั้นก็ต้องทน.. พอเด็กๆพักเที่ยงกินข้าว.. อิชั้นก็ดูแลความเรียบร้อยจนถึงตอนที่เห็นเด็กๆทุกคน ได้ที่นั่งกินข้าวหมดแล้ว.. พี่ๆอีก2-3คนก็เดินๆดูอยู่.. อิชั้นเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรมากแล้วเพราะเด็กที่มาก็ป.5-ป.6 มันเกิน10ขวบกันหมดแล้ว แค่กินข้าวน่าจะกินกันเองได้.. แต่อิชั้นผู้ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมว่าวันนี้จะได้กลับบ้านกี่โมง ก็เลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์เดินแว้บออกมาหน้ารีเซปชั่น.. เอามาโทรบอกเพื่อนให้เตรียมตัวไว้ว่าอิชั้นจะกลับกี่โมงก็ไม่รู้.. แล้วก็บ่นๆกะมันว่าเหนื่อยมาก.. ออกมาโทรศัพท์เห็นครูฝรั่งคนนึงยืนสูบบุหรี่ปุ๋ยๆๆอยู่ใกล้ๆ.. พอคุยเสร็จ แค่แป๊บเดียว อิชั้นกะลังจะเดินกลับขึ้นไปที่ลานอาหาร.. นังก๊อดซิลล่าเดินตึง! ตึง!ออกมารับอิชั้นถึงหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งมีแขกคนอื่นยืนอยู่เยอะแยะ.. หล่อนชี้หน้าอิชั้น(อีกแล้ว) แต่คราวนี้ต่อหน้าคนอื่นเป็นสิบ.. แล้วเสียงดังใส่ว่า เด็กกำลังกินข้าว! เธอออกมายืนคุยโทรศัพท์แบบนี้ได้ยังไง! รีบกลับเข้าไปข้างในเลยนะ! เธอนี่หลายทีแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ..เดี๋ยวเธอจะโดน.. อิชั้น.......... อึ้งแดกอีกแล้ว.... อ้าปากจะเถียงพร้อมกับหันไปมองอีครูฝรั่งที่ยังยืนสูบบุหรี่.. เข้าใจทันทีว่า.. อ้อ.. ก็กูมันคนไทยนี่เนอะ.. คนไทยด้วยกันมันต้องทรีทกันเหมือนขี้ข้าเหมือนทาสแบบนี้สิถึงจะถูก.. มานี่ไม่ได้เงินซักบาท ออกมาโทรศัพท์2นาทีโดนด่า.. ฝรั่งอังกฤษไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากพาเด็กๆเล่นเกมส์.. เวลาเด็กแดกข้าวก็ไม่ต้องมายืนป้อน แถมพอกลับไปยังได้เงินอีกตั้งพันห้า รู้เช่นเห็นชาติทันทีว่าบ้านนี้มันก็แค่พวกบูชาฝรั่งเหยียบย่ำคนไทยด้วยกันเอง คนที่เคาน์เตอร์ตรงนั้นก็มองอิชั้น.. อิชั้นมองหน้ามันแล้วก็เดินเข้าไปข้างในไม่พูดอะไร.. กำโทรศัพท์แน่น.. (ถ้ารวยนักก็คงจะปาทิ้งไปแล้ว) แต่ในใจรู้สึกชัดเจนว่า กูเกลียดมึงจริงๆ นังเท้าช้าง-_-'' อ่านแล้วคงสงสัยว่า ทำไมอิชั้นไม่เถียงหรือด่ามันกลับไปมั่ง.. แต่อิชั้นก็ยังมีเหตุผลเดิมว่าอิชั้นตกงานไม่ได้.. งานที่เชียงใหม่ที่ให้เงินเดือนถึงหมื่น2มันหาไม่ได้อีกแล้ว.. ถ้ายังหาไม่ได้ อิชั้นไม่มีสิทธิ์ไปเถียงหรือด่าอะไรมันทั้งนั้น.. (จริงๆแล้วคือกลัวมันโดดทับ.. ตัวมันน่าจะเท่าอิชั้น3คนรวมกันได้-_-'') (จนถึงวันนี้อิชั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าจะให้ไปยืนเฝ้าเด็กทำพระแสงอะไร