ขอโม้ ขอเม้า ขอฝอยเรื่อง เซ็กส์ เพศวิถี สังคม การเมือง วัฒนธรรม การศึกษา วิวาทะ ว่าด้วยเรื่องมโนสาเร่
 
Sex and the city: การปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์เยาวชนในบริบทแห่งนคราภิวัฒน์


ชลเทพ ปั้นบุญชู (ยุวโฆษก) นักวิชาการอิสระด้านสังคม


วันนนั้นผมโชคดีได้มีโอกาสไปร่วมรับฟังการประชุมทางวิชาการโดยเสนอผลรายงานการวิจัย ของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ปี2550 จากทีมคณะอาจารย์และนักวิจัย ที่ร่วมอธิบายปรากฏการณ์ความเป็นเมือง ในหัวข้อ นคราภิวัฒน์ และวิถีชีวิตเมือง ถึงแม้ว่างานวิจัยดังกล่าวจะเป็นการรายงานเชิงประชากร ซึ่งเป็นระเบียบวิธีวิจัยที่ผมเองไม่ค่อยถนัด และที่มานั่งพูดกันก็ล้วนแล้วแตาเป็นนักสังคมวิทยาและนักประชากรศาสตร์ แต่ผมนักมานุษยวิทยาชายขอบก็ได้มีโอกาสรับฟังเผือไปต่อยอดงานวิจัยของตนเอง ในmethodology ที่ผมถนัด คือethonography และ participant observation เท่าที่ร่วมฟังเห็นจะมีผลงานเรื่องเด็กขายพวงมาลัยที่ค่อนข้างจะใช้แนวคิดทางมานุษยวิทยาเท่านั้น อย่างไรก็ดีหัวข้อที่ผมสนใจเป็นพิเศษก็คือ เซ็กส์แอนเดอะวิตี้ อันเป็นผลงานของ ศ.ดร.อภิชาติและคณะวิจัย(อ้างในนคราภิวัฒน์ และวิถีชีวิตเมือง หน้า 94-107) ผมได้พบสถิติที่น่าสนใจตัวหนึ่งคือเยวชนที่มีที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วในกลุ่มตัวอย่างเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เขตเมือง และเขตชนบท โดยแบ่งกลุ่มตามช่วงอายุและเพศและที่อยู่อาศัย พบว่า เยาวชนที่มีอายุระหว่าง18-24ปี ชายมีเศสัมพันธ์แล้ว77% 75% 69%โดยประมาณจากกราฟ พระเจ้าครับ อะไรกันนี่ เด็กวันรุ่นชายในกทม ส่วนใหญ่ไม่vergin ครับ เรียกว่าโสดโดยสถานภาพแต่ไม่โสดโดยพฤตินัย ถึงแม้ว่าคำนำหน้าว่า นายจะไม่สามารถบ่งบอกความโสดของชายไทยก็ตาม ส่วยผู้หญิง(โสดนะครับใช้นส.ด้วย)มีค่าทางสถิติอยู่ที่40% 30% 20%ตามลำดับ ถึงแม้จะห่างกันหน่อยแต่ก็ฉุกให้คิดได้หลายแง่มุม ส่วนค่าเฉลี่ยของของอายุของวัยรุ่นที่เคยมีเพศสัมพัยธ์ครั้งแรกในกรุงเทพ ชายอยู่ที่15.5ปี ผู้หญิงอยู่ที่16.5 ปีเรียกได้ว่าเสพสังวาสกันตั้งแต่ยังอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย เรียกได้ว่าทำบัตรประชาชนปุ๊บ ก็เสียตัวปั๊ปทันที ที่สำคัญเป็นช่วงที่อยู่ในวัยเรียนกันเป็นส่วนมาก และผลการวิจัยยังพบว่า คนที่อยู่กินหรือเป็นคู่แต่งงานโดยมิได้จดทะเบียนมีเป็นจำนวนมาก และยังพบอีกว่าผู้ชายและหญิงในสังคมเมืองที่แต่งงานกันในกลุ่มอายุ18-24ปี มีกิจกรรมทางเพศสูงกว่า(จำนวนครั้งมากกว่า)ในเขตเมืองและชนบท จากค่าทางสถิติในแง่ของจำนวน
โอ้โฮกวาดเรียบในแง่ของจำนวนและความถี่ น่าทึ่งจริงๆ


