สองพี่น้อง 2brothers
สองพี่น้อง 2brothers


แสงสว่างของดวงดาวเบื้องบนดูเจิดจ้า ทางช้างเผือกส่องสว่างเป็นทางยาวจากปลายฟากฟ้า
ประกอบด้วยดาวนับล้านๆ ดวงดูเหมือนฝูงปลาในดงปะการัง ส่องแสงวิบวับ สีเหลือบแดงสลับเหลืองบางดวงก็เป็นสีส้มแสด บอกถึงอายุขัย ของ ดาวแต่ละดวง ดวงดาวนับล้าน รวมเป็นทางช้างเผือก พาดผ่านจรดปลายฟ้าอีกด้าน
สถานีอวกาศบนดวงจันทร์แห่งแรกเป็นสถานีนานาชาติ แต่น้อยคนนักจะได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้
“ไม่มีคนไทยเคยมาที่นี่แน่” เมริสา คิดในใจ
ดวงตาสดใสมองผ่านหน้าต่าง เธอมองไปยังโลกเบื้องหน้าสีฟ้าสดใส พลางหันมายิ้มให้ วลาดินอฟ หัวหน้าสถานีอวกาศ
บนดวงจันทร์ ทุกๆสิ่งดูจะมีแต่สีขาวๆ ดำๆ เทาๆ ไปหมด สถานีเล็กๆแห่งนี้ตั้งอยู่ในปล่องภูเขาไฟ ซึ่งดูเหมือนกำแพงทึบที่โอบล้อมสถานีแห่งนี้
เมริสา เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทางด้าน ประวัติศาสตร์ของไทย งานประจำในหอสมุด ก็เป็นงานจำเจไปวันๆ ศึกษาเอกสารเก่าๆ เป็นหนอนเก่าๆ ในกองเอกสารผุๆ อยู่มาวันหนึ่งหัวหน้าหอบเอารูปถ่ายเป็นพันๆรูปใส่ซองลับสุดยอดมาให้เธอ
“ เธอต้องไปดวงจันทร์ มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นบนนั้น” หัวหน้ากล่าวห้วนๆ
“ เรื่องเกี่ยวกับประเทศไทย ทางโน้นไม่มีคนรู้ภาษาไทย”
“ ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมาก วลาดินอฟ หัวหน้าสถานีอวกาศนานาชาติ เขาเจาะจงให้เธอเดินทางไปยังดวงจันทร์ ดูรูปในซองนี้แล้ว พรุ่งนี้ออกเดินทาง และขอให้ปิดเป็นความลับ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่”
วลาดินอฟ เธอนึกถึงใบหน้าอันคมเข้ม เขาและเธอสนิทกันมากระหว่างศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส
รูปภาพนับร้อยๆ ถ่ายมาจากที่ราบหุบเขาใกล้เขตสว่างของดวงจันทร์ เป็นภาพจรวดสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ของ เยอรมัน รุ่น V 3 เอกสารต่างๆระบุว่า คนไทยเป็นคนนำจรวดลำนี้มาจอดบนดวงจันทร์ โดยจรวดออกจากฐานที่จังหวัด กาญจนบุรี ในวันที่ 15 กันยายน 2487 หรือกว่า 66 ปีมาแล้ว จรวดถูกพบในสภาพลงจอดปรกติไม่มีความเสียหายใดๆ แต่ไร้คนขับ หน้าที่ของเธอจะต้องติดตามคณะสำรวจ ชุดที่ 2 ไปหาข้อมูล เพิ่มเติม เกี่ยวกับคนที่นำจรวดลำนี้มายังดวงจันทร์
ระหว่างที่อยู่ในสถานีบนดวงจันทร์แห่งนี้เธอรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด ภายในสถานี
“จรวดนำวิถีโดยใช้คนขับ แต่เรายังไม่เจออะไรเลย พวกเขาหายไปไหนกัน” วลาดินอฟพูดเบาๆกับเธอ
ยานของคณะสำรวจแล่นผ่านเงาดำของภูเขาใหญ่ สูงจนหน้าแหงน
“ อีกชั่วโมงจะถึงเป้าหมาย” วลาดินอฟ ชี้ไปยังหุบเขาที่อยู่ห่างออกไป
เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบตัวเองใช้เวลาเท่ากับการหมุนรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ส่วนที่ส่ว่างของดวงจันทร์ถูกแสงจากดวงอาทิตย์ตลอดเวลา มันจึงมีอากาศร้อนเหมือนนรก จรวดลำนี้จอดอยู่ห่างจากเขตติดต่อส่วนมืดและสว่างแค่ 2-3 กิโลเมตร
จรวด V3 ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากเนินเขา รูปร่างเหมือนซิการ์ ส่วนหัวแหลม ทาสีแดง ส่วนกลางจะเป็นรูปตารางหมากรุก แดงสลับดำ ครีบส่วนที่เป็นฐานมี 4 ครีป ตัวจรวดตั้งตรงอยู่บนครีบทั้ง 4 ส่วนปลายเป็นรูไอพ่นขนาดใหญ่ สูงประมาณตึก 10 ชั้น ตรงส่วนกลางนั้น ป่องออกมีประตูเปิดคาอยู่ และมีบันไดลิงพาดจากประตูลงมายังพื้นผิวลงมายังดวงจันทร์
“มีรอยเท้าอยู่ตรงนี้เต็มไปหมด แสดงว่ามีคนมากับจรวดลำนี้” วลาดินอฟ กล่าวอย่างตื่นเต้น
เมริสามองดูทีมสำรวจ 3คนปีนบันไดลิงขึ้นไป
“ต้องปีนขึ้นไปอย่างเดียวมีทางขึ้นลงแค่ทางเดียว ไหวไหม” วลาดินอฟ ตบไหล่เธอเหมือนจะปลอบใจ
สาวน้อยมองเพื่อนสนิทยิ้มๆ แหงนคอตั้งบ่า
สูงน่าดู เธอนึกในใจ
เธอค่อยๆปีนขึ้นไปสูงน่าดูแต่เมื่ออยู่บนดวงจันทร์น้ำหนักเธอเบาลงเหลือแค่ 1 ใน 6 ทำให้ไม่เหนื่อยมาก
คณะสำรวจทั้งหมดอยู่ในห้องตรงส่วนกลางของจรวดดูเหมือนจะเป็นส่วยพักอาศัยมี โต๊ะทำงาน ตู้เก็บเอกสาร ไม่มีเตียงนอนน่าจะเป็นห้องเอาไว้ใช้พักผ่อนระยะสั้นๆ
วลาดินอฟชี้ไปข้างบนเป็นบันไดลิงไต่ไปสวนหัวของจรวดมองไกลๆเหมือนห้องนักบิน
เมริสาเดินไปยังโต๊ะทำงานสำรวจเอกสารที่ถูกทิ้งเอาไว้
“จรวดลำนี้เยรมันส่งมาให้มหามิตรญี่ปุ่น เพื่อเป็นต้นแบบในการสร้าง โดยมีการลำเลียงมาหลบไว้ที่ กาญจนบุรี แต่เมื่อใกล้จะแพ้สงคราม ทางญี่ปุ่นเลยทำลายโดยส่งให้บินไปตกในจีน แต่มีคนไทย 2คน ขึ้นมาขโมยของบนนี้ติดอยู่ในจรวด แล้วก็ขับมาจอดที่นี่”
วลาดินอฟหัวเราะเบา เมริสารู้สึกสะใจกึ่งภูมิใจ
“ผู้พิชิตรดวงจันทร์ทั้งสาม” อะไรกันนี่
“แล้วพวกเขาหายไปไหนกัน” วลาดินอฟถามสายตามองสาวน้อย แต่แล้วเธอก็ทำหน้าตื่นกลัวชี้ออกไปข้างนอก เขามองออกไปข้างนอกทางช่องหน้าต่างเล็กๆในตาตื่นตะลึงพลางกวักมือเรียกทีมสำรวจมาดู
มีเงาตะคุ่มของคน2คน เดินตรงมาที่จรวดอยู่ไกลลิบๆทุกคนรู้สึกขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว
ถ้าคนทั้งคู่ยังอยู่คงจะอายุร่วมๆ100ปี และชุดอวกาศก็ไม่ได้ใส่อาหาร อากาศก็ไม่มี และทั้งคู่จะอยู่ได้อย่างไร
เงาดำๆของคน 2 คนที่อยู่ไกลลิบๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆทั้ง 2 คนเดินช้าๆใส่เสื้อคลุมสีดำสนิท เมื่อใกล้จรวดเข้ามาจึงเห็นชัดว่าเสื้อคลุมที่ทั้งสองคนใส่อยู่ ขาดวิ่นเป็นริ้วเหมือนผ้าขี้ริ้วเก่าๆ
ทั้งสองคนเดินมาจากส่วนสว่างของดวงจันทร์ประกายจ้าของความสว่างที่อยู่เบื้องหลังเหมือนกับพวกเขามาจากนรก
ร่างดำในเสื้อคลุมเดินส่ายอาดๆช้าๆพลิ้วไปมาภาพเบื้องหน้ากับความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตบนดาวที่แตกดับดวงนี้ ทำให้ทุกคนแทบจะเสียสติกับสิ่งที่เห็น