มันคิดว่าเด็ก10ขวบจะตบแย่งข้าวกันกิน หรือง่อยเปลี้ยเสียมือ ตักข้าวแดกเองไม่ได้ซะก็ไม่รู้) วันนั้นตกลงว่าอิชั้นได้กลับบ้านมาตอน5โมงกว่าๆ.. กลับไปก็นั่งระบายความแค้นให้เพื่อนฟังแบบโคตรแค้น.. แต่ทำอะไรไม่ได้.. เพราะยังไงๆก็ยังต้องพึ่งเงินมันอยู่.. ก่อนจะเล่าไปถึงครั้งที่3ที่อิชั้นเหลืออดจนสุดท้ายต้องลาออก.. ขอเม้าท์แตกเรื่องภาษาอังกฤษไฮโซของหล่อนก่อน.. ด้วยความที่บ้านนี้เจ้าของเงินมีอยู่แค่3คนคือพ่อแม่ลูก.. งานหลักๆต่างๆที่เกี่ยวกับกิจการโรงเรียนเลยจะตกอยู่กับนังกอล์ฟซิลล่า.. รวมถึงทำแผ่นพับ(ภาษาอังกฤษไฮโซววว)โปรโมทโรงเรียน.. อิชั้นเข้ามาหลังจากที่แผ่นพับมันตีพิมพ์แล้ว แจกคนเค้าไปแล้ว.. ตอนที่โดนสั่งให้ไปจัดตู้เก็บของก็เลยไปเจอแผ่นพับที่ว่านี่เข้า.. ในหน้าที่ 2 ของแผ่นพับ.. แม่นี่เขียนลงไปด้วยความภาคภูมิใจว่า.. "หลักการดำเนินงานของเรา" "Our Principal" ....... อิชั้นอ่านเจอเลยถึงกับเกือบขำแตก.. แต่ต้องแอบหัวเราะเพราะอย่าลืมว่าอยู่ในคุก.. หัวเราะเสียงดังเด๋วแม่มาชี้หน้าด่ากูอีก.. ก็แหม.. จะไม่ให้ขำได้ไง.. จากหลักการของเรา.. กลายเป็น "ครูใหญ่ของเรา" ซะงั้น 5555 อันที่ถูกจริงๆมันต้องเขียนว่า "principle" ไอ้ที่หล่อนสั่งพิมพ์ด้วยความมั่นอกมั่นใจนั่นน่ะมันแปลว่าครูใหญ่! แต่ก็สายเกินแก้ซะแล้ว.. เพราะก็คงแจกชาวบ้านชาวช่องเค้าไปไม่รู้เท่าไหร่.. อิชั้นก็ไม่บอกมันด้วยนะว่าสะกดผิด.. ปล่อยให้มันง่าวแบบนี้ต่อไปก็ดี.. อันที่จริงไอ้เรื่องสะกดผิดมันก็ไม่แปลกหรอก.. ถ้าคนๆนั้นไม่ได้เรียนที่อังกฤษมาตั้งแต่อายุ13ยันป.โท แถมยังเรียกตัวเองว่าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษอีกต่างหาก.. ที่สำคัญ... อิชั้นไม่เคยคิดซ้ำเติมใครที่ภาษาอังกฤษด้อย.. ถ้าเพียงแต่คนๆนั้นจะไม่ปฏิบัติกับอิชั้นอย่างกับขี้ข้าอย่างที่เค้าทำ.. งานนี้เลยได้แต่ขำกลิ้งกันไป.. อีกครั้งนึงกอล์ฟซิลล่าปล่อยไก่ในงานคริสมาสต์ที่จัดที่โรงเรียน.. ด้วยความมั่นใจ(ตามเคย)หล่อนก็พิมพ์ตารางงานคร่าวๆออกมาแจกอิชั้นกับครูฝรั่ง.. ประมาณมอบหมายหน้าที่ว่าใครต้องทำอะไรตอนไหนบ้าง.. มีอจ.