Diary: รวบรวมข้อมูลมะเร็งปากมดลูก กันอีกซักรอบ
หยิบเรื่องนี้มาคุยกันอีกซักรอบ เพราะมดตั้งใจแล้วว่าจะคอยมาเขียน Diary ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก เพื่อคอยเตือนให้สาวๆ ได้ความรู้และป้องกันตัวเองได้ค่ะ
มดเก็บคำถามที่พบบ่อยที่ถามโดย Real User Online ให้อ่านกันค่ะ
ข้อมูลเบื้องต้น
-มะเร็งปากมดลูกเกิดจากเพศสัมพันธ์เหรอ
เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ (แม้จะใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่อาจป้องกันเชื้อเอชพีวีได้ 100%) แต่ก็พบว่าผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน โดยอาจได้รับเชื้อเอชพีวีจากทางอื่น เช่น อาจใช้ห้องน้ำ หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ (แต่โอกาสเกิดน้อยกว่ามาก)
-เป็นหูดบ่อย ๆ มีโอกาสจะเป็นมะเร็งไหมคะ
หูดเกิดจากไวรัส HPV สายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แม้จะเป็นบ่อย ๆ ก็ไม่ทำให้เกิดมะเร็งครับ
-ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่จะป่วยเป็นมะเร็งชนิดอะไรอันดับหนึ่ง
ปัจจุบันพบจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเป็นอันดับ 1 มะเร็งปากมดลูกเป็นอันดับ 2 แต่ถ้าดูจำนวนผู้เสียชีวิต จะพบว่าผู้หญิงเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก มากกว่ามะเร็งเต้านม
-การเป็นตกขาวบ่อยๆและมีเลือดตกออกมาเป็นลิ่ม มีสิทธิที่จะก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกไหมคะ
เลือดออก และ ตกขาวอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปากมดลูกได้ ควรไปปรึกษาแพทย์ครับ
-การที่เราไม่เคยมีเพศสัมกับใครเลย เราจะมีสิทธิ์เป็นมะเร็งปากมดลูกไหมคะ
มีโอกาสน้อยมากครับ แต่ก็ควรไปตรวจแพ๊ปสเมียร์อย่างสม่ำเสมอ
ข้อมูลกเกี่ยวกับการตรวจคัดกรอง
-ถ้าตรวจคัดกรองแล้วจำเป็นต้องฉีดวัคซีนด้วยหรือเปล่า หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
ตรวจคัดกรอง เป็นการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกหลังจากที่มีการติดเชื้อเอชพีวีแล้ว ซึ่งถ้าตรวจเจอก็ต้องเข้ารับการรักษา
การฉีดวัคซีน เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อมาติด เป็นการป้องกันที่ต้นเหตุโดยตรง ถ้าไม่มีเชื้อมาติดก็จะไม่มีความผิดปกติของเซลล์ แต่ทั้ง 2 วิธีก็ไม่มีวิธีใดป้องกันได้ 100% เพราะฉะนั้นดีที่สุดควรทำร่วมกัน ลองคิดดูว่าถ้าเราตรวจคัดกรองอย่างเดียว วันหนึ่งหมอบอกว่ามีความผิดปกติ ให้รอผลละเอียดอีกครั้ง ระหว่างที่รอลุ้นผลอยู่ เราจะมีความสุขหรือไม่ คงจะกังวลและกระวนกระวายใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และเมื่อผลสรุปออกมา แม้จะเป็นเพียงความผิดปกติขั้นต้น ก็ต้องรับการรักษาและไปพบหมอบ่อย ๆ เพื่อคอยติดตามอาการ ดังนั้นถ้าให้ดีที่สุดก็ควรที่จะฉีดวัคซีนควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้เชื้อมาติดเราเลยดีกว่านะ
-ในการตรวจคัดกรอง เค้าต้องโกนขนด้วยหรือเปล่าคะ
ไม่ต้องครับ
-เค้าใช้เครืองมืออะไรบ้างในการตรวจคัดกรองคะ แล้วเราจะสามารถทราบผลการตรวจเมื่อไหร่คะ
คุณหมอมีอุปกรณ์ในการตรวจพิเศษ ปกติจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์
ข้อมูลกเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน
-ข้อแตกต่างของ วัคซีนทั้งสองชนิดคืออะไรบ้าง และวัคซีนแบบไหนของยี่ห้อไหนดีกว่า
Cervarix ป้องกันสายพันธุ์หลักคือ HPV 16, 18, 45, 31 สาเหตุอันดับ 1, 2, 3, 4 ของมะเร็งปากมดลูกได้ดี ใช้สารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ ทำให้ภูมิคุ้มกันสูงและอยู่ได้ยาวนาน ตัวนี้เน้นที่การป้องกันมะเร็งปากมดลูก ไม่ป้องกันหูด
Gardasil ป้องกัน HPV 16, 18 สาเหตุของมะเร็ง และ HPV 6, 11 สาเหตุของหูด แต่การป้องกันมะเร็งไม่ค่อยดี ภูมิขึ้นไม่สูง ตัวนี้เน้นป้องกันหูด ถ้าอยากป้องกันหูดก็เลือกตัวนี้ (แต่หูดรักษาหายได้) อยากป้องกันหูดหรือมะเร็งปากมดลูกก็เลือกเอา
-ถ้าวัคซีนของ Gardasil ป้องกันสายพันธุ์ ได้มากกว่า แสดงว่าก็ต้องดีกว่าใช่ไหมคะ