ค่าสถิติดังกล่าวทำให้ผมสงสัยว่า ทำไมเยาวชนในเขตกรุงเทพ จึงเข้าไปสู่เพศสัมพันธ์ได้มากกว่าในเขตเมืองและเขตชนบท จนในที่สุดก็ได้พบคำตอบบางอย่างซึ่งอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด นั่นก็คือเยาวชนใช่เวลา1ใน 3 กับเทคโนโลยี และมีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ถึง50% กลุ่มเยาวชนที่อายุ15-24 ใช้อินเตอร์เนทสูงสุดในประเทศและยังมีฐานข้อมูลจากคณะกรรมการการอุดมศึกษาศึกษาพฤติกรรมของนักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครที่เข้าไปดู เวปโป๊ ลามก พบว่ามีอยู่ถึง 32% ทั้งโหลดเข้ามือถือ ดูผ่านคลิป อื่นๆ โดยมีการจัดบริการแพจเกจไว้บริการลูกค้าที่ร้านinternet cafe ให้กับเยาวชนที่พร้อมจะจ่ายเงินแลกกับภาพตระการตาตระการใจเหล่านี้ ซึ่งช่องทางมันง่ายมากเลยถ้าเราอยากจะดูภาพโป๊ซักภาพ แต่นี่เป็นเพียงข้อมูลหนึ่งที่ผมได้นำเสนอ หากมองในสังคมเชิงปรากฏการณ์แล้ว โดยศึกษาข้ามเขตวัฒนธรรมอื่นเพื่อเปรียบเทียบก็จะเห็นปรากฏการณ์เหล่านี้คล้ายๆกัน มันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางวัฒนธรรมด้วยครับ สังคมไทยเป็นสังคมแห่งเสรีภาพและการเปิดรับครับ การไหลเวียนทางวัฒนธรรม จึงมาพร้อมกับกระแส โลกาภิวัฒน์Globolization และวิถีแห่งสังคมเมืองแห่งทุนนิยม การปรับเปลี่ยนไลฟ์ไสตน์ จึงเคลื่อนย้ายจากมหานครที่หนึ่งสู่มหานครที่ใหม่ เช่นการเสพเทคโนโลยี มีวิถีชีวิตปัจเจก(ตัวเราใหญ่กว่าสังคมกำหนด) แต่นัยยะแล้วก็ยังตกอยู่ในวังวนของรสนิยมแบบตะวันตกอยู่ดี คือพอใจที่จะมีความสุขแบบโลดโผน และมีเสรีภาพในชีวิตค่อนข้างสูง ผมคิดว่ากรณีอย่างนี้กระทรวงวัฒนธรรมคงจะเอาไม่อยู่หรอกครับ เพราะมันกลายไปเป็นไลฟ์ไสตน์ใหม่ของความเป็นเมืองเรียบร้อยแล้ว เพราะสังคมเมืองได้สลายความเป็นครอบครัวขยายมาสู่ครอบครัวเดี่ยวและปัจเจก นี่คือผลที่ตามมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมในรอบร้อยปีที่ผ่านมา ที่สำคัญการรวมศูนย์แบบเอกนครที่เอาความเจริญทุกอย่างมาเป็นแหล่งรวมจนเกิดการไหลเวียนจากประชากรในเขตชนบทเข้าสู่เมืองหลวง รวมทั้งสถาบันการศึกษาแบบผูกขาดไว้ในเมืองใหญ่และกรุงเทพมหานคร ทำให้หลายคนจากมาตุภูมิมาหาความอภิวัฒน์ จากถิ่นฐานสู่เมืองหลวง ความใกล้ชิดระหว่างสถาบันครอบครัวจึงลดลง และผลักให้ไกลออกจากอ้อมอกพ่อแม่และครอบครัว นักศึกษาจำนวนมากในกรุงเทพมหานครก็ล้วนมาจากต่างจังหวัด แดนไกล มาหาความรู้และความสิวิไลซ์ไปในตัว จนมีการปรับตัวแห่งวัฒนธรรมเมือง ผมลองคิดในแง่ของ cultural cretical แล้วมันยิ่งมีอะไรน่าสนใจกว่าสถิติเหล่านี้ กล่าวคือ มีวัฒนธรรมการล่าแต้ม อย่างที่ปรากฏเป็นข่าว ทั้งชายหรือหญิงอาจตกเป็นเหยื่อของกันและกันได้ ซึ่งเกิดขึ้นในสังคมเมืองแทบทั้งสิ้น หากลองชาวบ้านคนไหนมาล่าแต้มผมคิดว่าคงจะถูกวิถีประชาจนถึงจารีตเล่นงานแน่ๆ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ของคนต่างจังหวัดมันมีบริบทต่างกัน ในอดีตการสืบวงศ์วานมันหมายถึงการขยายกิจการ ทรัพยากร และแรงงาน ที่สำคัญมันยังมีค่ามากกว่าคำว่า สนุกสนาน เพราะมันหมายถึงการเชื่อมความสัมพันธ์ของครอบครัวและเครือญาติ แต่ปัจจุบัน กิจกรรมเพศสัมพันธ์มุ่งไปในทางแสวงหา "ความสนุก" และกำลังจะทำให้กลายเป็นเกมส์กีฬาของคนบางกลุ่มไป คล้ายๆกับการออกไปล่าสัตว์อย่างนั้นเลย โดยสังคมเมืองเป็นผู้แสวงหาอันมีตรรกทางเศรฐศาสตร์ที่ว่า "พึงพอใจสูงสุด" ของบุคคลในการเสพเซ็ก ในมิติของอรรถประโยชน์ ที่จะได้รับ ทั้งในแง่ความสนุก ความตื่นเต้น ประสบการณ์พิเศษ และชีวิตที่หวือหวา มากกว่าการสืบพันธ์และวงศ์วานกันในอดีต นี่คือวัฒนธรรมใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมเมือง วัฒนธรรมแบบปัจเจกนิยม และความหลงไหลกับวัตถุจนลืมมองถึงคุณค่าด้านจิตใจ เซ็กที่เกิดขึ้นมันจึงต้องควบคู่กับแรงขับและสิ่งเร้า ซึ่งอันนี้ต้องยอมรับว่าสังคมเมืองมีสิ่งเร้าให้ดูมากกว่า และเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วกว่า จึงเป็นช่องทางในการแสวงหา เพือ่ให้เกิดความพึงพอใจขั้นสูงสุด ผมยังไม่ได้ศึกษาเซ็กกับความเป็นเมืองในเชิงคุณภาพ แต่สังคมเมืองและสังคมชนบท มันมีคอนเชปในสายวิวัฒนาการที่ว่าที่พอจะวิเคราะห์ได้ว่า สังคมเมืองย่อมมีวัฒนธรรมที่ซับซ้อนกว่าสังคมชนบท รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในสังคมด้วย สิ่งที่กล่าวมาจะรวมไปถึง จารีต ค่านิยม บรรทัดฐาน อันนี้ผมจะอธิบายว่าสังคมเมืองมีเปลี่ยนแปลงทางสังคมค่อนข้างรวดเร็วและหลากหลายกว่าชุมชนชนบท จึงต้องมีการปรับวัฒนธรรมให้ใหม่ขึ้นเพื่อรองรับ จึงเกิดวัฒนธรรมแบบไปเร็วมาเร็วได้เสมอ ค่อยๆเปลี่ยนหน้าตาไปตามเวลา เสมอ ผมจึงพอที่จะอธิบายว่าสังคมยิ่งเป็นเมืองมากเท่าไร รูปแบบของเซ็ก จะมีความซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น ทั้งในแง่ของกิจกรรม วิธีการ เพื่อตอบสนองรสนิยมแบบปัจเจกชนมากขึ้น และประดิษฐ์รูปแบบได้หลากหลายกว่าที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้