ฝรั่งอยู่2คนชื่อโมนิก้ากับไรอัน เป็นเพื่อนกัน แล้ว2คนนี้ก็สนิทกับอิชั้นพอสมควร.. พอเค้าได้ใบหน้าที่ของเค้าไปปุ๊บก็ยืนอ่าน.. อ่านๆไปดีๆอยู่ๆ2คนนี้ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน.. แล้วมาชี้ชวนอิชั้นไปดู.. ในใบสั่งงานเค้าเขียนไว้ว่า.. 17.00 hrs: Monica and Ryan stand by at the gate. And distribute X'Mas "RELIC" to the students. อิชั้นอ่านแล้วก็ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก กูขามมมมมม.. ก็เค้าตั้งใจจะเขียนบอกว่า.. ให้2คนนี้ไปยืนที่หน้าประตูแล้วแจก"เนื้อเพลง"คริสมาสต์ให้เด็กๆ.. เนื้อเพลงมันคือคำว่า "lyrics" แต่เค้ากลับสะกดมันว่า RELICซึ่งแปลว่า พระบรมสารริกธาตุอ่ะ อุ๊ฟฟฟฟ อิชั้นเลยเอาเรื่องนี้มาเม้าท์กับพี่ป.ที่ว่าเป็นญาตินังกอล์ฟซิลล่า.. พี่เค้าฟังบอกว่า.. ฮู้ยยยยยยย จบอังกฤษตรางูมาแน่ๆ.. ไม่ก็ไอ้ใบปริญญาที่ตั้งไว้น่ะ.. อาจจะซื้อเค้ามาก็ได้นะ อิชั้นไม่ขอเอ่ยชื่อสถาบันที่เค้าจบมาก็แล้วกัน.. เพราะพูดไปก็เหมือนไม่ให้เกียรติสถาบันเค้า.. แต่ก็เดาเอาว่าเวลาทำรายงานจบนี่อาจจะจ้างเพื่อนพิมพ์ให้.. เพราะหล่อนจบเกีรยตินิยมอันดับ2ด้วยสิ ธรรมดาที่ไหน-_-'' นี่แค่เล็กๆน้อยๆ ระหว่างที่ทำงานอยู่กะเค้า อิชั้นเห็นปล่อยไก่เรื่องแกรมม่าเรื่องภาษาหลายหนแต่ไม่ได้จำไว้.. ที่จำได้เด็ดๆก็2อันนี้แหละ.. ครูใหญ่ กับ พระบรมสารีริกธาติ 55555 สุดท้าย... เรื่องที่ทำให้อิชั้นปรี๊ดแตกจนลาออกเกิดขึ้นหลังจากทำงานเป็นเดือนที่ 8.. อิชั้นเป็นคนพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับนึง(บอกไปแล้ว) ทำให้พวกครูฝรั่งในโรงเรียนมีอะไรก็ชอบเรียกหาอิชั้น.. บางทีก็มาชวนคุยเล่น มาถามโน่นถามนี่ ให้ช่วยเรื่องนั้นเรื่องนี้บ้าง.. แล้วทีนี้มีช่วงนึงที่นังกอล์ฟซิลล่าไปเมืองนอก.. มีแต่ตาลุง(ตัวแสบ)อยู่เฝ้าร.ร.และคอยจับตาดูพนง. (ที่มีกันอยู่แค่ 3 คนนั่นน่ะ) วันก่อนมันจะกลับอิชั้นเครียดมากกกกก เพราะมันไปบอกให้ผู้ปกครองนักเรียนที่จะไปเรียนต่ออังกฤษให้ไปกทม.เพื่อตรวจร่างกายx-rayปอดเพื่อขอVISA แล้วบอกว่าไปร.พ.ไหนก็ได้.. แต่พอเอาผลตรวจไปยื่นที่สถานทูต เค้ากลับบอกว่าไม่รับผลตรวจจากที่อื่นนอกจากร.พ.นี้ๆเท่านั้น.. ตั๋วกลับมาเชียงใหม่ของแม่ลูกคู่นี้คือวันเดียวกัน.. นังคุณแม่ก็โทรมาเลยค่ะ ด่ายาวมากกกกกกกกกกกกก เพราะโกรธที่ทำให้เค้าลงไปเสียเที่ยว ทั้งที่ตัวต้นเหตุมันไปหลั่นล้าเมืองนอกโน่นแล้ว.. อิชั้นที่เสือกซวยมาช่วยมันดูแลเรื่องขอวีซ่าของเด็ก.. เลยต้องรับเรื่องแทน ด้วยการโดนนังคุณแม่โทรมาด่า10กว่ารอบ แล้วอิชั้นก็ต้องโทรติดต่อสถานทูตขอข้อมูลมาให้ชัดเจน.. อิชั้นปวดหัวสุดๆแล้วก็เครียดสุดๆเพราะไม่รู้จะทำยังไง.. เค้ากลับไปตรวจร่างกายที่อีกร.