สงครามศักดิ์สิทธิ์
สงครามศักดิ์สิทธิ์

เพราะความสุขทุกข์โศกโลกย์กำหนด
บริบทสารพัดแห่งผัสสะ
สัญชาติญาณชี้ทางสร้างภาระ
จึงพันธะทุรกรรมนำมนุษย์

ปรุงตัณหาแต่งนามความยึดติด
สมมติจิตเคืองคลั่งยากยั้งหยุด
เพลิงกิเลสโหมไหม้ใจทรามซุด
ปราชญ์ชำรุดเปรตชำเรามั่วเมากัน

หลงเห็นสิ่งเลวทรามคือความสุข
จึงเกิดทุกข์เพราะนิยามความยึดมั่น
ถือรักโลภหลงโกรธลืมโทษทัณฑ์
เพราะดื้อรั้นดิ้นรนบนอัตตา

รื่นเริงแรงอัคคีที่เปียกชื้น
รอเติมฟืนสุมไฟสิ่งใบ้บ้า
เพื่องมโง่งี่เง่าเผากายา
ยิ้มอย่างไม่ประสารับราคี

นกอยู่ฟ้าบอดใบ้ไม่เห็นฟ้า
ก็เหมือนปลาบอดน้ำกามวิถี
หนอนไม่เห็นความชั่วมั่วกาลี
จึงกินขี้ของเหม็นเล่นอาจม

ประสบการณ์กรองโลกสุขโศกเศร้า
ทุกโง่เขลาวันคืนเคยขื่นขม
ซึ่งโลดตามตัณหาห้วงอารมณ์
จึงเพาะบ่มบ่งชัดศรัทธาการณ์



เบื่ออยากมีอยากเป็นเพื่อเข่นฆ่า
เหยียบอัตตาตัดต่อใจต่อต้าน
เพื่อขุดรากสันดอนถอนสันดาน
ล้างวิญญาณเย่อหยิ่งสิ่งมืดมัว

กร้าวประกาศสงครามความศักดิ์สิทธิ์
ฆ่าความคิดขุ่นข้องหมองสลัว
ไตรสิกขากู่ก้องร้องระรัว
แผดต่อต้านความชั่วของตัวกู






Create Date : 26 กันยายน 2548
Last Update : 26 กันยายน 2548 22:46:41 น.
Counter : 927 Pageviews.

0 comment
เพราะอยากมีความสุข
เพราะอยากมีความสุข

สันดานคนมุ่งมาดปรารถนา
อยากค้นหานิยามแห่งความฝัน
เสียงเซ็งแซ่สับสนดิ้นรนกัน
ต่างแข่งขันขวนขวายวุ่นวายใจ

ทระนงหลงเตลิดเกิดปะทุ
ร้อนระอุเพลิงกามตามโหมไหม้
กำหนดความร้อนเย็นซึ่งเป็นไป
กระตุ้นไฟกำเนิดนามความอยากมี

หื่นห่ามอย่างที่เห็นการเข่นฆ่า
คนบอดบ้าบื้อใบ้ไร้ศักดิ์ศรี
เพราะกระหายควาสุขทุกนาที
จึงแก่งแย่งชิงดีผีสัตว์คน

หรือเป็นเพราะนิยามแห่งความสุข
นำความทุกข์โถมทับให้สับสน
จึงงมโง่ตั้งแง่เห็นแก่ตน
ให้ดื้อรั้นดิ้นรนบนโลกีย์

ยิ่งวิ่งหาความสุขยิ่งทุกข์มาก
ผูกมัดความยุ่งยากอยากวิ่งหนี
ลองหยุดคิดไขว่คว้าสักนาที
จะพบความสุขนี้อยู่ที่ใจ



Create Date : 26 กันยายน 2548
Last Update : 26 กันยายน 2548 22:45:36 น.
Counter : 438 Pageviews.

