Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

ฟุกุชิมะ 50 ................. วินทร์ เลียววาริณ



ฟุกุชิมะ 50

ร่างสวมชุดสีขาวใบหน้าคาดหน้ากากหลายร่างคลานผ่านช่องแคบๆ ในความมืด ไฟฉายในมือกวาดไปมาเพื่อกำหนดทิศทางไปยังเป้าหมาย รอบตัวพวกเขาคือก๊าซไฮโดรเจนซึ่งเมื่อรั่วออกไปสัมผัสอากาศภายนอก ก็ระเบิดดังเป็นระยะ เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์เบื้องบนตัดอากาศดังลอดเข้ามา พวกเขารู้ว่าแมลงปอเหล็กหลายตัวกำลังโปรยม่านน้ำลงไปดับความร้อนของเป้าหมาย

มันคือปฏิบัติการดับเตาปฏิกรณ์ปรมาณูที่กำลังสลายตัว เป็นงานแข่งกับเวลา เช่นเดียวกับคน แมลงปอเหล็กแต่ละตัวบินครั้งละไม่นาน และยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะระดับรังสีเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งบินสูงยิ่งทำให้น้ำทะเลที่แบกมาราดหลุดจากเป้าหมายมากขึ้น

พวกเขาเคลื่อนตัวไปไม่สะดวกนักเพราะชุดเทอะทะกับถังออกซิเจนที่แบกไว้ ลมหายใจหนักหน่วงเกิดจากการหายใจผ่านหน้ากากป้องกันรังสีและความเครียด ชุดสีขาวที่พวกเขาห่มคลุมทั้งร่างเป็นชุดกันสารพิษ ป้องกันสารกัมมันตรังสีสัมผัสร่างได้เพียงระดับหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็ให้ความอุ่นใจกว่าไม่สวมอะไรไว้เลย

หากมันไม่ใช่การฆ่าตัวตาย ก็ใกล้เคียง! มันเป็นงานที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตหน้าที่ตอนสมัครเข้าทำงานที่นี่!

นี่คืองานของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งได้รับฉายาว่า ฟุกุชิมะ 50



ฟุกุชิมะเป็นชื่อสถานที่ที่เกิดภัยนิวเคลียร์อันเป็นผลต่อเนื่องจากแผ่นดิน ไหวและสึนามิทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

เลข 50 หมายถึงจำนวนคนเหล่านี้ในวันแรกของปฏิบัติการ

เหล่านี้เป็นคนงานโรงงานเตาปฏิกรณ์ปรมาณู เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งยอมเสี่ยงตายเพื่อ*้ภัยปรมาณูครั้งนี้ ภารกิจของพวกเขาคือทำให้เตาปฏิกรณ์ปรมาณูเย็นลงด้วยน้ำทะเล เพื่อให้มันยุติการส่งกัมมันตภาพรังสีไปทั่วพื้นที่โดยรอบและไกลออกไป

ตัวเลขระดับรังสีเกินขีดปลอดภัยไปนานแล้ว การทำงานยากขึ้น สภาพแวดล้อมที่เหมือนนรก ความร้อนจากเตาปฏิกรณ์ ความชื้นจากสายฝน ความเย็นจากหิมะที่โปรยลงมา และไอรังสีที่ระบายเต็มพื้นที่นั้น คละกลิ่นสารเคมีไหม้ไฟ ทุกคนที่ใกล้จุดนั้นได้รับสารกัมมันตรังสีโดยเลี่ยงไม่พ้น มากน้อยตามระยะห่างและปริมาณเวลาที่อยู่ที่นั่น

คนงานทั้งหมดเวียนกันเข้าไปทำงานคนละส่วน ในระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ได้รับรังสีนานเกินไป นักบินเฮลิคอปเตอร์ก็เสี่ยงอันตรายไม่แพ้คนงานบนพื้นดิน อากาศรอบโรงงานเต็มไปด้วยพิษรังสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาทีที่ผ่านไป พวกเขากินอยู่หลับนอนในห้องกันรังสี ขนาดเท่าห้องนั่งเล่นทั่วไป

ภารกิจยังห่างไกลจากคำว่าจบ แต่ชีวิตอยู่ใกล้ชิดความตายขึ้นเรื่อยๆ



ภัยธรรมชาติร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลกครั้งนี้หากเกิดขึ้นในมุมอื่นของโ ลก อาจได้ภาพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การ เข้าคิวเพื่อซื้อน้ำ การไม่แก่งแย่งข้าวของ ไม่มีการปล้นสะดม ไม่มีการขโมยข้าวของ ไม่มีการก่นด่า เหล่านี้เป็นภาพที่ไม่คุ้นตาสำหรับชาวเราที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินของคนที่หยุด รถยนต์ขวางถนนเพื่อซื้อเงาะกับทุเรียน หรือยกตู้เอทีเอ็มกลับบ้านขณะน้ำป่าท่วมเมือง

สังคมที่ผู้คนมีวินัย เห็นแก่ส่วนรวมก่อนตัวเอง แสดงให้ชาวโลกเห็นอีกนิยามหนึ่งของความรักชาติที่ไม่ใช่การยืนตรงเคารพธง ชาติวันสองเวลาหลังอาหาร หรือป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าตนรักชาติมากกว่าคนอื่นแค่ไหน

ในปรัชญาการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น คุณค่าของมนุษย์คนหนึ่งคือความรับผิดชอบต่อสังคม การอยู่ร่วมกันโดยเอาใจเขามาใส่ใจเรา การกระทำเรื่องดีงามเพื่อส่วนรวม แม้ว่าจะต้องจ่ายราคาด้วยความตาย

สำหรับสปีชีส์ที่ชินกับปรัชญา ‘ตัว*มาก่อน’ อาจเห็นว่านี่เป็นเรื่องโง่บรมโง่ ภาพชาวญี่ปุ่นเป็นหวัดสวมหน้ากากเมื่อเดินในที่สาธารณะก็เป็นภาพประหลาดบรม ประหลาด มิพักเอ่ยถึงรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งทันทีที่มีข้อครหาว่าพัวพันกับการ ทุจริต หรือฆ่าตัวตายเพราะอับอายที่สร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้าน!

