แก่น
แม้ว่า แก่น จะเป็นลูกชายข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บัญชาการทหารบก
แต่แก่นก็ยังใช้ชีวิต เรียบง่ายในแต่ละวัน

ตื่นเช้ามา แก่น จะกินข้าวอาบน้ำแต่งตัวไปมหาลัย
โดยเขาจะมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จากวินมอเตอร์ไซค์ใต้ต้นมะขามเยื้องตึกแถวเล็ก ที่คุณพ่อเขาซื้อไว้ให้เขาพัก

ราคาค่ามอเตอร์ไซค์ช่วงปี 2544 จากเยื้องบ้านไปปากซอย ก็ 5 บาท

แก่น ต่อรถเมล์บางวันก็สาย 117 บางวัน ก็ 97 ที่ปากซอย ไปยังสถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย อีก 4 บาท 50 สตังค์

แล้วขึ้นรถไฟฟ้าด้วยบัตรรายเดือนของนักเรียนนักศึกษา ไปที่มหาวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์

แก่นไม่ชอบขึ้นรถป็อบรถเวียนรับส่งนิสิตจากมหาวิทยาลัยมารถไฟฟ้า เพราะ มันมาช้าไม่ทันใจและอึดอัด

เขาจึงเลือกที่จะเดินไปบนฟุทบาธ ของถนนอังรีดูนังต์แทน


แก่นใช้ชีวิตเป็นอย่างนี้ จนเป็นที่ฉงนของคนอื่นแถวนั้น

โดยทั่วไป ลูกข้าราชการทหาร ระดับยศนายพลคนอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีตำแหน่งที่สำคัญในกองทัพ แต่มี ยศ พลตรี พลโท เขาก็มีรถขับ แต่งตัวโก้แฟชั่นตามสมัย มีเงินซื้อดอกกุหลาบ ซื้อของขวัญซื้อใจสาว ๆ ตามเทศกาลได้สบาย ๆ

อันที่จริง ตอนแรก ไม่มีใครเชื่อด้วยซ้ำว่า แก่นเป็นลูกชายแท้ ๆ ของผู้บัญชาการทหารบก แม้จะรู้ว่าเขานามสกุล "ฉลองขจรเกียรติ" แต่ ผู้คนก็คิดว่า "พลเอก เปลว ฉลองขจรเกียรติ" เป็นลุง หรือญาติห่าง ๆ ของไอ้แก่น ที่มักจะขึ้นรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้ามาเรียนเสียมากกว่า

--------------------------

แต่ด้วยความที่แก่นเป็นคนเรียบง่าย ชีวิตเขาก็มีเสน่ห์ ดึงสาว ๆ ที่มีรสนิยม หรือถูกจริตในความเรียบง่ายของเขา โดยที่ไมได้รักเขาที่ เรื่องเงิน หรือสิ่งของนอกกาย ตามลักษณาการที่หนุ่มในอุดมคติสมัยใหม่ ใช้กลยุทธ รุกเข้าจีบ สาว ๆ ในยุคทุนนิยม ดิจิตัลแบบที่ว่านี้

อร นิสิตคณะบัญชี ตกลงปลงใจเป้นแฟน กับแก่น
เธอรักแก่น เพราะแม้หน้าตาไม่หล่อ แต่ก็ไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหร่ แถมยังมีเสน่ห์ มีความน่ารักอยู่ในตัว

แต่แรกเริ่มเดิมที เธอ ไม่เคยรู้หรอก ว่าแก่นเป็นลูกใคร แม้นามสกุล แก่นมันจะฟังคุ้นหู ด้วยเธอ อาจได้ยินผ่าน ๆ จากเสียงทีวี หรือ วิทยุ แต่เธอก็ไม่เคยใส่ใจ ว่าตำแหน่งทางทหารมันคืออะไร ด้วยไม่เคยคิดจะสนใจเหตุบ้านการเมืองนัก

และก็มารู้ว่า แก่นมีพ่อเป็นผู้บัญชาการทหารบก เอาก็ต่อนเมื่อ รู้จักเป็นเพื่อนกับแก่นได้ระยะหนึ่งแล้ว

--------------------------

อรขับรถมามหาวิทยาลัยทุกวัน
ขณะที่แก่น ยังคงใช้รถไฟฟ้า และรถเมล์เป็นพาหนะหลัก

แต่ทั้งคู่ก็ยังรักกัน เพราะ อร ก็ยืนยันหนักหนากับเพื่อนของเธอว่า "แก่น น่ารักดีอะ น่ารักมากเลย" จนไม่ได้ใส่ใจ ประเด็นปัจจัยภายนอกอื่น ๆ

ทุกอย่างดูสวยงามไปหมด

ก็ยังว่า รักมันยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่น

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เราจะเห็น อร กับ แก่น ไปเที่ยวกันแถวมาบุญครอง สยามดิสคัฟเวอรี่ หรือ เวิร์,ดเทรเดเซนเตอร์ โดย นั่งรถอรไป แล้วอร ขับรถ แล้วแก่นนั่งข้าง ๆ

ที่นั่งข้าง ๆ ไม่ใช่ว่าแก่นขับรถไม่เป็น หากแต่คุณพ่อสั่งไว้ว่า "เวลาไปนั่งรถเพื่อน ๆ เนี่ยอย่าไปขับรถของเขานะลูก เดี๋ยวชนขึ้นมาแล้วมันจะยุ่ง"

ปกติ เวลาแก่นไปไหนมาไหนกับคุณแม่ แก่นจะอาสาขับรถให้คุณแม่เสมอ แต่นั่นมันก็รถของคุณแม่ ซึ่งคุณแม่ต้องใช้ขับไปทำงานสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยที่อยู่ชานเมืองกรุงเทพ

กล่าวโดยสรุป คือเวลาไปไหนมาไหน กับคุณพ่อคุณแม่ แก่นมักทำหน้าที่ขับรถเสมอ แต่แก่นก็ไม่เคยมีรถเป็นของตัวเอง

แก่นเคยสงสัย ว่า ทำไม คุณพ่อ ไม่ซื้อรถให้เขาสักคัน แบบ นายพลคนอื่น ๆ ที่ซื้อรถหรู ให้ลูกชาย ขับไปรับไปส่งสาว ๆ

แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะ รู้สึกว่า ขี่รถเมล์ รถไฟฟ้า ก็สะดวกดีอยู่แล้ว

-----------------------------------

อรกับแก่นคบกันเป็นแฟนมาได้สักแปดเดือนเห็นจะได้
จนอร เพิ่งเริ่มคิดได้ว่า แก่น ไม่ใช่ผู้ชาย ที่เธอต้องการเป็นแฟน อีกต่อไป

แก่นถามอรว่า "ทำไมเธอเปลี่ยนไป ไหนบอกว่ารักฉันเพราะฉันเป็นฉันไง"
อรตอบแก่นว่า "เธอเนี่ยช่างไม่เข้าใจความจริงของชีวิตมนุษย์เลยนะ ว่ามนุษย์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา"

อรบอกเลิก แก่นด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา ด้วยข้ออ้าง ที่อร ไม่เคยจะมองเห็นว่าเป็นอุปสรรค เมื่อตอนเริ่มคบกันใหม่ ๆ

อร บอกว่า แก่นไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยมีรถมารับมาส่งอร แถมเวลานั่งรถอร ยังปล่อยให้อร ขับรถให้อีกตางหาก

อร นำความที่เลิกกันกับแก่น พร้อมเหตุผล ที่บอกเลิกกับแก่นที่เพิ่งคิดได้ ตะกี้นี้หลังบอกเลิกหมาด ๆ ไปเล่าให้เพื่อนฟัง

เพื่อนอร ก็รุมด่า แก่น อย่างกับ นายว่าขี้ข้าพลอย

"สงสัยมันจะขับรถไม่เป็นหวะ" เพื่อนผู้ชายของอรคนหนึ่งพูด
"แยจริง ถ้าจะเป็นแฟนเขา แล้วยัง ไปรับไปส่งผู้หญิงไม่ได้ แบบนี้อย่าเป็นแฟนดีกว่า" เพื่อนผู้หญิงของอรพูด

ไอ้แก่นได้ฟังแล้วเป็นงงยิ่งนัก
หรือว่า การใช้ชีวิตอย่างสันโดษ พอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อมันอาจจะเป็นความผิดในบริบท บริโภคนิยมเช่นนี้
ทั้งที่ก่อนคบกัน ฝ่ายหญิง รับได้ในเงื่อนไขของฝ่ายชายทุกอย่าง
แต่พอเลิกกันเท่านั้น หละ ไอ้สิ่งที่รับได้ เนี่ยกลับกลายมาเป็นอาวุธที่ฝ่ายหญิงหยิบยื่นให้ "คนนอก" มา ทิ่มแทงตัวและใจของเขา

แต่จะอย่างไร ก็ช่าง ความผิดหวังเสียใจในครั้งนี้ มันไม่ได้ทำให้แก่น คิดจะเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของเขา

เขาก้ยังเป็นเขา
ยังคงขึ้นมอเตอร์ไซค์ เยื้องบ้าน ราคา 5 ไปหน้าปากซอย แล้วต่อรถเมล์ สาย 117 บางวัน ก็ 97 อีก 4 บาท 50 สตังค์ ไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีสะพานควาย ด้วยบัตรรายเดือนของนักศึกษา ไปที่สถานีสยาม แล้วลงเดินเท้าต่อไปยังคณะอักษรศาสตร์

แก่นไม่ชอบขึ้นรถป็อบรถเวียนรับส่งนิสิตมาสถานีรถไฟฟ้า เพราะมันมาช้าและอึดอัด
เขาจึงเลือกที่จะเดินไปบนฟุตบาทของถนนอังรีดูนังต์แทน

แก่นก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้น และก็ยังคงเป้นที่ฉงนของทุกคนแถวนั้น




Create Date : 22 กรกฎาคม 2552
Last Update : 22 กรกฎาคม 2552 9:36:05 น.
Counter : 362 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เชษฐภัทร
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments
MY VIP Friend