0 comment
หลับตาเพื่อตื่น
หลับตาเพื่อตื่น

๑. หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน
ฟังเสียงกลอนขับกล่อมถนอมขวัญ
คือเพลงแห่งดวงใจมีให้กัน
บนคืนวันขมหวานกาลเวลา

๒. ท่ามกลางกลิ่นเมืองกรุงอันยุ่งเหยิง
จะดับเพลิงผิดพลั้งความคลั่งบ้า
หนีจากความหลงลวงบ่วงเงินตรา
แล้วหลับตาเพื่อ “ตื่น” ก็ชื่นใจ

๓ .หลับตาเพื่อลืมตาประสาโลกย์
ลืมทุกข์โศกยิ้มรับกับสิ่งใหม่
รับแสงทองส่องทางอันกว้างไกล
เพื่อก้าวสู่ประตูชัยวิสัยธรรม

๔. แว่วเสียงวินมอ’ไซค์ใกล้ใกล้บ้าน
จินตนาการร้อยกรองก็ร้องร่ำ
ความเซ็งแซ่สับสนปนควันดำ
คือถ้อยคำขับขานของชานเมือง

๕. เป็นสัญญาณร้องปลุกให้ลุก “ตื่น”
แล้วหยัดยืนก้าวย่างอย่างปราดเปรื่อง
สู้ชีวิตเลวทรามความฝืดเคือง
เผื่อจะสู่ฟูเฟื่อง ในเมืองกรุง

๖. ให้ตัวอย่างสัมมาอาชีวะ
คือลดละเลิกเที่ยวไม่เกี่ยวยุ่ง
หลีกหนีสิ่งเสพย์ติดคิดปรับปรุง
แล้วหมายมุ่งออดออมยอมเก็บเงิน



๗. ปากซอยคล้ายประตูสู่โลกกว้าง
จงก้าวย่างยืนหยัดอย่าขัดเขิน
เรียนรู้โลกลำนำซึ่งดำเนิน
เพื่อเพลิดเพลินพิศพลางอย่างลุ่มลึก

๘. มโหรีรถยนต์พ่นสำราก
คล้ายคล้ายปากพรั่งพรูความรู้สึก
เสียงแตรแผด เกรี้ยวกราดขาดสำนึก
ตกผลึกเป็นลำนำชวนสำลัก

๙. เสียงโหมโรงมโหรี ณ สี่แยก
แอบสอดแทรกนิยาม “ความจมปลัก”
เกลือกอาจมงมเง่าโง่เขลานัก
จึงดานดักกับความโกรธโจทย์ชีวิต

๑๐. ยิ่งสันดานของคนบนโลกนี้
ยิ่งอยากมีหลายสิ่งยิ่งยึดติด
ยิ่งหม่นไหม้ไฟกามความมืดมิด
ยิ่งหลงทิศหลงทางอย่างมืดมน

๑๑. ลด “ตัวกู” “ของกู” ดูสักหน่อย
แล้วลบเรื่องเสื่อมถอยรอยสับสน
เพื่อแบ่งปันน้ำใจให้ผู้คน
ท้องถนนก็จะสวยด้วยใจงาม

๑๒. ลงเรือด่วนเจ้าพระยาประสาซื่อ
“นิพพาน” ที่ยึดถือ คือคำถาม
หากยึดติดคิดย้ำคำนิยาม
ก็เหมือนยึดติดนาม ตาม“นิวรณ์”

๑๓. ถ้าฉันไม่ยึดติดจะผิดไหม
แล้วปรับใจตามธรรมหลักคำสอน
ปล่อยวางความถือมั่นตามขั้นตอน
ดับรุ่มร้อนแรงไฟในตัวตน

๑๔. เพื่ออยู่กับปัจจุบัน ณ วันนี้
บนวิถีครรลองของเหตุผล
ลืมอดีตความหลังเลิกกังวล
สิ่งผ่านพ้นผิดพลั้งเป็นดังครู

๑๕. เพื่อจะยืนหยัดท้าอนาคต
แล้วกำหนดกระบวนการการต่อสู้
ใช้ความคิดคุณธรรมย้ำตรองดู
สานฝันเปิดประตูสู่เส้นชัย

๑๖. เครื่องยนต์เรือโห่ร้องก้องผืนน้ำ
บ้าระห่ำโหยหวนชวนโหยไห้
เสียงปั่นป่วนวิปริตแผ่พิษภัย
หวังกัดกร่อนหัวใจให้แหลกลาญ

๑๗. ขอเพียงดวงปัญญายังปรากฎ
จักกำหนดศรัทธาความกล้าหาญ
ต่อสู้ความขมขื่นอย่างชื่นบาน
ด้วยวิญญาณความคิดซึ่งติดตัว

๑๘. จึงกำเนิดนิยามความสงบ
ซึ่งสยบนิยามความเลวชั่ว
แสงสว่างอยู่ระหว่างทางมืดมัว
หยุดความกลัวด้วยความกล้าท้าอาธรรม

