Bloggang.com : เชษฐภัทร - ม.3 ปี 4 เรารักนาย

ม.3 ปี 4 เรารักนาย

เคยมีครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแปลความในพระไตรปิฏก ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในบรรดาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น หากจะหาอุปมาอุปไมย ที่เกี่ยวข้องกับ ทะเล หาดทราย แทบจะไม่มีเลย

ในประเด็นนี้ผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ ถ้าลองย้อนคิดถึง คำสั่งสอน ทางพุทธศาสนาขั้นพื้นฐานที่สุด แล้ว เท่าที่ระลึกได้ ก็ หลัก ๆ ความเปรียบที่เห็น ก็มีเรื่อง "บัวสี่เหล่า" บ้าง หรือ "ล้อเกวียนของโคบ้าง" หรือ "ใบ้ไม้ในกำมือ" บ้าง ซึ่งดูเหมือนว่าจะถูก ของครูบาอาจารย์ คือ หาความเปรียบ เกี่ยวกับทะเล ไม่ค่อยจะมี

สาเหตุสำคัญที่ทำให้คำสอนในพระไตรปิฏก ไม่มีอุปมาอุปไมยเกี่ยวกับทะเล ก็คงจะเป็นเพราะว่า สภาพภูมิประเทศที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติธรรมนั้น เป็น ภูเขา ทุ่งนาหรือพื้นราบเสียมากกว่า แต่สมมติว่า หากพระพุทธเจ้า ได้ย่างกราย มานั่งภาวนา ริมชายหาด เผลอ ๆ เราอาจจะเห็นอุปมาอุปไมย ในคำสอน ในลักษณะ ที่ต่างไปจาก ที่เราเห็นอย่างนี้

ด้วยเพราะเมืองริมทะเล มักจะมีลักษณะสภาวะ ทางธรรมชาติ ที่ แปรปรวน ซึ่งสอดคล้อง กับความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ หลักไตรลักษณ์ในพุทธปรัชญานั่นเอง

---------------------

ภาพยนตร์เรื่อง ม.3 ปี 4 เรารักนาย เป็นเรื่องราวความรัก ของชายหนุ่ม เมืองกรุง กับ สาวรุ่นเชื้อสายจีน ที่แม่ขาย ติ่มซำ อยุ่ในเมืองภูเก็ต

นัท กับ แจน เป็นเพื่อนกันทางเอ็มเอสเอ็น และนัท ก็ได้มาหาแจน ที่ภูเก็ต แบบไม่ให้แจนตั้งตัว

ร้อนถึงธีร์หนุ่มนักศึกษาแพทย์ใน พี่ชายของนัท ที่ต้องมาตามน้อง ถึงเมืองภูเก็ต แต่สุดท้ายเขาก็ต้องมาพบกับ หญิงที่เขาเผอิญ ไปปิ๊ง ที่ กลางถนน แห่งหนึ่งในกรุงเทพ เมื่อสามสี่วันก่อน อย่างที่เขาก็แทบไม่เชื่อสายตา

หญิงสาวคนนั้น ก็คือ จูน พี่สาวของแจนนั่นเอง

---------------

แม้ว่า เรื่องราวจะดำเนินอยู่ในเมืองกรุง บ้างบางส่วน แต่ เกินกว่าครึ่งของหนัง เรื่องราวได้เกิดขึ้นในเมืองภูเก็ต ที่มีภาพความงาม ของบรรยากาศ ท้องถนนแบบเมืองเก่า และความเป็นเมืองชายทะเล ให้ผู้ชม ได้ประทับใจอยู่เรื่อย ๆ

แต่ความงามของเมืองภูเก็ต ก็มีลักษณะเฉพาะ ของเมืองชายทะเล คือ แดด ออกประเดี๋ยวประด๋าว ฝน ก็ตก มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นึกจะตกก็ตก

จนบางทีไอ้ฝน ที่ตกลงมาเนี่ย ก็เหมือนจะกลายไปเป็นอุปสรรค ให้คนที่เขาอุตส่าห์นั่งเครื่องบิน มาจีบสาวถึงภูเก็ต ต้องเกือบท้อไปเหมือนกัน