พ.นึงไม่ทันแล้ว เพราะเครื่องที่กลับเชียงใหม่กำลังจะออก.. สุดท้ายต้องบอกให้เค้ากลับมาเชียงใหม่โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย แต่เสียเวลาไปเกือบ 3 ชม. ช่วยหาทางว่าจะทำยังไงได้.. พอเสร็จจากตรงนี้ก็พอดีมีครูฝรั่งมาชวนคุย.. อิชั้นก็คุยกะเค้าเพราะหน้าเค้าเหมือนสปีเดิ้ลในCSI Miami.. ไม่ใช่.... จริงๆคุยด้วยเพราะเห็นว่าใกล้เลิกงานแล้ว.. น่าจะอีก15นาทีได้.. อิชั้นก็บ่นๆว่าเหนื่อยสุดอ่ะวันนี้ เครียดมากเลย.. พอวันรุ่งขึ้นนังกอล์ฟซิลล่ากลับมา.. อิชั้นแอบหวังลึกๆว่ามันจะเห็นใจอิชั้นบ้าง เพราะเมื่อวานทุกคนเห็นว่าอิชั้นหัวปั่นขนาดไหน.. วันนี้ก็ยังแอบเครียดเรื่องนี้แทนมันอยู่.. มันเรียกอิชั้นเข้าไปคุยในห้องที่มีมันกะแม่และพ่อนั่งอยู่.. บอกกับอิชั้นว่า.. นี่น้อง.. ตอนที่พี่ไม่อยู่ ลุงเค้าบอกว่าน้องคุยกับครูฝรั่งบ่อยมากเกินไปเลยนะ.. น้องรู้มั้ยว่ามันกินเวลางาน เวลางานทำงานบ้างรึเปล่า หรือมัวแต่คุยเล่นกับครูฝรั่ง.. แล้วกินแรงพี่ป. .. พี่จ่ายเงินน้องมาทำงาน ไม่ใช่มาคุยเล่นกับครูนะ ทีหลังระวังไว้ด้วย.. โอ้ววววววววว....... เวลางานทำงานบ้างรึเปล่าเหรอ????? อิชั้นงงแดกเลยค่ะ แล้วเรื่องเมื่อวาน ที่กูทำงานให้มึงจนไมเกรนจะแดกนั่นล่ะ.. โดนผู้ปกครองด่าก็มารับหน้าแทนมึงนั่นล่ะ.. อิชั้นไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองอะไรทั้งนั้น.. แต่อิชั้นบอกได้คำเดียวว่า เวลาที่ต้องทำงาน อิชั้นไม่เคยอู้.. ถ้างานมีอยู่ตรงหน้าอิชั้นจะทำให้มันเสร็จเสมอ.. เพราะคนที่ทำงานกับอิชั้นจริงๆมีแค่พี่ป. เท่านั้น.. ถ้าอิชั้นไม่ทำพี่เค้าก็ต้องมาทำ เพราะงั้นอิชั้นจะไม่เคยอู้งานแล้วปล่อยให้พี่เค้าทำงานงกๆเด็ดขาด.. เรื่องนี้พิสูจน์ได้เพราะพี่ป.จะเกลียดพนง.ใหม่ที่เข้ามาแล้วกินแรงเค้า เวลาคุยกะพี่เค้าๆจะไม่คุยด้วย แต่กับอิชั้นๆพิสูจน์ให้พี่เค้าเห็นแล้วว่าอิชั้นไม่ใช่คนแบบนั้น.. เค้าถึงคุยกับอิชั้นได้อย่างสนิทใจแถมยังด่ากอล์ฟซิลล่าให้ฟังอีกต่างหาก.. เรื่องนี้ทำให้อิชั้นปรี๊ดแตก.. 3วันหลังจากนั้นอิชั้นก็มาบอกมันว่าอิชั้นจะลาออก.. มันก็พยายามง้อให้อิชั้นสอนต่อ แต่อิชั้นก็ยังไม่พูดว่าเพราะมึงนั่นแหละกูถึงอยู่ไม่ได้.. เวลา8เดือนที่ผ่านมา ที่อิชั้นต้องอยู่กับเด็กที่เกลียดมาตลอดชีวิต.. แถมยังต้องมาทำงานเหมือนเป็นขี้ข้ารองบาทของแม่งเนี่ย.. ก็ถือว่าผิดมนุษย์แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาทำงานที่นี่... บอกได้เลยว่า