ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 

ภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนลมาราธอน (ตอนที่ ๔)

อากาศวันศุกร์ตอนที่ไปถึงภูเก็ต อุณหภูมิต่ำกว่าในกรุงเทพ ท้องฟ้ามีเมฆมากและมีฝนปรอยๆตอนหัวค่ำ

คืนวันศุกร์ผมพักกับพี่ชายที่ทำงานในภูเก็ตแต่คืนวันเสาร์ย้ายมาพักในโรงแรมอลามันดาเพราะสถานที่จัดงานอยู่ในลากูน่าบีชรีสอร์ท เขตอำเภอถลาง ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากตัวอำเภอเมืองภูเก็ตร่วม ๓๐ กว่ากิโลเมตร คงไม่สะดวกที่จะตื่นตี ๓ เพื่อเรียกรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปจุดปล่อยตัว

คืนวันเสาร์ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำสองครั้งได้ แต่ก็ตื่นขึ้นมาก่อนเวลานาฬิกาปลุกจะดังขึ้น อันนี้คงเป็นอาการปกติของนักวิ่งส่วนใหญ่ที่จะมีอาการตื่นเต้น บวกกับก่อนนอนมีการสวดมนต์ซึ่งปกติก็จะสวดอยู่แล้ว มันทำให้มีสติเวลาล้มตัวลงนอนและเวลานอนก็จะไม่นอนขี้เซา อีกทั้งจะไม่ค่อยมีอาการนอนเพลินจนเกินเวลาที่กำหนดเอาไว้

จัดการกับเรื่องต่างๆเรียบร้อยตอนตี ๔ กับ ๑๕ นาที นั่งรถสองแถวบริการฟรีของโรงแรมไปยังจุดปล่อยตัวที่อยู่บริเวณลากูน่าบีชรีสอร์ทซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ ๕๐๐-๖๐๐ เมตร มีนักวิ่งมารอขึ้นรถสองแถว ในจำนวนนั้นมีนักวิ่งต่างชาติ ๒ คน ทักทายเขาแล้วถามเขาเรื่องชิพเพราะสังเกตดูแล้วเขาไม่มีชิพผูกเข้ากับข้อเท้า ถ้าไม่มีชิพเวลาเริ่มต้นวิ่งจะไม่มีการจับเวลาให้กับนักวิ่งเพราะเซ็นเซอร์จะไม่รับรู้ว่ามีนักวิ่งหมายเลขนี้ทำการแข่งขัน...เท่ากับวิ่งฟรี มีฝรั่้งรายหนึ่งเขาลืม...พอเราเตือน...เขาเลยกลับไปเอาที่ห้อง

มาถึงสถานที่ปล่อยตัวก่อนเวลาเริ่มต้นแข่งขันราวๆ ๑๕ นาที เข้ารับบริการนวดกล้ามเนื้่อซึ่งบริษัทน้ำมันมวยเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์เขามาบริการนวดคลายกล้ามเนื้อให้กับนักวิ่ง แต่ว่าเข้ารับบริการได้ไม่นานเขาก็ใกล้เวลาปล่อยตัว เลยบอกเจ้าหน้าที่เต็นท์น้ำมันมวยว่าคงพอแค่นี้ก่อน ไปเข้าซองปล่อยตัวซึ่งอยู่ห่างจากจุดปล่อยตัวประมาณ ๑๕ เมตร มีนักวิ่งที่อยู่ข้างหน้าำจำนวนมาก เท่าที่สังเกตมีนักวิ่งต่างชาติมากกว่านักวิ่งไทย

