Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

สิ่งที่บอกน้อง ๆ นักศึกษาที่กำลังจะจบในปีนี้มีแค่ 4 ข้อหลัก ...Pathom Indarodom






สิ่งที่บอกน้อง ๆ นักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาในปีนี้มีแค่ 4 ข้อหลักที่อยากให้เขาได้ขบคิด

1. ระบบการศึกษาทั่ว ๆ ไปทำได้เพียงนำเอาความรู้ยุค 4-5 ปีที่แล้วมาสอนเราในวันนี้ เพื่อหวังให้เราเอาไปใช้งานในอนาคต ...มันอาจเพียงพอให้เราทำงานพื้นฐานได้ แต่ไม่เพียงพอให้เราประสบความสำเร็จในสายงานได้ การเปิดใจเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งจำเป็น
.
2. กระแส Startup และค่านิยม Slow life ทำให้เด็กรุ่นใหม่เมินการเป็นลูกจ้าง เพราะมันไม่เท่ รายได้ไม่เยอะ หลาย ๆ คนจึงอยากกระโจนมาทำธุรกิจเองทันทีที่เรียนจบ ซึ่งมันไม่ถูกต้องเพราะการเป็นเจ้าของกิจการไม่ได้เหมาะกับทุกคน บางคนมีพื้นฐานธุรกิจมาจากครอบครัวหรือเริ่มทำกิจการเล็ก ๆ มาตั้งแต่ยังเรียนปีหนึ่งแล้วก็อาจมีช่องทางของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่! การทำงานบริษัทยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญที่เราสามารถเข้ามาพัฒนาตัวเองได้ และยังสร้างคอนเน็คชั่นกับทั้งลูกค้า คู่ค้า เป็นรากฐานให้ตัวเราเองได้ในอนาคต
.
3. การทำงานในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาคราชการหรือเอกชน เราต้องพัฒนาตัวเองให้โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้ผู้ใหญ่มองเห็นและมอบโอกาสให้เราได้รับผิดชอบงานสำคัญ หากทำงานมาสัก 2 ปีและผู้ใหญ่ยังจำชื่อเราไม่ได้และไม่เคยรับฟังแนวคิดใด ๆ ของเรา นั่นคือปัญหาที่สะท้อนให้รู้ว่าเราคงไม่รุ่งและไม่เหมาะกับองค์กรนี้
.
4. หาจุดเปลี่ยนของตัวเองให้เจอ ...ของผมเองจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในวัยเดียวกับน้อง ๆ ในห้องนี้ คือคุณพ่อจากไปตอนเรียนปี 3 ทำให้ต้องรับผิดชอบครอบครัวทันทีจากที่เคยใช้ชีวิตเป็นคุณหนูมาตลอด แต่ละคนมีจุดเปลี่ยนไม่เหมือนกัน ไม่ต้องกลับบ้านไปบอกพ่อให้ช่วยตายจากไปเสียทีชีวิตจะได้มีจุดเปลี่ยน เพราะบางคนเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มุมานะมุ่งมั่นขึ้นมาได้เพราะโดนเพื่อนดูถูก บางคนสำเร็จได้เพราะอยากให้แฟนเห็น ฯลฯ จุดเปลี่ยนสำคัญจะเกิดขึ้นอย่างน้อย 2-3 ครั้งในชีวิตทำให้เราก้าวข้ามแต่ละช่วงไปหาความสำเร็จที่ใหญ่กว่าได้เสมอครับ

— ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มช.
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1338637086189424&set=a.106115969441548.11182.100001294357814&type=3&theater


แถม .. ข้อคิดจากความเห็นของคุณ Krit Kingko

สมัยนี้มีคำพูดที่ดูเท่ห์ หล่อจัง แต่จะทำให้คนที่คิดไม่ทัน พาชีวิตไปลงเหวแทน มีอยู่หลายประโยคมากครับ เช่น


1. อย่ายึดติดให้คิดนอกกรอบเยอะๆ . . . ขนาดความรู้ในกรอบยังไม่เชี่ยวชาญ แล้วจะระบุได้ไหมว่ากรอบที่แท้จริงคือเรื่องอะไร ขีดจำกัดคือตรงไหน ดันให้
เริ่มไปคิดนอกกรอบแต่แรก ตัวคุณยังไม่รู้เลยว่า "กรอบ" ที่พูดกันอยู่ตลอดคือเรื่องอะไรรายละเอียดคือตรงไหน ดันไปนอกกรอบซะแล้ว . . . .ก่อนจะนอกกรอบควรเข้าใจเรื่องในกรอบให้เชี่ยวชาญซักหน่อย จะได้นอกกรอบได้จริงๆ แบบที่พูดกัน

2. จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ . . . คนคิดไม่ทันก็มัวแต่ไปเน้นเรื่องไอเดีย เรื่องจินตนาการ แต่กลับขาดทักษะความรู้พื้นฐานที่จำเป็นในการที่จะทำให้จินตนาการนั้นๆ เกิดเป็นความจริงได้

หลายคนคงยก elon musk มาเป็นตัวอย่าง แต่คุณต้องมองลงไปให้ละเอียดว่า เขาใช้จินตนาการหรือไอเดียอะไรก็ตาม บนพื้นฐานความรู้กับการค้นคว้า การพัฒนาทักษะในเรื่องนั้นๆ มากพอที่จะเติมเต็มจินตนาการของเขาได้ ความรู้เขาแน่นมากกว่าจินตนาการมาก

3. ให้เงินทำงาน จะได้รีบเกษียณตัวเอง มีเวลาพักผ่อนใช้ชีวิตตามที่อยากเป็น . . . . . ผมก็เห็นคนที่ชอบพูดประโยคนี้สอนคนอื่นก็ยังก้มหน้าทำงานอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่งานนั้นๆ ของเขากลายเป็นส่วนนึงของชีวิต ทำได้ตลอดเวลา 24ชม. ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นงาน แต่มันเป็นการใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง เงินไม่เคยทำงานได้เอง ตัวเราเองที่เป็นคนวางระบบการทำงานของเงินที่หามาได้ให้มันเกิดรายได้ขึ้นมา

4. มองโลกในแง่ดีเสมอ . . . คนมองโลกในแง่ดีเป็นคนประเภทที่ไม่รอบคอบ กับมักไม่ประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริง การมองโลกในแง่ดีไม่ได้สร้างให้งานใหญ่ๆ สำเร็จเสมอไป กลับกันคนมองโลกในแง่ร้ายมีความรอบคอบ และประเมินสถานการณ์จากความเป็นจริงได้ดีกว่ามาก และสามารถรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีกว่าคนมองโลกในแง่ดีมากพอสมควร เพราะเขาประเมินสถานการณ์ไว้แล้ว

หัดมองโลกในแง่ร้ายบ้าง จะลดความผิดพลาดในชีวิตได้เยอะครับ . .. .






Create Date : 27 พฤษภาคม 2560
Last Update : 27 พฤษภาคม 2560 21:43:40 น. 0 comments
Counter : 2226 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]