๑๙. เพื่อใช้ศีลปัญญาสมาธิ
เปิดมิติอารมณ์อันบ่มร่ำ
กรองอารมณ์บิ่นบ้าวาทกรรม
ของถ้อยคำสับสนเครื่องยนต์ร้อง

๒๐. สุขทุกข์อยู่ที่ใจมิใช่หรือ
หากมัวรื้อเรื่องเก่าสิ่งเศร้าหมอง
ใจก็อาจเจ็บซ้ำน้ำตานอง
เพราะมุมมองมืดมัวในตัวตน

๒๑. ขอมองแต่แง่ดีในชีวิต
เพื่อขบคิดขอบเขตตามเหตุผล
ลืมความทุกข์เลวทรามความอับจน
หลีกเลี่ยงสิ่งสับสนบนอัตตา

๒๒. หากใจสุขกายก็เห็นเป็นสุขด้วย
เพราะใจช่วยชี้ทางสร้างคุณค่า
แล้วปรับเปลี่ยนโลกทัศน์เปี่ยมศรัทธา
เพื่อรักษาสุขภาพเลี่ยงบาปกาย

๒๓.ขอจิตใจไหลเย็นเช่นแม่น้ำ
ล้างชอกช้ำโฉดชั่วหัวใจสลาย
สุขสงบจบร้างทางอบาย
ลืมเลวร้ายแรงโกรธโทษราคี

๒๔.กระแสน้ำซึ่งนิ่งยิ่งไหลลึก
คนยิ่งฝึกจิตยิ่งเสริมเพิ่มราศี
สร้างรังสรรค์ศรัทธาบารมี
ด้วยความดีน้อมนำกำเนิดคุณ

๒๕. คลื่นกระเพื่อมเลื่อมระยับวับวับไหว
ขอหัวใจศรัทธาอย่าว้าวุ่น
ตามกระแสเสื่อมทรามกามคุณ
ต้านกระสุนอวิชชากามราคะ

๒๖. แล้วไตร่ตรองปัญหาจากสาเหตุ
แจงประเภทสารพัดของผัสสะ
หูจมูกลิ้นปากตาเป็นภาระ
สร้างภาวะความคิดจิตสมมติ

๒๗. ว่าคนโน่นชื่อนี้นี่อยู่ไหน
นั่นของข้อย หนอย…มึงใครไม่สิ้นสุด
จึงแก่งแย่งชิงดีผีอมนุษย์
เกิดยื้อยุดยึดถือความดื้อรั้น

๒๘. เพราะดวงจิตจดจำกำหนดวิถี
อยากเป็นโน่นเป็นนี่อยากมีนั่น
จึงเบียดเบียนเบ่งบ้าเข่นฆ่ากัน
ทุกคืนวันวุ่นวายคล้ายวังวน

๒๙.แสงสูรย์สอดแทรกหมอกหยอกผืนน้ำ
จึงปรากฏความงามแทรกความหม่น
คล้ายเส้นทางวิถีชีวิตคน
สุขทุกข์คละปะปนบนครรลอง

๓๐. ตกกระทบภาพสะท้อนให้ย้อนคิด
ถึงชีวิตวุ่นวนอันหม่นหมอง
จะเปลี่ยนเป็นแรงใจเพียงใฝ่ปอง
สู่แสงทองศรัทธาท้าความทุกข์

๓๑. เพียงจิตใจหนักแน่นดังแผ่นภพ
เพื่อสู้รบกับอารมณ์ระดมปลุก
ระห่ำบ้าอาธรรมกระหน่ำรุก
เลือกมีสุขกับสิ่งดีในชีวิต

๓๒.เหมือนแผ่นดินให้ข้าวปลาแหล่งอาหาร
เสนอทานวิถีไมตรีจิต
แก่เหล่าสรรพสัตว์ปัจจามิตร
ซึ่งอุทิศทุกสิ่งอย่างจริงใจ

๓๓. หากคนเราช่วยเหลือเพื่อหวังผล
ดวงมานจักมืดมนและหม่นไหม้
ราวนรกอกระกำอยู่ร่ำไป
เพราะพ่ายแพ้พิษภัยไฟอัตตา

๓๔.กระยางยืนหยัดสู้อยู่โดดเดี่ยว
ไม่ข้องเกี่ยวคำถามความบอดบ้า
เพราะมีสุขเหมาะสมกลมกลืนตา
เจ้าพระยาลำนำภูมิลำเนา