ท่านรองผู้ว่าภูเก็ตกล่าวทักทายนักวิ่ง มีพิธีกรที่พูดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นให้กับนักวิ่ง แม้แต่ตอนปล่อยตัวนับเวลาถอยหลังก็มีการพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย เวลาปล่อยตัวเริ่มที่ตี ๕ มีเสียงแตรยาวๆแล้วก็เสียงกลองเชิดสิงโตดังขึ้น สร้างบรรยากาศครึกครื้นให้แ่ก่นักวิ่ง มีคนสวมชุดไทยตีกลองยาวโบกธงชาติต่างๆแล้วก็ร้องเพลงเชียร์..เนื้อร้องพูดถึงชาติที่มาเข้าแข่งขัน...นี่เป็นบรรยากาศเชียร์แบบไทยๆที่อยากให้มีในการแข่งขันมาราธอน ไม่รู้ว่างานนี้คนนี้เขามาตีร้องรำทำเพลงเพราะเอามันหรือว่ามาตีเพราะมีใครจ้างมา แต่อย่างไรก็ตามเขาช่วยทำให้่บรรยากาศการแข่งขันมาราํธอนมีสีัสันมากขึ้นอีกเยอะ

เส้นทางวิ่งที่ทางผู้จัดเลือก..เขาพยายามจะเลี่ยงเส้นทางถนนใหญ่ จะวิ่งผ่านถนนรอง ช่วง ๑ กิโลเมตรแรกผมใช้เวลา ๖ นาทีกว่า พอๆกับเวลาที่ใช้ตอนซ้อม อากาศตอนตี ๕ ดูอบอ้าวเล็กๆ ทางผู้จัดเขามีแผ่นป้ายบอกทางทุกระยะ ๑ กิโลเมตร ช่วยทำให้นักวิ่งสังเกตได้ง่ายว่าสปีดในการวิ่งกำลังตกลงหรือกำลังเพิ่มขี้น จุดให้น้ำและเครื่องดื่มเกลือแร่มีเป็นระยะ รวมถึงสุขาเคลื่อนที่ที่จัดไว้เป็นระยะๆ มีป้ายแจ้งบอกให้แก่คนที่ขับรถผ่านเส้นทางที่ใช้ในการจัดการแข่งขันว่ามีัความจำเป็นต้องปิดถนนเป็นช่้วงๆระหว่างเวลา ๕ นาฬิกา- ๑๒ นาฬืกาเพื่อใช้เป็นเส้นทางจัดการแข่งขันลากูน่าภูเก็ตมาราธอน ถือว่าเป็นการจัดงานแข่งขันมาราธอนที่ีผู้จัดมีความพร้อมงานหนึ่งแม้ว่างานนี้จะเป็นการแข่งขันมาราธอนครั้งที่ ๒ ก็ตามที

ช่วงหนึ่งต้องวิ่งผ่านตลาด...ตลาดตอนเช้าๆ มีพ่อค้าแม่ค้าออกมาขายของกันแล้ว พ่อค้าแม่้ค้าเหล่านั้นพากันมองนักวิ่งแต่ไม่มีใครปรบมือให้กำลังใจ ดูเหมือนมีอาซิ้มรายหนึ่งที่ตบมือให้ นอกนั้นมีแต่คนดู มีป้าคนหนึ่งแกบ่นขึ้นมาว่า "ปิดถนนแบบนี้ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นกัน" นี่เป็นมุมมองที่สะท้่อนความคิดเห็นและทัศนคติของคนไทยบางส่วนที่มีต่อการแข่งขันมาราํธอน

คนไทยที่สนใจการแข่งขันมาราธอนมีจำนวนหนึ่งแต่ยังมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ในญี่ปุ่นถ้ามีการแข่งขันมาราธอนรายการใหญ่ๆจะมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ผู้คนที่อยู่บริเวณที่นักวิ่งวิ่งผ่านจะออกมายืนข้างถนนคอยโบกธงหรือว่าปรบมือใ้ห้กำลังใจแก่นักวิ่ง เสียงเชียร์พวกนี้เป็นกำลังใจที่ดีแก่นักวิ่ง นักวิ่งหลายคนที่เข้าเส้นชัยและสร้่างปาฏิหาริย์ในการคว้าชัยชนะก็มาจากเสียงเชียร์จากเพื่อนสนิทที่นักวิ่งมองไม่เห็นหน้าคนเชียร์แต่ได้ยินเสียงเชียร์เหล่านั้น คงใช้เวลาอีกนานกว่าคนไทยจะหันมาสนใจและเข้า่ใจถึงการแข่งขันมาราธอนมากขึ้น




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2550    
Last Update : 18 มิถุนายน 2550 14:53:42 น.
Counter : 500 Pageviews.  

ภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนลมาราธอน (ตอนที่ ๓)

พยายามที่จะเพิ่มระยะทางซ้อมวิ่งเพื่อทดสอบกำลังขา แต่ความพยายามหลายๆครั้งพบความล้มเหลวเนื่องจากเรามักจะเริ่มซ้อมวิ่งเวลา ๖ โมงกว่า ซึ่งแดดตอนเช้าจะค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆ พอสายเกิน ๘ โมงไปแล้วแดดจะแรงมากจนบางครั้งเกิดอาการเหนื่อย เพลีย

คนในหมู่บ้านเห็นเราซ้อมวิ่งท่ามกลางแดดจ้า หลายคนหวังดีมักจะออกปากว่า "พอแล้ว แดดแรงแบบนี้อย่าวิ่งเลย" พวกเขาอาจจะไม่ทราบหรอกว่าตอนแข่งขันจริงๆสภาพแดดอาจจะใกล้เคียงกัน แต่ระยะทางที่จะวิ่งจริงมากกว่านี้ การแข่งขันเริ่มตอนตี ๕ แต่เขาอนุญาตให้ใช้เวลาในการวิ่งไม่เกิน ๗ ชั่วโมง การซ้อมวิ่งโดยหย่อนวินัยหรือว่ามีข้ออ้างให้ตัวเองตลอดเวลา...สุดท้ายก็จะทำให้ตอนแข่งขันจริงกำลังขาไม่พอที่จะวิ่งให้ครบระยะสำเร็จ เพราะเรามักจะมีข้ออ้างให้ตัวเราเองได้เสมอจึงไม่เกิดการพัฒนาตนเอง ทุกครั้งที่ซ้อมวิ่งพอรู้สึกเหนื่อย หรือว่าไม่อยากจะวิ่งก็จะหยุดและอ้างว่าไม่เป็นไร พอทำมากๆสุดท้ายก็ไม่มีการพัฒนาฝีเท้าให้วิ่งได้มากขึ้นไม่สามารถลดเวลาที่ใช้วิ่งให้น้อยลงเรื่อยๆได้

๑ อาทิตย์ก่อนแข่งขันจริง ตั้งเป้าว่าจะวิ่งให้ได้ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร หลายคนอ่านมาถึงบรรทัดนี้อาจจะงงว่าทำไมไม่ซ้อมให้ครบระยะ ๔๒.๑๙๕ กิโลเมตรเลย คำตอบคือถ้าตอนซ้อมสามารถวิ่งถึงระยะ ๓๐ กิโลเมตรขึ้นไป กำลังขาคาดว่าน่าจะวิ่งระยะ ๔๒ กิโลเมตรได้ นอกจากนี้อากาศตอนสายๆร้อนมากเกินกว่าจะวิ่งต่อเนื่องได้นาน

พอเริ่มต้นวิ่งจริงระยะ ๒๐ กิโลเมตรแรกไม่มีปัญหากำลังขาที่ซ้อมบ่อยๆทำให้วิ่งได้สบายๆ แต่พอพ้นระยะ ๒๒ กิโลเมตรไปแล้วเริ่มมีอาการขาตึงจนไม่อยากวิ่งต่อ เริ่มมีอาการเมื่อยขา..อยากจะหยุด เพียงแค่คิดแบบนี้...ขาเริ่มอยากจะหยุด อยากจะเดินแทนวิ่ง พอเดินก็ไม่อยากวิ่ง อาการแบบนี้เป็นทั้งตอนซ้อมและตอนแข่งมาราธอนในอดีต สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้กลับมาวิ่งได้ตามปกติภายหลังจากอาการเมื่อยเริ่มทุเลา? ตอนซ้อมลองสร้างอุบายให้ตัวเอง หลอกล่อให้เริ่มรีสตาร์ทออกวิ่งอีกที กว่าจะหลอกล่อสำเร็จใช้เวลามากทีเดียว เพราะใจที่เคยชินกับความสบายจากการเดินไม่อยากจะวิ่งต่อไป

