Poetry is wisdom that enchants the heart.
Wisdom is poetry that sings in the mind.
Poetry is not an opinion expressed.
It is a song that rises from a bleeding wound or a smiling mouth......
"If you can't love me, love my poetry."
|
||||
Indiana Jones 4: Kingdom of Crystal Skull
 เฮนรี่ โจนส์ ถูก สายลับ KGB จับมาพร้อมกับคู่หู เพื่อมาขโมยอุปกรณ์ อะไรซักอย่าง คล้าย ๆ กับแม่เหล็กที่มีอานุภาพ สูง มาถึงตรงนี้ ชวนให้เรานึกถึง การเล่าเรื่องข้างเดียว ที่ ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา มักจะสร้างภาพให้ศัตรูของตนดูเลวร้าย มาตลอด เพียงแต่ ว่าในแต่ละช่วงเวลา ใครจะเป็นศัตรู ซึ่งต้องมารับเคราะห์ตรงนั้น ตั้งแต่ สงครามโลกครั้งที่สอง ที่นาซีของฮิตเลอร์ ต้องได้รับภาพ เป็นผู้ร้ายไป แล้วก็มาช่วงสงครามเย็น ที่โซเวียตกลายเป็นเหมือนอสูรกาย จนมาบัดนี้ ก็กลายเป็นเหล่าผู้ก่อการร้ายนักรบทะเลทรายทั้งหลาย แต่พอหนังเดินเรื่องไปสักพัก เหมือนกับว่า ภาพของหนังจะขยาย ออกไม่ได้อยู่เฉพาะที่สหรัฐอเมริกา แล้ว แต่ย้อนไปถึงสมัย ที่ชาวสเปน ในนามของ "conquistador" เข้ามาบุกเบิกแสวงหา ขุมทองคำ (el dorado) กับชาวพื้นเมืองในเปรู คำว่า conquistador เป็นรากคำเดียวกับ คำว่า conquer ในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า "ผู้พิชิต" นั่นเอง ว่าแต่จะไปพิชิตใคร เหรอ ถ้าไม่ใช่ชาวพื้นเมือง ในเปรู จากในเรื่อง นี้ ----------------- ตอนที่ มดกินคน กำลังจะเข้ามากิน ฝ่ายอเมริกา และ ฝ่ายโซเวียต แล้วแทนที่ทั้งสองฝ่าย จะหาทางร่วมมือกันเพื่อเอาตัวรอด จาก อำนาจแห่งธรรมชาติ ที่เหนือกว่า กลับกลายเป็นว่า สองฝ่าย ก็ยังคง ชกกันไม่หยุด ภาพตรงนี้น่าสื่อให้เห็นแล้วว่า จะกี่ปี กี่ปี มนุษย์ก็ยังแย่งชิง เข่นฆ่าทำลายกันเหมือนเดิม แม้ว่าภัยธรรมชาติจะมีให้เห็นอยู่ตรงหน้า แต่เรื่องอำนาจ ก็ยังเป็นที่ใฝ่ฝันปรารถนา ต่อให้โดนธรรมชาติกลืนกลินกลับคืนไปก็ตาม จนเราลืมนึกไปว่า ที่จริง แล้ว แทนที่จะเอาเวลาไปทะเลาะกัน มันยังมีอะไร ที่เราต้องค้นหาอีกเยอะ ทั้งบนโลกและนอกโลก มนุษย์โลกเรามันเป็นแค่เศษเสี้ยวชิ้นเล็ก ๆ ของจักรวาลเท่านั้นเอง Deception
 ชีวิตคนเราไม่มีใครได้อะไรไปเสียทุกอย่าง มันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่แต่ละคนรู้สึกว่า ขาด หรือไม่เป้นอย่างหวังบ้าง และการสร้างแรงจูงใจที่จะลบความผิดหวัง หรือสิ่งที่เป้าหมายรู้สึกว่าเป้น "ปม" ลึก ๆ ที่ฝังอยู่ในใจ ก็เป็นหนึ่งในวิธีอันแสนโหดร้ายที่จะล่อให้ "เหยื่อ" ติดกับ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ที่ชายหนุ่มมนุษย์เงินเดือนหลาย ต่อหลายคน ที่มีชีวิตจำเจ ตื่นเช้าทำงาน ตกดึกก็กลับบ้าน