ทนายอเมริกันชี้ทรัมพ์สั่งยิงโทมาฮอว์ก 59 ลูกใส่ฐานทัพซีเรียผิดรัฐธรรมนูญสหรัฐ-ผิดกฎบัตรสหประชาชาติ ท
ทนายอเมริกันชี้ทรัมพ์สั่งยิงโทมาฮอว์ก 59 ลูกใส่ซีเรียทำตามอำเภอใจ-ผิดรัฐธรรมนูญสหรัฐผู้ประกาศสงครามได้ต้องเป็นสภาคองเกรสและผิดกฎบัตรสหประชาชาติ จะส่งทหารบุกประเทศอื่นได้ต้องผ่านการอนุมัติของสภาความมั่นคง ถือเป็นการทำตามอำเภอใจเพราะซีเรียไม่ได้ทำร้ายผลประโยชน์ของสหรัฐและทหารสรัฐ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2017 นายแดนนี่ เซวาลลอส ทนายความอเมริกันเขียนบทความลงในสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นด้วยการตั้งคำถามว่า ทรัมพ์สั่งยิงขีปนาวุธผิดกฎหมายหรือไม่ (Were Trump's missile strikes illegal?) ดังนี้ เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมพ์สั่งยิงจรวดร่อนโทมาฮอว์ก 59 ลูกโจมตีสนามบิน Shayrat ซีเรียได้รับทั้งคำชมและการวิพากษ์วิจารณ์ คำสั่งดังกล่าวอาจกล่าวได้ว่าผิดกฎหมาย หากจะพูดถึงเรื่องความเป็นธรรมแล้ว อำนาจของประธานาธิบดีในการสั่งยิงจรวดร่อนเข้าใส่ประเทศอื่นโดยไม่ได้ตรวจสอบกับสภาคองเกรส กลายเป็นเรื่องคลุมเครือต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญในยุคปัจจุบัน เพราะความเป็นจริงแล้วตามกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐมาตรา 1 อนุมาตรา 8 ระบุไว้ว่าสภาคองเกรสมีอำนาจในการประกาศสงคราม,อำนาจจัดเก็บภาษี,ภาษีศุลกากร,ภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต เพื่อที่จะนำไปจ่ายหนี้,นำไปจ่ายงบประมาณป้องกันประเทศและสวัสดิการทั่วไปของสหรัฐ มองทางฝ่ายบริหาร รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าประธานาธิบดีคือผู้บัญชาการสูงสุด (Commander in Chief) ของกองทัพบกและกองทัพเรือสหรัฐ (ยุคที่ร่างรัฐธรรมนูญในศตวรรษที่ 18 ยังไม่มีเครื่องบินหรือกองทัพอากาศ) จะต้องทำเต็มความสามารถของตนในการ รักษา,คุ้มครองและปกป้องรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา นอกเหนือไปจากรัฐธรรมนูญแล้ว การออกกฎหมายของรัฐบาลกลางรวมทั้งกฎหมายระหว่างประเทศก็ยังมีข้อถกเถียงเรื่องอำนาจของฝ่ายบริหาร ตัวอย่างเช่นกฎหมายว่าด้วยการแก้ปัญหาสงคราม 1973 (The War Powers Resolution (WPR) of 1973)จำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในฐานะ commander in chief ในการที่จะนำกองทัพเข้าไปสู่ความขัดแย้งได้ ประธานาธิบดีจะต้อง (1) ประกาศสงคราม (2) ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่กำหนดไว้ หรือ (3) เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นโดยเหตุนั้นจะทำร้ายประเทศสหรัฐอเมริกาหรือทำร้ายทหารอเมริกัน ขณะที่การใช้เหตุผลทางมนุษยธรรมเป็นข้ออ้างในการโจมตีดูเหมือนจะเป็นจุดมุ่งหมายทางศีลธรรมอันน่ายกย่อง, แต่อาจไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องในการโจมตีภายใต้กฎหมายภายในประเทศ(ของสหรัฐ) ส่วนเรื่องนานาชาติว่าด้วยกฎบัตรของสหประชาชาติปรากฎว่าห้าม(ประเทศหนึ่ง)แทรกแซงทางทหารในต่างประเทศโดยสิ้นเชิง เว้นแต่จะได้รับการอนุมัติจากคณะมนตรีความมั่นคงอีกทั้งการใช้กำลังทหารนั้นเพื่อป้องกันประเทศของตัวเอง ประธานาธิบดีมีวิธีการง่ายๆในข้อจำกัดทางกฎหมายเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เขาลงมือทำในสิ่งที่เขาต้องการ หากประธานาธิบดีทรัมพ์งคงยืนยันว่ามีอำนาจหน้าที่ เขาจะต้องได้รับการหนุนหลังจากสภาคองเกรสหรืออย่างน้อยสภาคองเกรสก็ทำเป็นเพิกเฉยไม่โต้แย้งใดๆ และศาลรัฐบาลกลางก็คงไม่ยุ่งเกี่ยวกับกรณีนี้ คำถามมีว่า ประธานาธิบดีสั่งโจมตีทางอากาศได้อย่างไร ในเมื่อละเมิดรัฐธรรมนูญ,กฎหมายรัฐบาลกลางและกฎหมายระหว่างประเทศ? คำตอบง่ายๆก็คือประธานาธิบดีคนอื่นๆก็ทำ คำถามนี้ประธานาธิบดีทรัพม์จะต้องตอบ ประธานาธิบดีคนอื่นที่รณรงค์โจมตีประเทศอธิปไตยอื่นด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม อาทิเช่น บิล คลินตัน สั่งลงมือในโคโซโวรวมทั้งเข้าไปแทรกแซงในเฮติและบอสเนีย ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ส่งทหารเข้าปฏิบัติการในลิเบียรวมทั้งขู่ว่าจะดำเนินการในซีเรียด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามทั้งคลินตันและโอบามาลงมือเพราะได้รับอนุญาตจากสภาคองเกรส