House of Flying Dagger: ว่าด้วยเรื่องคำนิยามและการแบ่งฝักฝ่าย
มีพี่ที่เคารพคนหนึ่ง
ขอให้ผมเสนอแนะนิยามกลุ่มก้อนทางการเมืองของประเทศสารขันธสองกลุ่ม ว่าถ้าต้องนิยาม "กลุ่มเสื้อขาว" กับ "กลุ่มเสื้อดำ" ผมจะให้คำจำกัดความว่าอย่างไรดี

ผมฟังคำถามนี้แล้วอดนึกถึง บทสนทนาระหว่าง โสเครตีสกับยูไทโฟร ตอนที่โสเครตีสกำลังจะรับโทษไม่ได้ โสเครตีส คุยกับยุโทโฟร ด้วยบทสนทนาแบบ โสเครติก คือ ถามถึง "นิยาม" ของคำง่าย ๆ ที่เราอาจมองข้าม โดยถามว่านามธรรมหลาย ๆ อย่าง อย่าง "ศาสนธรรม" นั้นคืออะไร

โสเครตีสถามจี้ติดรายละเอียดตลอด จนกระทั่ง ยูไทโฟรถกต้อนจนเป๋ ตอบเลอะๆ เทอะ ๆ วนไปวนมา สุดท้ายยูไทโฟรทนไม่ได้ ก็ต้องเดินหนีไป เพราะขี้เกียจเจรจา หาคำนิยาม

(ก็แหงล่ะ ใครมันจะไปทนได้ ผมเคยใช้เทคนิคถามหา what นี้มาเถียงกับคนอื่น เลยโดนด่าว่า "พูดไม่รู้เรื่อง" ไปเสียอีก)


ในกรณีของโสเครตีสกับยูไทโฟร โสเครตีสถามว่า "ศาสนธรรมคืออะไร"

ถ้าเทียบกับทุกวันนี้ ออกแนวน้ำชา ก็คงแนวมาถามว่า "รักแท้มันคืออะไร" ซึ่งคนตอบ ก็ตอบได้หลากหลายไหลไปเรื่อยจนกระทั่งถึง "ตับไต้ไส้พุง" โน่นแหละ

เพราะอย่างน้ ผมถึงได้มองว่าการตั้งคำถาม โดยถามหา "What" มันถึงตอบยากเย็นแสนเข็ญกว่าการถามหาอย่างอื่นนัก

ตั้งแต่เรื่องนามธรรมง่ายๆ เช่น "ความโกรธ" "ความเกลียด" "ความกลัว" "ความเป็นสุภาพบุรษ" "ชาติไทย" ไปถามสิ่งเหล่านี้ว่ามันคืออะไร ถามร้อยแปดคน ความหมายก็ต่างออกไปร้อยแปด

อย่าว่าแต่ไปถามหาคำนิยาม ว่า "เสื้อดำ" กับ "เสื้อขาว" เลย เพราะเสื้อดำเสื้อขาว มันไม่ใช่แค่ว่า ใครหยิบ เสื้อสีดำ หรือ เสื้อสีขาวมาใส่ แล้วจะกลายเป็นพวกเสื้อดำเสื้อขาว

สองฝักสองฝ่ายนี้ หากพิจารณากันดี ๆ มันมีความ "เบลอ" ตรงเส้นแบ่งอยู่ในประเด็นที่ว่า "คนเสื้อดำ" หลายครั้ง ก็ไม่ได้เห็นด้วยไปกับแกนนำ เสื้อดำ ไปเสียทุกเรื่อง และก็มีบางเรื่องที่อาจจะเห็นด้วยกับ จุดยืนของ แกนนำ "เสื้อขาว"

ในทำนองเดียวกัน คนเสื้อขาว ก็อาจไม่ได้เห็นด้วยกับแกนนำฝ่ายเสื้อขาวทุกเรือ่ง และอาจจะเห็นด้วยกับแกนนำเสื้อดำ

เพียงแต่สุดท้าย แล้ว คนสองกลุ่มนี้ ก็ตัดสินใจที่จะ "ชั่งน้ำหนัก" ว่าตัวเองเลือกจะมองในข้อดี และทำเป็นมองข้ามข้อเสียของฝ่ายที่ต้นเลือกด้วยเหตุผลอะไร ก็เท่านั้นเอง

ประเด็นแค่นีก็ซับซ้อนพออยู่แล้ว มิพักต้องไปนึกถึงกลุ่มที่สามคือกลุ่ม "เสื้อเทา" ที่โผล่เข้ามาเพื่อเป็นทางเลือกอีกขั้ว และกลุ่มนี้พร้อมจะเอียงหาได้ทุกสี หากผลประโยชน์มันลงตัวกับฝั่งตน

แต่กระนั้นแม้ว่านิยามหา what มันจะยาก แต่เราก็ยังมีความจำเป็น ที่จะต้องสร้างคำนิยามขึ้นมาคร่าว ๆ เผื่อว่าต้อง "เอาตัวรอด" ในช่วงเวลาคับขัน โดยเฉพาะ เวลาที่โดนบังคับให้ต้องเลือกข้าง (ทั้งที่ก็ยังไม่อยากเลือก เพราะไม่แน่ใจว่าข้างที่เลือกมันเหมาะกับเราไหม)