๓๕.อิสระเสรีที่ปลายปีก
ซึ่งหลบหลีก “อีโก้” อันโง่เง่า
ลดยึดมั่นถือมั่นหมายบรรเทา
บาปกรรมเก่าซึ่งมาเตือนเหมือนติติง

๓๖.คล้ายไม่สุขแต่ก็คล้ายจะไม่ทุกข์
คือนิยามความสุขเหนือทุกสิ่ง
เมื่อเปิดใจยอมรับกับความจริง
ใจจะนิ่งแน่นหนักรู้จักใจ

๓๗. แม้พลัดพรากเพื่อนพ้องจากน้องพี่
ขอเพียงมีปัญญาอย่าหวั่นไหว
เพียงอย่าท้อต่อสู้รู้หลีกภัย
บนเงื่อนไขครรลองกฎของกรรม

๓๘. สำเนียงเพลงวณิพกตกกระทบ
สะท้านกลบเกลื่อนทุกข์รุกกระหน่ำ
กระแทกทับโถมใจให้จดจำ
จึงดื่มด่ำดนตรีที่บันดาล

๓๙. เกิดคำถามที่ถามเพราะความเขลา
หลังโศกเศร้าเสียงศัพท์ซึ่งขับขาน
ระทมทุกข์ทำนองของวิญญาณ
ช่างอ่อนหวานเว้าวอนตอนรับฟัง

๔๐. หรือเพราะเขาสุขใจที่ได้ทุกข์
แล้วสนุกกับชีวิตที่ผิดหวัง
จึงปลดปล่อยสิ่งทรามความเกลียดชัง
เป็นพลังให้หยัดอยู่สู้ต่อไป

๔๑. เสกสร้างสรรค์ตำนานสานภาระ
เกิดพันธะเทียบแถวแนวทางใหม่
“โอกาส” เกิดจาก “วิกฤต” ในจิตใจ
จึงสร้างศิลป์วิสัยให้แก่เมือง
๔๒. ขณะรถไฟฟ้าวิ่งฝ่าฝน
มหาชนยิ่งต่อสู้หวังฟูเฟื่อง
แสงสว่างทางสวรรค์วันรองเรือง
จะปลดเปลื้องทุกข์ยากลำบากกาย

๔๓. เมื่อคนหลงเงินตราค่าวัตถุ
ใจจึงผุพังตามสิ้นความหมาย
มีชีวิตไปวันวันรอวันตาย
ความชั่วร้ายตีกรอบเข้าครอบครอง

๔๔. คือเป็นคนสิ้นคิดจิตสำนึก
สิ้นรู้สึกสับสนศีลหม่นหมอง
ฉาบฉวยแบ่งชนชั้นลืมกลั่นกรอง
ใช้เงินทองตีค่าราคาคน

๔๕. เพียงใจเปลี่ยนมุมมองลองกำหนด
ละเลิกลดเลวทรามความสับสน
มอง “มนุษย์” อย่าง “มนุษย์” หยุดถือตน
แล้วตรองผลตรองเหตุเติมเมตตา

๔๖. รู้แบ่งปันน้ำใจไมตรีจิต
เพื่อดับร้ายคลายพิษริษยา
หยุดโง่เง่าเศร้าโศกโลกมายา
สร้างคุณค่าคุณธรรมค้ำจิตใจ

๔๗. แม่จูงลูกมุ่งสู่ประตูวัด
เตรียมจานจัดแกงกับสำรับใหม่
บรรจงแยกคาวหวานเป็นจานไป
สื่อวิสัยโลกทัศน์เจนจัดงาน

๔๘. เริ่มกินแกงกับข้าวของคาวก่อน
แล้วค่อยย้อนลิ้มลองรสของหวาน
วิธีธรรมดำเนินมาเนิ่นนาน
สืบสันดานดวงจิตชีวิตตน

๔๙. สร้างแนวคิดจิตใจใฝ่สำนึก
จึงรำลึกร่ำร้องตรองเหตุผล
เครื่องคาวเปรียบคุณงามความเป็นคน
ควรเริ่มต้นตรองเน้นให้เห็นจริง

๕๐. เสร็จจึงลิ้มรสหวานสันดานหรู
เพื่อเรียนรู้ยอมรับกับสรรพสิ่ง
หัดโอนอ่อนผ่อนพักหาหลักพิง
เพื่อวนวิ่งโลกทัศน์วัตถุธรรม