เริ่มสตาร์ทกลับมาวิ่งใหม่ แล้วเร่งความเร็วขึ้น เห็นความประหลาดของร่างกายเกิดขึ้น อาการเมื่อยที่เราอ้างมาตลอด...เริ่มหายไป....และความเร็วในการวิ่งค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเองได้ รักษาระดับความเร็วในการวิ่งเอาไว้ได้ วิ่งต่อเนื่องได้ ไม่อยากเชื่อว่าจะกลับมาวิ่งด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้ ถ้าจะสรุปก็คือสิ่งทั้งหลายขึ้นกับใจจริงๆ ถ้าเชื่อว่าวิ่งไม่ได้ก็จะวิ่งต่อไปไม่ได้ จะมีอาการปวดเมื่อยที่ใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่น่าวิ่งต่อไปได้ แต่ถ้าคิดว่าวิ่งไหวก็มีแรงมาดึงเท้าให้ก้าวต่อไปข้างหน้า พอรักษาความเร็วเอาไว้ได้ก็จะวิ่งต่อเนื่องต่อไปได้

แดดวันอาทิตย์ที่ ๑๐ มิถุนายนแรงทีเดียว เราซ้อมวิ่งคนเดียวตามลำพังในหมู่บ้าน วิ่งรอบหมู่้บ้านกลับไปกลับมาหลายรอบ รอบนึงกินระยะทาง ๕๔๐ เมตรดังนั้นวิ่งครบ ๒ รอบก็คือระยะทาง ๑ กิโลเมตรกว่าๆ แดดวันนั้นแรงมากจนผิวคล้ำ อดทนวิ่งต่อไปจนถึงระยะทาง ๓๐ กิโลเมตร แดดแรงมากๆจนทนไม่ไหว ตัีดสินใจหยุดซ้อมวิ่ง โดยใช้เวลาทั้งสิ้่น ๔ ชั่วโมงกับ ๕ นาที

ดูจากเ้วลาที่ใช้และสภาพอากาศแบบนี้...เป็นไปได้ที่การวิ่งมาราธอนถ้าร่างกายไม่เกิดอาการบาดเจ็บระัหว่างที่วิ่งจะใช้เวลากับการวิ่้งระยะฟูลมาราธอนประมาณ ๕ ชั่วโมง

วันแข่งจริงจะทำเวลาได้เท่้าไหร่ ต้องคอยดูอีกที เึคยทำเวลาที่ดีที่สุดในการแข่งขันโตเกียวอารากาว่ามาราธอน ในสภาพอากาศเฉลี่ย ๑๕ องศาเซลเซียสและระหว่างทางเขามีขนมปัง กล้วยหอม น้ำเกลือแร่ทุกๆระยะ ๓ กิโลเมตร ตอนนั้นใช้เวลา ๔ ชั่วโมง ๕๑ นาที แต่สภาพแดดแรงๆในเมืองไทยเป็นเงื่อนไขที่ต่างกันมีผลต่อเวลาที่จะใช้ในการวิ่งมากกว่าตอนวิ่งในสภาพอากาศเย็นแน่ๆ อีกอย่างตอนแข่งภูเก็ตมาราธอน...ทางผู้จัดเขาจะเตรียมน้ำเกลือแร่ให้ตามที่ระบุเอาไว้ในแผ่นพับใบสมัครได้จริงไหม อันนี้ไม่ทราบ วันแข่งจริงถึงจะทราบ ถ้ามีน้ำเกลือแร่เพียงพอสำหรับนักวิ่ง...เงื่อนไขนี้จะมีผลต่อการวิ่งทำให้นักวิ่งทำเวลาได้ดีกว่าไม่มีน้ำเกลือแร่ให้นักวิ่งเลย

ถือว่าการแข่งขันภูเก็ตอิืนเตอร์เนชั่นแนลมาราธอนเป็นกิจกรรมท้าทายสำหรับปีนี้ที่เราเองอยากพิสูจน์ตนเอง ตอนแข่งทำดีที่สุด ส่วนผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร จะดีหรือว่าไม่ดีเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิสูจน์ในวันแข่งจริง




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2550    
Last Update : 14 มิถุนายน 2550 10:05:30 น.
Counter : 542 Pageviews.  

ภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนลมาราธอน (ตอนที่ ๒)

สิ่งที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับการแข่งขันฟูลมาราธอนคือการซ้อมซึ่งกินเวลามากๆ แต่การฝึกซ้อมก็ทำให้เห็นตัวเรา ได้ฝึกความอดทนและเอาชนะใจตนเอง บ่อยครั้งที่การซ้อมจบลงดื้อๆเมื่อใจบอกกับตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว พอแล้ว เพียงแค่ความคิดแบบนี้ปรากฎขึ้นมาในหัว..เท้าเราก็หยุดทันที เรี่ยวแรงหายไปไหนไม่ทราบ

ที่พระหลายรูปเทศน์เอาไว้ว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน" อันนี้เห็นจะจริง เพราะสิ่งทั้งหลายเริ่มต้นที่ใจ การจะทำสิ่งที่ยากลำบากให้สำเร็จได้ ถ้าขาดใจที่เข้มแข็ง ขาดใจที่เด็ดเดี่ยว ขาดใจที่มีความมุ่งมั่นต่อความสำเร็จ ย่อมไม่มีทางพบกับความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจทำได้ เพราะระหว่างทางมีสิ่งยั่วเย้าให้ไขว้เขวออกนอกเส้นทางตลอด และบ่อยครั้งที่ใจของเราเองเป็นตัวห้ามไม่ให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จ ถ้าเพียงแต่เราเชื่อว่าเราทำไม่ได้ ใจก็จะสั่งให้ร่างกายไม่พยายามทำสิ่งนั้นต่อไปเพราะความเชื่อได้สร้างกำแพงขึ้นมาขวางข้างหน้า ไม่ยอมให้เราพิสูจน์ตัวเองอีกต่อไป ทุกครั้งที่พยายามจะทำก็จะมีแต่ความคิดว่า "ทำไม่ได้ ทำไม่ได้" ทั้งที่ความจริงแล้วยังไม่ได้ทำต่างหาก

บ่อยครั้งในระหว่างซ้อมที่พยายามเอาชนะความคิดที่ว่า ไม่ไหวแล้ว พอแล้ว พอวิ่งต่อไปปรากฏว่ามีกำลังขามาจากไหนไม่ทราบที่ลากให้เราวิ่งต่อจนได้ระยะมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้

ตั้งโปรแกรมซ้อมเอาไว้ คุมเรื่องอาหาร ไม่พยายามทานพวกเครื่องในสัตว์ในปริมาณมากเพราะอาหารประเภทนี้มีการเพิ่มปริมาณกรดยูริกซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดข้อได้ง่าย ซึ่งเป็นผลเสียต่อการวิ่ง

บางครั้งการซ้อมก็ไม่เป็นไปตามโปรแกรมมากนัก เราต้องเอาใจมาคุมอีกทีเพราะการซ้อมแต่ละครั้งใช้เวลามากทีเดียว แดดร้อนตอนเช้าก็มีส่วนทำให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยได้ง่าย อ่อนเพลียและอยากจะหยุดซ้อม

ผมค่อยๆเพิ่มระยะทางในการซ้อมวิ่ง จากระยะ ๑๐ กิโลเมตรในช่วงแรกขึ้นมาเป็นระยะ ๑๕ กิโลเมตร สังเกตเวลาที่ใช้ แล้วพยายามที่จะวิ่งเพิ่มระยะทางให้ครบระยะฮาล์ฟมาราธอน พบว่าสิ่งที่ยากคือเรามักจะถอดใจเอาง่ายๆเมื่อวิ่งระยะทางมากๆ เนื่องจากเหนื่อยมาก ทำให้การซ้อมวิ่งมักจะวิ่งไม่ครบระยะตามที่ตั้งใจเอาไว้

