Group Blog All Blog
|
Strawberry short cake with butter cream
สวัสดีคนที่หลงเข้ามาในบล็อคนะคะ ไม่ได้อัพบล็อคมานานพอสมควรเลยนะเนี่ย ยุ่งมากๆตั้งแต่หลังปีใหม่มา ไปเที่ยงฮ่องกง กลับมาเจอควิส2วิชาวันเดียวพร้อมกัน ทำข้อสอบไปก็อยากจะร้องไห้ แล้วหลังจากนั้น2อาทิตย์สอบ แล้วระยะเวลาสอบก็ยาวย๊าว2อาทิตย์เลยแหน่ะ เท่ากับว่าเดือนมกราฯเนี่ย ไม่ค่อยมีเวลานั่งว่างๆอัพบล็อคเลยค่ะ
**คำเตือน : เจ้าของบล้อคจะบ่นอีกยาวยืดถ้าเป็นคนไม่ชอบอ่าน แนะนำว่าเลื่อนๆเมาส์ลงไปเลยค่ะ อิๆ** -------------------------------------------------------------------------------------- แต่ว่าก็ทำขนมอยู่เรื่อยๆนะคะ แหม..ก็สอบนี่นา เครี๊ยดเครียด ทำขนมแก้เครียดซะหน่อย ช่วงสอบเลยอ้วนอืดโทรมสุดๆเลยค่ะ ปกติก็แบบ เอ่อออ อืดบวมอยูแล้ว นี่หนักกว่าเดิมอีก กรี๊ดดดดด พอมาอาทิตย์นี้ คุณพ่อคุณแม่เพิ่งกลับจากไปทำงานที่ต่างจังหวัดเลยหิวสตอร์เบอร์รี่มาฝากลูกสาว ป๊าม๊าหนูน่ารักจริงๆเลย ไอ่เราก็หมายมั่นปั้นมือว่าอังคารนี้แหล่ะ จะเอาไปทำขนมซะหน่อยเซ่ะ แต่แล้วก็เกิดป่วยค่ะ วันจันทร์ตอนเช้ามึนๆ พอตกบ่ายตัวเริ่มร้อนๆ เรียนก็เบลอๆ เรียนcorporate finance อยู่ก็วืดๆไปเลย แล้วโง่ๆของอิชั้น ก็ยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ เซ็งค่ะเซ็ง ถึงบ้านสลบค่ะ ไข้ขึ้นทั้งคืน ตื่นมาวันอังคารก็ยังตัวร้อนอยู่ แต่ก็ฝืนสังขารไปเรียน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเกิดท้องเสียบนทางด่วน โฮกกกก มัน ท-ร-ม-า-น มากกกก!!!! แบบไอ่ที่ทรมานเมื่อมืนชิดซ้าย! แล้วก็อีกไกลมากๆกว่าจะถึงมหาลัย ประมาณเกือบ20กิโลได้ แล้วรถก็เยอะ โดยเฉพาะด่านจ่ายเงินตรงทางลงแถวมหาลัยเนี่ย ติดอยู่ไม่ต่ำกว่า10นาทีอ่ะค่ะ คำนวณเวลาเล่นๆจากจุดที่ลำไส้ส่งสัญญาณเตือน ไปถึงทางลงประมาณ15นาที+10นาทีที่รถติด+เข้าซอยมหาลัย5นาที=25นาที !! กรี๊ดดดดดดดดดดด ไม่ไหวแน่ๆ ทำไมต้องมาท้องเสียบนทางด่วนเนี่ย เลวร้ายที่สุดในอารมณ์นั้นแบบแค่อีก5นาทีก็ไม่ไหวแล้วอ่ะค่ะ เราก็ต้องรีบให้ถึงสน.