๕๑. พอสัดส่วนปริมาณสานภาระ
จนผัสสะลองลิ้มรสอิ่มหนำ
จึงประจักษ์แจ้งจิตพิศเพ่งจำ
จะลึกล้ำแก่นหรือเปลือกเลือกสรรเอง

๕๒. โทรศัพท์มือถือใช้สื่อสาร
หรือเพื่อการตอกย้ำความอวดเบ่ง
โชว์แฟชั่นชั้นชนให้คนเกรง
ด้วยเสียงเพลงริงโทนตะโกนท้า

๕๓. เห็นคนพูดคนเดียวเปรี้ยวไม่หยอก
คล้ายตะคอกขู่เข็ญเช่นคนบ้า
นาฎกรรมวิปริตยังติดตา
แผ่ขยายสาขาทั่วธานี

๕๔. ความหมองหม่นอลหม่านผสานศัพท์
คนตอบรับร่ำร้องทุกท้องที่
ทั้งหัวเราะร้องไห้คล้ายกาลี
ร้อยท่าทีพูดพ่นไม่สนใคร

๕๕. ตั้งสติตรึกตรองลองรำลึก
แล้วฝนฝึกสมาธิวิธีใหม่
ท่ามกลางความวิงเวียนโลกเปลี่ยนไป
ด้วยจิตใจตั้งมั่นหมั่นย้ำเตือน

๕๖. เลิกตำหนิติติงสิ่งรอบข้าง
เพื่อหาทางแก้ไขคลายปมเงื่อน
ในใจเราใจนี้ที่บิดเบือน
จึงต้องเปื้อนปนเปรอะเลอะรำคาญ

๕๗. ภาวนาน้อมนำกำหนดจิต
ตามจริตจำเรียงเสียงเพ้อผ่าน
เพื่อแผ่เมตตาธรรมเหมือนทำทาน
อภัยให้สันดานประจานตน

๕๘. ธรรมทัศน์ศรัทธามาแทนทด
จึงปลงปลดเปลี่ยนสร้างทางหมองหม่น
ซึ่งวุ่นวายร้อนรกวกเวียนวน
เป็นกุศลไพศาลสำราญใจ

๕๙. จากอุจาดอาจมซากตมเหม็น
สื่อให้เห็นพุทธธรรมนำสมัย
ด้วยเพียงดวงปัญญามหาชัย
เกิดดอกบัวดอกใหม่ให้บูชา

๖๐. สายเดี่ยวอึ๋มอวบเน้นเห็นร่องอก
ความลามกก็เผยนัยบนใบหน้า
เพราะมนต์ขลังอลังการละลานตา
ห้วงตัณหาจึงรุมเร้าเข้าครอบงำ

๖๑. เห็นขอบกางเกงในใจระทึก
ชวนคิดลึกร้อนรนจนร้องร่ำ
อกแตกตายร้ายกาจนาฎกรรม
คิดเรื่องต่ำต้องตามกามคุณ

๖๒. สงสารใจใจเจ้าเอ๋ยไม่เคยนิ่ง
หลงใหลสิ่งลามกมัวหมกมุ่น
ตกเป็นบ่าวคาวบาปทิ้งภาพบุญ
จึงวิ่งวุ่นวนตามความยืดยาว

๖๓. ยิ่งอยากลองรสหญิงยิ่งทุกข์ยาก
กว่าครวญคร่ำลำบากเพราะอยากข้าว
ลองได้ลิ้มเล่นรักจมปลักคาว
ร้อยเรื่องราวจะ “เบื่อ” – “อยาก” ฝากรำพัน

๖๔. บ่อยบ่อยเข้าก็เห็นเป็นน่าเบื่อ
เปรียบชิ้นเนื้อยั่วยวนชวนเคลิ้มฝัน
พอลิ้มลองเสร็จกิจกลับติดฟัน
พัลวันเกาะแกะแคะรำคาญ

๖๕. พอนานไปใจสบายหายหงุดหงิด
ก็กลับคิดคำนึงถึงรสร่าน
สาบกลิ่นเนื้อคลุ้งคาวชวนร้าวราน
อกจะแตกแหลกลาญเพราะการมุ้ง

๖๖. ขอใจจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
อย่าเตลิดตะลอนตามความยากยุ่ง
ปลงปลดปล่อยเปลี่ยนรับจิตปรับปรุง
แล้วหมายมุ่งภาวนารักษาใจ