ปกติ3วันลาออก อย่างเก่งคือ 1 เดือน.. อิชั้นถือว่าได้อะไรกับชีวิตมามากพอแล้ว.. อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้อิชั้นรู้จักว่ายังมีคนไทยอีกหลายคน ที่เห็นฝรั่งเป็นพระเจ้า ส่วนคนไทยเค้าเอาไว้ใช้แรงงาน.. คราวหน้าถ้าอิชั้นไปเชียงใหม่.. อิชั้นจะเอาขี้ไปปาหน้าบ้านมันด้วย.. แค้นฝังลึก-*- หลังจากออกจากที่นี่ได้ 2 เดือน.. ก็ถึงเวลาที่อิชั้นได้กลับมาที่กทม. กลับมาบ้าน.. กลับมาเจอสังคมประชาธิปไตย และเจ้านายคนที่ 3 ซึ่งจะเก็บไว้เม้าท์ในโอกาสต่อไป.. ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ (แฉ) เจ้านายที่ (ไม่) รัก 2
เอาล่ะ...
เจ้านายคนที่2 ที่อิชั้นบอกตรงๆเลยว่า "เกลียด" แกจริงๆ-_-'' นังกอล์ฟซิลล่าตัวนี้ เป็นเจ้าของร.ร.สอนภาษาในเชียงใหม่.. ดีกรีนักเรียนนอก.. ที่ได้ไปเรียนเพราะเรียนหนังสือในเมืองไทยท่าจะไม่รอด.. พ่อแกที่เคยเป็นข้าราชการระดับสูงมาก่อนเลยจัดการส่งไปเรียนจนจบตรีบริหารที่อังกฤษ (ตรางูรึเปล่าก็ไม่รู้-*-) แล้วไปจบโทการโรงแรมถึงสวิสเลยอ่ะ.. อันนี้สุดยอดมากๆ.. เพราะเรื่องการโรงแรมของหร่อนเก่งเอาเรื่อง.. อิชั้นไปทำงานจะเจ๊แก8เดือน ได้รู้ด้านมืดของบ้านแกมาเยอะจากคนที่ทำอยู่ก่อน และคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็ญาติๆแกนี่แหละ.. คิดดูเหอะ ขนาดญาติที่โตมาด้วยกันยังไม่ชอบนังกอล์ฟซิลล่าเลยอ่ะ.. ที่ทำงานในเชียงใหม่มันก็จะไม่เหมือนที่กรุงเทพฯ ระบบการทำงานจะเป็นกิจการครอบครัวมากๆ แบบที่ระบบอะไรไม่มีทำให้เห็นชัดเจน.. ทุกอย่างอยู่ในหัวของเจ้านาย.. ขี้ข้าอย่างอิชั้นมีหน้าที่แค่รับคำสั่งอย่างเดียวเท่านั้น.. แถมกิจการครอบครัวตรงนี้ ไม่ได้มีแผนก ไม่ได้มีพ่อดูอย่างแม่ดูอย่างเหมือนกิจการครอบครัวในกทม. แต่ที่เชียงใหม่ ทุกคนในครอบครัวเค้า คือเจ้านายที่สั่งอะไรก็ได้ทุกอย่างจริงๆ อิชั้นขอเม้าท์เรื่องพ่อของเจ๊ก่อน.. อิตัวพ่อเนี่ยเป็นคนสัมภาษณ์อิชั้นวันที่รับเข้าทำงาน.. อิชั้นขอเงินเดือนไป15,000ซึ่งถือว่าสูงแล้วสำหรับที่เชียงใหม่ เป็นราคาที่อิชั้นเรียกไว้เผื่อเค้าต่ออยู่แล้ว.. แล้วอิพ่อนี่ก็ต่อมาเหลือ12,000 พร้อมๆกับเขียนลงกระดาษที่อยู่ในใบสมัครของอิัชั้นไปว่า 12,000.