กิ้งก่ากลืนจันทร์
เกิดกลีกิ้งก่าแกล้ง…...........……กลืนจันทร์
โหมห่ามลามหฤหรรษ์...........….หื่นท้า
กินกลืนกร่อนกัดสวรรค์...........…แสวงสุข สมฤา
หลอมโลกหยาบบาปบ้า.........….บอดใบ้บังกุศล

เมื่อความมืดจู่โจมโหมรุกโลก
จึงเศร้าโศกสดับตามความหมองหม่น
เสนียดรัดบัดสีกลีปะปน
จึงทุกข์ทนเหล่าอธรรมชี้นำทาง

สัตว์หมกทรามมืดสิ้น..................มอดแสง
คาวจริตคิดแทรกแซง..................เสกสร้าง
คนปลอมจิตปิดแปลง..................ปรุงแต่ง ใจนา
จักรวาลเคยโหวงว้าง..................วุ่นแล้วระแวงหลง

เกิดโสมมผสมนำกำเนิดม่าน
อุปาทานวิถีแนวชี้บ่ง
ให้รักเลือกเปลือกตมโง่งมงง
ถูกขังกรงกรรมบาปภาพมายา

คืนจริงยังแจ่มแจ้ง........................เคียงจันทร์
เพียงบาปคราบหมอกควัน............เขรอะท้า
ปิดแสงสว่างทางสวรรค์.................เสวยสุข
จึงโง่งมจมบ้า................................บอดบื้อบาปสนอง

ใช่กิ้งก่ากลืนจันทร์ผันเปลี่ยนภาพ
แต่เพราะบาปก่อนามความเกี่ยวข้อง
บิดเบือนบ้างสร้างกรอบครอบมุมมอง
ลืมกลั่นกรองความคิดจิตวุ่นวาย



ขอปัญญาช่วยชี้..........................ฉายแสง
ไตรสิกขาคือแรง.........................ดับร้าย
ตรองโศกโลกทัศน์แปลง..............ทางเปลี่ยน
ถึงสัจธรรมสุดท้าย.......................สละทิ้งทางสถุล



Create Date : 15 กันยายน 2548
Last Update : 15 กันยายน 2548 23:22:39 น.
Counter : 327 Pageviews.

0 comment
ซากุระเปียกฝน
ซากุระเปียกฝน

ซากุระร่วงหล่นบนแอ่งน้ำ
คือนิยามสรวงสวรรค์อันแสนหวาน
รำลึกห้วงความฝันเมื่อวันวาน
แห่งชีวิตวิญญาณจากลานดิน
ดื่มด่ำความลุ่มหลง ณ ตรงหน้า
สีชมพูลานตาประดาสิ้น
สายฝนเล่นลำนำยังย้ำยิน
ชะล้างถิ่นธรณีที่คนจร
ซากุระสะอื้นโศกกับโชคร้าย
เปียกน้ำฝนปนทรายปลายเกสร
ชวนวังเวงเหว่ว้าวุ่นอาวรณ์
โหยหาความอาทรจนอ่อนใจ
เคยสวยสดงามอยู่ตามต้น
กลับต้องทนทุกข์กล้ำร่ำร้องไห้
ยอมคนเหยียบคนย่ำอยู่ร่ำไป
หนาวหมอกฝันควันไฟในโคลนตม
แล้วเกสรซึ่งชื้นความขื่นช้ำ
กลับเนื่องนำแน่นหนักสิ่งหมักหมม
เลี้ยงลำต้นรากใบให้ชื่นชม
ด้วยเศษซากโสมมอาจมกลี
รอผลิดอกออกสะพรั่งอีกครั้งใหม่
ท้าความฝันควันไฟในทุกที่
ตามวัฎฎะจักรวาลนับล้านปี
ขีดวิถีชีพไว้ให้ก้าวเดิน



Create Date : 15 กันยายน 2548
Last Update : 15 กันยายน 2548 23:21:56 น.
Counter : 476 Pageviews.

0 comment
จิตรกรรมพระจันทร์
จิตรกรรมพระจันทร์

จันทร์วาดภาพค่ำคืนเหนือผืนน้ำ
บันทึกความหลับใหลในเมืองหลวง
ปิดกั้นวันย้อนยอกโลกหลอกลวง
เปิดรับห้วงสรรพสีราตรีกาล

จุ่มพู่กันแห่งกวีชุบสีแสง
แล้วลงแรงอารมณ์ผสมผสาน
เสกผสมกลมกลืนความชื่นบาน
จนเกิดงานศิลปะประทับใจ

นำเรื่องราวมาฝากจากฟากฟ้า
ร้อยดาราแลระยับประดับสมัย
พิมพ์พระจันทร์รูปเสี้ยวเกี่ยวสายใย
เคล้าแสงไฟเมืองฟ้ายามราตรี

ระบายภาพสะพานแขวนดินแดนฝัน
เทพเสกสรรแต่งเสริมเติมโสตสี
ตึกแม้มืดดำหม่นปนราคี
ก็ยังมีเปลวทองสาดส่องมา

เพลงค่ำคืนขื่นขมบ่มความเศร้า
แทรกความเหงาเงียบงันซ้อนหรรษา
แห่งลำนำภูมิลำเนาเจ้าพระยา
ปลุกวิชาจิตรกรก่อนอรุณ

จนตะวันขึ้นประทับประดับฟ้า
ไอร้อนแรงก็วิ่งหาความว้าวุ่น
แสงพระจันทร์จึงสลายหายเป็นจุณ
กลับสู่สุญภาวะสภาพเดิม



Create Date : 09 กันยายน 2548
Last Update : 9 กันยายน 2548 23:06:15 น.
Counter : 303 Pageviews.