กว่าจะวิ่งซ้อมครบระยะฮาล์ฟมาราธอนใช้เวลาผ่านมา ๑ เดือนกว่า แต่ก็วิ่งจนครบระยะฮาล์ฟมาราธอนสำเร็จ ได้เวลาที่แย่มากเกินเวลาที่เขากำหนดไว้ร่วม ๘ นาที แต่ไม่เป็นไรถือว่าเป็นการฝึกกำลังขา ถ้าไม่ซ้อมวิ่งอย่างต่อเนื่องกำลังขาจะไม่เพียงพอสำหรับการแข่งขันระยะ ๔๒.๑๙๕ กิโลเมตร




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2550    
Last Update : 13 มิถุนายน 2550 9:27:47 น.
Counter : 519 Pageviews.  

ภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนลมาราธอน (ตอนที่ ๑)

ภายหลังจากแข่งขันกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนลมาราธอนเสร็จสิ้นลง ผมมีความรู้สึกว่า...กรุงเทพฯไม่เหมาะกับเป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟูลมาราธอนเนื่องจากปัญหาการจราจรที่จะปิดการจราจรเป็นเวลาหลายชั่วโมงเหมือนเมืองหลวงประเทศอื่นๆลำบาก แต่ยังมีความรู้สึกอยากจะแข่งฟูลมาราธอนในไทยอีกครั้ง

ตอนไปรับเสื้อที่ระลึกและเบอร์นักวิ่งในการแข่งขันกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนลมาราธอนที่สวนลุมพินีได้รับแผ่นพับการแข่งขันภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนลมาราธอนครั้งที่ ๒ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

ผมตัดสินใจลองสมัครเข้าแข่งขันภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนลมาราธอน แล้วก็เริ่มซ้อมวิ่งก่อนการแข่งขัน ๒ เดือน




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2550    
Last Update : 13 มิถุนายน 2550 9:10:09 น.
Counter : 512 Pageviews.  

ประสบการณ์จากมาราธอน (ตอนที่ ๑๑)

เนื่องจากกรุงเทพเป็นเมืองหลวงที่มีปัญหาการจราจรมาก การแข่งขันมาราธอนใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง...ทำให้การปิดถนนเป็นไปได้ลำบากถ้าเริ่มต้นวิ่งในเวลาปกติ ถึงแม้กีฬาจะเป็นสิ่งที่ดี..แต่คนที่เข้าใจเรื่องของการวิ่งมาราธอนยังมีแต่ไม่มาก แน่นอนการจัดการแข่งขันมาราธอนเพื่อโปรโมทเมืองไทยเชิงกีฬา..แต่คนที่ต้องใช้ท้องถนนจำนวนไม่น้อยไม่สนใจการโปรโมทเชิงกีฬา คนเหล่านั้นมองว่าเรื่องของตนสำคัญกว่า ดังนั้นขืนปิดถนนเวลาธรรมดา...ย่อมมีเสียงคัดค้านด่าทอจากคนใช้ถนน

ทางผู้จัด..แบ่งกลุ่มที่คิดว่าใช้เวลาวิ่งมากกว่า ๕ ชั่วโมง กลุ่มนี้เริ่มออกวิ่งเวลาตี ๒ ในขณะที่กลุ่มที่คาดว่าจะวิ่งน้อยกว่า ๕ ชั่วโมงจะเริ่มออกวิ่งเวลาตี ๓ ครึ่ง

ก่อนจะออกวิ่งมีการตีกลองทัดกระหึ่มข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง แล้วเขามีการเป่าแตรเสียงดังก่อนจะปล่อยตัวนักวิ่ง เสียงชิพที่ผูกกับข้อเท้าของนักวิ่งเริ่มจับเวลาเมื่อวิ่งผ่านเซ็นเซอร์