สายพันธุ์ไวรัส HPV ที่ Gardasil ป้องกันได้เพิ่มขึ้น คือ HPV 6, 11ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่เป็นสาเหตุของหูด Gardasil จึงมีข้อดีที่สามารถป้องกันหูดได้ (แต่หูดถ้าเป็นขึ้นมาก็รักษาง่าย) แต่การป้องกันมะเร็งปากมดลูกจะสู้ Cervarix ไม่ได้ เพราะ Cervarix กระตุ้นให้ภูมิสูงกว่า และสามารถป้องกัน HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็งอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV 45 ที่ทำให้เกิดมะเร็งชนิดอะดีโน ที่ Gardasil ป้องกันไม่ได้
-วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้หรือไม่ เช่นมะเร็งทรวงอก
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกอาจป้องกันมะเร็งอื่นที่มีสาเหตุจากเชื้อ HPV ได้เช่นกัน เช่น มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด แต่ไม่สามารถป้องกันมะเร็งทรวงอกได้
-ทำไมวัคซีน Cervarix ถึงป้องกันมะเร็งชนิดอะดิโนได้ ทั้งที่จริงๆแล้ว Cervarix ป้องกันแค่ สายพันธุ์ที่ 16 และ 18
HPV สายพันธุ์ 16, 18, 45, 31 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดีโนถึง 90% Cervarix สามารถป้องกัน HPV สายพันธุ์เหล่านี้ได้ จึงป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดีโนได้ (เนื่องจาก Cervarix ใช้สารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ จึงป้องกันได้มากกว่าสายพันธุ์ 16, 18 ที่มีอยู่ในวัคซีนได้ด้วยคือ 45, 31)
-ช่วงระหว่างตั้งครรภ์สามารถฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ไหมคะ
ถ้าตั้งครรภ์ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปจนกว่าจะคลอดและหยุดให้นมลูกแล้ว
-ในการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เมื่อฉีดของยี่ห้อหนึ่ง ไปแล้วจะไปอีกยี่ห้อหนึ่งได้ไหมคะ 3
ไม่เคยมีการศึกษาในเรื่องนี้ จึงไม่มีข้อแนะนำ แต่ตามทฤษฎีก็น่าจะได้ ให้ถามคุณหมอ
-เราจะทราบได้อย่างไร ว่า วัคซีนที่เราฉีดไปนั้นหมดภูมิคุ้มกันแล้ว ข้อมูลปัจจุบันพบว่า ผู้หญิงที่ได้รับ Cervarix ยังมีภูมิคุ้มกันในระดับสูงอย่างน้อย 8 ปี และยังติดตามอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเรื่อย ๆ อาจอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้นซ้ำ
-ระยะเวลาในการ ฉีดป้องกันมะเร็งปากมดลูกควรเริ่มฉีดตั้งแต่อายุเท่าไหร่
ฉีดได้ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-เวลาจะไปฉีดบอกคุณหมอว่าอย่างไรคะ แล้วราคาต่อเข็มเท่าไหร่ รพ.เอกชนทั่วไปหรือเปล่าค่ะ
บอกว่าต้องการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ทำให้ภูมิสูง ราคาเข็มละประมาณ 2,300 ต่อเข็ม ขึ้นกับแต่ละโรงพยาบาล บางรพ.ขายเป็นแพคเกจ 3 เข็ม ก็จะประหยัดมากขึ้น
-ตอนนี้ถ้าจะฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก จะทันไหมคะ ตอนนี้อายุ 27แล้ว
ทันแน่นอน ข้อมูลปัจจุบันของ Cervarix สามารถฉีดได้จนถึง 55 ปี
-มีลูกแล้วฉีดได้ไหมคะ แต่ละเข็มฉีดห่างกันกี่เดือนคะ
ฉีดได้ครับ ฉีด 3 เข็ม เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน เข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
-ถ้าเราต้องมีครอบครัวจริงๆคำตอบของการป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกคือ วัคซีนใช่ไหมคะ
คำตอบของการป้องกันมะเร็งปากมดลูกคือ การฉีดวัคซีนร่วมกับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ
.................................................................................................
ข้อมูลเหล่านี้คงช่วยให้สาวๆ ได้ความรู้มากขึ้นนะคะ ยังไงอย่าลืมตรวจคัดกรองประจำทุกปี และการฉีดวัคซีนนั้นสามารถป้องกันมดลูกของคุณได้ มดก็ได้ฉีดไปแล้ว เหลือเข็มสุดท้าย คิดว่าคงได้ไปฉีดพร้อมๆกะอีก 2 สาว SiSSME ที่มดกำลังบังคับแกมข้อร้องว่าไปฉีดกันเถอะ แล้วก็น่าจะแนะนำเป็น Cervarix ให้ กับทั้งตูนและทราย
ถ้าเรา SiSSME ได้นัดกันไปตรวจคัดกรองประจำปีกันเมื่อไหร่ จะเก็บความรู้มาฝากนะคะ
Create Date : 17 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 17 มกราคม 2554 3:06:23 น. |
Counter : 2177 Pageviews. |
| |
|
|
|