- อิชั้นก็ต่อมั่ง บอกว่า 12,000ไม่ไหวนะคะ หนูอยู่หอต้องเสียค่าเช่าหอด้วย ไหนจะค่ากินอีก ขอ13,000แล้วกันนะคะ ต่อไปต่อมาแก็ยอม เลยเขียนเลข 3 ลงไปแทนเลข2ด้วยปากกาของแกเองนั่นแหละ.. อิชั้นก็ทำงานมาจนครบช่วงโปร3เดือน ในใจนึกถึงเงิน13,000ที่ตกลงกันไว้มาตลอด.. พอเอาจริงๆเงินเดือนออก.. อิชั้นได้เงินเดือน12,000ค่ะ.. อิชั้นก็อ้าว... ไมมันหมื่น2วะ แล้วอิชั้นก็ไปเปิดแฟ้มใบสมัครของตัวเองดู ก็เห็นไอ้ลายมือเขี่ยๆของแกนั่นแหละ เขียนเลข3แก้ไว้ อิชั้นก็เลยเอาเรื่องนี้ไปบอกแกตรงๆ ว่าจริงๆหนูควรจะได้หมื่น3ไม่ใช่เหรอคะ หนูเห็นในใบสมัครของหนู แล้วหนูก็จำได้ด้วยว่า ตอนที่สัมภาษณ์คุณลุงเขียนแก้เลขไว้จาก2เป็น3 ปรากฏว่า อีลุงแกสำรอกสิ่งที่อิชั้นไม่คิดว่าจะได้ยินจากปัญญาชนคนเก่าคนแก่ออกมาว่า.. เธอเขียนแก้เองรึเปล่า? ลุงจำได้ว่าตกลงไว้ที่หมื่น2 ลุงไปเปิดแฟ้มเราดู มันมีรอยเขียนแก้ไว้ เธอไปเปิดแฟ้มดูตอนไหน ลุงสงสัยว่าเธอเป็นคนเขียนแก้เองมากกว่า.. กรี๊ดดดดดดดดดด เจอมุกชั่วแบบนี้เข้าไปอิชั้นกัดฟันน้ำตาไหลพราก.. อิชั้นบอกมันว่าถ้าจะมาคิดแบบนี้กะอิชั้นๆก็ทำงานต่อที่นี่ไม่ได้หรอกนะ ไล่ๆออกไปเลยยังจะดีซะกว่า.. แต่ด้วยความที่อิชั้นพอจะพูดภาษาอังกฤษได้อยู่บ้าง.. แถมยังช่วยมันสอนภาษาอังกฤษให้เด็ก ช่วยมันสื่อสารกับครูฝรั่งด้วย มันจะไล่ก็ไม่ได้ดิ มันเลยบอกว่า.. งั้นเอาเป็นว่าชั้นจะไม่เอาความเธอเรื่องนี้ก็แล้วกัน (เรื่องอะไรของมึงวะ!!) แต่ชั้นก็จะจ่ายให้เธอหมื่น2 ส่วนเรื่องที่มีการเขียนแก้ไขเงินของเธอ ชั้นจะไม่ไปบอกป้า(เมียมัน)กับกอล์ฟซิลล่า มันจะได้จบๆไปที่ชั้น เธอก็จะได้ทำงานให้เราอยู่..เธอโอเคมั้ยล่ะ.. อิชั้น..... โกรธมากกกกกกกกกกกกกกกกกก โกรธแอนด์แค้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน.. แต่เพราะอิชั้นมาอยู่เชียงใหม่ไม่พึ่งพาใคร อิชั้นจะมาทำงี่เง่ามากแล้วตกงานไม่ได้.. เลยมองหน้ามัน แล้วบอกกับมันว่า หนูจะทำงานให้ลุงด้วยเงินหมื่น2ก็ได้ค่ะ แต่ลุงรู้ไว้เลยว่า หนูไม่เคยเขียนแก้ไขเงินอะไรทั้งนั้น ลายมือหวัดๆนั่นก็เป็นลายมือลุง ลุงเขียนไว้เองตั้งแต่3เดือนที่แล้ว ละจะมาบอกว่าหนูเขียนไม่ได้ มันเกินไป.. หนูคงทนให้ใครมามองว่าหนูโกงแล้วยังหน้าทนอยู่ไม่ได้หรอก.. หลังจากวันนั้นมา มันก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็คุยกะอิชั้นเหมือนปกติ.. แต่อิชั้นน่ะ ไม่เคยลืมเลยแม้แต่วินาทีเดียวว่าทำงี้กะอิชั้นไว้.. โหย นี่แค่เรื่องพ่อคนเดียว.. เรื่องลูกเม้าท์มันส์ยิ่งกว่านี้อีก.. แต่เหนื่อยแล้ว.. ไว้ไปต่อตอน 2-_-'' (แฉ) เจ้านายที่รัก 1
งานนี้ขึ้นหัวแล้วว่าแฉ ก็ต้องแฉกันให้มันส์นะคะ..