การถาม what แบบหาคำจำกัดความคร่าว ๆ จึงยังมีประโยชน์ใช้สอยในตัวของมันอยู่ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ สรณะให้เรายึดมั่นถือมั่นแบบครอบจักรวาลก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ว่าอัตลักษณ์และการสร้างความหมายมันเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาตามที่กล่าวไปแล้ว

ถ้ายึดมั่นถือมั่นมากเกินไป เราอาจจะต้องเจ็บตัวเจ็บใจ แบบที่ครั้งหนึ่ง แกนนำเสื้อดำ เคยกระอักเลือด เพราะทหารเอก ของฝั่งตน ลุกขึ้นมาสถาปนากลุ่มเสื้อเทา แล้วหันมาจับมือ กับกลุ่มเสื้อขาว อย่างที่เห็น ๆ รู้ ๆ กันอยู่

-------------------------



ภาพยนตร์เรื่อง House of Flying Dagger เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมดูแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องยากพอสมควรหาจะนิยาม "ฝักฝ่าย" ให้ชัดเจน โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่เกิดความขัดแย้ง

เรื่องราวในภาพยนตร์เกิดขึ้นในแผ่นดินจีนสมัยโบราณ เมื่อทางการพยายามจะปราบหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ คิดลุกขึ้นมาต่อสู้ ถ้าจะถามหาว่าฝ่ายนี้คืออะไร ฝ่ายโน้นคืออะไร คือให้ "นิยาม" ออกมาสั้น ๆ คร่าว ๆ

หมู่บ้านนั้นคือหมู่บ้านมีดบิน คือทุกคนจะมีมีดเป็นอาวุธ ต่อต้านอำนาจนำจากศูนย์กลางของแผ่นดินจีน

ส่วนทางการคือฝ่ายที่ได้อ้างว่า มีอำนาจศูนย์กลางการปกครอง และพยายามจะให้ฝักฝ่ายต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ชายขอบสยบยอมต่ออำนาจนั้น

ถึงตรงนี้หากยึดมั่นถือมั่นตามคำนิยามที่ยกมา เหมือนกับว่าในหนังเราจะเห็นฝักฝ่าย สองฝ่ายชัดเจนแล้ว

แต่พอดำเนินเรื่องไป หลายสิ่งหลายอย่างยิ่งสลับซับซ้อน แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันไม่ได้อีก
บางที อุดมการณ์ที่ต่างกันและแลดูดี ของทั้งสองฝ่ายที่บอกว่าจะ "ทำเพือ่ส่วนรวมในแบบของตน" เหมือนจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตัวละครมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน

แต่ทำไปทำมา ในข้ออ้างที่ "ทำเพื่อส่วนรวม" หรือ "ทำเพื่อคุณธรรม" นั้นนะ มันก็มีเรือ่งราวส่วนตัวเขามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจหลายๆ อย่าง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่ ความรัก ความหึง ความโกรธ (ซึ่งนามธรรมเหล่านี้ผมจะขอไม่นิยาม แต่ให้ดูตามการแสดงออกของตัวละครในเรื่องแทน) เข้ามาครอบครอง


สุดท้ายแล้ว
ไม่ว่าฝ่ายไหนฝ่าย จะแบ่งแยกกันอย่างไร จะหลอกล่อซ้อนกลกันแค่ไหน
ทั้งหมดทั้งมวล ก็เป็นฝ่ายเดียวกัน ตกอยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง
จะฝ่ายบ้านมีดบินปลอม มีดบินจริง ไส้ศึกในกำลังของรํฐ หรืออะไรก็ตามแต่

นอกจากจะนิยามไม่ได้แล้ว
เรายังไม่สามารถแยกแยะเด็ดขาดว่าฝ่ายไหนคือฝ่ายบ้านมีดบิน ฝ่ายไหนคือทหารของส่วนกลาง

ก็คงจะเหมือนกับการเมืองประเทศสารขันธ์
หลายๆ หน เราเห็นนักการเมืองเขาทะเลาะกัน แต่เบื้องหลังใครจะรู้ว่าอาจมีการตกลงผลประโยชน์ทีลงตัว เตรียมซูเอี๋ยไว้แล้ว

จะนิยามกลุ่มคน "เสื้อขาว" และ "เสื้อดำ" ก็นิยามเอาคร่าว ๆ พอให้ไหวตัวกับข่าวสารเอาตัวรอดได้เป็นพอ อย่าได้ยึดมั่นถือมั่นกับ มัน เพราะ หลายครั้งหลายหน ที่เราเห็นถึงความไม่แน่นอน

ป่วยการเปล่า หากจะคิดหาคำนิยามอันเป็นสากลและอกาลิโก เพื่อแบ่งข้างสองฝากแยกกันออกให้ชัดเจน



Create Date : 14 สิงหาคม 2552
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 11:00:08 น.
Counter : 784 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เชษฐภัทร
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments
All Blog
MY VIP Friend