๖๗. โลกเจริญรุดหน้าเป็นอารยะ
แต่พันธะความทุกข์ยิ่งรุกไล่
ตามแรงกฎแห่งกรรมอยู่ร่ำไป
บนวิสัยทุกข์โศกโลกโลกีย์

๖๘. ศัพท์สำเนียงเสียงสลัมยังร่ำฟ้อง
ฟูมฟายร้องรันทดการกดขี่
เทวดาหน้าไหนจะไยดี
ความไม่มีมากมายหลากหลายปน

๖๙. เสียงทารกหิวนมระงมก้อง
ชวนหมางหมองหมกไหม้ใจมัวหม่น
แม่ลูกร่ำลำบากเพราะยากจน
ใจขาดวิ่นดิ้นรนทนกัดฟัน

๗๐. พบเห็นความไม่มีซึ่งมีมาก
บาปโหมรุกทุกข์ยากยังบากบั่น
จนหลงทิศผิดเพี้ยนเบียดเบียนกัน
เพราะยึดมั่นหมู่มารม่านบังตา

๗๑. บ้างหลงผิดพักพิงสิ่งเสพย์ติด
ซึ่งรุกล้ำย่ำจิตฤทธิ์ยาบ้า
แลกความปลื้มดื่มด่ำร่ำสุรา
หนีปัญหารุมเร้าเศร้าโศกทรวง

๗๒. พึ่งอาชีพโสเภณีกู้หนี้สิน
เพราะหมดสิ้นสับสนไร้คนห่วง
ผีพนันเสื่อมถอยยังคอยทวง
ใช้เล่ห์ลวงดัดหลังหวังเงินคืน

๗๓. เหมือนสังคมกลั่นแกล้งแรงบีบคั้น
ประชดฝันเกลียดฟ้าจึงฝ่าฝืน
มุ่งสู่ทางอาธรรมอย่างกล้ำกลืน
เพราะขมขื่นชีวิตลิขิตทาง

๗๔. จากจี้ปล้นคนไว้จึงได้แดก
ทำแปลกแยกยวนยั่วเป็นตัวอย่าง
ชักนำเด็กรุ่นใหม่ใจบอบบาง
สั่งสมสร้างสิ่งทรามซ้อนความจน

๗๕. คือความผิดของใครสงสัยนัก
แม้ประจักษ์แจ้งประเภทรู้เหตุผล
แต่กลับนิ่งดูดายร้ายเหลือทน
เห็นแก่ตนดื้อรั้นเลวจัญไร

๗๖. ระหว่างคนทุกข์ยากลำบากสู้
คนรวยหรูกลับยิ้มแย้มจิตแจ่มใส
จึงบังเกิดช่องว่างระหว่างใจ
ซึ่งเป็นไปปกติทุนนิยม

๗๗. แสนสุขสันติ์บรรเลงเพลงฮิปฮอป
แนวเทรนด์ป๊อบแต่งปรุงเครื่องนุ่งห่ม
สังคีตความคลุ้มคลั่งของสังคม
เศร้าเคล้าสุขทุกข์ระทมกลมกลืนตา

๗๘. เห็นเกิดแก่เจ็บตายว่ายวนทุกข์
เสื่อมทรามสุขสลับความตามเนื้อผ้า
รวยก็ทุกข์จนก็ทุกข์ทุกเวลา
ตราบตัณหาหื่นห่ามตามรบกวน

๗๙. ปะปนคนมากมายหลายรูปแบบ
โลกคับแคบขึ้นทุกวันคล้ายปั่นป่วน
ระดมปลุกฉุกคิดผิดทบทวน
ให้ถี่ถ้วนถูกทางอย่างรู้ทัน

๘๐. เพราะหน้าไหนไม่มีใครดีพร้อม
ต้องเสริมซ่อมสร้างพลังซึ่งรังสรรค์
เพื่อมอบกำลังใจให้แก่กัน
ตบแต่งวันแหว่งเว้าให้เท่าเดิม

๘๑.มีผู้ให้ผู้รับสุขกับทุกข์
จรรโลงสุขอานิสงส์เพื่อส่งเสริม
เมตตาธรรมค้ำจุนแต่งคุณเติม
หัดริเริ่มรู้เห็นสิ่งเป็นไป

๘๒.คนจึงอยู่ร่วมกันเพื่อสรรค์สร้าง
สานเส้นทางคุณธรรมนำสมัย
แม้มิเคยพบพิศต่างจิตใจ
ก็ยังมีสายใยให้เชื่อมโยง