สิ่งที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางค่านิยม สังคมวัฒนธรรมไทย เหล่านี้คงจะยืนยันแนวคิดของ ซิกมันส์ ฟรอยได้ว่า มนุษย์มีโลกทัศน์เรื่องเพศอยู่ในโครงสร้างทางความคิด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมค้นพบคือ สังคมเปิดและสังคมปิด มีการแสดงออกเรื่องเพศที่แตกต่างกันไป ทำให้วิธีการแสดงออกจึงต่างกัน อันนี้เราต้องไปดูโลกมุสลิมในแถบตะวันออกกลาง กับสังคมเสรีประชาธิปไตย มีความแตกต่างกันอย่างมหาศาล เพศสัมพันธ์ในปริบทสังคมไทยจึงมิได้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างชายหญิงแล้ว และแสดงบทบาทหน้าที่ของตน แต่มันหมายถึง การแสดงหาความสำราญในรุปแบบใหม่ หรือการนันทการเพือ่ผ่อนคลายนั่นเอง โดยมิได้มมีนัยของการผูกมัดแต่อย่างใด ผมเกิดมาในยุคปัจจุบันก็เลยได้เห็นค่านิยม "เซ็กส์" กลายเป็นวีถีที่ราบเรียบในวัฒนธรรมใหม่ในกลุ่มวัยรุ่นไปโดยปริยาย

ขอขอบพระคุณข้อมูลและ สามารถอ่านรายละเอียดของค่าสถิติที่อ้างอิงได้ที่ หนังสือ นคราภิวัฒน์และวิถีชีวิตเมือง กับสุขภาพคนไทย2550 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล



Create Date : 09 สิงหาคม 2550
Last Update : 9 สิงหาคม 2550 15:24:33 น. 3 comments
Counter : 317 Pageviews.  
 
 
 
 
คือเยาวชนใช้เวลา 1 ใน 3 กับเทคโนโลยี
และมีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ถึง 50%
กลุ่มเยาวชนที่อายุ 15-24
ใช้อินเตอร์เนทสูงสุดในประเทศ

เป็นข้อมูลที่น่าตกใจค่ะ
เดี๋ยวนี้ เด็ก ๆ ไม่ค่อยสนใจ
เรื่องรักนวลสงวนตัวกันแล้ว
น่าตกใจมาก ๆ
 
 

โดย: โสดในซอย วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:15:44:09 น.  

 
 
 
อู๊ย เข้ามาโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่ามีบล๊อกอีกที่นี่ เริ่ดนะยะ คุณ ด อำ ดำ
 
 

โดย: แหล่โสตาย (เดินตามฝัน ) วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:12:36:25 น.  

 
 
 
เยาะมั้ยครับ
 
 

โดย: เเบมเเบม IP: 125.24.128.7 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:59:19 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ส่องสร้างสังคม
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอโม้ ขอเม้าท์ ขอฝอย เรื่อง เซ็กส์ เพศวิถี การเมือง การศึกษา สังคม วัฒนธรรม วิวาทะภาคนโนสาเร่
[Add ส่องสร้างสังคม's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com