แต่จะพูดว่าแฉก็ดูไม่ค่อยดี เอาเป็นวันนี้ขอพูดถึงเจ้านายที่รัก ด้วยความรักและเคารพก็แล้วกัน.. แต่ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยได้เป็นเจ้าคนนายคนกับเค้า.. เพราะฉะนั้นก็ขอบอกไว้ก่อนว่าบล็อกนี้เขียนขึ้นมาจากหัวอกลูกจ้างที่ดูเค้ารวยช่วยเค้าทำทั้งนั้น ไอ้จะมาหวังว่าจะอ่านเจอความเข้าอกเข้าใจในตัวเจ้านายนั้นท่าจะยากซักนิด.. แต่ทั่นเจ้านายทั้งหลายถ้าได้มาอ่านอิชั้นว่าก็น่าจะได้อะไรเจ็บๆคันๆกลับไปมั่งนะ.. อ่ะเข้าเรื่อง..ก็ตั้งแต่เรียนจบมา 4 ปี อิชั้นมีเจ้านายมาแล้ว 3 คน.. ก็ประมาณได้ว่าทำงานเป็นขี้ข้าเค้าคนละปีว่างั้น.. แต่ละคนบุคลิกก็ต่างๆกันไป.. คิดๆไปก็เหมือนมีแฟน.. เปลี่ยนแฟนปีละคน แต่ละคนก็นิสัยต่างๆกัน.. เข้ากันไม่ได้กูก็ไม่ทนอยู่กะมึง.. เพียงแต่รอบบินการมีเจ้านายของอิชั้นนับว่ายังน้อยเมื่อเทียบสัดส่วนแฟน:เจ้านาย.. เจ้านายคนแรกนี่ถือว่าดีสุดเลย(ตอนที่อิชั้นยังอยู่กะเค้า) เป็นเจ้าของบริษัทtradingเล็กๆแต่มั่นคงที่นึง อิชั้นจะขอเรียกเจ้านายคนนี้ว่า เจ้านาย อ. เจ้านาย อ. เป็นหนุ่มใหญ่รูปงาม ถึงอายุจะ50แล้วแต่ก็ยังหล่ออยู่.. หน้าตาประมาณเดียวกับจอร์จ คลูนี่ย์ปานนั้นเลยคุณขา.. เป็นผู้ชายที่มีมาดผู้ดีลึกๆ.. เวลาด่าก็ด่าแบบผู้ดี เสียงเบาๆ ค่อยๆพูดค่อยๆจา แต่่เป็นผู้ชายคำพูดก็จะไม่จิกกัดเท่าเจ้านายผู้หญิง (อย่างคนถัดไปที่อิชั้นจะขอเม้าท์แตกทีหลัง) ใจกว้างเท่าทะเล เพราะให้เงินเดือนอิชั้นstartมากกว่าที่ต้องการพอสมควร.. แถมทำงานหามรุ่งหามค่ำให้แกอยู่แค่เดือนเดียวก็ขึ้นเงินเดือนให้.. หลังจากนั้น6เดือนก็ขึ้นอีก แถมโบนัสไม่ต้องพูดถึงนะเคอะ.. 2เดือน + เงินพิเศษที่ป๋า อ. แกแอ๊บเงินส่วนตัวมาให้พนง.อีกโดยไม่บอกเมีย เหนาะๆสำหรับคนเพิ่งเรียนจบได้ปีีนึงก็2หมื่น ฮู้ยยยยยยยย ได้ใจอิชั้นขนาดล่ะค่ะ.. อิชั้นก็เริ่มทำงานกะป๋า อ. มาตั้งแต่เรียนจบได้2อาทิตย์.. จนปีกะอีก3เดือนอิชั้นก็ลาสิกขาบทไปอยู่เชียงใหม่.. ตอนที่อิชั้นออกมา คุณ อ.ก็ยังดูปกติดีอยู่.. แต่ประมาณ6เืดือนหลังจากนั้น พี่ที่ออฟฟิศก็มาเม้าท์แตกกะอิชั้นในmsnว่า แกเริ่มคิดการใหญ่ ขยายกิจการออกไปเยอะมาก จนบริษัทที่เคยมีพนง.