๘๓. เมื่อความคิดปล่อยวางได้ทางหนึ่ง
ก็ซาบซึ้งแทรกสอดความปลอดโปร่ง
กิเลสไม่เหลือเงาทิ้งเค้าโครง
ใจจึงโล่งโลดเล่นเช่นสายลม

๘๔. เปลวตะวันหวั่นไหวในม่านเมฆ
คล้ายถูกเสกเป็นผ้าเอามาห่ม
หวังความเย็นดับร้อนผ่อนอารมณ์
แล้วค่อยจมเจ้าพระยาหลบราตรี

๘๕. กาลเวลาผ่านผันคืนวันเปลี่ยน
สรรพสิ่งหมุนเวียนก็เปลี่ยนที่
นาฬิกาโหมรุกทุกนาที
บนวิถีโลกทัศน์สัจธรรม

๘๖. สังเกตความเป็นไปในเมืองหลวง
ทุกทุกท่วงทำนองซึ่งร้องร่ำ
ประสบการณ์กรองเน้นเป็นถ้อยคำ
หวังบอกย้ำชีวิตจิตปลดปลง

๘๗. ใครจะยื้อหยุดยั้งรั้งอำนาจ
ธรรมชาติวิถีทางชี้บ่ง
จักรวาลวาดไว้ให้เป็นวง
สร้างเผ่าพงศ์สัมพันธ์อันสมดุล

๘๘. เหลือแต่ความเป็นไปในดวงจิต
ให้คนคิดปล่อยวางอย่างยืดหยุ่น
มีสติตรึกตรองต้องลงทุน
เลิกว้าวุ่นวนมั่วตามตัวแปร

๘๙. พึงระวังสังวรก่อนก้าวย่าง
ตามแบบอย่างผิดรับรู้ปรับแก้
ถึงสำเนียงเสียงถนนคนจอแจ
ยังพ่ายแพ้พลังจิตซึ่งติดตัว

๙๐. เปรียบเหมือนแมวจับหนูเป็นคู่กัด
คล้ายคอยขัดขืนขวางทางเลวชั่ว
จนหนูเลวร้ายกาจขยาดกลัว
จึงลดเรื่องเกลือกกลั้วมั่วอารมณ์

๙๑. เรียนรู้ธรรมชาติเห็นดาษดื่น
ซึ่งขีดขั้นวันคืนอันขื่นขม
ทั้งความงอกความงามความโง่งม
ศัพท์ผสมโสตผสานผ่านทำนอง

๙๒. แล้วริเริ่มเรียนรู้เป็นผู้ให้
ทุ่มเทตัวหัวใจใช้สมอง
บนวิถีบัณฑิตคิดครรลอง
ช่วยเพื่อนผองสรรพสัตว์สร้างศรัทธา

๙๓. ดลบันดาลความดีเท่าที่ได้
รู้ปรับย้ายยืดหยุ่นสร้างคุณค่า
เปี่ยมไมตรีสัมพันธ์เพิ่มปัญญา
แก้ปัญหาโหยไห้ในใจคน

๙๔. หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน
หลับตานอนละทิ้งสิ่งหมองหม่น
เพื่อลืมตาท้าโลกโศกมืดมน
อย่างแยบยลหยัดอยู่รู้เท่าทัน

๙๕. หลับตาเพื่อลืมตาประสาโลกย์
ฝ่าทุกข์โศกเสริมสร้างอย่างมุ่งมั่น
วิปริตลิขิตฟ้าจะฝ่าฟัน
ป่ายปีนทางสูงชันอย่างมั่นคง

๙๖. เลิกเฝ้ารอโชคชะตาฟ้าลิขิต
ท้อชีวิตหลอกลวงบ่วงลุ่มหลง
พร้อมหยัดยืนก้าวย่างอย่างทระนง
ก้าวเดินฝ่าป่าพงผ่านดงดอน

๙๗. รู้และเห็นเป็นไปในโลกกว้าง
ทุกเส้นทางทัดเทียบเปรียบครูสอน
คือบทเรียนล้ำค่าเอื้ออาทร
แสนซับซ้อนอุปสรรคตระหนักจำ

๙๘. แล้วเรียนรู้ใจตนจนลุ่มลึก
เพื่อจะฝึกหัดเรียนพากเพียรพร่ำ
เดินตามขั้นครรลองตรึกตรองนำ
ประยุกต์ธรรมถ่องแท้แก้ไขตน