โชคดี ที่ "ป้าแหม่ม" คนไข้ ที่ ธีร์ ต้องทำหน้าที่มาดูแลพูดคุยด้วย ให้คำแนะนำกลับไปว่า

"ถ้าฝนตก ก็ฝ่าฝนไปเลย ยิ่งผู้หญิงเขาเห็นเราเปียกฝน เขาก็จะได้ยิ่งใจอ่อน"

อุปมาอุปไมยแล้ว
ฝนในที่นี้ เปรียบเสมือนกับอุปสรรคในชีวิต เมื่อเราตั้งใจจะทำสิ่งใด แล้วเราต้องพยามอย่างเต็มที่

หากจะมองให้ลึกเข้าไปอีก ในทางพุทธปรัชญา นั้น ฝนอาจหายถึงความทุกข์ และความไม่เที่ยงแท้ของธรรมชาติ
เราไม่มีวันรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าเมื่อใด ชีวิตจะต้องประสบพบเจอกับความทุกข์ เพราะฉะนั้น เราจ้ะต้องเตรียมรับมือกับมันอยุ่เสมอ
เพื่อที่จะต่อสู้ฝ่าฟันความทุกข์นั้นให้จงได้

ยิ่งอากาศของฉากเมืองภูเก็ต ที่แม้จะสวยงาม แต่ก็มีความแปรปรวนอยู่ตลอด ก็ยิ่งส่งเสริม แนวคิด ที่ว่านี้

-----------------------------------

ในตอนใกล้ๆ จะจบ ของเรื่อง ที่ตัวละครทุกตัว ขึ้นไปยืน บนจุดชมวิวของแหลมพรหมเทพ ที่มีแสงระเรื่อ สว่าง ออกมาจากท้องฟ้านั้น ดูแล้วให้ความรู้สึก เหมือนกับ ว่า พระผู้เป็นเจ้า ในความเชื่อแบบคริสตศาสนา กำลังสื่อสารกับมนุษยชาติอยู่

เคยมีคนตีความให้ผมฟังว่า เวลาเกิดความทุกข์ ขึ้น ชาวคริสต์ จะบอกกับตัวเองว่า "นี่เป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า พระผุ้เป็นเจ้ากำลังทดสอบเรา" จะจริงเท็จผิดเพี้ยนอย่างไร ขอให้ผู้รู้เสริมด้วยนะครับ

ซึ่งผมฟัง ดู แล้ว แล้ว แนวคิด นี้ มันคล้าย ๆ กับ การ"ปล่อยวาง" ในแบบพุทธ เพียงแต่วิธีพูด นั้นแตกต่างกัน กล่าวคือ วิธีการพูด แบบคริสต์ สอนให้ ศาสนิกชน เอาความยึดมั่นถือมั่น ไปฝากไว้กับ พระผู้เป็นเจ้า และให้เราทำหน้าที่ ให้ดีที่สุด เพราะความทุกข์ถือเป็นการทดสอบศรัทธา

ซึ่ง ณ ขณะนั้น ผม เริ่มเห็น เค้าราง ของการสอดประสาน กันระหว่าง คำสอนให้คนพ้นทุกข์ ของศาสนา ในโลกตะวันออก กับโลกตะวันตก กำลังพูดคุย สนทนาและประกอบสร้างซึ่งกันและกัน

---------------------------

ภาพยนตร์เรื่อง ม.3 ปี 4 เรารักนาย เป็นหนังที่สนุก ฉากสวย วิวสวย ไม่มีตัวร้าย คล้าย ๆ กับ แนวภาพยนตร์ แบบ "เพื่อนสนิท" หรือ "Season Change" ซึ่งดูได้ทุกเพศทุกวัย แต่กระนั้น ก็ยังแฝงไปด้วยปรัชญาชีวิตที่ลุ่มลึก ดูแล้วยิ้มได้ หัวเราะได้ ร้องไห้ได้ คือได้ทั้งความบันเทิง และคติสอนใจ เพื่อให้เรารู้เท่าทัน ชีวิต ไม่แพ้ ภาพยนตร์หนัก ๆ เรื่องอื่นเลย

Create Date : 14 พฤษภาคม 2552
Last Update : 14 พฤษภาคม 2552 22:55:34 น.
Counter : 365 Pageviews.

2 comments