คงแอบจะใฝ่ฝัน ถึงชีวิตการเป็นหนุ่ม เจ้าสำราญ ที่ใช้ชีวิตสำรวย มีทั้งเงินทอง สุรานารีให้เลือกไม่หวาดไม่ไหว จุดนี้อาจเป็นจุดอ่อน ของผุ้ชายบ้า งาน ที่แม้ลึก ๆ แล้วความสามารถ จะไม่ธรรมดา แต่ฐานะการงานยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ อย่าง โจนาธาน แม็คไควรี่ ที่นักต้มตุ๋น อย่างจิมมี่ เก็ทซ์ใช้เจาะทะลวง เพื่อหลอกใช้ นักต้มตุ๋นรายนี้ อุปโลกน์ชื่อปลอมว่าเป็น "ไวแอท โบ๊ส" แล้ว เข้ามาตีซี้ กับ โจนาธาน จุดอ่อนที่เขาเล่นงาน หนุ่มพื้น ๆ คนนี้ ก็เป็นเรื่อง "ผู้หญิง" อยู่มาวันหนึ่งแกล้งทำเป็น หยิบมือถือ สลับกัน ปกติแล้ว เจมี่ เก็ทซ์ เป็นสมาชิก ใน sex club แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น สถานบำบัด ความใคร่ ของ ชายหญิงคนบ้างาน อีกหลาย ๆ คน ที่จะนัด กันตามโรงแรม โดยมีข้อแม้ ว่าจะไม่เปิดเผยชื่อ และอาชีพ และก็เป็นไปตามแผน เมื่อ โจนาธาน ถือโทรศัพท์ ได้รับโทรศัพท์ จาก sex club นี้เข้า เขาก็เลย ถือ โอกาส รับสมอ้าง เข้าร่วม "กามกรีฑาสมาศรัย" ไปเสียฉิบ โดยที่ไม่รู้ว่า ตนจะต้องประสบพบเจออะไรต่อมิอะไรวุ่นวายไปหมด ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่า โจนาธาน ชักเริ่มจะติดใจ ใช้บริการบ่อยและถี่ขึ้น จนสุดท้าย ก้ไปตกหลุมรัก กับสาวผมบลอนด์คนหนึ่งในคลับนั่น และการตกหลุมรัก นี้ทำให้โจนาธาน ถูกดึงเข้าไปสู่วงจรอุบาทว์ การยักยอกเงินผิดกฎหมายออกจากธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งตลอดทั้งเรื่อง ต้องใช้การชิงไหวชิงพริบเอาตัวรอดกันตลอดไปจนจบ ตามตามแบบฉบับหนังลึกลับซ่อนเงื่อนทั่วไป ลึกกว่ารัก The Intimate
แล้วจู่ ๆ ก็ไปปิ๊ง กับชายคนหนึ่งในลิฟท์ ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกัน แล้วความสัมพันธ์ ก็ปรู๊ดปร๊าดไปถึงไหนต่อไหน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงหนึ่งวัน  เรื่องนี้ดูแล้วก็ทำให้รู้สึกปวดใจและประสาทแดกพิลึก เหมือนจะโรแมนติก ก็โรแมนติก แล้วก็มีความอีโรติกอยู่ในตัว เนื้อหาท่าที่และการแสดงออกของนางเอกชวนให้คิดว่า เธอดูจะ "รัก" ไอ้ผู้ชายคนที่มีความสัมพันธ์ คืนก่อนแต่ง มากกว่า ว่าที่สามี ที่จะแต่งอีกวันมะรืนมะร่วงเสียอีก แต่สุดท้าย ทั้งสองคน ก็ต้องแยกกัน นางเอก ก็ต้องแต่งงาน ส่วนชายคนนั้นก็ต้องขึ้นเครื่องบินไปแอฟริกา ด้วยเหตุผลเรื่องความล้มเหลวเกี่ยวกับธุรกิจ นางเอกเธอบอกว่า "คนที่ เรารัก อาจจะไม่ใช่คนที่เราอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต และถ้าเธอพบคนที่ใช่ เธออยากจะขอเก็บชายคนนั้นไว้ในความทรงจำอันงดงามของเธอ" ผมไม่รู้ว่ามันแปลว่า ไง หรือมันแปลว่า คนที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้น "ไม่ใช่"? แต่เดา ๆ ว่า คนที่เธอรัก อาจไม่ใช่ คนที่เหมาะ ที่เธอจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ซึ่งอาจตีความได้อีกว่า คนที่เธอจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยอาจไม่ใช่คนที่เธอรัก หรือ ถ้าการแต่งงาน จะเรียกว่า "ความรัก" แล้ว เธอก็เลือก จะเรียก ความรู้สึกที่มีให้กับชายคนที่เจอก่อนแต่งงาน นั้นว่า ความรู้สึกที่ "ลึกกว่ารัก" สี่แพร่ง
ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นถึงจุดเชื่อมโยง ของเหตุการณ์ทั้งหมดได้ ว่าแม้จะแบ่งออกเป็นสี่เรื่องราว แต่ทั้งหมดล้วนส่งผล สัมพันธ์ วิถีชีวิต เป็นตาย ของคนทุกคนในเรื่อง  เริ่มตั้งแต่เรื่องแรก ปิ่น หญิงสาวที่เหมือนถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ถูกชายอกหัก ที่โดนแฟนบอกเลิกทาง sms วิ่งมาตัดหน้ารถแท๊กซี่ที่เธอนั่งมา จนรถพลิกคว่ำขาหัก ต้องตกงานไปสามเดือน ด้วยความซวย ก่อนที่ชายคนนั้นจะตาย เธอดันไปสบตา แล้วอาถรรพ์มันก็มีอยู่ว่า คนที่สบตากับผีตายโหง จะต้องถึงฆาต แล้วอีกสามเดือนให้หลัง ผีตนนั้นก็ sms มาพูดคุยกับปิ่นอย่างสนุกสนาน ก่อนจะคร่าชีวิตเธอไป เดี่ยวการผลักเธอตกจากอพาร์ทเม้นต์ลงไปบนทางแยก "สี่แพร่ง" เรื่องที่สอง ไอ้งิด เด็กสับปะเหร่อที่ถูกขาโจ๋รุมทำร้าย ด้วยความแค้น จึงจัดการร่ายมนตร์ ยันตร์สั่งตาย คือใช้ความเชื่อที่สืบเนื่องมาจากเรื่องที่หนึ่ง คือ "ใครที่จ้องตาผีตายโหงจะถึงฆาต" ไปแก้แค้นทีละคน เรื่องที่สาม เพื่อนรักสี่คนไปเที่ยวป่า เอ เผือก เต๋อ ไปเที่ยวป่า สุดท้าย จมน้ำตาย กว่าจะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนแล้วก็จนกระทั่งเห้นศพตัวเอง ลอยมาตุบป่องตามน้ำนั่นแหละ เรื่องสุดท้าย พิม แอร์โฮสเตส สาวแอร์โฮสเตส ต้องถวายการดูแล เจ้าหญิงโซเฟีย ตลอดเที่ยวบินที่ไปลงภูเก็ต แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า เจ้าหญิงทรงทราบมาก่อนว่า พลอย เป็นหนึ่งในหญิงที่พระสวามีไปติดพัน จึงผูกใจเจ็บ ในเรื่องจึงแกล้งกันไปแกล้งกันมา แต่จุดตัด กลายเป็นว่า เจ้าหญิงทรงแพ้กุ้ง และทรงปฏิเสธอาหารที่พระราชวังสั่งสายการบินไว้ แต่ทรงขอให้ พิม นำอาหาร แอร์โอสเตสมาให้เสวยแทน ทั้ง ๆ ที่เขี่ยกุ้งออกแล้ว แต่ เจ้าหญิงก็ยังเกิดอาการแพ้ จนสิ้นพระชนม์ในที่สุด ต้องนำพระศพกลับ ภายในสิบห้าชั่วโมง และพิม ต้องคอยดูแลพระศพ ตลอดการเดินทาง จึงเกิดการสู้ฟัดระหว่างผีกับคนบนเครื่องบินขึ้น ------------------ ทั้งสี่เหตุการณ์ ล้วนมีความเชื่อมโยงกัน ถ้าไม่สังเกตดี ๆ จะไม่ทราบเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้สังเกต แต่ที่เขียนนี่สรุป มาจากการฟังเพื่อนพูดคุยกันแล้วก็อ่านตามกระทู้ต่าง ๆ จากเรื่องที่หนึ่ง 1. ขณะที่ปิ่น