ทางด่วนให้เร็วที่สุด หวังแค่ว่ามีห้องน้ำให้กรุเข้าเถ๊อะ ไม่งั้นตายแน่ๆ แล้วก็โชคดีที่อีก5กิโลกว่าๆก็ถึง ด่านรับบัตรทางด่วนพอดี สุดท้ายเช้าวันอังคารที่ผ่านมาของหมูอ้วนก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแต่สะดุดนิดหน่อย ฟู่วววววว ------------------------------------------------------------------------------------ วันพุธเลยได้โอกาสจับสตอร์เบอร์รี่มาสังเวยซะที โฮะๆๆๆ แกเสร็จชั้นแน่! **คำเตือน2 : บล็อคนี้ มาโชว์ห่วยนะคะ คือเค้กขี้เหร่จริงๆค่ะ ตัวเนื้อเค้กใช้สูตร Hot milk cake ค่ะ ตอนแรกเปิดเจอสูตรก็แบบ อุ๊ยๆสูตรชื่อน่ากินอ่ะ ไม่ได้อ่านรายละเอียดดีๆก่อนเล๊ย เพิ่งมารู้สึกก่อนจะลงมือทำว่ามันเป็นสปัจน์นี่นา กรี๊ดดด เป็นลมได้มั้ย? T T หนูกลัวเค้กสปันจ์ แล้วยิ่งไม่มีสารเสริมจะรอดมั้ย? แต่ก็สะกดจิตตัวเองว่ามันไม่ใช่สปันจ์ แต่ไม่ค่อยได้ผลแฮะ -.- แต่ไหนๆเราก็ชั่งตวงทุกอย่างเส็ดแล้ว เอาวะ ลองดูแล้วกัน แต่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ก็ดูๆสูตร คลิป วิธีทำสปันจ์ที่ไม่ใช้สารเสริมเหมือนกันนะคะ คือโดยส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าตัวเองต้องใช่SPเยอะขนาดนั้นหรือใช่บ่อยขนาดนั้น กลัวว่าซื้อมาทิ้งไว้ใช้อยู่ครั้งสองครั้งก็เสียอ่ะค่ะ ถึงจะซื้อกระป๋องเล็กมาก็คงใช้ไม่หมดอยู่ดี เลยไม่ซื้อดีกว่า ^^ มาดูสูตรกันนะคะว่ามีอะไรมั่ง --------------------------------------------------------------------------------- Hot Milk Cake source: Ingredients Preparation Instructions //tastykitchen.com/recipes/desserts/hot-milk-sponge-cake-2/?print=1 #ส่วนของสตอร์เบอร์รี่ แน่นอนค่ะว่าสตอร์เบอร์รี่ไทยเปรี้ยว เราก็คลุกๆน้ำตาลทิ้งไว้ซักพักค่ะประมาณ30นาที มาดูเค้กกันดีกว่า อพออกมาจากเตาเป็นไงนะ ยุบมั้ยเนี่ย เจ๊งมั้ยเนี่ย? ก้พอไหวอยู่ม้างงงงงงง ปล.การตัดแบ่งครึ่งแย่เลยค่ะ เอียงมาก ส่วนนึงไม่รู้เป็นเพราะเราสายเอียงเยอะมากด้วยรึป่าว ข้อแก้ตัวเห็นๆ! เอามาประกอบร่างกับสตอร์เบอร์แล้วค่ะ ปาดด้วยบัตเตอร์ครีม บัตเตอร์ครีมเหลวไปมั้ย? แต่จริงๆเพราะอากาศร้อนด้วยแหล่ะค่ะ แล้วเราก็ใส่ส่วนของของเหลวไปเกินกว่าสูตรด้วย โดยส่วนตัวแล้วยังไม่เคยลองบัตรเตอร์ครีมสูตรดังของก้นครัวนะคะ ตอนที่อ่านๆรีวิวดูฝรั่งบางคนเค้าก็แบบตกตะลึงมาก แบบคนก็ ไม่ชอบมันเลย ชอบแบบบัตเตอร์ครีมดั้งเดิมมากกว่า ไอ่เราก็อยากรู้สิคะว่าคนที่รีวิวว่า มันเริ่ดมากกกเนี่ยเว่อมั้ย? คนที่รีวิวว่าห่วยมากไม่ทำอีกครั้งเดียวพอเนี่ย เชื่อได้อ่อ?
