Group Blog
 
All Blogs
 
HALLOWEEN

เอ้า อัพเดทกันหน่อย ใกล้วัน HALLOWEEN กันละ แม้ว่าจะเป็นประเพณีของฝรั่งเค้า แต่คนไทยเราก็ไม่ยอมที่จะตกยุค ดังนั้น จึงได้หาเรื่องราวให้ทุกคนได้อัพเดทกัน แม้ว่าบางคนจะรู้ประวัติของวันนี้ไปแล้ว แต่ก็ไม่เสียหายใช่ม้า ที่จะเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ให้เข้ายุคมากขึ้น อุ้ยย พูดอะไรเนี่ย ชักเลอะ หาที่จบไม่ลง

เอาเป็นว่า เรามารู้จักประวัติ วัน HALOOWEEN กันเลยดีกว่าเนอะ

คำว่า "Halloween" มาจากคำของชาวคริสต์นิกายคาทอลิกดั้งเดิม
คือ เย็นวันสุกดิบก่อนฉลองนักบุญทั้งหลาย (All Hallow's Day หรือ All Saint's Day)
เขาเขียนว่า "Hallow's Evening" (เย็นวันสุกดิบของวันฉลองนักบุญทั้งหลาย)
และก็กลายเป็น "Hallow's e'en" จนกลายเป็น "Halloween"


ตำนานของฮาโลวีนมีอยู่ว่า... วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาวเซลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์
ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเซลต์เชื่อว่า
เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็น จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นๆ เพื่อสิงสู่
เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง


ทีนี้ก็เดือดร้อนถึงคนเป็นละซิ ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเซลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น
และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ประมาณว่า ปลอมตัวเป็นผีร้ายไปเลย ไม่ใช่มนุษย์นะ
และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจ หนีหายสาบสูญไปเลย (นั่นหลอกได้แม้กระทั่งผี) บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า
มีการเผา 'คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง' เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล
ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์


ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสต์กาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเซลต์ แต่ได้ตัดการเผาร่าง 'คนที่ถูกผีสิง' ออก
เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน (ค่อยยังชั่วหน่อย)


กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ
การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรกันไป


ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา
สำหรับประเพณี Trick or Treat นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พ.ย. เป็นวัน 'All Souls'
พวกเขาจะเดินร้องขอ 'ขนมเค้กสำหรับวิญญาณ' (Soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง
ซึ่งทำมาจากขนมปังทรงสี่เหลี่ยมและใส่ลูกเกดด้วย ยิ่งขอขนมได้มากเท่าไร
คำอธิฐานของผู้ที่ให้ขนมก็จะฝากมากับผู้ขอบริจาคขนมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
เหมือนกับว่าผู้ขอขนมจะต้องเป็นตัวแทนในการที่จะพูดคุยกับคนตายที่เป็นญาติกับผู้ที่บริจาคขนม
ในเวลานั้นมีความเชื่อว่าคนตายนั้นจะถูกกักกันไว้ในนรก และถ้ามีผู้มอบส่วนบุญให้ ถึงแม้จะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม
มันจะช่วยเร่งและปลดปล่อยให้พวกวิญญาณเหล่านั้นขึ้นไปสู่สวรรค์ได้


ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ที่กล่าวถึง Jack-o-lantern
ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องดื่มเหล้าเมายาและมีกลลวงมากมาย เคยหลอกให้ซาตานปีนขึ้นไปบนต้นไม้
หลังจากนั้นแจคก็จะจัดการแกะสลักรูปไม้กางเขนลงไปบนลำต้นของต้นไม้นั้น ซึ่งทำให้ซาตานลงจากต้นไม้ไม่ได้
แล้วแจคก็ได้ทำการต่อรองกับซาตานว่าถ้าซาตานจะไม่จับตัวเขาไปเขาสัญญาว่าจะปล่อยซาตานลงจากต้นไม้นั้น
หลังจากแจค โอ แลนเทริน ได้ตายไปแล้ว เขาปฏิเสธที่จะขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เพราะเขามีความคิดไปในทางของความชั่วร้าย
แต่เขาก็ยังปฏิเสธที่จะไปอยู่ที่นรกเพราะเขาได้ทำข้อตกลงกับซาตานไว้ดั้งนั้นซาตานได้ให้ถ่านไฟแก่เขาหนึ่งก้อนแทน
เพื่อที่จะให้เขาใช้นำทางไปในทางที่มืดและหนาวเย็น ถ่านไฟก้อนนั้นได้ถูกใส่ไว้ข้างในของผักกาดที่กลวงแล้วเพื่อที่จะให้มันจุดอยู่ได้นาน


ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านในเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง 'การหยุดยั้งความชั่ว' Trick or Treat
เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา
ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดเยอะ จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาด ก็เลยกลายเป็นฟักทองแทน
ที่มา //mahkcab.kapookclub.com/




Create Date : 30 ตุลาคม 2548
Last Update : 30 ตุลาคม 2548 13:34:23 น. 2 comments
Counter : 351 Pageviews.

 
อ่ะโห อ่านแล้วรู้ขึ้นอีกเยอะเลยค่ะสำหรับประวัติเค้า ...
ไหนๆ ถ้าหากว่าอยากไปสนุกกับงานก็ต้องรู้ว่าเค้าเป็น
มายังไงบ้างก็ดีนะค่ะ ...

มีความสุขจ้า


โดย: JewNid วันที่: 30 ตุลาคม 2548 เวลา:19:57:30 น.  

 
วันที่31oct 2009 นี้จะพาลูกไปtrick or treat ในหมู่บ้านดีกว่า เพราะเป็นปีแรกที่ลูกเรากลับมาที่อเมริกา เย้ๆๆๆๆ
หนาวด้วยอ่ะ


โดย: nongmay IP: 130.13.152.114 วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:0:44:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cherry_icecy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherry_icecy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.