๙๙. บำบัดจิตจับใจจนได้ที่
คุณความดีแจ่มแจ้งทุกแห่งหน
ดับดวงไฟรุ่มร้อนผ่อนทุกข์ทน
คลายสับสนซาบซึ้งติดตรึงใจ

๑๐๐. เพราะหลับตาตระหนักซึ้งใจจึงตื่น
สุขสดชื่นยิ้มแย้มจิตแจ่มใส
เพราะหลับตาเพื่อตื่นจึงชื่นใจ
เพื่อมีชัยเหนือมนุษย์สุดอิ่มเอม




Create Date : 26 กันยายน 2548
Last Update : 3 มกราคม 2549 0:55:36 น.
Counter : 762 Pageviews.

0 comment
กลอนเปล่า
เขียนบันทึกชีวิตด้วยจิต “ว่าง”
เพื่อปล่อยวางจิต “วุ่น” ความขุ่นข้อง
ฉันทลักษณ์เรียงถ้อยคำร้อยกรอง
ลบมุมมองมืดมัวแห่งตัว –กู--

ลืมกระแสแห่ง “สื่อ” คนถือ “สิทธิ์”
มาลิขิตกระบวนการการต่อสู้
จึงเพ่งจิตพิศจำย้ำตรองดู
แลกเรียนรู้รักเพียรเขียนศรัทธา

ละทิ้งความคิดชั่วมั่วกิเลส
ลบสาเหตุปัจจัยความใบ้บ้า
บั่นทอนแรงกำหนัดหนีอัตตา
สร้างแสงแห่งปัญญาศึกษาธรรม

เกิดงานเขียนสืบสานบันดาลสุข
ตามกาลยุคด้วยอารมณ์อันบ่มร่ำ
ปล่อยตัว –กู--ตามแรงกฎแห่งกรรม
แล้วดื่มด่ำกับความ “ว่าง” ระหว่างกลี

งานเขียนบนเส้นทางความว่างเปล่า
กัดกร่อนเกลาความวิบัติจัดวิถี
ลบเลือนการแก่งแย่งแข่งชิงดี
ลบราคีหมกมุ่นจิต “วุ่น” วาย

หลอมเป็นหนึ่งลำนำกับธรรมชาติ
บันทึกทุกบทบาทไม่ขาดสาย
ทิ้งความวุ่นบนความว่างอย่างแยบคาย
คืนลวดลาย---ฉันทะ---ลักษณ์สู่จักรวาล

เชษฐภัทร วิสัยจร



Create Date : 15 กันยายน 2548
Last Update : 15 กันยายน 2548 23:24:16 น.
Counter : 406 Pageviews.

1 comment
หนีนรก
เพราะโลดตามตัณหาไฟราคะ
ใต้ภาวะต่ำทรามรุกลามจิต
จึงขุ่นข้องเคืองเคียดเกลียดชีวิต
โลกมืดมิดหม่นไหม้ใจระทึก

เพราะอารมณ์โกรธบ้าจึงด่ากราด
เปรตตวาดหวีดร้องดังก้องกึก
เลวระยำยั่วยวนชวนบาปคึก
เหยียบสำนึกบุญกรรมธรรมวัตร

เกิดปะทุระอุลามด้วยความโกรธ
ไฟชั่วโฉดร้อมรุ่มพากลุ้มกลัด
กลิ่นศพสัตว์บัดสีซึ่งชี้ชัด
ทางกำหนัดกำหนดบทบาทรับ

เพราะไม่ได้ดังใจใจจึงบาป
เนิ่นนานตราบมีนิยามความเกิดดับ
กิเลสถองกระแทกใจให้เคืองคับ
ขาดการแปรเปลี่ยนปรับยอมรับทุกข์

จึงต้องร้อนรุ่มใจในนรก
จิตวิตกติดตามสิ้นความสุข
ไฟโลกันตร์โหมระห่ำกระหน่ำรุก
จึงจมทุกข์เพราะยึดติดในจิตใจ

เพราะอัตตาตัวตนบนทางโลก
ปรุงแต่งโศกสาปทุกข์ซึ่งรุกไล่
หวังดับร้ายคลายร้อนผ่อนแรงไฟ
ทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องย่อยแค่ปล่อยวาง



Create Date : 15 กันยายน 2548
Last Update : 15 กันยายน 2548 23:23:15 น.
Counter : 365 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

เชษฐภัทร
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments
All Blog
MY VIP Friend