นกละเมอ
Group Blog
 
All blogs
 
สิ้นโลก เหลือธรรม03

สิ้นโลก เหลือธรรม
โดย
พระนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาจารย์
(เทสก์ เทสรังสี)
พระพุทธเจ้าได้อุบัติเกิดขึ้นมาในโลก เป็นศาสดาเอกด้วยการตรัสรู้ชอบเอง ไม่มีใครเป็นครูอาจารย์สอน แล้วก็นำเอาธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้นั้น มาสอนแก่มนุษย์ทั้งปวง ด้วยธรรมที่สอนนั้น สอนมีเหตุมีผล มิใช่ไม่มีเหตุมีผล เป็นของอัศจรรย์ สมควรที่ผู้ฟังทั้งหลายตรึกตรองแล้วจะเข้าใจได้ แลไม่ได้บังคับให้ผู้ใดมานับถือ แต่เมื่อผู้ฟังทั้งหลายมาฟังตรึกตรองตามเหตุผลแล้ว เห็นดี เห็นชอบ มีเหตุมีผล แล้วเลื่อมใสศรัทธาจึงเข้ามานับถือด้วยตนเอง ซึ่งผิดจากศาสนาอื่นแลลัทธิอื่น บางลัทธิบางศาสนาอื่น อื่น ซึ่งเขาห้ามไม่ให้วิจารณ์ศาสนาของเรา ส่วนพุทธศาสนา ท้าให้วิจารณ์ได้เต็มที่เลย วิจารณ์เห็นเหตุ เห็นผล แน่ชัดด้วยตนเองแล้ว จึงนับถือด้วยความเป็นอิสระ และมื่อยอมรับนับถือแล้ว ความคิดความเห็นและการปฏิบัติ ก็จะเป็นไปในแนวเดียวกันทั้งหมด โดยที่มิได้บังคับ หรือนัดแนะกันไว้ก่อนเลย หากแต่เป็นไปตามเหตุผล ดังนี้คือ
ขั้นที่ ๑ เชื่อกรรม เขื่อผลของกรรม "กมฺมสฺสกา กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฏิสรณา ยํ กมฺมํ กริสฺสนฺติ กลฺยาณํ วา ปาปกํ วาตสฺส ทายาทา ภวิสฺสนฺติ" ทัง๖ อย่างนี้ เชื่อมั่นแน่วแน่อยู่ในใจของตนทุกๆคนตลอดชีวิต
กมฺมสฺสกา คนเราเกิดขึ้นมา พอรู้ภาวะเดียงสาแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตากระทำแต่กรรมเรื่อยไป ไม่ด้วยกาย ก็ด้วยวาจา หรือด้วยใจ จะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ เรียกว่า กมฺมสฺสกา ๑
การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีผลทั้งนั้น ไม่ดีก็ชั่ว ไม่เป็นบาปก็เป็นบุญ จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้น กาย วาจา และใจ เกิดมาได้กระทำกรรมนั้นๆไว้ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นๆ สืบไป เรียกว่า กมฺมทายาทา ๑
ผลของกรรมดีย่อมนำเอากาย วาจา และจิตอันนี้ ให้ไปเกิดเป็นสุขในโลกนี้ และโบกหน้า ผลจองกรรมชั่ว ย่อมนำเอากาย วาจา และจิตอันนี้ให้ไปเกิดเป็นทุกข์ในโลกนี้ และโลกหน้า เรียกว่า กมฺมโยนี ๑
กรรมที่กาย วาจา แลใจ ได้กระทำไว้ในภพก่อน บันดาลให้ในภพที่ตนเกิดแล้วให้เป้นไปต่างๆ นานา เรียกว่า กมฺมพนฺธู ๑
คนเราเกิดมาเพราะกรรม ดังที่อธิบายมาแล้ว แล้วจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องมีการกระทำทั้งนั้น ไม่ทำดี ก็ทำชั่ว เพื่อการเลั้ยงชีพของตน เราต้องอาศัยกรรมนั้นๆ เป็นเครื่องอยู่อาศัย ฉะนั้น กรรมนั้นจึงเรียกว่า กมฺมปฏิสรณา ๑
ฉะนั้น บุคคคเกิดมา จึงควรตัดสินใจของตนเองว่า เราจะทำกรรมดี หรือกรรมชั่ว กรรมดีแลกรรมชั่วนั้น ไม่ใช่เป็นของคนอื่น เป็นของเราเอง กรรมนี้เท่านั้นจะจำแนกแจกมนุษย์แลสัตว์ให้เป็นต่างๆ นานาได้ นอกจากกรรมแล้ว ใคร แลสิ่งใดในโลกนี้ จะมาจำแนกไม่ได้เลย จึงเรียกว่า กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา ตสฺส ทายาทา ภวิสฺสนฺติ ๑ทั้ง ๖ อย่างนี้ ย่อมเชื่อแนบแน่นอยู่ในใจของผู้นับถือพระพุทธศาสนา จนตลอดชีวิต
มนุษย์เราเกิดมาเพราะกรรมยังไม่สิ้นสุด กรรมเก่าที่นำให้มาเกิดนั้นแหละ พาให้กระทำกรรมใหม่อีก กรรมใหม่นั้นแหละ เป็นเหตุให้นำไปเกิดชาติหน้า เป็นกรรมเก่าอีก อธิบายว่า กรรมใหม่ในชาตินี้ เป็นเหตุให้นำไปเกิด เป็นกรรมในชาติหน้าต่อไป
อนึ่ง กรรมทั้งหมดเกิดจาก กาย วาจา และใจ สายเดียวกันทั้งสิ้นจึงได้ชื่อว่า กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ของกรรมด้วยกันแลกัน จึงเรียกว่า กมฺมพนฺธู
ผู้เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม ดังที่อธิบายมาแล้ว ได้ชื่อว่านับถือพระพุทธศาสนา หรือเข้าถึงพระไตรสรณาคมน์เป็นขั้นแรก



Create Date : 02 กันยายน 2551
Last Update : 2 กันยายน 2551 11:19:15 น. 1 comments
Counter : 271 Pageviews.

 


โดย: อัสติสะ วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:18:27:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นกละเมอหลงเวลา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นกละเมอหลงเวลา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.