อากาศวันที่วิ่งอบอ้าวมากๆ แล้วก็ไม่มีป้ายบอกระยะทางทุกๆระยะ ๑ กิโลเมตรเหมือนที่เคยวิ่งในญี่ปุ่น แต่มามีป้ายทุกๆระยะ ๒ กิโลเมตร ในความเห็นส่วนตัว..ไม่ค่อยดีนักสำหรับนักวิ่งเพราะจะเช็กความเร็วลำบากกว่าการมีป้ายบอกระยะทางทุก ๑ กิโลเมตร ผิดหวังที่ไม่มีรถสุขาเคลื่อนที่ของกรุงเทพมหานครจำนวนมากพอบนทางยกระดับ เห็นใจนักวิ่งหญิงที่พวกเธอต้องอดทนอั้นฉี่ตลอดระยะทางกว่า ๒๙ กิโลเมตรตลอดระยะทางที่วิ่งบนทางยกระดับจากปิ่นเกล้าไปพุทธมณฑลสาย ๓และกลับมาลงที่สะพานพระราม ๘

ความเร็วค่อยๆตกลงเรื่อยๆ มีอาการเมื่อยขามากขึ้นเรื่อยๆ ที่เข้าใจว่าผู้จัดจะมีน้ำเกลือแร่ให้นักวิ่งทุกคน กลายเป็นว่านักวิ่งที่อยู่กลุ่มท้ายๆไม่มีโอกาสได้น้ำเกลือแร่เลยเพราะน้ำเกลือแร่หมดก่อน ผมมาถึงระยะ ๒๒ กิโลเมตรเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่าน้ำเกลือแร่เกเตอเรทหมดแล้ว เหลือแต่ขวดให้ดูต่างหน้า เขากรุณาผสมน้ำเฮลซ์บลูบอยส์ให้ผมดื่มแทน

ตลอดระยะทางมีรถพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งคอยให้บริการนวดขาให้กับนักวิ่งเป็นระยะๆ ผมปวดขามากๆที่ระยะ ๒๔ กิโลเมตร ตัดสินใจเข้ารับการนวดขาที่รถพยาบาลข้างทาง วิ่งได้ดีขึ้นหน่อยก่อนจะหยุดวิ่งแล้วเดินแทนเพราะปวดขามากๆ เดินมาจนถึงบริเวณเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเห็นกลุ่มนักวิ่งระยะควอเตอร์มาราธอนราวๆ ๑๐.๐๔๕ กิโลเมตรกำลังวิ่งบนทางยกระดับมุ่งหน้าสู่สะพานพระราม ๘ นักวิ่งควอเตอร์มาราธอนแยกกับนักวิ่งระยะฟูลมาราธอนตรงบริเวณเชิงสะำพานพระราม ๘

ที่ระยะ ๓๐ กิโลเมตรเจอเจ้าหน้าที่จากสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย เขาออกเงินซื้อน้ำเกลือแร่มาให้นักวิ่้ง ได้ดื่มน้ำเกลือแร่แล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมีแรงวิ่งต่อมากกว่าเดิม มีคนแจกลูกอมคลอริฟิลซีใ้ห้เราเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเพราะยังต้่องวิ่งต่ออีก ๑๒ กิโลเมตร

พอวิ่งมาถึงสวนสัตว์ดุสิต..แรงตก เดินสลับกับวิ่ง นักวิ่งรายอื่นๆส่วนมากเริ่มเดินกันแล้่ว มีจุดเช็กระยะอีกทีที่หน้าสวนจิตรลดา เขาทำระบบเอาไว้เช็กว่านักวิ่งบางคนลักไก่วิ่งย่อระยะทางไหม? จากสวนจิตรลดามุ่งหน้าไปลานพระบรมรูปทรงม้า แล้วก็วิ่งมุ่งหน้าไปสะพานผ่านฟ้า