คณะสำรวจต่างรู้สึกหวาดกลัวใบหน้าซีดเผือด เหงื่อแตกผุดขึ้นเต็มหน้าเวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาที เหมือนกับชนวนระเบิดกำลังลุกไหม้ ใกล้ระเบิด
บนดวงจันทร์ไม่มีอากาศ ทุกคนไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น แต่ทุกฝีก้าวที่ขยับเข้าใกล้ ทุกคนรู้สึกถึงเสียงเดินตึกๆตึกๆ การก้าวขยับเข้ากับจังหวะการเต้นของหัวใจ
คณะสำรวจมองไปเบื้องล่าง
กอก....แกก....กอก....แกก..... เงาดำๆของทั้งสองกำลังปีนบันไดขึ้นมาบนจรวด ทั้งสองปีนป่ายกระย่องกระแย่งขึ้นมาบนจรวด กระเหี้ยนกระหือเหมือนรุ้ว่ามีคนรออยู่ข้างบน
วลาดินอฟผลักสาวน้อยให้ถอยหลังเข้าไปพลางหยิบท่อนเหล็กใกล้มือขยับเตรียมรับมือกับเหตุวิกฤตที่กำลังจะเกิด
ไม่มีทางหนีไปไหนทางเข้าอยู่ทางเดียวกับทางออก กอก...แกก...กอก...แกก...กอก.....แกก.... มือโผล่จากขอบกระไดร่างในผ้าคลุมดำสนิทโผล่ขึ้นมาครึ่งตัว
เมริสาหวีดร้องกับภาพเบื้องหน้าความสยดสยองมีเกินจะคิดเธอหลับตากอดวลาดินอฟแน่น
เสียงหวีดแหลมดังก้องมาจากประตู
“สวัสดีคับ ผมชื่อชาติชาย ส่วนที่กำลังขึ้นมานี้ ชาติเชื้อครับน้องชายผมเอง พ่อของผม ชื่อ ดอกเตอร์ ชาติ เราเป็นหุ่นยนตร์ที่พ่อเราสร้างขึ้น ภารกิจของเราคือขโมยจรวดลำนี้ไปให้พ่อ แต่เกิดความผิดพลาดน้องชายของผมขับจรวดหลงทางมาที่นี่”
เสียงของมันผ่านลำโพงเก่าๆเสียงแตกพร่า พลางหันไปมองหุ่นยนตร์อีกตัวดูเหมือนโมโหนิดๆ
ชาติเชื้อโผล่ขึ้นมายืนข้างๆพี่ชายพลางกล่าวเสียงใส
“ดีใจมากครับ ช่วยพาพวกเรากลับไปหาพ่อด้วยครับ เราติดอยู่ที่นี่นานมากคิดถึงพ่อมากครับ”





Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 22 มิถุนายน 2555 6:45:46 น.
Counter : 448 Pageviews.

5 comments
  

ยินดีต้อนรับค่ะ
โดย: โสมรัศมี วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:17:35 น.
  
แวะมาเยี่ยมชม แวะมาอ่านครับ

จินตนาการเยี่ยมครับ

อิอิ
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:58:36 น.
  
สวัสดีครับ

ขอบคุณที่เข้ามาเป็น กำลังใจ

มีเรื่องอื่นอีก จะทยอยมาให้อ่านกันครับ

ถ้าไม่ทันใจ อ่านที่พันทิป เรื่องสั้น ก็ได้ครับ

ลงไว้ 16 เรื่องแล้ว

บายครับ
โดย: จุ๋มกะจิ๋ม วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:20:20 น.
  
แวะเข้ามาทักทายนะ
โดย: azui07 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:47:39 น.
  
อ่านแล้วเหมือนกับตนเองอยู่คำพรรณาของผู้เขียน น่าสนใจมา ถ้ามีผลงานแบบนี้อีก เอามาให้อ่านอีกนะ ชอบ ประทับใจค่ะ
โดย: เล็ก IP: 125.27.95.62 วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:18:32:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จุ๋มกะจิ๋ม
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments