Group Blog
|
Assistant to Managing Director.. with 1577 Call Center ตะแรกที่ได้ยินว่า MDอยากได้เราไปเป็นผู้ช่วยฝ่ายต่างประเทศของแก หลังทำงานก๊อกๆแก๊กๆ หาสาระไม่ได้มาปีนึงต็มๆ ก็รู้สึกว่า ผู้ช่วยเหรอ?? ฟังดูเหมือนเป็นเลขาเลยเนอะ.. โดยส่วนตัวต่อต้านงานเลขาด้วยจิตใจที่คับแคบพอสมควร เพราะคิดว่างานเลขาเป็นงานที่ต้องตามใจคนอื่น และต้องฝืนใจตัวเอง ก็ไม่เคยคิดอยากจะทำ.. ทั้งๆที่หารู้ไม่ว่าจริงๆตัวเองเป็นคนหัวอ่อน ใครพูดอะไรก็เชื่อขนาดนี้ เหมาะจะเป็นเลขาที่สุดแล้ว ทำกระแดะไปได้-*- แต่ด้วยความที่คนขอ คือคุณ จุล โชติกะวรรณ (แต่เรามักจะเรียกกันง่ายๆว่า พี่จุล) ผู้บริหารของ1577 Call Center ใครไม่รู้จักก็นึกถึงTV Directเอาไว้ ลักษณะธุรกิจคล้ายกันมาก แต่เราต่างมีบางอย่างที่อีกฝ่ายไม่มี.. หนึ่งปีที่เห็นแกมา ทำงานอยู่ในชั้นเดียวกัน ก็เห็นแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะคอยให้ใครยกน้ำมาเสิร์ฟ หรือเป็นเทวดาชี้นิ้วสั่งเวลาอยากได้โน่นได้นี่.. แต่เป็นคนที่มีความเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่าง และต่อทุกคนที่อยู่รอบๆตัว แถมยังมีทัศนคติในแง่(โคตร)บวกสุดๆอย่างที่เราจะนึกไม่ถึงเลยว่า ในโลกนี้จะยังมีคนที่มองโลกในแง่ดีขนาดนี้ได้อยู่อีกหรือ.. ทำให้เราแทบจะตอบตกลงในข้อเสนอเกือบจะทันทีที่ได้ยิน (เรียกว่าก้าวขาไปทางโน้น90%แล้ว) โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องของjob titleหรือเงินเดือนที่จะเปลี่ยนไป ซักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ การได้ทำงานกับผู้ชายคนนี้.. มันต้องได้อะไรมากกว่าแค่เงินหรือตำแหน่งแน่นอน.. ก่อนหน้านี้ ถ้าใครได้ติดตามข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ เรื่องการจับกุมสิ่งที่ทางอย.เรียกว่า "ยาปลอม" "ยาปลุกเซ็กส์" หรือข่าวที่พยาบาลอ้อยออกมาให้สัมภาษณ์พาดพิงถึง1577 อาจจะมีคนคุ้นชื่อของพี่จุลบ้าง เพราะผู้ชายคนนี้แหละที่โดนจับ พร้อมผู้ต้องหาอีกคนที่เป็นผู้ผลิต... อาจจะงงว่า เอานายมาพูดถึงในเรื่องนี้จะดีเหรอ-_-'' ที่กล้าพูดถึง เพราะความจริงหลายๆอย่าง ไม่ได้เป็นไปขนาดที่นักข่าวเอาไปลงสื่อ มีความบิดเบือนอยู่ในเนื้อข่าวมากพอควร ตั้งแต่ชื่อยา มันไม่ใช่ยาปลุกเซ็กส์หรอกนะ.. ฟังดูยังกับยาที่กินแล้วจะหื่นตลอดเวลายังไงยังงั้น-_-'' จริงๆมันเป็นยาที่กินแล้วทำให้คุณผู้ชายที่ล่มปากอ่าวบ่อยๆ หรือนกเขาไม่ขัน ได้ทำงานให้เต็มภาคภูมินานกว่าเดิมเท่านั้นเอง.. และที่สำคัญ 1577ไม่ได้เป็นคนขายยาตัวนี้เลย.. พยาบาลอ้อย เอาความที่ทีมงานการตลาดมาจากที่เดียวกันแต่เป็นคนละบริษัท มาโยงเรื่องพาดพิงถึง1577ไปด้วยเท่านั้น.. แต่ที่อิชั้นอยากจะพูดถึง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าใครผิดใครถูกยังไง แต่เป็นสิ่งที่พี่จุลคนนี้คิด.. หลังจากที่ถูกจับกุมและถูกพาตัวไปโรงพัก และโดนจับเข้าห้องขังในที่สุดนี่ต่างหาก.. สำหรับผู้ชายคนนึงที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหาร เป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่.. การที่ต้องเดินเข้าห้องขัง แม้จะเป็นเวลาแค่4-5ชั่วโมง.. พวกเราที่เป็นพนักงานระดับล่าง รู้สึกเหมือนโลกจะแตก.. พยายามหาทางช่วยกันทุกวิถีทางที่จะเอานายของเราออกมาจากห้องขังให้ได้ วันที่เกิดเรื่องวันนั้น มีพนักงานเกือบทั้งบริษัทอยู่รอเป็นกำลังใจให้พี่จุลที่ออฟฟิศและอีกส่วนหนึ่งไปอยู่ที่โรงพักที่พี่จุลโดนขัง.. เสียดายที่อิชั้นกลับบ้านมาก่อนที่จะทราบเรื่อง เลยไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับเค้า.. แต่ก็โทรถามสถานการณ์ตลอดว่าเป็นยังไง โทรหาคนโน้นคนนี้ตลอดเวลาเผื่อว่าจะมีใครช่วยเหลือได้บ้าง.. จนเที่ยงคืนกว่า ถึงได้รู้ว่าเจ้านายเราได้รับการประกันตัวให้ออกมาได้แล้ว พอผ่านช่วงเวลาที่วุ่นวายไปได้ซักพักกับเรื่องคดีความ ที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่จบสิ้น.. พี่จุลได้มีโอกาสพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าพนักงานทั้งบริษัทในวันประชุมบริษัท และสิ่งที่พี่จุลพูดก็คือ ถ้าเค้าถามพนักงานทุกคนว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากอะไร? คำตอบอาจจะมีต่างกันออกไป ว่าของผิดกฎหมายบ้าง เลขอย.