The Last of the Mohicans
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักในคริสตวรรษที่ 17 ระหว่าง คอร่า ซึ่งลูกสาวของนายทหารอังกฤษ ที่ถูกส่งมาประจำการณ์ที่อาณานิคมอเมริกา กับอินเดียนแดงชาวเผ่าโมฮ็อกที่เติบโตมาอย่างใกล้ชิดกับชาวอาณานิคมเชื้อสายแองโกล อเมริกัน



เรื่องเปิดฉากมาด้วยบรรยากาศการทำสงครามแย่งชิงดินแดน "โลกใหม่" ของกองทัพอังกฤษ กับฝรั่งเศส

ประชาชนชาวอาณานิคมหลายคนถูก "บังคับจิตใจ" เกณฑ์ให้ไปรบในนามของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งในความเป็นจริง แล้วคนที่อาศัยอยู่อเมริกา แม้จะมีรากเหง้าภาษาถิ่นกำเนิดมาจากอังกฤษ ดูในเรื่องแล้วราชวงศ์องค์รัฐาธิปัตย์ ไม่ได้มีความหมายอะไรมาก

พวกเขาแค่จะต้องการปกป้องบ้านเรือน เรือกสวนไร่นาของพวกเขา

การที่กองทัพอังกฤษ ถือ "ความชอบธรรม" มาเกณฑ์ทหาร รบกับฝรั่งเศส เพื่อผลประโยชน์ของใครก็ไม่รู้ที่อย่ในเกาะ แห่งหนึ่งอันไกลโพ้นที่คนเหล่านี้ถูกกดดันจนต้องจากมา ก็เลยดูเป็นสิ่งที่ไม่ "ชอบธรรม" สำหรับพวกเขา

จนดูเหมือนว่า หนังต้องการจะสื่อให้เห็นถึงนัยยะเรื่อง สิทธิ และเสรี ที่จะเลือก ที่จะมีชีวิตของปัจเจก

ซึ่งตรงนี้ ก็ไปเชื่อมโยง กับการที่ ทหารภายใต้บังคับบัญชาของพ่อของ คอร่า เขาเป็นเพื่อนสนิทักับคอร่ามานาน แล้วกำลังจะขอ คอร่าแต่งงาน แต่คอร่าปฏิเสธ
เขาจึงพยายามดึงความเห็นชอบของพ่อ ของเธอ มาอ้าง

จุดสำคัญอีกประเด็นหนึ่ง ที่น่าสนใจก็คือ เกิด ตรรกะที่ขัดกับสิ่งที่เราคาดหวังว่าควรจะเป็น ในเรื่อง

ฉากแรกที่จะกล่าวถึงก็คือ นายทหารอังกฤษที่มาขอนางเอกแต่งงาน ไม่ได้ทำตัวให้เป็น "สุภาพบุรุษ" ตามค่านิยมอังกฤษที่กำลังจะย่างเข้าสู่ยุคออกัสตันเลย

แต่กลับกลายเป็น ชาวโมฮ็อก ที่เข้าถึงความเป็น "สุภาพบุรุษ" หากจะอ้างค่านิยม แบบอังกฤษ ยิ่งกว่า ซึ่งตรงนี้ ก็ชวนให้คิดถึงคำว่า "Noble Savage" คือยิ่งเข้าใกล้ธรรมชาติมากเท่าใด จิตใจยิ่งจะสูงส่งมากเท่านั้น

ตรงนี้ชวนเราคิดถึงความแน่นอนในความไม่แน่นอน
คนที่ดูเปลือกนอกเหมือนจะเป็นอย่างหนึ่ง แต่พอได้รับความกดดัน กับปฏิบัติออกไปอีกอย่าง

อีกฉากหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ภาพ ชาวอินเดียนแดง "มากัว" ที่จับคนขาวเป็นเชลยได้ ผูกเชือก ลาก คอ คนขาวสามคน ไปลงโทษ

สุดท้าย ก็ร้อนถึงอินเดียนแดงอีกเผ่าต้องมาช่วยปลดเปลื้องคนขาวทั้งสามคนนั้นออกจากพันธนาการ

ซึ่งฟังดูแล้วขัดกับเรื่องราวที่เราได้รับการบอกเล่ามา ว่า ปกติ แล้ว เป็นคนข่าว ที่จับอินเดียนแดง เป็นเชลย โดยอ้าง White Man's Burden ว่าจะไป "ปลดปล่อย" คนอื่น ให้ศิวิไลซ์ เหมือนความเป็นตะวันตก แต่ในทางปฏิบัติกลับ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ของพวกเขา

ซึ่งภาพในหนังที่กลับตาลปัตร กับที่ได้ยินได้ฟังมานี้ จึงทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์ชวนคิดใคร่ครวญได้อยู่ไม่น้อย



Create Date : 19 เมษายน 2551
Last Update : 24 กันยายน 2551 13:29:20 น.
Counter : 2387 Pageviews.

1 comments
  
โดย: shame_of_sins วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:16:20:31 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เชษฐภัทร
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments
All Blog
MY VIP Friend