ชิ้นข้างหลังที่ยับๆเยินๆเนี่ย รีบบวกซุ่มซ่ามค่ะเลยกลายเป็นแบบนั้น5555
ตอนเอาเค้กออกจากพิมพ์ เห็นว่าบางส่วนแต่น้อยมากๆที่เป็นไต พื้นที่ไม่เกินไป5cm.แต่ไตไม่เกิน1mmเลยค่ะก็พอไหวอยู่ค่ะ ส่วนรสชาติก็โอเคอยู่นะคะ อาจจะเป็นเพราะลดน้ำตาลไป2ช้อนโต๊ะด้วยแหล่ะ ส่วนบัตเตอร์ครีม ตอนชิมครั้งแรกตอนที่ปาดๆครีมแล้วติดพายก็ลองชิมไปแล้วแหล่ะถึงกับตาโต จากตาตี่ๆนี่แหล่ะ โตได้เลย555 เราค่อนข้างชอบมากกว่าบัตรเตอร์ครีมสูตรอเมริกันที่บางทีมันจะหวานมากๆๆๆ น้ำตาลติดคอ
ลากันไปแค่นี้แหล่ะค่ะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะมาอัพของขวัญวันวาเลนไทน์ที่จะแจกเพื่อนๆในปีนี้ สวัสดีค่ะ Blueberry Yogurt Muffins
ขนมวันนี้เป็นขนมที่ทำง่ายและใช้เวลาไม่นานนัก Blueberry Yogurt Muffins เพราะว่าเมื่อวันอาทิตย์แอบเก็บเอาไว้นิดหน่อย กะว่าเทๆใส่โยเกิร์ตกินสดๆเลยละกัน แล้วก็มาคิดได้ว่า อยากทำมัฟฟินบลูเบอร์รี่มานานแล้ว แต่ยังหาบลูเบอร์รี่สดยังไม่ได้ จะใช้แบบแช่แข็งก็กลัวจะทำพลาด กลายเป็นมัฟฟิ่นสีม่วงไปซะก่อน555 แล้วทีนี้ก็หาทางกำจัดโยเกิร์ตมาเป็นอาทิตย์แล้ว เลยเปิดเน็ตหาสูตรดูดีกว่า เลยเจอมัฟฟินสูตรนี้ ดูง่ายๆ โป๊ะเช๊ะเลยเอาสูตรนี้ล่ะ กำจัดได้บลูเบอร์รี่และโยเกิร์ต และแถมความอ้วน 555 นี่สูตรต้นฉบับนะคะ //www.tasteofhome.com/Recipes/Blueberry-Yogurt-Muffins จริงๆวันนี้เกือบจะได้ทำตามสูตรเป๊ะๆแล้ว ดั๊นพลาดพลาดเปิดสูตรสองสูตรคือสูตรที่ลงกับอีกสูตร เปิดสลับกินไปมา สูตรที่ลงใช้น้ำมัน แต่อีกสูตรนึงใช่เนย ไอ่เราก็มือไว ใส่เนยแหม่ะลงอ่างเรียบร้อย ไม่ทันได้เปลี่ยนกลับ เลยกลายเป็นใช้เนยในปริมาณของอีกสูตร ซึ่งyield มันคือ 12อีกตะหาก แต่สูตรที่ทำจริงๆมันyield 6 เวรกรรม สงสัยเป็นเพราะวันนี้จ่ายค่าโทรศัพท์แพง สมองเลยเบลอ เสียตังค์เยอะ5555
มาดูสูตรกันดีกว่า ------------------------------------------------------------- Prep: 15 min. Bake: 20 min. Yield: 6 Servings Ingredients Directions
--------------------------------------------------------------- ตามสูตรเค้าทำได้6 แต่เราทำได้7แฮะ อาจจะเป็นเพราะพิมพ์เล็กด้วยล่ะมั้ง แต่มัฟฟินออกลูกใหญ๊ใหญ่อ่ะ5555 ตอนพ่อเห็นตอนเย็น ตกใจ ถามว่าทำไมมันลูกใหญ่แบบนี้ล่ะลูก หนูก็ไม่รู้ค่ะป๊า 55555 ได้มัฟฟินบลุเบอร์รี่3ลูก ช็อคชิฟ 4ลูก บลูเบอร์รี่มีอยู่จำกัดเพราะจับไปทำblueberry cobblerแล้ว5555 มาดูกันดีกว่าหน้าตาออกมาเป็นยังไง รูปรวมเพิ่งออกจากเตาเลย