ไม่ตรงบ้าง แต่จริงๆคำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะตัวเราเอง.. มันเกิดขึ้นเพราะเราหละหลวม เราสะเพร่า.. เราไม่รอบคอบในเรื่องของสัญญาที่มีกับเจ้าของผลิตภัณฑ์.. และไม่ระวังในการรับของเข้าช่องทาง.. ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเราทั้งนั้น.. และพี่จุลมองว่าเหตุการณ์นี้ เป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นกับตัวเค้า.. (ทั้งๆที่ตัวพี่จะต้องนั่งอยู่ในห้องขังไปครึ่งคืนเนี่ยนะ) พี่บอกว่า ถ้าหากเรื่องนี้ไม่เกิด.. เราก็จะยังคงสะเพร่าต่อไป เราก็คงยังมีช่องโหว่ในตัวสัญญาต่อไป และเราก็คงเย็นใจ คิดว่าคงไม่มีเรื่องใหญ่อะไรให้ต้องคิดมากต่อไปอีก.. แต่ตอนนี้เมื่อเราได้รับบทเรียน เราจะจำ และจะมาปรับปรุงแก้ไขตัวเอง หลังจากเกิดเรื่อง ทางบริษัททำการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในสัญญา ให้คุ้มครองทางบริษัทมากขึ้น และเราทำงานกันมีมาตรฐานมากขึ้นทันที ในการตรวจรับสินค้าที่จะเข้ามาในช่องทาง.. ส่วนตัวพี่จุลที่ไม่เคยสันทัดในเรื่องของการทำงานของอย. และเรื่องกฎหมายเครื่องสำอางควบคุมเท่าไหร่ ก็ได้มีโอกาสเข้าพบกับนิติกรอาวุโสท่านหนึ่งของทางอย. ซึ่งท่านได้ให้คำปรึกษาหลายอย่างถึงกระบวนการ และความจำเป็นในการขออนุญาตอย.สำหรับสินค้าบางประเภท แถมยังไวซะด้วย เพราะพี่จุลได้เทียบเชิญนิติกรท่านนั้นเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับทางบริษัททันที พี่จุลถามว่า โอกาสดีๆแบบนี้ จะเกิดขึ้นไหม ถ้าเราไม่ถูกจับเมื่อวันนั้น? เราคงไม่มีทางได้รู้จักกับนิติกรท่านนี้แน่ๆ.. และบางทีเราก็คงจะยังทำผิดพลาดต่อไปเรื่อยๆ แต่ครั้งหน้า ตัวเราอาจจะโดนอะไรที่หนักกว่านี้อีกก็ได้.. นี่เป็นแค่หนึ่งในบรรดาหลายๆเรื่อง ที่พี่จุลทำให้อิชั้นได้เห็นว่า สำหรับผู้ชายคนนี้ ไม่มีเรื่องใดทำอะไรเค้าได้จริงๆ ต่อให้เป็นเรื่องร้ายแค่ไหน (แม้กระทั่งถูกจับเข้าห้องขัง-_-'') แต่สำหรับผู้บริหารคนนี้.. สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอจริงๆ.. . . . วันนี้ถึงได้ตั้งบล็อกนี้ขึ้นมา ก็เพื่อจะได้เป็นที่เก็บแง่คิดดีๆในการทำงานและการใช้ชีวิต ที่อิชั้นได้รับมาจากพี่จุล นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานในฐานะ Assistant to Managing Director เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2552นี่เอง.. เพราะหลายๆเรื่อง มันจะทำให้เราได้มองโลกด้วยความเข้าใจมากขึ้น ใช้ชีวิต และทำงานด้วยความสุขใจมากขึ้นน่ะเอง.. สาธุ^^ แวะมาอ่านและเอาข้อคิดดีๆ กลับไปค่ะ
โดย: Thairabian วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:23:24:02 น.
ฝากให้กำลังใจ พี่จุล ด้วยคนค่ะ
โดย: 565 IP: 88.7.110.21 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:50:19 น.
ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ ดี ๆ แบบนี้คะ
โดย: จุฑารัตน์ IP: 14.207.149.220 วันที่: 31 มกราคม 2556 เวลา:23:03:03 น.
|
แมลงสาบเทวีราชินีกะจั๊ว
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] ผู้หญิงที่เลยวัยใสไปเรียบร้อยแล้ว.. แต่พยายามจะแบ๊วอย่างสุดความสามารถ.. ไม่เชื่อดูมันทำหน้าในรูปนี่ก็ได้.. -____-'' Friends Blog
Link |