2 comment
กำเนิดจักรวาล
สำนึกจักรวาล

สุญตาต่อต้านสสารเปล่า
มวลโหวงเบาสลับแน่นเหมือนแค้นคลั่ง
หนึ่งอณูน้อยโหมโถมประดัง
แม่เหล็กตั้งสัมพันธ์อนันตพจน์

เศษเสี้ยวนิดน้อยหนึ่งซึ่งถูกอัด
อณูรัดบีบแหลกกระแทกกด
ปฏิพากย์ยากทวนคำนวณทด
สสารหดสาหัสมวลขัดแย้ง

อัดแน่นจึงก่อเกิดระเบิดใหญ่
ซึ่งเป็นไปด้วยวิถีโสตสีแสง
ร้อนเย็นคลื่นอัคคีที่เปลี่ยนแปลง
ขยายแรงจักรภพจบอณู

กำเนิดดาวนับล้านสสารวิจิตร
เขียนชีวิตจักรวาลการต่อสู้
กัมปนาทกราดเกรี้ยวเสียงเกรียวกรู
เปิดมวลปูปรับทางสร้างตัวตน

อาทิตย์ขีดบรรทัดอุบัติฟ้า
เป็นโลกหล้าลมแสงทุกแห่งหน
ชีวิตจึงแจงจัดพืชสัตว์คน
วุ่นเวียนวนคืนวันผันผ่านไป

กำเนิดจากนิยามความว่างเปล่า
ทุกค่ำเช้าเกิดวิญญาณผ่านสมัย
คนสมมติความคิดพอกจิตใจ
มุ่งเป็นใหญ่แก่งแย่งแข่งชิงดี


เกิดนิยมตัวตนบนความว่าง
ยึดเค้าร่างอุปาทานจารวิถี
อวิชชาก่อวิบากความอยากมี
จึงเกิดกลีเกลือกกลิ้งวิ่งไล่ลม

บ้างไม่มีไม่ได้ก็คล้ายทุกข์
บ้างหลงความสนุกก็สุขสม
เป็นคราวครั้งบอดบ้าตามอารมณ์
เพราะนิยมยึดจิตคิดจับเงา

เพียงเวลาผ่านผันคืนวันเปลี่ยน
โลกก็เวียนหมุนรับกลับใหม่เก่า
วัฎจักรสลายนามความมัวเมา
คืนสู่ความว่างเปล่าเท่านั้นเอง



Create Date : 09 กันยายน 2548
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2548 21:44:23 น.
Counter : 408 Pageviews.

5 comment
ลิขิตฟ้า
ลิขิตฟ้า

เสียงซากผีขี้ข้าอาจมวิบัติ
กลิ่นสาปสัตว์สลดสิ้นกินซากศพ
ความแห้งแล้งกันดารลาญพิภพ
จึงบรรจบภาพอุจาดบาดสำนึก

ความอดอยากยากจนคนเคืองเคียด
เสียงโกรธเกลียดกู่ร้องดังก้องกึก
ระห่ำเปรตโหยหวนชวนระทึก
เกิดรู้สึกเสียวไส้ใจรันทด

ฟ้าจึงแผดเสียงก้องร้องเกรี้ยวกราด
สื่ออำนาจรุกกระหน่ำเร่งกำหนด
ลบเคืองเคียดเกลียดชังพรั่งพรูพจน์
กระแทกกฎธรรมชาติประกาศชัด

ปะทะความร้อนแรงดินแห้งผาก
ชำระซากสำส่อนสั่งสอนสัตว์
ล้างคำสาปคราบขี้เพื่อชี้วัด
ลบกำหนัดอมนุษย์แล้วหยุดคิด

รินน้ำฝนหลั่งรดเริ่มหยดแรก
จึงสอดแทรกสรรพสีไมตรีจิต
ตบแต่งเติมเสริมสร้างทางชีวิต
เนรมิตวิญญาณสานสายใย

เกิดต้นน้ำลำธารบันดาลสุข
ฝนรินหลั่งล้างทุกข์รุกโลกใหม่
ชโลมโลกเฉลิมหล้าชลาลัย
ผืนทองผองไผทใกล้กลับมา


นกน้อยร้องเพลงหวานเฝ้าขานขับ
ดวงตะวันก็ยิ้มรับกับหมอกฝ้า
เกิดรุ้งแห่งความหวังพลังชีวา
สัญญาณฟ้าหลังฝนดลบันดาล

หยาดหยดรินหล่นร่วงจากสรวงสวรรค์
คือของขวัญข้าวปลาแหล่งอาหาร
เสกผสมกลมกลืนอย่างชื่นบาน
จิตวิญญาณค่อยค่อยนำกำเนิดคน

เกิดวิถีชีวิตจิตมนุษย์
บริสุทธิ์สิ้นศัพท์ความสับสน
ไร้ซึ่งความแปลกแยกแตกตัวตน
สุขท่วมท้นทางธรรมท่วงทำนอง

สังคีตร้อยลำนำเพลงลำน้ำ
แปลงอดีตเลวทรามความหม่นหมอง
ซึ่งเกรี้ยวกราดอึกทึกคึกคะนอง
เป็นครรลองวิถีแห่งชีวา




Create Date : 09 กันยายน 2548
Last Update : 10 กันยายน 2548 0:16:57 น.
Counter : 398 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

เชษฐภัทร
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments
All Blog
MY VIP Friend