มัฟฟินบลูเบอร์รี่จะโรยหน้าด้วยน้ำตาลนิดหน่อย และไม่ได้ใส่ถ้วยจีบ ส่วนช็อคชิพ ใส่ถ้วยจีบและไม่ได้โรยน้ำตาล
มัฟฟินร้อนมาก เอามาใส่บนจานไอน้ำขึ้นเลย
มัวแต่ถ่ายรูปมัฟฟินบลุเบอร์รี่ ไม่ได้สนใจช็อคชิพเลย555 เลยมีรูปช็อคชิพน้อยมาก
อูยยยยยยยยยยย บลูเบอร์รี่เยิ้มมาก!!! สวรรค์สำหรับคนรักบลูเบอร์รี่ เนื้อมัฟฟินชุ่มมาก นุ่มมาก อร่อยมาก ได้กลิ่นโยเกิร์ตนิดๆ แถมทำง่ายมากอีกตะหาก
ลาไปด้วยภาพนี้ ปล. มัฟฟิ่นหายไปลูกนึง แอบกินไปเรียบร้อยแล้ว 5555 คนเดียวกินไป3ลูกเลย Free TextEditor Blueberry Cobbler
สวัสดีปี2012ค่าาา ได้ฤกษ์ทำขนมเสียที ตั้งแต่หลังปีใหม่มานี่ยุ่งวุ่นวายตลอดเลย ไหนจะเพิ่งกลับบมาจากเที่ยวฮ่องกง ไหนจะมีสอบควิส2ตัวหนักๆอีก วันนี้ได้บลูเบอร์รี่สดหิ้วมาจากมาเก๊า ส่วนนึงแบ่งไว้กินแบบสดๆ อีกส่วนเลยนึกได้ว่าเอามาทำขนมดีกว่า คิดๆอยู่หลายเมนู จนมาลงที่ Blueberry Cobbler เป็นเมนูที่เล็งเอาไว้นานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ทำซักที วัตถุดิบไม่พร้อม 5555 หลังจากนั้นก็ทำการหาข้อมูล ค้นๆสูตรดู แต่สุดท้ายด้วยความขี้เกียจเลยลดสูตรแบบมั่วๆไปเป๊ะอีกแล้ว555 แค่ดูเฉยๆว่า เค้าใช้วัตถุอันนี้เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ กี่เท่าของอันนี้ แล้วก็ปรับๆเอาค่ะ cobbler นี่จะว่าเป็นขนมที่ใช้เวลาในการทำไม่นานนะคะ เป็นขนมที่ง่ายอยู่เหมือนกัน ส่วนของบลูเบอร์รี่ก็ใช้เวลาไม่นาน เห็นบางคลิปเอาใส่ชาม บีบมะนาว ใส่น้ำตาล ใส่แป้ง ไม่เอาหม้อตั้งไฟซะด้วยซ้ำ ------------------------------------ ส่วนผสม บลุเบอร์รี่สด หรือแช่แข็ง ประมาณ 1-1/2 ถ้วยตวง แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1/2 ถ้วยตวง >> ปรับเอาแล้วแต่ความชอบนะคะ น้ำ นิดหน่อย มะนาว 1 ช้อนชา (ถ้าชอบเปรี้ยว 1 ซีกเลยค่ะ วันนี้ใส่ไป1ซีก เปรี้ยวดีค่ะ) หรือจะใส่เป็น น้ำส้มก็ได้นะคะ ^^ เกลือ 1 หยิบมือ
วิธีทำ ล้างบลูเบอร์รี่ให้สะอาด ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำใส่หม้อ ใส่ น้ำตาล น้ำ แป้ง ลงไปค่ะ รอให้น้ำตาลละลายนิดหน่อยแล้วใส่บลูเบอรี่ และบีบมะนาวลงไป คนซัก10-15นาที โดยประมาณ น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงๆของบลูเบอร์รี่ค่ะ ยกหม้อลงจากเตา แล้วพักเอาไว ------------------------------------- ส่วนผสม cobbler แป้งอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง น้ำตาล 1/2 ถ้วยตวง ผงฟู 1 ช้อนชา เกลือ 1/4 ช้อนชา เนยละลายประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ นม 1/4 ถ้วยตวง เทแป้ง เกลือ ผงฟู น้ำตาล เนยละลายเข้าด้วยกันค่ะ จากนั้นคนพอให้เป็นเม็ดแล้วเทนมใส่ลงไป นมนี่อาจจะใส่ไม่หมดก็ได้นะคะ เอาให้ดูแล้วคล้ายๆแป้งโดว์เหนียวๆ ก็ได้แล้วค่ะ แล้วก็นำไปใส่บนหน้าบลูเบอร์รี่ แล้วก็โรยน้ำตาลนิดหน่อย (ไม่โรยก็ได้ค่ะ) นำเข้าเตาอบ 175องศา เป็นเวลา30นาที ----------------------------------------
บลูเบอร์รี่เปริ้ยวๆ กับ แป้งกรอบๆ อร่อยเริ่ดดด ! X'Mas2011 Gift... White Chocolate Blondies
อาทิตย์นี้ก็จะเป็นวันคริสต์มาสแล้ว ถึงช่วงเทศกาลทำขนมแจก 5555 มาดูส่วนผสมกันดีกว่า Serves 6 to 8 อันนี้"ต้นฉบับ"ค่ะ //laurainthekitchen.com/arch/blondies.html แป้งอเนกประสงค์ 1ถ้วย+2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับคลุกช็อคโกแลต) ------------------------- เรามาดู"สูตรมั่ว"ที่ทำวันนี้กัน 555 ปรับเอาตามใจของคนทำ :P แป้งอเนกประสงค์ 1ถ้วย+2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับคลุกช็อกโกแลต) วิธีทำ 1 วอร์มเตาไว้ค่ะ 175 c หรือ 350 F เตรียมพิมพ์ขนาด8x8นิ้ว ทาเนย ปูกระดาษไข ใช้เนยละลายหน่อยๆค่ะ ขี้เกียจตีเยอะ555 ตีจนเป็นครีม
ใส่วนิลลา ไข่ไก่ ซาวครีม
ใส่แป้ง
แบบโป๊ๆ จับมาแต่งหน้าหน่อยนึง รอ ร๊อ รอ
20นาที ผ่านไป ออกมาหน้าตาแบบนี้
โดนตัดแบ่ง เตรียมชิม ฮิๆ คนหั่นสายตาเอียง 5555
ไหนมาดูใกล้ๆสิ
เนื้อฉ่ำซ้าาาาาาาาา อาหย่อยยยยยยยยย และอ้วน แต่ไม่เป็นไรแอบกินไป3ชิ้นเอ๊งงงง5555
ลาไปด้วยภาพนี้
เค้กกล้วยตาก
เมนูวันนี้เค้กกล้วยตากค่ะ ตัวเค้กเป็นบัตเตอร์เค้ก สูตรของคุณjumjeeค่ะ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=jumjee&date=25-02-2006&group=1&blog=1 สูตรนี้ทำรอบสองแล้วค่ะ แต่ว่าเนยก็ยังแยกตัวกับไข่อยู่ดี แงๆ เนยก็เย็น ไข่ก็เย็น หรือเราใจไม่เย็นพอนะ แต่ก็พอจะกินได้อยู่ 55555 เข้าข้างตัวเองสุดๆ ปล.ไม่ได้นำเข้าตู้เย็นเหมือนคุณjumjeeนะคะ อดใจรอไม่ไหว ฮี่ๆ มาดูหน้ากันใกล้ๆดีกว่า ที่เป็นหลุมๆนั่นกล้วยตากนะคะ ใส่เยอะจัด XD ใส่พิมพ์คัพเค้กด้วย ตรงกลางที่หน้าเหลืองๆน่ะ หน้าชีสนะคะ พอดีชีส Edam เหลือกินไม่ทันจับมาแปรรูปซะเลย 555 ที่บ้านก็ไม่มีใครกินด้วย ไม่มีใครแย่งแน่นอนชิ้นนี้ XD ชีสเยิ้มๆๆ โอยยยย อร่อยเริ่ด ! มาดูเค้กกล้วยตากกันดีกว่า หั่นได้เยินมาก มาโชว์ห่วยจริงๆ 555 |
chocolat au lait
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] |