กำลังเช็กเบอร์โทรลึกลับที่ส่งมา เธอผ่านไปเจอกระทู้ที่มีข้อความว่า "เจ้าหญิงโซเฟียสิ้นพระชนม์แล้ว" ในเรื่องที่สี่ 2. ความเชื่อ ที่ว่า "หากจ้องตาผีตายโหงจะถึงฆาต" ถูกไอ้งิด ลูกสับปะเหร่อ นำไปใช้แก้แค้น 3. ซึ่งก้ไม่แน่ใจว่า ภาพของผี ในเรื่องที่หนึ่งถูกนำไปใช้ด้วยหรือไม่ จากเรื่องที่สอง 1. คือ ข้อ 2 และข้อ 3 ในเรื่องที่ 1 2. ข่าวการตายของนักเรียนอาชีวะไปปรากฎอยุ่บนตัววิ่ง ตอนมีรายงานข่าว การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงโซเฟีย ในเรื่องที่ 4 จากเรื่องที่สาม 1. เต๋อ ไปเที่ยวป่า แล้วตาย ทำให้ ตุ้ย ไม่สามารถไปทำงาน ในการส่งพระศพ กลับ ได้จนทำให้พิม ต้องฟัดกับผีเจ้าหญิงอยู่คนเดียวในเรื่องที่สี่ จากเรื่องที่สี่ 1.ข้อหนึ่งในเรื่องที่ 1 2. ข้อสองในเรื่องที่ 2 3. และข้อหนึ่งในเรื่องที่ 3 ทั้งสี่ตอนสี่เรื่องเปรียบเสมือนถนนสี่สาย ที่มาจากชีวิตสี่แพร่ง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย แต่การกระทำ การพูด การคิด เพียงเล้กน้อย ก็อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนอื่น ที่เราไม่เคยรู้จักได้ เมื่อทุกชีวิต มาพบกันที่จุดตัดในสี่แพร่ง สามก๊ก The Resurrection of the Dragon
น่าจะเป็นประโยคอมตะขอโจโฉ ที่อธิบายวิถีแห่งอำนาจของสังคมมนุษย์ในโลกได้ทุกที่ทุกยุคทุกสมัย  หลาย ๆ หนที่มนุษย์เรา นำอุดมการณ์ คุณธรรมมาใช้เป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการแย่งชิงอำนาจ แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป้นการสร้างภาพจอมปลอม หากแต่เนื้อในของแรงขับเคลื่อนคือความทะเยอทะยานและความเห็นแก่ตัวล้วน ๆ นับตั้งแต่การทรยศหักหลังในความสัมพันธ์ฉันพี่น้องร่วมสาบาน ไปจนถึง ความมักใหญ่ใฝ่สูงต่ออาณาจักรที่จูล่งต้องประสบพบเจอ หรือจะเป็นการหลอกให้คนอื่นไปตาย เพียงเพื่อต้องการรักษาอำนาจที่ตนสามารถบงการควบคุมได้ อย่างแยบยลโดยที่ไม่อาจมีใครตราหน้าว่าเป็นคนชั่วได้ อย่างการกระทำของขงเบ้ง ที่สุดท้ายแล้ว ก็ ใช้ จูล่งเป็นแค่ "หมาก" ตัวหนึ่งในสมรภูมิแห่งชีวิตเท่านั้น คนที่รู้สึกถึงสัจธรรมข้อนี้ และสามารถแสดงออกถึงจุดยืนได้อย่างเปิดเผยไม่อายใครก็เห็นจะเป็น โจโฉ ที่ถ่ายทอดความคมคาย ทางในกลยุทธการศึกและการบริหารคนให้กับผู้ชม ในฉากที่อบรมหลานสาว อย่างโจ อิงให้เห็นถึงสัจธรรมแห่งสงคราม ว่าคนมีฝีมือหรือคุณธรรมอาจจะไม่พอ แต่จะต้องรู้จัก หลักแหลมพอที่จะเอาตัวให้รอดด้วย |
เชษฐภัทร
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
Group Blog
All Blog
Friends Blog
MY VIP Friend                  |
|||
| Pantip.com
| PantipMarket.com
| Pantown.com
| © 2004 BlogGang.com
allrights reserved.
|
||||