ที่รู้สึกแย่กับการวิ่งมาราธอนครั้งแรกในเมืองไทยก็คือ...ตำรวจจราจรไม่ได้เป่าหยุดรถให้นักวิ่งทุกคนวิ่งผ่าน กลุ่มนักวิ่งกลุ่มท้ายๆต้องตัดสินใจเอาเองว่าควรวิ่งผ่านไปดีไหม เพราะรถที่แล่นผ่านหลายคันก็ไม่สนใจว่าควรหยุดให้นักวิ่งวิ่งผ่านไปก่อน คนขับรถเหล่านั้นคิดว่าเรื่องของเขาสำคัญกว่าการจะยอมหยุดรถให้นักวิ่งวิ่งผ่านไปก่อน

เรื่องของความปลอดภัยของนักวิ่งเป็นเรื่องที่ทางผู้จัดการแข่งขันควรให้ความสำคัญไม่ว่านักวิ่งจะอยู่กลุ่มไหนก็ตาม ในเมื่อเขาเหล่านั้นก็เสียค่าสมัครเท่ากัน

วิ่งหลงทางบริเวณบางลำพูเพราะไม่มีป้ายบอกทางชัดเจนแต่ก็คลำหาทางจนมาโผล่บริเวณใต้สะพานปิ่นเกล้า บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีกองเชียร์ของนักเรียนโรงเรียนต่างๆ ได้บรรยากาศคึกคักมากขึ้น เจอนักวิ่งชาวญี่ปุ่นที่เขาไม่แน่ใจเส้นทาง ผมเลยชวนเขาวิ่งไปด้วยกัน

ตอนนั้นรถเริ่มแล่นมากขึ้น ไอเสียจากรถเมล์ รถยนต์ที่แล่นผ่านย่านวัดมหาธาตุ และกำแพงมหาราชวัง..ซึ่งไม่ดีต่อนักวิ่งเพราะพวกเราหายใจไอเสียเข้าไปเต็มๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรู้สึกที่มีต่อการจัดการแข่งขันมาราธอน...ยังรู้สึกเหมือนเดิมว่ากรุงเทพไม่เหมาะที่จะเป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟูลมาราํธอน เพราะขาดการประสานงานที่ดีจากหน่วยงานต่างๆ แม้ว่างานนี้จะชื่อว่า กรุงเทพมาราธอน แต่ดูเหมือนกรุงเทพมหานครทำแค่้ประชาสัมพันธ์งานแต่การให้ความช่วยเหลือยังขาดอยู่มากๆ ตัวอย่างเช่น ไม่มีป้ายบอกเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่ใช้วิ่ง หรือจำนวนรถสุขาเคลื่อนที่ที่มีจำนวนน้อยมาก

ผมวิ่งเข้าเส้นชัยพร้อมๆกับนักวิ่งญี่ปุ่นที่มาทราบชื่อต่อมาว่า ซาโตริ โยชิดะ คราวนี้ใช้เวลามากกว่าแข่งโตเกียวอารากาว่ามาราธอนเกือบ ๑ ชั่วโมง

การแข่งขัุนกรุงเทพมาราธอนเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ผมไม่คิดจะแ่ข่งในรายการนี้อีกตราบเท่าที่การจัดการแข่งขันยังเป็นรูปแบบนี้ขาดการประสานงานที่ดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ

น่าเสียดายนะที่งานมาราํธอนที่ใหญ่ที่สุดของไทยแต่ขาดการประสานงานที่ดีของหน่วยงานต่างๆใ้ห้การแข่งขันประสบความสำเร็จเป็นหน้าตาของประเทศและนักท่องเที่ยวเดินทางมาแข่งเพิ่มขึ้น นักวิ่งต่างชาติเอารายได้มาทิ้งให้คนไทยจากการแข่งขันมาราธอน...ถ้าเขาไม่ประทับใจ..เขาจะกลับมาอีกหรือ?




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2550    
Last Update : 13 มิถุนายน 2550 9:10:56 น.
Counter : 571 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.