อยู่กันเองแค่กลุ่มเล็กๆในตึก2คูหา กลายเป็นต้องไปเช่าตึกเพิ่มอีก3คูหาพร้อมกับรับพนง.เพิ่มเป็นว่าเล่น.. แล้วก็เริ่มเล่นบทมหาโหด.. แกเริ่ม"บีบ" พนักงานเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมานานออกเกือบหมด ถ้าเห็นว่าพนง.คนไหนทำกำไรให้บริษัทไม่ได้มากเท่าที่ควรแล้ว.. ส่วนกฎระเบียบในบริษัทที่เคยง่ายๆสบายๆก็เริ่มstrictขึ้นเรื่อยๆ.. msnก็ห้ามเล่นจริงๆจังๆ ขนาดที่ถ้ารู้จะตัดเงินเดือนกันเลย.. (ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะพยายามติดกล้องวงจรปิด แต่หลอกว่าเป็นเครื่องตรวจจับควันไปแล้วก็เถอะ ใครยังไม่รู้เรื่องก็หาอ่านเอาในซักบล็อกนึงของอิชั้นนี่แหละ) เรียกว่าคุณ อ. ใจดีคนนั้นก็ไม่มีละ.. ก่อนที่อิชั้นจะออกมา แกเพิ่งจะซื้อเบนซ์สปอร์ตราคา 8 ล้านมาขับ ทั้งๆที่ก็นั่งได้แค่แกกะเมีย 2 คน ส่วนลูกที่เป็นหนุ่มเป็นสาวหมดแล้วบอกว่านั่งเบาะหลังแล้วหัวชนหลังคา.. ตอนปีนเข้าก็ลำบากเหลือแสนเพราะที่มันแคบจริงๆ.. และแกบอกไว้ว่า เป้าหมายต่อไปของแก คือ Porche ราคา 12 ล้าน เลยไม่ต้องสงสัยว่าพนง.ที่ยังอยู่กับแกตอนนี้.. คงทำงานกันหัวหลุดหาเงินให้แกไปซื้อPorcheมาขับแหงๆ.. (พี่ที่อิชั้นเคยอยู่ทีมเดียวกัน ตอนนี้ก็ยังทำงานให้ป๋า อ. อยู่ แต่ก็ได้ยินว่าตอนนี้หันหน้าเข้าวัด หวังพึ่งธรรมะสงบจิตสงบใจไปแล้ว 5555) แต่่บอกตามตรงว่าถึงยังงั้น.. อิชั้นก็ยังว่า ป๋า อ. ก็ยังไม่ใช่เจ้านายที่เป็นดาวร้ายเกรดA เพราะว่าทุกอย่างที่ทำก็ยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของกำไรและขาดทุน ซึ่งคนเป็นเจ้าของกิจการก็ต้องคำนึงถึงเป็นหลักเป็นธรรมดา.. ต้องมาเจอนี่.. เจ้านายคนที่ 2 ที่อิชั้นตั้งชื่อให้หร่อนเลยว่า นังกอล์ฟซิลล่า-*- (ไปอ่านต่อ (แฉ) เจ้านายที่(ไม่)รัก 2.. มาเม้าท์รวมกันหมดเด๋วเสียเส้น) |
แมลงสาบเทวีราชินีกะจั๊ว
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] ผู้หญิงที่เลยวัยใสไปเรียบร้อยแล้ว.. แต่พยายามจะแบ๊วอย่างสุดความสามารถ.. ไม่เชื่อดูมันทำหน้าในรูปนี่ก็ได้.. -____-'' Friends Blog
Link |