แต่ก็มีเงื่อนไขว่าการปฏิบัติการทางทหารจะต้องไม่ยกระดับไปสู่ สงคราม ฝ่ายบริหารของรัฐบาลคลินตันกำหนดให้ประธานาธิบดีปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศ โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสตราบใดที่มี ผลประโยชน์ของชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง- เพียงเท่านี้ , แต่กลายเป็นเรื่องบังเอิญในคืนวันพฤหัสบดี (6 เมษายน)เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯยืนยันว่าประธานาธิบดีทรัมพ์มีอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญในการใช้กำลังกับต่างประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก หากคุณจะคิดตาม : การยิงจรวดโทมาฮอว์ก 59 ลูกใส่ฐานทหารต่อประเทศที่มีอธิปไตยแห่งดินแดนของตน อาจไม่ใช่ การทำสงครามตามรัฐธรรมนูญ ในช่วงนั้นผู้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้มีขีปนาวุธ จึงไม่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าการใช้ขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายในประเทศอื่นๆห่างออกไปนับพันไมล์นั้นเป็น สงคราม แต่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ (สหรัฐ)ในศตวรรษที่ 18 มีความคุ้นเคยเฉพาะแนวคิดเรื่อง สงครามอันจำกัด โดยการทำสงครามของทหารจะต้องมีระยะเวลาอันจำกัด ไม่ได้ทำมากกว่าครั้งเดียว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจินตนาการว่าการยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์กและการยิงกระสุนปืนใหญ่ อาจไม่ใช่เรื่องของสงครามที่ต้องขออนุมัติจากสภาคองเกรส สมาชิกสภาคองเกรสบางคนให้ความเห็นชัดเจนว่าการยิงโทมาฮอว์กครั้งนี้ถือว่าผิดกฎหมาย สมาชิกพรรคเดโมแครตกล่าว ก่อนลงมือยิงประธานาธิบดีทรัพม์จะต้องขออนุมัติจากสภาคองเกรสเสียก่อน แต่ในท้ายที่สุดการแสดงความคิดเห็นเหล่านั้นอาจเป็นรูปแบบมากกว่าเนื้อหา อีกทั้งมีนักวิชาการคนหนึ่งโต้แย้งว่า ระบบการเมืองปัจจุบันเปิดแรงจูงใจให้ประธานาธิบดีสั่งการได้เกินเหตุ,สภาคองเกรสมีแรงจูงใจที่จะยอมรับ(การสั่งการ),ศาลมีแรงจูงใจในการสั่งเลื่อน(ปฏิบัติการออกไป) ในกรณีที่จะมีการปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศ ประวัติศาสตร์เองก็บอกเราไว้เช่นนี้ แม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างหนัก สภาคองเกรสอาจจะให้การสนับสนุนหลังจากข้อเท็จจริงปรากฎแล้ว หรือไม่ทำอะไรเลย ส่วนศาลก็ไม่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมใดๆ ในอดีตเคยมีสมาชิกสภาคองเกรสนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมว่าประธานาธิบดีใช้กำลังทหารในต่างประเทศถือเป็นการละเมิดกฎหมายรัฐบาลกลางและรัฐธรรมนูญ แต่สภาคองเกรสกลับไม่เห็นด้วย บางครั้งการประเมินผลการดำเนินการผ่านมุมมองของกฎหมายดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อเราได้เห็นภาพของเด็กๆที่ถูกแก๊ส (พิษ)โดยรัฐบาลของตน แต่การกระทำอันน่ากลัวเหล่านี้ไม่ใช่การโจมตีสหรัฐหรือกองกำลังทหารสหรัฐแน่นอน กระนั้นก็ตามเราไม่อาจคาดหวังได้ว่าประธานาธิบดีทรัมพ์จะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ผู้บริหารก่อนหน้าได้ละเลยหรือตีความใหม่อย่างสะดวกเช่นกัน แม้รัฐธรรมนูญกำหนดให้สภาคองเกรสมีอำนาจพิเศษในการประกาศสงคราม แต่กลับดูเหมือนว่าในยุคปัจจุบันประธานาธิบดีมีอำนาจที่จะเป็นผู้กำหนดว่า"ผลประโยชน์ของชาติ"คืออะไร อีกทั้งเมื่อต้องใช้ขีปนาวุธเป็นครั้งคราวโจมตีสนามบินทหารของประเทศอธิปไตยอื่น (ก็กำหนดว่าคือผลประโยชน์ของชาติ) แดนนี เซวาลลอส สรุปว่าปัจจุบันเราอาจเข้าสู่ยุควิกฤติด้านมนุษยธรรมในต่างประเทศ พร้อมด้วยการมีประวัติความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน เพื่ออนุญาตให้ใช้กฎหมายรัฐบาลกลางและรัฐธรรมนูญ แม้ว่าตราบใดที่ตีความว่าไม่ใช่ สงคราม Emergency' protests across US demand 'Hands off Syria' (VIDEOS, PHOTOS) https://www.rt.com/usa/383998-emergency-hands-off-syria-protests/ ที่มา thaitribune
Create Date : 09 เมษายน 2560 | | |
Last Update : 9 เมษายน 2560 15:50:13 น. |
Counter : 206 Pageviews. |
| |
|
|
|