ทว่านี่คือชนชาติที่ลุกขึ้นมาได้จากหายนะหลายครั้ง ด้วยคุณสมบัติบรมโง่และบรมประหลาดนี้แหละ



ฟุกุชิมะ 50 ไม่ใช่วีรบุรุษในนิยาย พวกเขาเป็นคนธรรมดาสามัญที่เราเดินสวนทางตามตรอกซอกซอย ที่สี่แยก ทางม้าลาย หรือเจอในร้านอาหาร เป็นคนที่ไม่เคยส่งเสียง ไม่เคยมีชื่อเสียง ทำงานเหมือนคนทั่วไป แต่เมื่อเกิดภัยพิบัติอันตราย ‘ฟุกุชิมะ 50’ ก็ปรากฏตัวขึ้นเงียบๆ พวกเขามองว่า เมื่อมีขยะ ก็ต้องมีคนเก็บกวาดขยะ

ขณะที่ตัวเลขระดับกัมมันตภาพรังสีสูงขึ้นเรื่อยๆ และผู้คนเริ่มร่นถอยห่างจากจุดเกิดเหตุ ‘ฟุกุชิมะ 50’ กลุ่มนี้ยังคงยืนหยัดอยู่ที่นั่น และจำนวนคนในกลุ่มก็เพิ่มเกินเลข 50 ไปมากแล้ว

ทุกคนรู้ว่าในระยะสั้น การได้รับรังสีที่ระดับ 100 mSv ต่อชั่วโมงก่อให้เกิดการเป็นหมันและอันตรายต่ออวัยวะได้ ในระยะยาว ปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง มีโอกาสที่เกิดโรคมะเร็งต่างๆ ในอนาคต แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่

คนงานหลายคนอาสาไปทำงานชิ้นนี้เอง บางคนลาลูกเมียไปทำงาน

ลูกสาวคนงานคนหนึ่งบอกว่า “พ่อของฉันเข้าไปในโรงงานนิวเคลียร์แล้ว ฉันไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ขนาดหนักอย่างนี้มาก่อน...”

ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า "บิดา ของเธออาสาไป*้ภัยครั้งนี้ทั้งที่จะเกษียณในไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาทำงานกับบริษัทมานานสี่สิบปี เขารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของผู้ที่รู้เรื่องนี้ที่จะทำงานนี้ - ก็คือเขานั่นเอง"

ภรรยาคนงานผู้หนึ่งกล่าวว่า “สามีของฉันรู้ดีกว่าอาจถูกรังสีเมื่อไรก็ได้ สามีฉันบอกว่ายังกลับบ้านไม่ได้อีกสักพักหนึ่ง”

ลูกสาวอาสาสมัครคนหนึ่งเล่าว่า “พ่อของฉันยังคงทำงานที่โรงงาน พวกเขากำลังขาดอาหาร เราคิดว่าสถานการณ์หนักหน่วงมาก พ่อว่าเขายอมรับชะตากรรมของเขา เหมือนคำสั่งประหาร”

หญิงสาวคนหนึ่งเขียนว่าพ่อของเธออาสาทำงานชิ้นนี้ “เมื่อ ฉันรู้ว่าพ่ออาสาทั้งที่เขากำลังจะเกษียณในอีกครึ่งปีเท่านั้น นัยน์ตาฉันก็ท่วมด้วยน้ำตา ที่บ้าน เขาดูไม่เหมือนคนที่สามารถรับมือกับงานใหญ่เลย แต่ในวันนี้ ฉันภูมิใจพ่อของฉันมาก”

สำหรับพวกเขา มันไม่ใช่ความกล้าหาญ มันเป็นหน้าที่ต่อสังคม

ภรรยาคนหนึ่งบอกสามีของเธอว่า “จงไปทำงานของคุณช่วยคนอื่นเถอะ”

การคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองก็คือการเชื่อมหัวใจกับคนอื่น

และเมื่อเชื่อมหัวใจทั้งปวงเข้าด้วยกัน ภัยพิบัติไม่ว่าใหญ่เพียงใดก็ดูเล็กลง


วินทร์ เลียววาริณ
19 มีนาคม 2554

Credit: Winbookclub.com







Create Date : 26 มีนาคม 2554
Last Update : 26 มีนาคม 2554 0:45:20 น. 2 comments
Counter : 1314 Pageviews.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะคุณหมอ


โดย: kobnon วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:7:10:36 น.  

 
อืมมมม ขอบคุณค่ะอาหมอแมว

น้ำตาร่วง

ลุงวินทร์ยังเขียนอะไรได้ซาบซึ้งเช่นเคย


โดย: pamaano วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:14:49:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]